ลูกา 12:15
เงินทอง เป็นของนอกกาย แต่ยุคสมัยที่เปลี่ยนไป ทำให้คนยึดไว้เป็นของสำคัญเหนือกว่ากายและใจเสียอีก ทั้งนี้ ในยุคสมัยที่ไม่ต้องใช้เงิน เงินทองก็ย่อมไม่มีประโยชน์อะไร?
ถามว่าถ้าคนในโลกยอมแลกเปลี่ยนกันโดยไม่หวังสิ่งตอบแทน เงินทองจะสำคัญไหม?
หากแพทย์ยอมช่วยเหลือ หากเรามีกินโดยไม่ต้องซื้อหา หากเราไม่ไปหลงใหลกับความเพลิดเพลิน
เงินทองมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย มันเป็นภาพมายาเพราะสังคมมายาที่เขาสร้างกันขึ้นมา
หากแพทย์ยอมช่วยเหลือ หากเรามีกินโดยไม่ต้องซื้อหา หากเราไม่ไปหลงใหลกับความเพลิดเพลิน
เงินทองมันก็ไม่ได้สำคัญอะไรเลย มันเป็นภาพมายาเพราะสังคมมายาที่เขาสร้างกันขึ้นมา
อย่างเช่น เราปลูกข้าว เราปลูกผัก เราก็กินข้าวกินผัก เอาแค่นี้เราก็อยู่ได้
อีกคนเรียนวิชาแพทย์ รักษาคนไข้ไม่เก็บค่าใช้จ่าย ฝ่ายหาเสบียงก็แบ่งเสบียงให้
อย่างนี้อยู่กันได้ ไม่ต้องใช้เงินทองอะไรเลย
อีกคนเรียนวิชาแพทย์ รักษาคนไข้ไม่เก็บค่าใช้จ่าย ฝ่ายหาเสบียงก็แบ่งเสบียงให้
อย่างนี้อยู่กันได้ ไม่ต้องใช้เงินทองอะไรเลย
ยุคนี้ไม่มีเงินทำอะไรได้ยากจริง แต่ความสำคัญก็ไม่เคยสำคัญไปกว่าชีวิตและร่างกาย
เพราะแม้เราจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อชีวิตคืนมาไม่ได้ หรือถ้าไม่มีชีวิตก็หมดสิทธิใช้เงิน
หรือถ้าเราเป็นอัมพาต ต้องนอนปากแข็ง ตาแข็ง ตลอดเวลา มีเงินทองมากมาย มีคนคอยป้อนข้าว เราเอาไหม?
เพราะแม้เราจะมีเงินมากแค่ไหน ก็ซื้อชีวิตคืนมาไม่ได้ หรือถ้าไม่มีชีวิตก็หมดสิทธิใช้เงิน
หรือถ้าเราเป็นอัมพาต ต้องนอนปากแข็ง ตาแข็ง ตลอดเวลา มีเงินทองมากมาย มีคนคอยป้อนข้าว เราเอาไหม?
อีกอย่าง คนมีเงินเยอะ ๆ ก็ยังมีความทุกข์จนฆ่าตัวตายก็มากมาย ฉะนั้น แค่มีเงินทองอย่างเดียว
ยังรับประกันไม่ได้ว่าเราจะมีความสุขกับมัน หรือมันจะช่วยเราแก้ไขอะไรได้
เราลำดับความสำคัญให้ถูก เงินทองก็หาไป เก็บไป ใช้ไป แล้วอย่าให้มันครอบงำ
เพราะอย่างไรเสีย ร่างกายและจิตใจเรา สำคัญกว่าเงินทองมากมายนัก
ถ้าร่างกายและจิตใจดี ก็มีกำลังกายกำลังใจไปหาเงิน มีเงินแล้วจึงแก้ปัญหาได้
แต่ถ้าร่างกายและจิตใจไม่ดี ยิ่งหาแต่เงินก็ยิ่งเจอแต่ปัญหา เพราะมองผิดตั้งแต่แรก
เพราะอย่างไรเสีย ร่างกายและจิตใจเรา สำคัญกว่าเงินทองมากมายนัก
ถ้าร่างกายและจิตใจดี ก็มีกำลังกายกำลังใจไปหาเงิน มีเงินแล้วจึงแก้ปัญหาได้
แต่ถ้าร่างกายและจิตใจไม่ดี ยิ่งหาแต่เงินก็ยิ่งเจอแต่ปัญหา เพราะมองผิดตั้งแต่แรก
คนสมถะก็อาจกังวลเรื่องเงินเหมือนกัน แต่เขารู้ว่าเงินไม่ได้เป็นสิ่งสำคัญที่สุดในชีวิต เขาจึงไม่กังวลกับเรื่องนี้จนเกินเหตุ ตัวอย่างเช่น คนที่พอใจกับสิ่งที่ตัวเองมีอยู่จะไม่ตีโพยตีพายมากเกินไปเมื่อสูญเสียเงิน แต่เขาพยายามคิดแบบอัครสาวกเปาโลที่บอกว่า “ข้าพเจ้ารู้จักการอยู่อย่างอัตคัด ที่จริง ข้าพเจ้ารู้จักการมีอย่างบริบูรณ์ ในทุกสิ่งและในทุกสภาพการณ์ ข้าพเจ้าได้เรียนรู้เคล็ดลับทั้งของการอยู่อย่างอิ่มหนำและการอยู่อย่างอดอยาก ทั้งของการอยู่อย่างที่มีบริบูรณ์และการอยู่อย่างขัดสน”
นักวิจัยบอกว่า ปัญหาเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ เป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดอย่างหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตคู่ลงเอยด้วยการหย่าร้าง และเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คนฆ่าตัวตาย สำหรับบางคน เงินสำคัญกว่าคำปฏิญาณที่เคยให้ไว้ตอนแต่งงาน หรือสำคัญกว่าชีวิตของตัวเองด้วยซ้ำ! คนที่คิดอย่างสมดุลจะไม่ฝากความหวังไว้ที่เงิน แต่พวกเขาจะนึกถึงคำสอนของพระเยซูที่ว่า “แม้ว่าคนเรามีอย่างบริบูรณ์ แต่ชีวิตของเขาก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งที่เขามี”—ลูกา 12:15
ขอให้คุณพยายามขจัดความคิดและหลีกเลี่ยงสิ่งล่อตาล่อใจที่ทำให้อยากได้วัตถุเงินทอง ไม่คบสนิทกับคนที่คิดแต่เรื่องเงินและอยากได้ไม่รู้จักพอ แต่ให้คบกับคนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงและมีศีลธรรมที่ดี
ขออย่ายอมให้ตัวเองกลายเป็นคนรักเงิน แต่ให้ครอบครัว เพื่อน สุขภาพกายและใจมาก่อนเรื่องเงินเสมอ การทำเช่นนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณมีความคิดเรื่องเงินอย่างสมดุล
Crew Love God
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น