วันศุกร์ที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2558

ทำไมต้องภาวนา



การภาวนาในชีวิตประจำวัน


1. พระเยซูเจ้าทรงวางแบบอย่างให้เรา

           พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลแห่งการภาวนา ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์คือการภาวนา เราลองพิจารณาชีวิตของพระองค์ดังนี้

            ก่อนเริ่มต้นการออกมาปฏิบัติพันธกิจชีวิตเปิดเผยพระองค์ทรงไปภาวนาในที่สงัดเงียบ 40 วัน 40 คืน(มัทธิว 4:1-11)

           แม้งานยุ่งยังทรงปลีกตัวจากประชาชนเพื่อภาวนา(ลูกา 5:16)

           พระองค์ภาวนาในตอนเช้า(มาระโก 1:35)

           ทรงภาวนาก่อนที่จะลงมือกระทำงานสำคัญๆเป็นพิเศษ เช่น การเลือกสาวก(ลูกา 6:12)

           ทรงภาวนาหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ(ยอห์น 6:15)

           ภาวนาเพื่อขอบพระคุณพระบิดา(ยอห์น 11:41)

           ภาวนาในขณะที่เพชิญกับความยากลำบาก(ยอห์น 12:27-28; ลูกา 23:34; มาระโก 15:34; ลูกา 23:46)

          ในชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้าพระจิตสถิตกับพระองค์ตลอดเวลา(มัทธิว 18:19-20; ยอห์น 14:18-31)

การภาวนาของพระเยซูเจ้าแสดงถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระบิดาพระบุตรและพระจิต

2. การภาวนาคืออะไร

          การภาวนาคือการยก “ความคิด” และ “จิตใจ” ขึ้นหาพระเจ้า

– ใช้เวลาอยู่กับพระเจ้า

เป็นวิธีการสื่อสารที่เรามนุษย์ปฏิบัติเมื่อเราต่อการติดต่อกับพระเจ้า

– เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์

– เป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า

– เป็นการพูดคุยอย่างเปิดใจระหว่างพ่อ/แม่กับลูก

– เป็นโอกาสที่เราพบปะกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว

3. ทำไมต้องภาวนา

          จากความจริงของชีวิต - เราเป็นสิ่งสร้าง พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้าง ทุกอย่างมาจากพระเจ้า ปราศจากพระเจ้าเราทำอะไรไม่ได้เลย ทุกอย่างเราต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้า ลองนึกดูซิแม้แต่การเกิดมาและการมีชีวิตอยู่ในขณะนี้

           พระเจ้าเป็นพ่อ/แม่ของเรา ทรงรักเราอย่างที่ไม่มีใครรักเราได้ เราทุกคนเป็นลูกรักของพระเจ้า “มีพ่อคนใดที่ลูกขอปลาจะให้งู ขอขนมปังจะให้ก้อนหิน....” (มัทธิว 7:7-11) ดูเรื่อง เพื่อนบ้านที่สร้างความรำคาญ(ลูกา 11:5-13) หญิงม่ายที่กวนใจ(ลูกา 18:1-8) ฟาริสีและคนเก็บภาษี(ลก 18:9-14)

4. ภาวนาอย่างไร

           ให้ “หัวใจ” ของเราพูดกับพระเจ้า – เรามีอะไรก็บอกพระเจ้า – เราต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกพระเจ้า - เรามีทุกข์ร้อนอะไรก็บอกพระเจ้า – เป็นการเล่าเรื่องต่างๆทั้งสุขและทุกข์ให้พระเจ้าซึ่งเป็นพ่อ/แม่ของเรา - การภาวนาจึงไม่ใช่การขอสิ่งต่างๆจากพระเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องขอบพระคุณ และสรรเสริญ นมัสการพระองค์ด้วย

            เรามักจะใช้เวลาช่วงไหนในการภาวนา สถานการณ์ใดในชีวิตที่เราสวดภาวนาได้ดีที่สุด

5. การภาวนาในช่วงเวลาและสถานการณ์ต่างๆในชีวิต

            ให้อ่าน มาระโก 1:14-35 แล้วแยกแยะว่าในหนึ่งวันพระเยซูเจ้าทำอะไรบ้าง พระองค์ทรงจัดเวลาเพื่อการภาวนาอย่างไร แล้วจงวางแผนชีวิตของเราในการภาวนาด้วย


6. เครื่องมือในการภาวนา

            เรามีอุปกรณ์และโอกาสที่ช่วยให้เราได้คิดถึงพระเจ้าและสวดภาวนาได้อยู่เสมอ เช่นหนังสือสวด สายประคำ บทเพลง/ดนตรี รูปพระต่างๆ สัญลักษณ์ ธรรมชาติ เหตุการณ์ต่างๆในชีวิต การเฝ้าศีลฯ การเดินรูป 14 ภาค การเดินสมาธิ การแสวงบุญ/การเดินทางท่องเที่ยว การอ่านพระคัมภีร์ การอ่านหนังสือประวัตินักบุญ การร่วมพิธีกรรมและวจนพิธีกรรมต่างๆ การฉลอง การแห่ การเขียน/การวาดภาพ/การถ่ายภาพ ฯลฯ

7. บทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอน “ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย”

            เป็นบทสรุปพระวรสารทั้งหมด

             สามประโยคแรกเป็นหน้าที่ของเราต่อพระเจ้า จากนั้นเป็นการวอนขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อเราจะได้ทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบให้ให้สำเร็จไปตามพระประสงค์

