วันศุกร์ที่ 11 สิงหาคม พ.ศ. 2560

ความบาปที่จริงแล้วเกิดจากอะไร ต้นเหตุมาจากไหน

ความบาปที่จริงแล้วเกิดจากอะไร ต้นเหตุมาจากไหน
ให้เราไปดูที่ปฐมกาล กลับไปดูว่าพระเจ้าบอกอะไรเราไว้ตั้งแต่ปฐมกาลบ้าง
  
อิสยาห์ 14:12-14
12 โอ ดาวประจำกลางวันเอ๋ย พ่อโอรสแห่งพระอรุณ เจ้าล่วงลงมาจากฟ้าสวรรค์แล้วสิ
     เจ้าถูกตัดลงมายังพื้นดินอย่างไรหนอ เจ้าผู้กระทำให้ประชาชาติตกต่ำ
13 เจ้าลำพึงในใจของเจ้าว่า ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า
     ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้านั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล
14 ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สุด


12 How are you fallen from heaven, O Lucifer, son of the morning!
     how are you cut down to the ground, which did weaken the nations!
13 For you have said in your heart, I will ascend into heaven,
      I will exalt my throne above the stars of God:
      I will sit also upon the mount of the congregation,
      in the farthest sides of the north
14   I will ascend above the heights of the clouds; I will be like the most High.


คำว่า ดาวประจำกลางวัน หรือในภาษาอังกฤษ เขียนวา  son of the morning
แล้วต้นฉบับเขียนคำว่า ลูซิเฟอร์ (Lucifer) ลงไปด้วยนั่นคือชื่อของซาตาน
พระคัมภีร์ข้อนี้เปิดตัวผู้ร้ายให้ท่านเห็นว่า ดาวประจำกลางวัน เป็นชื่อของซาตานชื่อว่า ลูซิเฟอร์

ลูซิเฟอร์ เป็นทูตสวรรค์ของพระเจ้า ที่พระเจ้าสร้าง และพระเจ้าก็ให้เป็นหัวหน้าทูตสวรรค์
แล้ว ลูซิเฟอร์ ก็คิดกบฏกับพระเจ้า และมันก็ได้ขึ้นไปอยู่เหนือดวงดาว
วิญญาณชั่วนั้นมีสี่อย่าง มันอยู่เหนือดวงดาว เหนือท้องฟ้า
และพระเจ้าเขียนในพระคัมภีร์หมายถึงลูกของดวงดาว มันเป็นพระเจ้าของโลกนี้
และมันอยากเป็นพระเจ้าที่แท้ และพูดคำนี้ออกมาว่า

“ข้าจะขึ้นไปยังฟ้าสวรรค์ เหนือดวงดาวทั้งหลายของพระเจ้า
ข้าจะตั้งพระที่นั่งของข้า ณ ที่สูงนั้น ข้านั่งบนขุนเขาชุมนุมสถาน ณ ที่อุดรไกล
ข้าจะขึ้นไปเหนือความสูงของเมฆ ข้าจะกระทำตัวของข้าเหมือนองค์ผู้สุด”

นั่นคือ ความคิดที่เย่อหยิ่ง ของซาตาน หรือ ลูซิเฟอร์
ความคิดตรงนี้เป็นความคิดที่ถ้าเราลองมาวิเคราะห์คือ

อันดับแรก มันแยกตัวออกจากพระเจ้า
แยกตัวออกจากการที่มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง เป็นเจ้านาย เป็นพ่อ เป็นผู้สร้าง
เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด แยกตัวออกมาว่า “ข้าจะอยู่ของข้าด้วยตัวเอง”
การแยกตัวออกมาของซาตานเป็นสิ่งหนึ่ง ที่เป็นต้นเหตุของความบาป
เพราะฉะนั้น ความบาปที่แท้จริงในทางโลกวิญญาณ มันไม่ใช่เรื่องของบัญญัติ 10 ประการ
นั่นเป็นสิ่งที่ตั้งไว้เพื่อชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีความบาปอย่างไร
มีการกระทำอย่างไร แต่ความบาป ต้นเหตุและการเริ่มต้นของความบาป
มันเริ่มจาก “ซาตาน” ซึ่งจากเดิมให้พระเจ้าเป็นศูนย์กลางแห่งชีวิตของซาตาน
แห่งวิญญาณของซาตานและสมุนของมัน มันเอาตัวเองมาเป็นศูนย์กลางแทน
จาก God center มาเป็น Self-center คือเป็นตัวของตัวเอง      

