จริงๆแล้วพระเจ้า
พระเยซู ทรงรักเราและอยากให้เรามีชีวิตที่ดีนะ
แต่ก็ยังมีอีกหลายคนที่ยังสงสัย
และตั้งคำถามมากมายว่า
ทำไมโลกนี้ต้องไม่เท่าเทียมล่ะ?
เรามีคำตอบแบบคร่าวๆพอให้เข้าใจง่าย
ในทางชาวคริสต์ มาเล่าให้ฟังนะ
ลองอ่านให้จบนะคะ เพืื่อจะได้รู้ที่มาที่ไปและสาเหตุที่ทำให้เราตกอยู่ในบาป
ซึ่งอาจเป็นที่มาของความไม่เท่าเทียมกันของชีวิตบนโลกใบนี้
ในเริ่มแรกเดิมทีที่ระบุไว้ในพระคัมภีร์นะจากที่ศึกษามา
ตั้งแต่เริ่มแรกนั้น
มนุษย์ดำรงค์อยู่อย่างสุขสบายเลยนะ
ไม่มีการตาย
ร่างกายเป็นอัมตะอีก มีกินมีใช้ไม่ขาดเหลืออะไรเลยนะ
แต่กอนจะเริ่มเล่าว่าทำไมมนุษย์ถึงได้กลายมาเป็นแบบทุกวันนี้
มีจน มีรวย มีเจ็บมีป่วย สาระพัด ฯลฯ
ต้องย้อนไปถึงเบื้องต้นเลย
เริ่มจากที่สวรรค์เลยครับ ในสวรรค์ พระเจ้าได้สร้างทูตสวรรค์ของพระองค์ไว้
แล้วมีทูตสวรรค์หลักอยู่สามคือ
มิคาเอล กราบิเอล และลูซิเฟอร์
(ลูซิเฟอร์นั้นมีชื่ออีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันก็คือ
ซาตาน)
แต่หนึ่งในทูตสวรรค์ของพระองค์คือลูซิเฟอร์นั้น
คิดอยากจะเป็นพระเจ้าไม่เชื่อฟังพระเจ้า
จึงกบฏพร้อมกับสมุนและแยกตัวออกมา
และทำสงครามกับพระเจ้า
แต่พระเจ้าส่ง
มิคาเอล กับทูตสวรรค์ แล้วก็สู้รบกัน ฝ่ายลูซิเฟอร์แพ้
ก็ถูกผลักทิ้งลงมายังโลกพร้อมสมุนของมัน
และพระเจ้าได้บอกว่าผลไม้ในสวนทุกอย่างนั้นกินได้
เว้นแต่ผลจากต้นไม้แห่งการสำนึกดีสำนึกชั่ว
ถ้ากินเข้าไปแล้วจะต้องตายนะ
แต่ต่อมาซาตานที่มาในรูบแบบงู
ได้เข้ามาล่อลวง เอวา ว่า ไม่จริงหรอกที่พระเจ้าห้ามเพราะว่า
ถ้ากินเข้าไปแล้วก็จะเป็นเหมือนพระเจ้า
ฝ่ายเอวาก็เชื่อซาตาน และไปกินผลไม้เข้าและก็แบ่งให้อาดัมกิน
(พระเจ้าก็บอกแล้วกินแล้วตาย
แต่เอวาก็ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แต่ไปเชื่อฟังซาตาน)
ในพระคำภีร์บอกว่า
ในกฏของวิญญาณนั้น ถ้าท่านเชื่อฟังผู้ใดท่านก็ตกอยู่ใต้อิทธิพลหรือการครอบครองวิญญาณนั้น
ตั้งแต่วันนั้นมามนุษย์ก็เลยตกอยู่ความบาป
ความตายและคำสาปแช่งเพราะไม่เชื่อฟังพระเจ้า
คือมีการตาย
พระคำภีร์ไม่ได้ระบุว่า อาดัมกับเอวา ก่อนหน้านั้นอยู่มากี่ปี
แสนปี
ล้านปี สิบล้านปี หรือ ร้อยล้านปี
เพราะตอนนั้นเป็นอัมตะจึงไม่มีเวลา
หลังจากนั้น
มนุษย์ก็แยกตัวออกจากพระเจ้า และตกอยู่ใต้การครอบครองของซาตานและสมุนของมัน
สรุปที่มนุษย์มีชีวิตไม่เหมือนกัน
เพราะมนุษย์ตกไปอยู่ในความบาปและคำสาปแช่ง
ซึ่งเป็นผลมาจากการที่
อาดัมและ เอวา ไม่เชื่อฟังพระเจ้า และ แยกตัวออกจากพระเจ้า
