ทำไมพระเจ้าจึงไม่ทรงทำลายคนไม่ดี
พระเจ้าทรงรักมนุษย์มาก
แม้แต่คนที่แย่ที่สุดในโลก
นั่นคือพระองค์ทรงประทานเวลาให้เขาละทิ้งความชั่วหันกลับมาหาพระองค์ พระเจ้าทรงมีความเพียรทนมาก แต่เมื่อถึงเวลา สักวันหนึ่งทุกคนที่ปฏิเสธจะดำเนินชีวิตในหนทางของพระเจ้า
และมอบชีวิตของตนเพื่อพระคริสตเจ้าจะได้รับการลงโทษ
วันนั้นจะเป็นวันแห่งความเศร้าสลด และวันนั้นจะมาถึง
ข้อความสำคัญ
องค์พระผู้เป็นเจ้ามิได้ทรงรีรอที่จะปฏิบัติตามพระสัญญาดังที่บางคนคิด
แต่พระองค์ทรงอดกลั้นต่อท่านทั้งหลาย ไม่ทรงประสงค์ให้ผู้ใดต้องพินาศ
แต่ทรงประสงค์ให้ทุกคนกลับใจ เปลี่ยนวิถีชีวิต (2 เปโตร 3:9)
พระคัมภีร์ที่เกี่ยวข้อง
มัทธิว 13:24-30;
24 พระเยซูเจ้าทรงเล่าเป็นอุปมาอีกเรื่องหนึ่งให้พวกเขาฟังว่า
“อาณาจักรสวรรค์เปรียบได้กับชายคนหนึ่งที่หว่านข้าวพันธุ์ดีในนาของตน 25 ขณะที่ทุกคนนอนหลับ ศัตรูก็มาหว่านข้าวละมานทับลงบนข้าวสาลีแล้วจากไป 26 เมื่อต้นข้าวงอกขึ้นจนออกรวง ข้าวละมานก็ปรากฏแซมอยู่ด้วย 27 บรรดาผู้รับใช้จึงไปหานายถามว่า ‘นายครับ
นายหว่านข้าวพันธุ์ดีในนามิใช่หรือ แล้วข้าวละมานมาจากที่ใดเล่า’ 28 นายตอบว่า ‘ศัตรูมาหว่านไว้’ ผู้รับใช้จึงถามว่า
‘นายต้องการให้เราไปถอนมันไหม’ 29 นายตอบว่า
‘อย่าเลย เกรงว่าเมื่อท่านถอนข้าวละมาน ท่านจะถอนข้าวสาลีติดมาด้วย 30 จงปล่อยให้ข้าวสองชนิดงอกงามขึ้นด้วยกันจนถึงฤดูเก็บเกี่ยว
แล้วฉันจะบอกคนเก็บเกี่ยวว่า จงเก็บข้าวละมานก่อน มัดเป็นฟ่อน เผาไฟเสีย
ส่วนข้าวสาลีนั้น จงเก็บเข้ายุ้งของฉัน’
ฮีบรู 10:23
23 เราจงยึดมั่นโดยไม่หวั่นไหวในการประกาศความหวังที่เรามีอยู่
เพราะว่าพระองค์ผู้ประทานพระสัญญานั้นทรงซื่อสัตย์
kamsonbkk.com
ทำไมคนดีต้องเจอกับเรื่องร้าย
ๆ?
