การภาวนาในชีวิตประจำวัน
1. พระเยซูเจ้าทรงวางแบบอย่างให้เรา
พระเยซูเจ้าทรงเป็นบุคคลแห่งการภาวนา ชีวิตทั้งชีวิตของพระองค์คือการภาวนา
เราลองพิจารณาชีวิตของพระองค์ดังนี้
ก่อนเริ่มต้นการออกมาปฏิบัติพันธกิจชีวิตเปิดเผยพระองค์ทรงไปภาวนาในที่สงัดเงียบ 40 วัน 40 คืน(มัทธิว 4:1-11)
แม้งานยุ่งยังทรงปลีกตัวจากประชาชนเพื่อภาวนา(ลูกา 5:16)
พระองค์ภาวนาในตอนเช้า(มาระโก 1:35)
ทรงภาวนาก่อนที่จะลงมือกระทำงานสำคัญๆเป็นพิเศษ เช่น การเลือกสาวก(ลูกา 6:12)
ทรงภาวนาหลังจากเสร็จสิ้นภารกิจ(ยอห์น 6:15)
ภาวนาเพื่อขอบพระคุณพระบิดา(ยอห์น 11:41)
ภาวนาในขณะที่เพชิญกับความยากลำบาก(ยอห์น 12:27-28; ลูกา 23:34; มาระโก 15:34; ลูกา 23:46)
ในชีวิตภาวนาของพระเยซูเจ้าพระจิตสถิตกับพระองค์ตลอดเวลา(มัทธิว 18:19-20; ยอห์น 14:18-31)
การภาวนาของพระเยซูเจ้าแสดงถึงความสัมพันธ์อันใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวกันระหว่างพระบิดาพระบุตรและพระจิต
2. การภาวนาคืออะไร
การภาวนาคือการยก “ความคิด” และ “จิตใจ” ขึ้นหาพระเจ้า
– ใช้เวลาอยู่กับพระเจ้า
- เป็นวิธีการสื่อสารที่เรามนุษย์ปฏิบัติเมื่อเราต่อการติดต่อกับพระเจ้า
– เป็นการสร้างสายสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์
– เป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ที่เรามีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้า
– เป็นการพูดคุยอย่างเปิดใจระหว่างพ่อ/แม่กับลูก
– เป็นโอกาสที่เราพบปะกับพระเจ้าเป็นการส่วนตัว
3. ทำไมต้องภาวนา
จากความจริงของชีวิต - เราเป็นสิ่งสร้าง พระเจ้าทรงเป็นผู้สร้าง
ทุกอย่างมาจากพระเจ้า ปราศจากพระเจ้าเราทำอะไรไม่ได้เลย
ทุกอย่างเราต้องพึ่งพาอาศัยความช่วยเหลือจากพระเจ้า ลองนึกดูซิแม้แต่การเกิดมาและการมีชีวิตอยู่ในขณะนี้
พระเจ้าเป็นพ่อ/แม่ของเรา ทรงรักเราอย่างที่ไม่มีใครรักเราได้
เราทุกคนเป็นลูกรักของพระเจ้า “มีพ่อคนใดที่ลูกขอปลาจะให้งู
ขอขนมปังจะให้ก้อนหิน....” (มัทธิว 7:7-11) ดูเรื่อง
เพื่อนบ้านที่สร้างความรำคาญ(ลูกา 11:5-13) หญิงม่ายที่กวนใจ(ลูกา 18:1-8) ฟาริสีและคนเก็บภาษี(ลก 18:9-14)
4. ภาวนาอย่างไร
ให้ “หัวใจ” ของเราพูดกับพระเจ้า – เรามีอะไรก็บอกพระเจ้า –
เราต้องการความช่วยเหลืออะไรก็บอกพระเจ้า - เรามีทุกข์ร้อนอะไรก็บอกพระเจ้า –
เป็นการเล่าเรื่องต่างๆทั้งสุขและทุกข์ให้พระเจ้าซึ่งเป็นพ่อ/แม่ของเรา -
การภาวนาจึงไม่ใช่การขอสิ่งต่างๆจากพระเจ้าแต่เพียงอย่างเดียว แต่เราต้องขอบพระคุณ
และสรรเสริญ นมัสการพระองค์ด้วย
เรามักจะใช้เวลาช่วงไหนในการภาวนา
สถานการณ์ใดในชีวิตที่เราสวดภาวนาได้ดีที่สุด
5. การภาวนาในช่วงเวลาและสถานการณ์ต่างๆในชีวิต
ให้อ่าน มาระโก 1:14-35 แล้วแยกแยะว่าในหนึ่งวันพระเยซูเจ้าทำอะไรบ้าง
พระองค์ทรงจัดเวลาเพื่อการภาวนาอย่างไร แล้วจงวางแผนชีวิตของเราในการภาวนาด้วย
6. เครื่องมือในการภาวนา