เราจะเห็นว่าในบางครั้งมนุษย์หลายคนที่เป็นผู้นำศาสนา ก็ยังพูดว่า
อย่าเอาตนเองเป็นอัตตา อย่าเอาตนเองเป็นที่ตั้ง ซาตานเริ่มคิดที่จะทำบาปคือ
เอาตัวมันเป็นของมัน คือ แยกตัวออกจากพระเจ้า มาตั้งอาณาจักรของมันเอง
มันจะอยู่เหนือดวงดาว แล้วมันจะทำตัวเหมือนองค์ผู้สูงสุด แต่มันทำได้แค่บนโลกนี้
ไม่ได้ทั้งจักรวาล แล้วมันก็ยังอยู่ใต้อำนาจของพระเจ้าต่อไป


เพราะฉะนั้น จุดที่ชี้ให้เห็นคือ ต้นเหตุของความบาปมันเริ่มขึ้นจากซาตาน
ที่คิดแยกตัวออกจากพระเจ้า ถ้าเรามองยาวมาถึงวันนี้
ใครก็ตามที่คิดแยกตัวออกจากพระเจ้าชีวิตจึงไม่เกิดผล
และซาตานเอามันเองเป็นศูนย์กลางชีวิตของมันและสมุนของมัน
นั่นคือ ต้นเหตุของความบาป ด้วยเหตุนี้ในพันธสัญญาใหม่จึงเขียนไว้ว่า
บาป เหลือเพียงบาปเดียว คือ บาปที่ไม่เชื่อพระเยซู ซึ่งซาตานไม่ยอมเชื่อพระเยซู
มันรู้ว่าพระเยซูเป็นพระเจ้า แต่สายเกินไปเสียแล้ว มันถูกพิพากษาไปแล้ว

ยอห์น 16:9
ในเรื่องความผิด (ต้นฉบับภาษาอังกฤษหมายถึงความบาป = sin)
นั้นคือ เพราะเขาไม่วางใจในเรา (ต้นฉบับภาษาอังกฤษมาจากคำว่า believe not = ไม่เชื่อ)

แปลใหม่ ง่ายๆก็คือ ในเรื่องความบาป เพราะเขาไม่เชื่อเรา (พระเยซู)
แปลอย่างนี้เข้าใจง่ายกว่า

John 16:9
Of sin, because they believe not on me


วิรณ์ 12:7-9
7 ขณะนั้นเกิดสงครามขึ้นในสวรรค์ มิคาเอล กับเทพบริวารของท่าน
   ได้ต่อสู้กับพญานาค และพญานาคกับบริวารของมันก็ต่อสู้
8 แต่ฝ่ายพญานาคแพ้ และพวกพญานาคไม่มีที่อยู่ในสวรรค์อีกเลย
9 พญานาคใหญ่ซึ่งเป็นงูดึกดำบรรพ์ ที่เขาเรียกกันว่ามารและซาตาน
   ผู้ล่อลวงมนุษย์ทั้งโลกก็ถูกผลักทิ้งลงไป
  พญานาคและบริวารของมันถูกผลักทิ้งลงไปในแผ่นดินโลก


7 And there was war in heaven: Michael and his angels
   fought against the dragon; and the dragon fought and his angels,
8 And prevailed not; neither was their place found any more in heaven.
9 And the great dragon was cast out, that old serpent,
   called the Devil, and Satan, which deceives the whole world:
   he was cast out into the earth, and his angels were cast out with him.

นี่คือสิ่งที่พระคัมภีร์บอกเล่าว่า อะไรเกิดขึ้นในอดีต อะไรเกิดขึ้นในปฐมกาล
บนสวรรค์มีพระเจ้า มีทูตสวรรค์หลักอยู่สามคือ มิคาเอล กราบิเอล และ ลูซิเฟอร์
ในที่นี้บอกว่า มีสงครามขึ้นในสวรรค์ หลังจากซาตานเริ่มคิดว่ามันจะเป็นกบฏต่อพระเจ้า
มันจะตั้งตัวเป็นพระเจ้า มันจะปกครองดวงดาว มันจะขึ้นไปอยู่เหนือเมฆ
มันเริ่มแยกตัวออกจากพระเจ้า นั่นคือ การแยกตัวออกจากพระเจ้าของซาตาน
จึงเป็นเรื่องความบาป เป็นต้นเหตุของความบาปทั้งหมด และเป็นต้นเหตุของความยุ่งยากมาจนถึงทุกวันนี้

