วันพุธที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2562

“จงระวังให้ดี! จงระวังตนจากความโลภทุกชนิด ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือเลย!



วันที่สองร้อยแปดสิบสาม-ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือเลย!
แล้วพระองค์ตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “จงระวังให้ดี! จงระวังตนจากความโลภทุกชนิด ชีวิตคนเราไม่ได้อยู่ที่การมีทรัพย์สิ่งของเหลือเฟือ”
ลูกา 12:15

     คุณเคยถามตัวเองไหมว่า ทำไมตัวเราถึงมีความรู้สึกอยากได้นั่น อยากได้นี่ อยู่เรื่อย? บางครั้ง บางวันเราก็หมดเวลาไปกับการนั่งคิด นั่งฝันถึงสิ่งที่เราอยากจะได้ อยากจะมี อยากจะครอบครอง บางทีคิดมาก ฝันมาก จนกินไม่ได้ นอนไม่หลับก็มี คิดถึงมันมากจนบางครั้งก็ลืมนึกถึงสิ่งของที่ตนมีพออยู่แล้ว หรือลืมแม้กระทั่งคนรอบข้างที่เขาคอยรัก และคอยห่วงใยใส่ใจเราเรา อยู่เสมอ

     บางวันเราใช้เวลาส่วนมากหมดไปกับการเลื่อนขึ้นเลื่อนลงของหน้าจอมือถือ และคอมพิวเตอร์ ติดตามข่างสารเพื่อนบ้าง ข่าวสารดาราบ้าง ข่าวสารการเมือง ครั้งละหลาย ๆ ชั่วโมง เมื่อเห็นมาก รู้มาก แทนที่จะมีความสุข บางวันก็กลับกลายเป็นทุกข์ ทุกข์เพราะเห็นเพื่อน เห็นคนอื่นเขาโพสลงหน้าเฟสว่า วันนี้ฉันช็อปของมาใหม่ ๆ, กินเมนูใหม่ ๆ, แวะชิมร้านใหม่ ๆ, ไปเที่ยวที่ใหม่ ๆ , ชีวิตดี๊ดีบ้างล่ะ, ให้กำไรชีวิตบ้างล่ะ พอเรานั่งดูไปมาก ๆ ใจเราก็เริ่มสับสน จนหดหู่บ้างละ บางทีถึงขั้นคิดว่า เฮ้ย! ทำไมชีวิตฉันถึงไม่ได้ดี ไม่ได้สวยเลิศ ไม่ได้อยู่หรู กินหรู ดูแพงอย่างเขาบ้างนะ อ้าว! นี่แหละที่เรียกว่า ความสุขของฉันกำลังถูกขโมยไป ด้วยความอยากได้อยากทำเหมือนเขาบ้าง อยากจนลืมมองหาความสุขรอบ ๆ ตัวเอง ซึ่งบางครั้งก็ลืมคิดไปว่า ความสุขของเราอาจจะไม่ได้ขึ้นอยู่กับของหรือกับคน หรือสถานที่ที่เราเฝ้าติดตามจากหน้าเฟสบุค, LINE  หรือ อินสตาแกรม ฯลฯ เลยสักนิด เพราะจริง ๆ แล้ว ความสุขมันก็อยู่กับเรานี่แหละ อยู่ที่ว่าเราจะมองเห็นมันไหม? หรืออยู่ที่มุมมอง และการเลือกใช้ชีวิตของเราเองต่างหาก

     ดังนั้นหากคราวหน้าคุณเผลอไปคิดฟุ้งซ่านกับของบางอย่างที่อยากจะได้อยากจะมี  อยากจะทำอย่างใครเขา หรือรู้สึกตัวว่าความสุขของตนเองกำลังถูกขโมยไป ให้คุณหยุดคิดมันทันทีแล้วเปลี่ยนท่าทีของความอยากได้อยากมี (ที่ไม่มีวันสิ้นสุด) มาเป็นท่าทีแห่งการขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณกับทุกสิ่งที่คุณมีอยู่แล้วในตอนนี้ และเริ่มต้นใหม่ คิดใหม่ ว่าวันนี้คุณควรจะทำอย่างไร และทำอะไรบ้างเพื่อที่คุณจะได้มีเวลาให้กับพระเจ้ามายิ่งขึ้นกว่าที่เคย เพราะหากถึงวันที่คุณต้องไปยืนอยู่ต่อหน้าพระพักตร์พระองค์ พระองค์คงจะไม่ถามว่า คุณใช้ของยี่ห้อไหน- กินข้าวร้านไหนมา- ขับรถยี่ห้อไหนมา- เงินในธนาคารมีเยอะไหม- สะสมอะไรไว้บ้าง- แต่สิ่งที่พระองค์อยากรู้ก็คือในช่วงเวลาที่คุณมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ คุณได้ใช้เวลากับพระองค์ไปมากมายแค่ไหน และได้แบ่งปัน หรือส่งต่อความรักของพระองค์ให้คนอื่นมากน้อยแค่ไหน  อันนี้แหละคือสิ่งที่พระองค์คงอยากเห็นเราทำมากที่สุด และเมื่อใดที่ใจเราฟุ้งซ่าน ให้คุณเอาใจของคุณไปจดจ่อและคิดถึงคนที่เขาคอยรักและห่วงใยคุณ ผู้มีพระคุณ เช่น ครอบครัวของคุณ เขาอาจจะกำลังรอคอยความรัก ความเอาใจใส่จากคุณอยู่ก็ได้ และให้เริ่มคิดว่าวันนี้คุณควรจะทำอะไรเพื่อกันและกันได้บ้าง หากใครคิดได้แบบนี้ อย่างน้อยใจของเราก็สงบลง ความฟุ้งซ่านก็ค่อย  ๆ จางหายไป ความสุขในใจก็เกิดขึ้น และที่สำคัญควรเตือนตัวเองบ่อย ๆ ว่า วันนี้เราได้ใช้พระพรที่พระเจ้ามอบให้กับเรา ทำประโยชน์  หรือเป็นพระพร ให้กับคนในครอบครัวและคนรอบข้างมากมายแค่ไหน