เนื่องจากพระเจ้าเป็นพระผู้สร้างและเป็นพระเจ้าองค์ใหญ่ยิ่งสูงสุด
หลายคนจึงคิดว่าพระองค์ต้องรับผิดชอบทุกสิ่งที่เกิดขึ้นบนโลก
รวมทั้งเรื่องร้าย ๆ ด้วย
แต่ให้เรามาดูว่าคัมภีร์ไบเบิลบอกอะไรเกี่ยวกับพระเจ้าเที่ยงแท้องค์นี้
17
พระเจ้าทำทุกสิ่งอย่างถูกต้องและด้วยความภักดี สดุดี 145:17
พระเจ้าผู้เป็นเหมือนหินที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่พระองค์ทำดีเยี่ยมไม่มีที่ติเพราะแนวทางทั้งหมดของพระองค์ยุติธรรม
พระองค์เป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์+และยุติธรรมเสมอ+พระองค์เป็นพระเจ้าที่เที่ยงธรรม*และซื่อตรง เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4
เราถือว่าคนที่อดทนก็มีความสุข*+
พวกคุณเคยได้ยินเรื่องความอดทนของโยบ+และรู้ว่าตอนจบพระเจ้า*ให้อะไรกับเขาบ้าง+
นั่นแสดงว่าพระเจ้า*เมตตา+และมีความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ ยากอบ 5:11
ถ้าพระเจ้าไม่ได้เป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ
แล้วพระองค์เป็นผู้ยุยงให้คนอื่นทำสิ่งเลวร้ายไหม? คำตอบคือ ไม่
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “เมื่อถูกทดสอบ อย่าให้ใครบอกว่า ‘พระเจ้าทรงลองใจข้าพเจ้า’”
ทำไมเราไม่ควรพูดแบบนั้น? เพราะ เมื่อเจอความลำบาก*อย่าพูดว่า “พระเจ้าลองใจฉัน”(
เพราะพระองค์ไม่เคยลองใจใครด้วยความชั่วและไม่มีใครลองใจพระเจ้าให้ทำชั่วได้
ยากอบ1:13 ) พระเจ้าไม่ทดสอบหรือลองใจมนุษย์
แต่ถ้าพระเจ้าไม่ได้เป็นต้นเหตุและไม่ใช่ผู้ยุยง
แล้วใครหรืออะไรเป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ ทั้งหมดที่เกิดขึ้นล่ะ?
การอยู่ผิดที่ผิดเวลา
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้คนต้องทนทุกข์ก็เพราะ“วาระกับโอกาสมาถึงเขาทุกคน” (ยังมีอีกอย่างที่เราเห็นคือ
คนวิ่งเร็วไม่ได้ชนะการแข่งขันเสมอไป คนแข็งแรงไม่ได้รบชนะทุกครั้ง
คนมีปัญญาไม่ได้มีอาหารกินอยู่ตลอด คนฉลาดไม่ได้ร่ำรวยกันทุกคน
และคนมีความรู้อาจไม่ประสบความสำเร็จก็ได้เพราะเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดอาจเกิดขึ้นกับพวกเขาทุกคนในเวลาที่คาดไม่ถึง ปัญญาจารย์ 9:11
)เมื่อมีเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดหรืออุบัติเหตุเกิดขึ้น
คนเราจะได้รับอันตรายหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าตอนนั้นเขาอยู่ที่ไหน