เรามีอุปกรณ์และโอกาสที่ช่วยให้เราได้คิดถึงพระเจ้าและสวดภาวนาได้อยู่เสมอ
เช่นหนังสือสวด สายประคำ บทเพลง/ดนตรี รูปพระต่างๆ สัญลักษณ์ ธรรมชาติ
เหตุการณ์ต่างๆในชีวิต การเฝ้าศีลฯ การเดินรูป 14 ภาค
การเดินสมาธิ การแสวงบุญ/การเดินทางท่องเที่ยว การอ่านพระคัมภีร์ การอ่านหนังสือประวัตินักบุญ
การร่วมพิธีกรรมและวจนพิธีกรรมต่างๆ การฉลอง การแห่ การเขียน/การวาดภาพ/การถ่ายภาพ
ฯลฯ
7. บทภาวนาที่พระเยซูเจ้าทรงสอน
“ข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย”
เป็นบทสรุปพระวรสารทั้งหมด
สามประโยคแรกเป็นหน้าที่ของเราต่อพระเจ้า
จากนั้นเป็นการวอนขอพระพรจากพระเจ้าเพื่อเราจะได้ทำหน้าที่ที่พระเจ้าทรงมอบให้ให้สำเร็จไปตามพระประสงค์
8. บทวันทามารีอา
มาจากคำทักทายของทูตสวรรค์คาเบรียล
เราต้อนรับพระมารดาของพระเยซูเจ้าเข้ามาในบ้านของเราเหมือนศิษย์ที่พระองค์ทรงรัก
เพราะพระแม่กลายเป็นมารดาของทุกสิ่งที่มีชีวิต
เราสามารถภาวนากับพระนางและภาวนาถืงพระแม่
คำภาวนาของพระแม่ช่วยค้ำจุนคำภาวนาของพระศาสนจักร เราดูบทบาทของพระแม่ในเรื่องอัศจรรย์ที่เมืองคานา(ยอห์น 2:1-10)
(คุณพ่อวัชศิลป์ :
โอกาสอบรมครูคาทอลิกสังฆมณฑลราชบุรี วันที่ 27 กรกฎาคม 2009)
ชีวิตของเราชาวคริสต์
มีสิทธิพิเศษในการที่จะสามารถอธิษฐานกับพระเจ้า และได้รับการปกป้องจากพระเจ้า
"ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาพวกเขาออกไปจากโลก
แต่ขอให้ปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย" (ยอห์น 17:15
ThaiTSV2002)
"แต่พวกท่านเป็น
พงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์
เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณ
(แปลได้อีกว่า ประกาศกิจการอันอัศจรรย์) ของพระองค์
ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์"
(1เปโตร 3:9 ThaiTSV2002)
ปุโรหิตมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการอธิษฐาน
ในการติดต่อกับพระเจ้า
ในสมัยกลางของประวัติศาสตร์คริสตจักรได้มีการสอนผิดเพี้ยนว่าพระเท่านั้นที่จะสามารถอธิษฐาน
เป็นตัวกลางกับพระเจ้าได้ แต่ท่านมาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ซึ่งป็นพระเหมือนกัน
ได้ออกมาคัดค้าน โดยใช้ข้อพระคัมภีร์นี้ยืนยันว่าเราทุกคนเป็นปุโรหิตหลวง
คริสเตียนทุกคนมีสิทธิที่จะอธิษฐานติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยคนกลาง
"เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน
และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค
คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล" (ยากอบ 5:16
ThaiTSV2002)
ในพระคัมภีร์ 1เธสะโลนิกา
จึงได้เขียนย้ำให้เราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
เพราะการอธิษฐานวิงวอนมิได้เพียงอธิษฐานเพื่อขอเท่านั้น
