ข้าพเจ้าอยากบอกเล่าเรื่องราว ของพระเจ้า ผู้เป็นที่รักของข้าพเจ้า
ในการเดินติดตามพระเจ้าของแต่ละคนนั้น
จำเป็นต้องมีช่วงเวลาที่เผชิญหน้ากับพระเจ้าด้วยตัวเอง เพื่อจะสามารถกล่าวได้ว่า
พระเจ้าเป็นพระเจ้าของข้าพเจ้า ไม่ใช่แค่เพียงพระเจ้าของบรรพบุรุษ
หรือผู้ที่ได้สอนเรามา หรือเพียงแค่ได้ยินมาเท่านั้น
วันเวลาที่ผ่านมา
มีอะไรมากมายเกิดขึ้น บางอย่างก็คาดไม่ถึง
แต่ไม่ว่าจะอะไรเกิดขึ้นนั้นไม่สำคัญเท่ากับว่าในแต่ละเหตุการณ์นั้นเราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้หรือไหม?
เมื่อปัญหามันรุมเร้า หนทางมืดมน มองไปทางใดก็ไม่เจอทางออกเลย
ปัญหาเป็นดุจมารที่วนเวียนอยู่รอบๆเราดุจเสือร้ายคอยคำราม คอยข่มขู่ให้เราเกิดความกลัว
แต่พระวาจาของพระเจ้า 365 ครั้งบอกเราว่า "อย่ากลัวเลย
จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด" แม้มองไปทางใดก็มืดมิด
จงเงยหน้ามองที่เบื้องบนแล้วเราจะพบพระพักตร์แห่งความห่วงใย
พระองค์จะทรงเป็นดั่งแสงดาวที่ส่องสว่างนำทางเราให้ออกจากความมืดมาสู่ความสว่าง
อย่าลืมสิ พระองค์ทรงเป็นประตูของแกะเสมอ
และเราก็เป็นแกะในความดูแลและอารักขาของพระองค์เสมอ (สดด.100:3, ยน.10:7-11)
ปัญหาเหมือนยาขม แต่ขึ้นชื่อว่ายามักจะมีประโยชน์ต่อเราทั้งสิ้น
สรรเสริญพระเจ้า ไม่ว่าปัญหานั้นจะเป็นอย่างไร จงชื่นใจเถิด
ปัญหานั้นก็เคยเกิดกับมนุษย์คนอื่นๆมาด้วยเช่นกัน
เราไม่ใช่คนแรกหรือคนเดียวหรอกที่เผชิญ จงยิ้มไว้...จงเชื่อในพระสัญญาว่า
"พระเจ้าจะทรงคอยเสริมกำลังให้เราที่จะสามารถเผชิญกับทุกสิ่งได้"
(ฟป.4:13)
จงเชื่อเสมอว่า "ไม่มีการทดลองใดๆเกิดขึ้นกับท่านทั้งหลาย
นอกเหนือการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์
พระองค์จะไม่ทรงให้พวกท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อถูกทดลอง
พระองค์จะทรงให้มีทางออกด้วย เพื่อพวกท่านจะมีกำลังทนได้" (1คร.10:13)
บางที...เราคงจะกำลังรอ รอ รอ และก็ รอ รอ ... !