นานเกือบ 2,000 ปีมาแล้ว
พระเยซูคริสต์พูดถึงอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้มีคนตายถึง 18 คน ( ตอนนั้นมีบางคนมาเล่าให้พระเยซูฟังว่า
ปีลาตฆ่าคนกาลิลีกลุ่มหนึ่งตอนที่พวกเขากำลังถวายเครื่องบูชา 2 ท่านจึงถามพวกเขาว่า “พวกคุณคิดว่า
สิ่งนี้เกิดขึ้นกับพวกเขาเพราะพวกเขามีบาปมากกว่าคนกาลิลีคนอื่น
ๆ ไหม? 3 ผมจะบอกให้ว่า ไม่ใช่หรอก
แต่ถ้าพวกคุณไม่กลับใจ คุณทุกคนก็จะต้องพินาศเหมือนกัน 4 หรือ 18
คนที่ถูกหอคอยที่สระสิโลอัมพังลงมาทับตายนั้น
พวกคุณคิดว่าพวกเขาทำผิดมากกว่าคนอื่น ๆ
ที่อยู่ในกรุงเยรูซาเล็มไหม? 5 ผมจะบอกให้ว่า
ไม่ใช่หรอก แต่ถ้าพวกคุณไม่กลับใจ
คุณทุกคนจะต้องพินาศเหมือนพวกเขา” ลูกา 13:1-5) สาเหตุที่คนเหล่านั้นตายไม่ใช่เพราะพวกเขาประพฤติตัวไม่ดีหรือเป็นคนชั่ว
แต่เพราะพวกเขาอยู่ในหอคอยตอนที่มันถล่มลงมาพอดี
เมื่อไม่นานมานี้ ในเดือนมกราคม ปี ค.ศ. 2010
เกิดแผ่นดินไหวรุนแรงที่ก่อความเสียหายย่อยยับในประเทศเฮติ
รัฐบาลประกาศว่ามีคนตายมากกว่า 300,000 คน
ผู้เสียชีวิตจากโศกนาฏกรรมครั้งนั้นมีทุกเพศทุกวัยและทุกชนชั้น
นอกจากนั้น ความเจ็บป่วยก็อาจทำให้คนเราเสียชีวิตได้ทุกเมื่อ
บางคนสงสัยว่า ‘พระเจ้าป้องกันไม่ให้เรื่องร้าย ๆ
เกิดขึ้นได้ไหม? ทำไมพระองค์ไม่คุ้มครองคนดีให้รอดพ้นจากความหายนะล่ะ?’
เพื่อพระเจ้าจะป้องกันไม่ให้เรื่องเลวร้ายเกิดขึ้นได้
พระองค์ก็ต้องรู้ล่วงหน้าใช่ไหม? ใช่
พระองค์มีทั้งอำนาจและความสามารถที่จะรู้อนาคต
แต่เพื่อจะเข้าใจเรื่องนี้
เราต้องรู้ก่อนว่าพระองค์เป็นพระเจ้าแบบไหน
พระองค์เลือกใช้อำนาจอย่างไร
พระองค์ใช้อำนาจอย่างเต็มที่และคอยดูตลอดเวลาไหมว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นในอนาคต? ( ดูสิ เรื่องต่าง ๆ
ที่เราเคยบอกไว้ได้เกิดขึ้นแล้วตอนนี้เราจะบอกเรื่องใหม่เราจะบอกให้รู้
ก่อนที่มันจะเกิดขึ้น” อิสยาห์ 42:9)
ข้อคัมภีร์หนึ่งบอกว่า “พระเจ้า . . . อยู่ในฟ้าสวรรค์
สิ่งใดที่พระองค์พอพระทัยพระองค์ก็ทรงกระทำ” (พระเจ้าของพวกเราอยู่ในสวรรค์พระองค์ทำทุกอย่างที่พระองค์พอใจ
สดุดี 115:3) พระเจ้าสามารถทำทุกสิ่งได้
แต่พระองค์เลือกทำเฉพาะสิ่งที่จำเป็น
และพระองค์ใช้หลักนี้กับการรู้อนาคตด้วย ตัวอย่างเช่น
ในอดีตเมืองโซโดมและโกโมร์ราห์มีแต่คนชั่ว
พระเจ้าบอกกับอับราฮามบรรพบุรุษคนหนึ่งของมนุษย์ว่า