เพราะฉะนั้นเมื่อมันคิดเป็นกบฏต่อพระเจ้าก็เกิดสงครามมีการต่อสู้กันเกิดขึ้น
พระเจ้าไม่ได้ลงมาต่อสู้กับซาตาน แค่ทูตสวรรค์มิคาเอล กับทูตสวรรค์ ที่เป็นบริวาร
หรือเป็นลูกน้องของมิคาเอล สู้กับซาตานซึ่งมีวิญญาณชั่วร่วมกันเป็นกบฏ
ซาตานพร้อมกับวิญญาณชั่วกลุ่มหนึ่งก็เป็นกบฏกับพระเจ้า แล้วก็สู้กับทูตสวรรค์ของพระเจ้า
ซึ่งคือมิคาเอล แล้วก็แพ้ ถูกผลักตกลงมายังโลกแล้วก็มาล่อลวงคนทั้งโลก
ทำให้ประชาชนโลกตกต่ำลง ภาษาอังกฤษบางฉบับเขียนว่า
ทำให้ประชาชนโลกหรือมนุษย์ที่อยู่บนโลกมีความอ่อนแอลง
นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นจากแผ่นดินสวรรค์ มาดูว่าบนโลกเกิดอะไรขึ้น...

ปฐมกาล 3:1-6
1 ในบรรดาสัตว์ป่าที่พระเจ้าทรงสร้างนั้นงูฉลาดกว่าทั้งหมด
   (งูก็คือซาตาน สังเกตในวิวรณ์ที่พูดถึงพญานาคกับงูกับซาตานคือพวกเดียวกัน)
   มันถามหญิงนั้นว่าจริงหรือพระเจ้าตรัสห้ามหญิงนั้นว่า อย่ากินผลไม้จากต้นไม้ใดๆในสวนนี้
2 หญิงนั้นจึงตอบงูว่าผลไม้ในสวนต่างๆนี้เรากินได้
3 เว้นแต่ผลของต้นไม้ที่อยู่ตรงกลางสวนนั้น พระเจ้าตรัสห้ามว่า
   อย่ากินหรือถูกต้องเลยมิฉะนั้นจะต้องตาย
4 งูจึงพูดกับหญิงนั้นว่าเจ้าจะไม่ตายจริงดอก
5 เพราะพระเจ้าทรงทราบอยู่ว่าเจ้ากินผลไม้นั้นวันใดตาของเจ้าจะสว่างขึ้นในวันนั้น
   แล้วเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า คือสำนึกในความดีและความชั่ว

ตรงนี้ซาตานบอกว่าไม่จริงเจ้าจะไม่ตายนี่คือการโกหก เพราะพระเจ้าบอก อาดัม กับ เอวา
ว่าถ้ากินผลจากต้นนี้จะต้องตาย และอาดัมก็ตายจริงๆ ตายทั้งวิญญาณ วิญญาณตกนรก
และทั้งร่างกายคือ ไม่เป็นอัมตะอีกต่อไป ตอนพระเจ้าสร้างอาดัมกับเอวานั้น
พระเจ้าไม่ได้มีพระประสงค์จะให้ตาย อาดัม กับ เอวา มีร่างกายที่เป็นอัมตะ
แล้ววันที่เริ่มนับอายุของ คือ วันที่เริ่มล้มลงไปในความบาป จึงเริ่มนับอายุของอาดัม
ก่อนหน้านี้พระคัมภีร์ไม่ได้บันทึกว่า อาดัม อยู่มาพันปี หมื่นปี หรือ แสนปี เพราะไม่มีเวลา
เพราะชีวิตเป็นอัมตะ ร่างกายและวิญญาณ อาดัม เป็นอัมตะ

แต่หลังจากเริ่มล้มลงไปในความบาปโดยการเชื่อฟังซาตานหรืองู
อาดัมจึงตกลงไปในความตาย ทั้งวิญญาณและร่างกาย
จึงมีการเริ่มนับอายุตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา

เราจะเห็นว่าซาตานมีนิสัยอยู่อย่างหนึ่งคือ ก่อนหน้านี้มันเป็นกบฏมันอยากเป็นเหมือนพระเจ้า
แล้วมันก็หลอกมนุษย์ว่า ถ้ากินผลไม้นั้นเจ้าก็จะเป็นเหมือนพระเจ้าคือสำนึกดีสำนึกชั่ว
ปรากฏว่าผู้หญิงเชื่อ เอวาเชื่อ

6 เมื่อหญิงนั้นเห็นว่าต้นไม้นั้นน่ากินและน่าดูด้วยทั้งเป็นต้นไม้ที่จะมุ่งหมายให้เกิดปัญญา
   จึงเก็บผลไม้นั้นมากินแล้วส่งให้สามีกินด้วย เขาก็กิน