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการมีสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า
เน้นเรื่องความผูกพันกับพระเจ้าตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
"การมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา" นั่นเอง
เหมือนกับพ่อแม่ที่ปรารถนาที่จะให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่าน
นี่มิได้หมายความว่าเราจะต้องอธิษฐานกับพระเจ้าตลอดเวลาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
เอาแต่อธิษฐานอย่างเดียว แต่หมายความว่าให้เราติดสนิทกับพระเจ้าทุกเวลา
ทำงานก็คิดถึงพระเจ้าได้ เห็นธรรมชาติที่สวยงามก็คิดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้
เจอปัญหาที่หนักใจก็คิดเสมอว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยได้
คนที่มีความผูกพันที่ดีกับพระเจ้า ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะนึกถึงพระเจ้าเสมอ
มีนักวิชาการคนหนึ่งพูดไว้น่าสนใจว่า
การอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ หมายถึง การ Online กับพระเจ้าตลอดเวลา
เมื่อเราคิดถึงสิทธิอำนาจในการอธิษฐาน
เราจะต้องขอบคุณพระเจ้ามาก ๆ เพราะจริง ๆ แล้วเราเป็นใคร เราดีเพียงไร
เรามีเงื่อนไขที่ดีอย่างไร ที่พระเจ้าได้ทรงประทานสิทธินี้ให้แก่เรา
ทั้งสิ้นล้วนเป็นพระคุณความรักของพระเจ้า พระองค์ทรงรัก และให้ความสำคัญแก่เรา
พี่น้องที่รัก
ให้เรารักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าตลอดเวลา อย่าให้ขาดเลย
แล้วเราจะได้รับพลังจากพระเจ้าในการเผชิญปัญหาทั้งปวง
ให้เรามีกำลังที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีชัยชนะ
ข้อคิดที่อยากฝากให้เราได้คิด
ได้แก่
อธิษฐานมาก
จะเหนื่อยน้อย
อธิษฐานน้อย
จะเหนื่อยมาก
ไม่อธิษฐานเลย
จะเหนื่อยเปล่า
"6 อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆเลย
แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน
พร้อมกับการโมทนาพระคุณ
7 แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ
จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์" (ฟิลิปปี 4:6-7
ThaiTSV2002)
followhissteps.com
การอธิษฐาน
1.
เปรียบเสมือนลมหายใจ
2.
เปรียบดัง น้ำรดลงในดิน
3.
คือพลังฝ่ายจิตวิญญาณ
4.
คือการสนทนากับพระเจ้า
5.
คือการแสดงถึงการเชื่อฟัง
6.
คือการสามัคคีธรรมระหว่างพ่อกับลูก
7.
คือการให้คุณค่าแก่พระผู้สร้างชีวิต
8.
เมื่ออธิษฐานทุกสิ่งก็เป็นไปได้
#การอธิษฐานมักมีสิ่งอัศจรรย์เกิดขึ้น
-
1เธสะโลนิกา 5:17-18 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ จงขอบพระคุณในทุกกรณี
เพราะนี่แหละเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า ซึ่งปรากฏอยู่ในพระเยซูคริสต์เพื่อท่านทั้งหลาย-
เรียนพระคัมภีร์
ออนไลน์ กับ เจริญ ยธิกุล
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น