ว่าเมื่อไรพระเจ้าจะทรงเมตตาตอบเราเสียที บางทีนานแสนนานจนใจจะขาดกับการรอคอย
แต่พระเจ้าสัญญาว่า "แต่เขาทั้งหลายผู้รอคอยพระยาห์เวห์จะได้รับกำลังใหม่
เขาจะบินขึ้นด้วยปีกเหมือนนกอินทรี เขาจะวิ่งและไม่อ่อนเปลี้ย
เขาจะเดินและไม่เหน็ดเหนื่อย" (อสย.40:31)
พระเจ้าทรงแสนดี และทรงสัตย์ซื่อ ทรงรักษาสัญญาเสมอ ไม่เคยโกหกเรา
เมื่อทรงสัญญาว่าจะให้ก็คือให้ แต่บางทีอาจจะล่าช้า แต่จงอดทนรอคอยอีกสักหน่อย
เชื่อว่าพระเจ้าจะทรงกำลังรีบเร่งทำตามพระสัญญาของพระองค์ที่จะนำคำตอบมาให้เราอยู่
บางทีพระองค์อาจจะต้องการเวลาที่จะเตรียมสิ่งที่ดีมากกว่าที่เราคิดและทูลขอต่อพระองค์เพื่อเราอยู่
เพราะพระเจ้าทรงประเสริฐ พระองค์มักจะทรงให้สิ่งที่ประเสริฐ
และดียอดเยี่ยมแก่เราเสมอ ... จงวางใจ แม้จะนานหน่อย
จงอดทนรอคอยอีกเดี๋ยวเดียวคำตอบก็มา (ทต.1:2, ยก.1:17)
ดูบุคคลแห่งความเชื่อในพระคัมภีร์สิ
มีใครบ้างไม่เคยรอคอยคำตอบตามพระสัญญา
- โนอาห์อดทนต่อนาวานานกว่า 100 ปี (ปฐก.5:32, 7:11)
- อับราฮัมรอคอยกว่าจะได้อุ้มอิสอัคนานกว่า 25 ปี (ปฐก.12:4, 21:5)
- ลาซารัสรอคอยให้พระเยซูมารักษาให้หายจากโรค จนต้องตายเป็นศพไป
(ยน.11:5-15)
แต่...ไม่ว่าเขาจะรอคอยนานเท่าไรไม่สำคัญ สำคัญที่พระเจ้าทรงมาตามพระสัญญา
แม้อาจจะไม่ทันใจเราไปซะทุกเรื่อง แต่พระองค์แน่นอนทรงทันเวลาเสมอ (2คร.1:19-20)
บางทีที่เรากำลังทุกข์เพราะเราคิดว่า...เวลาไม่เหลือแล้ว
อย่าลืมสิ...เวลาของทุกสิ่งล้วนอยู่ในพระหัตถ์พระเจ้าเสมอ
พระเจ้าจะทรงสำแดงพระคุณของพระองค์ให้เราขณะที่เรายังมีลมหายใจอยู่แน่ๆ
เพื่อที่เราจะสามารถสรรเสริญพระเจ้าได้ เพราะศพจะสรรเสริญพระเจ้าได้อย่างไร? แล้วเราจะรู้ว่าผลที่ได้รับจากการอดทนรอคอยนั้นมันหอมหวานเช่นไร
โนอาห์และครอบครัวได้รอดชีวิต และท่านก็เป็นบรรพบุรุษของมนุษยชาติ
อับราฮัมได้อุ้มอัสอัคสมใจจริงๆ ลาซารัสได้ฟื้นขึ้นจากความตาย
บางที...เพื่อเราจะสรรเสริญพระเจ้าได้มากกว่า พระองค์อาจจะล้าช้าไม่ทันใจเรา
เพื่อเราจะรู้ว่าพระเจ้าทรงยิ่งใหญ่กว่าที่ใจเราคิดเสมอ
ลองคิดเถิดหากพระเยซูมาทันรักษาลาซารัส
กับมาทำให้ลาซารัสที่ตายแล้วฟื้นอันไหนละ...เราและคนรอบๆข้างเราจะได้สรรเสริญ และยำเกรงพระเจ้ามากกว่ากัน
วันนี้...หากเรากำลังเผชิญกับปัญหาและรอคอยคำตอบบางสิ่งบางอย่างจากพระเจ้าอยู่
จงมั่นใจ...ว่าพระเจ้าทรงรักษาสัญญาเสมอ พระนางมารีอาเองก็ได้เคยกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า
"นี่แน่ะ ข้าพเจ้าเป็นทาสขององค์พระผู้เป็นเจ้า
ข้าพเจ้าพร้อมที่จะเป็นไปตามคำของท่าน(ทูตสวรรค์)" (ลก.1:38) พระนางมารีอาไม่สนใจว่าต่อไปชีวิตของพระนางมารีอาจะเป็นอย่างไร