ตั้งแตวันนั้นเป็นต้นมาความบาปก็เกิดขึ้นใน อาดัม และ เอวา เพราะไม่เชื่อพระเจ้า
เพราะอยากเป็นพระเจ้า ตอนนั้นก็คือ ถูกซาตานหลอกแล้วไปยอมรับ
ก็คือ เปลี่ยนจากมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง มามีตัวเองเป็นศูนย์กลาง
คือสำนึกดีสำนึกชั่ว และเชื่อฟังซาตานตรงที่ซาตานบอกว่าวันใดเจ้ากินผลไม้นั้น
ตาของเจ้าก็จะสว่างขึ้นในวันนั้นแล้วเจ้า ก็จะเป็นเหมือนพระเจ้า
คือ  เอวา เองก็คิดอยากเป็นเหมือนพระเจ้า เชื่อฟังซาตานเหมือนกัน
ฉะนั้น จุดเริ่มแรกของความบาปคือ ซาตานอยากเป็นเหมือนพระเจ้า
จุดที่สองคือ มาหลอกต่อ เอวา เอวาก็ทำตามคือไปกินเข้าแล้วก็บอกว่า
งูนั้นพูดว่าเจ้าจะเป็นเหมือนพระเจ้า หญิงนั้นบอกว่า ต้นไม้นั้นน่ากินและน่าดูด้วย
คำว่า น่ากิน กับ น่าดู แสดงถึงว่า ตามองเห็น

เอวา เชื่อฟังซาตานและไปเห็นต้นไม้ความเย้ายวนด้วยตามองเห็นคือ
เขามองเห็นต้นไม้เห็นผลไม้ แล้วบอกว่าน่ากิน เอวา ก็ไปกินเข้านั่นคือตามองเห็น
เอวา เริ่มใช้ตามองเห็น ไม่ได้ใช้การเชื่อฟังพระเจ้า เอวา ก็ไปกินผลไม้นั้นกับ อาดัม
แล้วเริ่มล้มลงในความบาป แล้วตกเป็นผู้ที่อยู่ใต้อำนาจของซาตาน
เพราะพระคัมภีร์บอกว่า ในโลกวิญญาณนั้น ท่านเชื่อฟังวิญญาณใด
ท่านก็ตกอยู่ใต้วิญาณนั้น

โรม 6:16
ท่านทั้งหลายไม่รู้หรือว่า ถ้าท่านยอมตัวรับใช้ฟังคำของผู้ใด
ท่านก็เป็นทาสของผู้ที่ท่านเชื่อฟังนั้น…

โลกวิญญาณ มีทั้งโลกวิญญาณที่อยู่ในร่างกายมนุษย์
และโลกวิญญาณ ที่ไม่มีร่างกาย แต่เป็นกายฝ่ายวิญญาณ

พระคัมภีร์จึงบอกว่า ในจักรวาลนี้ มีกายอยู่สองกายคือ กายฝ่ายวิญญาณ
กับ กาย ฝ่ายร่างกาย กายฝ่ายร่างกายก็คือตามองเห็น ถ้าเราตายไปแล้ว
ร่างกายก็สลายไป ก็ยังมีกายฝ่ายวิญญาณอีกที่มองไม่เห็นด้วยตาบนโลกมนุษย์
แต่จะมีร่างกาย เรียกว่า กายฝ่ายวิญญาณ เพราะฉะนั้น ในกรณีนี้ เอวา
ก็เชื่อฟังซาตาน ก็คิดอยากจะเป็นพระเจ้าของตนเอง อยากเป็นเหมือนพระเจ้า
มีสำนึกดีสำนึกชั่ว ตั้งแต่นั้นมามนุษย์ ก็ถูกธรรมชาติฝ่ายวิญญาณที่ตกเข้าไป
เป็นเรื่องที่ว่า เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ซาตาน ตัดขาดกับพระเจ้า
ต้องการเป็นใหญ่ ต้องการเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง อาดัม เอวา
ก็เอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ใช้ตามองเห็นตัดสินใจว่าผลไม้นั้นน่ากินและน่าดู
ก็กินเข้าไป แล้วก็ไม่เชื่อฟังพระเจ้า แล้วล้มลงไปในความบาป
   
นั่นคือต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนั่นเอง
(ข้อมูลจากกระทุ้ เราเป็นหนึ่งเดียวกัน)




พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...