“เราจะลงไปตรวจดูว่าคนทั้งหลายได้กระทำเหมือนเสียงร้องที่เราได้ยินนั้นทั้งสิ้นหรือไม่
ถ้าหาไม่เราก็จะได้รู้” (แล้วพระเจ้าพูดว่า
“บาปของเมืองโสโดมและโกโมราห์ร้ายแรงมาก+
เราได้ยินผู้คนร้องบ่นเกี่ยวกับสองเมืองนี้+ 21
เราจะลงไปดูให้รู้ว่า
พวกเขาทำชั่วอย่างที่เราได้ยินเสียงร้องบ่นว่านั้นหรือเปล่า” ปฐมกาล
18:20-21
) นี่แสดงว่ามีช่วงหนึ่งที่พระเจ้าเลือกจะไม่รับรู้ว่าผู้คนในเมืองนั้นทำสิ่งเลวร้ายขนาดไหน
และทำให้เราเข้าใจว่าพระยะโฮวาสามารถเลือกที่จะรู้หรือไม่รู้อะไรก็ได้ ( ทูตสวรรค์*พูดว่า
“อย่าทำอันตรายลูกของเจ้า อย่าทำอะไรเขาเลย ตอนนี้เรารู้แล้วว่าเจ้าเกรงกลัวพระเจ้า
เพราะเจ้าไม่ได้หวงลูกชายคนเดียวของเจ้าไว้ แต่ยอมยกให้เรา” ปฐมกาล
22:12) เรื่องนี้ไม่ได้แปลว่าพระเจ้าบกพร่องหรือมีจุดอ่อน
เพราะ “กิจการของพระองค์ดีรอบคอบ” พระเจ้าใช้ความสามารถของพระองค์อย่างเหมาะสมเพื่อจะรู้อนาคตในส่วนที่เกี่ยวข้องกับความประสงค์ของพระองค์
พระเจ้าไม่เคยใช้อำนาจนี้เพื่อลิขิตชีวิตมนุษย์* (พระเจ้าผู้เป็นเหมือนหินที่แข็งแกร่ง
สิ่งที่พระองค์ทำดีเยี่ยมไม่มีที่ติ+เพราะแนวทางทั้งหมดของพระองค์ยุติธรรม+พระองค์เป็นพระเจ้าที่ซื่อสัตย์+และยุติธรรมเสมอ+พระองค์เป็นพระเจ้าที่เที่ยงธรรม*และซื่อตรง
เฉลยธรรมบัญญัติ 32:4 )
ถ้าอย่างนั้น ข้อสรุปคืออะไร? พูดง่าย ๆ ก็คือ
พระเจ้าใช้อำนาจอย่างรอบคอบและเลือกจะรับรู้บางเรื่องเท่านั้น
มนุษย์ต้องรับผิดชอบไหม?
มนุษย์ก็มีส่วนต้องรับผิดชอบสำหรับเรื่องร้าย ๆ
ที่เกิดขึ้นด้วย คัมภีร์ไบเบิลบอกว่ามนุษย์อาจทำสิ่งที่ก่อผลเสียหายร้ายแรงได้เพราะ
“ทุกคนถูกทดสอบโดยที่ความปรารถนาของเขาเองชักนำและล่อใจ
เมื่อความปรารถนานั้นมากพอจะเกิดผล ก็จะทำให้เกิดบาป
แล้วเมื่อมีการทำบาป บาปนั้นก็ทำให้เกิดความตาย” ( แต่ทุกคนถูกล่อใจเมื่อความต้องการของตัวเองชักนำและล่อลวง+
15 เมื่อความต้องการเพิ่มขึ้นจนเต็มที่แล้วก็ทำให้เกิดบาป
และเมื่อมีการทำบาป บาปนั้นก็ทำให้เกิดความตาย+ ยากอบ 1:14,15) เมื่อมนุษย์ทำตามความปรารถนาที่ไม่ดีหรือกิเลสของตัวเอง
เขาก็ต้องรับผลเสียหายจากการกระทำนั้น
(ดังนั้น ข้าพเจ้าเห็นว่ามีกฎข้อหนึ่งอยู่ในตัวข้าพเจ้า
คือ เมื่อข้าพเจ้าอยากทำสิ่งที่ถูกต้อง สิ่งชั่วก็อยู่ในตัวข้าพเจ้าจริง
ๆ แล้วใจข้าพเจ้าชอบกฎหมายของพระเจ้า แต่ข้าพเจ้าเห็นกฎอีกอย่างหนึ่งในร่างกาย*ที่ต่อสู้กับกฎในใจข้าพเจ้า