8. บทวันทามารีอา 

            มาจากคำทักทายของทูตสวรรค์คาเบรียล เราต้อนรับพระมารดาของพระเยซูเจ้าเข้ามาในบ้านของเราเหมือนศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก เพราะพระแม่กลายเป็นมารดาของทุกสิ่งที่มีชีวิต

เราสามารถภาวนากับพระนางและภาวนาถืงพระแม่ คำภาวนาของพระแม่ช่วยค้ำจุนคำภาวนาของพระศาสนจักร เราดูบทบาทของพระแม่ในเรื่องอัศจรรย์ที่เมืองคานา(ยอห์น 2:1-10)

(คุณพ่อวัชศิลป์ : โอกาสอบรมครูคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี วันที่ 27 กรกฎาคม 2009)


"จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ" (1เธสะโลนิกา 5:17 ThaiTSV2002)

ชีวิตของเราชาวคริสต์ มีสิทธิพิเศษในการที่จะสามารถอธิษฐานกับพระเจ้า และได้รับการปกป้องจากพระเจ้า

"ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาพวกเขาออกไปจากโลก แต่ขอให้ปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย" (ยอห์น 17:15 ThaiTSV2002)

"แต่พวกท่านเป็น พงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์ เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณ (แปลได้อีกว่า ประกาศกิจการอันอัศจรรย์) ของพระองค์ ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์" (1เปโตร 3:9 ThaiTSV2002)

ปุโรหิตมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการอธิษฐาน ในการติดต่อกับพระเจ้า ในสมัยกลางของประวัติศาสตร์คริสตจักรได้มีการสอนผิดเพี้ยนว่าพระเท่านั้นที่จะสามารถอธิษฐาน เป็นตัวกลางกับพระเจ้าได้ แต่ท่านมาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ซึ่งป็นพระเหมือนกัน ได้ออกมาคัดค้าน โดยใช้ข้อพระคัมภีร์นี้ยืนยันว่าเราทุกคนเป็นปุโรหิตหลวง คริสเตียนทุกคนมีสิทธิที่จะอธิษฐานติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยคนกลาง

"เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล" (ยากอบ 5:16 ThaiTSV2002)

ในพระคัมภีร์ 1เธสะโลนิกา จึงได้เขียนย้ำให้เราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ เพราะการอธิษฐานวิงวอนมิได้เพียงอธิษฐานเพื่อขอเท่านั้น แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการมีสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า เน้นเรื่องความผูกพันกับพระเจ้าตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า "การมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา" นั่นเอง เหมือนกับพ่อแม่ที่ปรารถนาที่จะให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่าน

นี่มิได้หมายความว่าเราจะต้องอธิษฐานกับพระเจ้าตลอดเวลาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย เอาแต่อธิษฐานอย่างเดียว แต่หมายความว่าให้เราติดสนิทกับพระเจ้าทุกเวลา ทำงานก็คิดถึงพระเจ้าได้ เห็นธรรมชาติที่สวยงามก็คิดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้ เจอปัญหาที่หนักใจก็คิดเสมอว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยได้ คนที่มีความผูกพันที่ดีกับพระเจ้า ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะนึกถึงพระเจ้าเสมอ

มีนักวิชาการคนหนึ่งพูดไว้น่าสนใจว่า การอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ หมายถึง การ Online กับพระเจ้าตลอดเวลา

เมื่อเราคิดถึงสิทธิอำนาจในการอธิษฐาน เราจะต้องขอบคุณพระเจ้ามาก ๆ เพราะจริง ๆ แล้วเราเป็นใคร เราดีเพียงไร เรามีเงื่อนไขที่ดีอย่างไร ที่พระเจ้าได้ทรงประทานสิทธินี้ให้แก่เรา ทั้งสิ้นล้วนเป็นพระคุณความรักของพระเจ้า พระองค์ทรงรัก และให้ความสำคัญแก่เรา

พี่น้องที่รัก ให้เรารักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าตลอดเวลา อย่าให้ขาดเลย แล้วเราจะได้รับพลังจากพระเจ้าในการเผชิญปัญหาทั้งปวง ให้เรามีกำลังที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีชัยชนะ

ข้อคิดที่อยากฝากให้เราได้คิด ได้แก่

อธิษฐานมาก จะเหนื่อยน้อย

อธิษฐานน้อย จะเหนื่อยมาก

ไม่อธิษฐานเลย จะเหนื่อยเปล่า

"6 อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆเลย แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน พร้อมกับการโมทนาพระคุณ

แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์" (ฟิลิปปี 4:6-7 ThaiTSV2002)
followhissteps.com



การอธิษฐาน
1. เปรียบเสมือนลมหายใจ
2. เปรียบดัง น้ำรดลงในดิน
3. คือพลังฝ่ายจิตวิญญาณ
4. คือการสนทนากับพระเจ้า
5. คือการแสดงถึงการเชื่อฟัง
6. คือการสามัคคีธรรมระหว่างพ่อกับลูก
7. คือการให้คุณค่าแก่พระผู้สร้างชีวิต
8. เมื่ออธิษฐานทุกสิ่งก็เป็นไปได้
#การอธิษฐานมักมีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น

- 1เธสะโลนิกา 5:17-18 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย-
เรียนพระคัมภีร์ ออนไลน์ กับ เจริญ ยธิกุล

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...