จริงๆแล้วพระเจ้าก็รักทุกคนและพระองค์ก็ปรารถนาให้มนุษย์นั้นมีชีวิตที่ดีและมีสันติสุข
ก็เลยส่งพระเยซูมา
แต่ติดอยู่ตรงที่ว่าตามกฏที่ว่า มนุษย์เชื่อวิญญาณใดก็ตกอยู่ใต้อำนาจของวิญญาณนั้น
พระองค์ไม่ทรงละเมิดกฏของพระองค์
ดังนั้นมนุษย์ที่เชื่อในพระเยซู ก็จะถูกครอบครองโดยพระเจ้า
และมีชีวิตที่ดี
และมีสันติสุข เพราะพระเยซูคริสต์
ได้บอกไว้แล้วพระองค์ได้มอบสันติสุขไว้ให้ผู้ซึ่งเชื่อในพระองค์แล้ว
ไม่ต้องไปดูที่ไหนไกลชีวิตเราเองและคนใกล้ตัวเองนี่แหละ
ก็ไม่เคยลำบากถึงขั้นอับจนหนทาง
และถึงจะต้องพบกับความลำบากบ้างแต่พระองค์ทรงมีทางออกให้เราเสมอ
ส่วนผู้ที่ยังไม่เชื่อ ก็เป็นไปตามกฏ (มนุษย์เชื่อวิญญาณใดก็ตกอยู่ใต้อำนาจของวิญญาณนั้น
พระองค์ไม่ทรงละเมิดกฏของพระองค์
ดังนั้นมนุษย์ที่เชื่อในพระเยซู ก็จะถูกครอบครองโดยพระเจ้า
และมีชีวิตที่ดี
และมีสันติสุข เพราะพระเยซูคริสต์
ได้บอกไว้แล้วพระองค์ได้มอบสันติสุขไว้ให้ผู้ซึ่งเชื่อในพระองค์แล้ว)
เรื่องพวกนี้จริงๆแล้วมันเป็นอะไรลึกซึ้งมากและยาวมาก
ต้องค่อยๆศึกษาไป การอธิบายเพียงคร่าวๆแบบนี้
อาจจะทำให้ไม่กระจ่างนัก
อย่างไรก็ตามนั้นให้รู้ว่า พระเจ้า พระเยซู รักเราและอยากให้เรามีชีวิตที่ดีนะ
และเมื่อคุณศึกษาไปเรื่อยๆ
คุณก็จะเริ่มเข้าใจมากขึ้น
(ข้อมูลจากกระทุ้
เราเป็นหนึ่งเดียวกัน)
การที่มนุษย์ต้องทนทุกข์และตาย
เป็นส่วนหนึ่งในแผนการของพระเจ้าหรือ
พระเจ้าไม่ทรงปรารถนาให้มนุษย์ทนทุกข์และตาย
ความคิดแรกของพระเจ้าสำหรับมนุษย์ คือ สวรรค์ ชีวิตนิรันดร
และสันติสุขระหว่างพระเจ้า มนุษย์ สิ่งแวดล้อม และระหว่างชายและหญิง
บ่อยครั้งที่เรารู้สึกว่าชีวิตน่าจะเป็นเช่นนั้น และเราควรจะเป็นเช่นนี้
แต่ในความเป็นจริง เรามิได้ดำเนินชีวิตในสันติกับตัวเอง
เราแสดงออกด้วยความหวาดกลัวและควบคุมอารมณ์ไม่ได้
เราสูญเสียความสอดคล้องกลมกลืนแรกเริ่มที่มนุษย์มีต่อโลก และต่อพระเจ้าในชั้นสูงสุด ในพระคัมภีร์กล่าวถึงประสบการณ์ความขัดแย้งนี้ในเรื่องราวการตกในบาป
เนื่องจากบาปคืบคลานเข้ามา อาดัมและเอวาจึงต้องออกจากสวรรค์
ที่ซึ่งพวกเขาอยู่กับพระเจ้า และอยู่ด้วยกันด้วยความกลมเกลียว
การทำงานด้วยความเหน็ดเหนื่อย ความทุกข์ทรมาน และการถูกประจญให้กระทำบาป
จึงเป็นเครื่องหมายของการสูญเสียสวรรค์นั่นเอง
“เราสูญเสียสวนสวรรค์
แต่เราได้รับสรวงสวรรค์ ดังนั้น เราจึงได้รับมากกว่าการสูญเสีย” นักบุญยอห์น
ครีโซสโตม
“ข้าแต่พระเจ้า
การหันเหออกจากพระองค์ คือ การหกล้ม การหันมาหาพระองค์ คือ การลุกขึ้น
การดำรงอยู่ในพระองค์ คือ การอยู่ในความมั่นคง” นักบุญออกัสติน
.kamsonbkk.com