     สิ่งของเงินทอง ภาพลักษณ์อาจดูสำคัญมากกับใครหลาย ๆ คน แต่อย่าลืมว่าการได้รับความรัก ความเอาใจใส่ การมีเวลาให้กันและกัน ก็เป็นสิ่งสำคัญต้น ๆ ที่เราทุกคนต้องการ    เพราะคนรวยหลายบ้านก็ยังออกมาพูดเลยว่าเขารวยสิ่งของก็จริง แต่เขาก็ยังไม่มีความสุขที่แท้จริงในชีวิตเลย  ดังนั้นหากเรารู้จักพอเพียง ทุกอย่างก็ดูจะเพียงพอกับเราได้เช่นกัน ฝึกปรับสมดุลในใจของตัวเราเองให้ได้ แล้วคุณจะพบความสุขที่แท้จริง อย่าให้คนหรือสิ่งของบนโลกนี้มาขโมยความสุข หรือสันติสุขในใจของเราไปได้นะคะ

ข้อคิดระหว่างวัน
     ความสัมพันธ์ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ คือความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า ดังนั้นอย่ามัวจดจ่อเสียเวลาไปกับการสะสมของนอกกาย แต่ให้ปรับท่าทีของตัวเราเองมาจดจ่อที่ความรัก ความเมตตาที่พระองค์มีต่อเรา และสะสมแต้ม สะสมเวลากับพระองค์ให้ได้มากที่สุด แล้วคุณจะพบความสุขอย่างแน่นอน

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาของลูกทั้งหลาย ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกมีความปรารถนาในสิ่งเดียวกัน ในเรื่องเดียวกันกับที่พระองค์ต้องการให้ลูกมี ลูกขอขอบพระคุณกับทุกสิ่งที่ลูกมี และลูกจะพยายามปรับปรุงตัวเองและใช้วันเวลาที่พระองค์มอบให้ อย่างรู้คุณค่ามากที่สุด
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.

อย่าเก็บพระพรและสิ่งดี ๆที่พระเจ้าทรงมอบให้เราไว้เพียงคนเดียว แต่จงทำให้พระพรนี้เจริญเติบโต และเกิดประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราทุกคนอาจได้รับพระพรที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ การวางใจ ที่พระเจ้าทรงมอบให้เราทุกคน

ถ้าเรารักพระเจ้า การรับใช้จะไม่เป็นภาระและไม่ใช่การจำใจทำ แต่จะเป็นโอกาสและเป็นความยินดีที่ได้รับใช้ และสายตาของเราจะมองหาหนทางที่จะรับใช้ให้ดีมากยิ่งๆ ขึ้นไปเสมอ ถ้าเรารักพระองค์    และไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด  อย่าย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี จงแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ 

สิ่งที่เกินกำลังมนุษย์ ไม่ได้เกินกำลังพระเจ้า
เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกเดิน จงพึ่งในพละกำลังของพระเจ้า
 เมื่อไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต จงวางใจในพระสัญญา

ชีวิตเราเต็มไปด้วยปัญหาและการทดลองมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภาระหน้าที่ที่หนัก ปัญหาของคนที่เรารัก ปัญหาเรื่องสุขภาพ ปัญหาด้านการเงิน อุปสรรคต่าง ๆ หรือแม้แต่ความเข้าใจผิดจากคนรอบข้าง

อย่าตกหลุมพรางของรายละเอียดของปัญหา ... ขอพระจิตเจ้าช่วยเราให้มองเห็นภาพทั้งหมดในมุมกว้าง ... ในแต่ละวัน จงตั้งใจแน่วแน่ที่จะยืนขึ้นเพื่อมองทุกอย่างในมุมสูง มองทุกอย่างด้วยความยินดีในพระพรที่พระเยซูเจ้าประทานแก่เราท่ามกลางการทดลองต่าง ๆ

ไม่มีครูใดดีกว่า "พระจิตเจ้า" ไม่มีถ้อยคำใดที่ดีกว่า "พระวาจา"
พระองค์ไม่เคยสาย พระองค์ไม่เคยช่วยเราช้าเกินไป แต่พระองค์ทรงทันเวลาเสมอ

ข้าแต่พระเยซูเจ้า โปรดเปิดตาลูกให้เห็นงานของพระองค์ที่ได้ทำเพื่อลูก พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งลูกไปแม้ขณะเดียว โปรดช่วยลูกให้วางใจในพระองค์  ลูกจะขอรักพระองค์ตลอดไป ลูกขอถวายทุก ๆ กิจการการงานไว้กับพระองค์ด้วยเทอญ อาเมน
KC LOVE GOD

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...