พระนางมารีอาเชื่อว่า...พระหัตถ์ของพระเจ้าทรงอุ้มชูพระนางมารีอาไว้
และไม่มีภยันตรายใดๆจะแตะต้องพระนางมารีอาได้ ฉะนั้นพระนางมารีอาจึงเป็นบุคคลที่พระเจ้าทรงโปรดปรานมาก
พระนางมารีอาจึงได้รับเกียรติอย่างมากแม้พระบุตรของพระเจ้าสูงสุดยังต้องมาเกิดผ่านชีวิตของพระนาง
แล้วเราละ...หากวันนี้เหตุร้ายที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับเรา...เรายังจะสรรเสริญและวางใจในพระเจ้าได้ไหมว่า...ไม่ว่าจะยังไง
พระหัตถ์พระเจ้าจะทรงอุ้มชูเราให้ผ่านพ้นวันเลวร้ายนี้ไปได้แน่ๆ
จงอดทนและนั่งเฉยๆบนพระหัตถ์นั้น
จ้องมองแต่ที่พระพักตร์เสมอๆเพื่อเราจะไม่หวั่นไหวในความเชื่อ
เพราะไม่นานพระหัตถ์ของพระเจ้านี้ละที่จะนำเราไปสู่คำตอบที่แสนประเสริฐกว่าที่เราคิดเสียอีก
(มธ.7:11, อฟ.3:20)
พระคัมภีร์ได้บันทึกเกี่ยวกับ “การรอ” ของพระเจ้า
และมีหลายครั้งที่เราไม่อาจเข้าใจได้ แต่การยืดเวลาทุกครั้งนั้นเกิดขึ้นมาจากสติปัญญาและความรักอันล้ำลึกของพระองค์ทั้งสิ้น
อย่างน้อยที่สุดหากเราเปิดใจ เราจะเห็นว่าทำให้เกิดข้อดีเช่น ความถ่อมใจ
ความอดทนอดกลั้น และความเพียรซึ่งเป็นลักษณะนิสัยที่เรามักเรียนรู้ได้ช้า
คุณกำลังทุกข์ใจอยู่หรือเปล่า? พระเจ้าดูเหมือนอยู่ไกลและละเลยคุณหรือไม่? พระองค์ไม่ได้ละเลยความทุกข์ยากของคุณ
หรือไม่รู้สึกรู้สากับคำคร่ำครวญของคุณ
แต่พระองค์ทรงกำลังรอให้น้ำพระทัยของพระองค์สำเร็จแล้วในเวลาที่เหมาะสม
พระองค์จะเข้ามาจัดการ พระเจ้าไม่เคยรีบเร่งและพระองค์ทรงมาทันเวลาเสมอ
พระองค์ไม่เคยสาย พระองค์ไม่เคยช่วยเราช้าเกินไป
แต่พระองค์ทรงทันเวลาเสมอ
ในชีวิตของเรา เราไม่รู้ว่าจะเจออะไร จะต้องเจอวิกฤติใด ๆ หรือไม่
อยากจะขอหนุนใจว่า อย่าไปร้องไห้กับใคร อย่าไปร้องไห้ให้คนอื่นได้เห็น
แต่ให้มาร้องไห้กับพระเจ้า สารภาพบาปกับพระองค์
แล้วพระองค์จะทรงซับน้ำตาให้แก่เรา
และอยากจะหนุนใจเราว่า การรับใช้พระเจ้านั้นสำคัญ พระองค์ทรงสัตย์ซื่อ พระองค์จะทรงอวยพรเราอย่างแน่นอน
เพราะการกระทำจะสำแดงให้รู้ว่าเราเชื่อพระเจ้าอย่างไร
"5 จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า
และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง
6 จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า
และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น" (สุภาษิต 3:5-6)
"จงมอบงานของเจ้าไว้กับพระเจ้า
และแผนงานของเจ้าจะได้รับการสถาปนาไว้" (สุภาษิต 6:3)
ฉะนั้น...หมดเวลาคร่ำครวญ และบ่นต่อว่าพระเจ้า จงขอบพระคุณล่วงหน้าเพราะเชื่อว่าอีกไม่นานคำตอบของพระเจ้าจะมาทันเวลาแน่ๆ
Amen
(pograce.blogspot.com)
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
KC Love God