และทำให้ข้าพเจ้าตกอยู่ใต้บังคับกฎของบาปที่อยู่ในร่างกายข้าพเจ้า โรม
7:21-23 )ประวัติศาสตร์ให้หลักฐานว่ามนุษย์ทำสิ่งเลวร้ายหลายอย่างและก่อให้เกิดความทุกข์มากมาย
นอกจากนั้น คนชั่วก็ยังยุยงคนอื่นให้ทำชั่วเหมือนกัน เรื่องร้าย ๆ
จึงมีให้เห็นอยู่เต็มไปหมด ลูกพ่อ ถ้าคนบาปมาชักจูงลูก
อย่าไปฟังเขา+11 ถ้าพวกเขาพูดว่า “ไปกันเถอะไปดักฆ่าคนกันเราจะซุ่มรอเล่นงานคนที่ไม่มีความผิด12
เราจะเป็นเหมือนหลุมศพ*ที่กลืนพวกเขาทั้งเป็น
เหมือนหลุมที่กลืนคนลงไปทั้งตัว13
เราจะยึดของมีค่าของพวกเขาให้หมดแล้วเอาของที่ปล้นได้มาเก็บไว้ให้เต็มบ้าน14
ไปกับเราสิแล้วเราจะเอาของที่ขโมยมาแบ่งกัน เราจะแบ่งให้เท่า ๆ
กัน”*15 ลูกพ่อ อย่าไปกับพวกเขา
อย่าตามพวกเขาไป+16 เพราะพวกเขารีบไปทำชั่วพวกเขารีบไปฆ่าคน
สุภาษิต 1:10-16
มนุษย์ทำสิ่งเลวร้ายหลายอย่างและก่อให้เกิดความทุกข์มากมาย
พระเจ้าควรเข้ามาแทรกแซงและป้องกันไม่ให้คนทำชั่วไหม? เพื่อตอบคำถามนี้ ให้เรามาดูว่ามนุษย์ถูกสร้างขึ้นอย่างไร
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าพระเจ้าสร้างมนุษย์ตามแบบของพระองค์
นี่หมายความว่า มนุษย์สามารถสะท้อนคุณลักษณะของพระเจ้าได้ (พระเจ้าพูดว่า
“ให้เรา+สร้างมนุษย์ตามแบบเรา+และมีลักษณะคล้ายเรา+ และให้ปลาในทะเล
สัตว์ที่บินในท้องฟ้า สัตว์ที่เชื่อง
สัตว์เลื้อยคลานทุกชนิดที่อยู่บนแผ่นดิน
และโลกทั้งโลกอยู่ใต้อำนาจพวกเขา” ปฐมกาล 1:26 ) พระเจ้าให้มนุษย์มีอิสระทางความคิด
เราจึงเลือกได้ว่าจะรักและซื่อสัตย์ต่อพระองค์หรือไม่
มนุษย์เลือกจะเชื่อฟังและทำสิ่งที่พระองค์ต้องการได้( ขอให้ฟ้าดินเป็นพยานในวันนี้ว่า
ข้าพเจ้าได้ตั้งชีวิตและความตาย คำอวยพรและคำสาปแช่งไว้ตรงหน้าคุณ+
ขอให้คุณเลือกเอาชีวิตเพื่อจะได้มีชีวิตอยู่+ ทั้งตัวคุณและลูกหลานของคุณด้วย+
20 โดยรักพระยะโฮวาพระเจ้า+ เชื่อฟังพระองค์
และซื่อสัตย์ต่อพระองค์เสมอ+ เพราะพระองค์เป็นผู้ให้ชีวิตพวกคุณ
และพระยะโฮวาจะทำให้คุณมีชีวิตยืนยาวอยู่ในแผ่นดินที่พระองค์สาบานว่าจะยกให้บรรพบุรุษของคุณ
คือ อับราฮัม อิสอัค และยาโคบ” เฉลยธรรมบัญญัติ
30:19, 20 ) ถ้าพระเจ้าลิขิตชีวิตมนุษย์ให้เดินตามเส้นที่พระองค์ขีดไว้
พระองค์จะให้มนุษย์มีอิสระทางความคิดทำไมตั้งแต่แรก? หรือถ้าโชคชะตากำหนดไว้แล้วว่าเราต้องทำอะไรและต้องเจออะไร
มนุษย์ก็คงเป็นเหมือนหุ่นยนต์ไร้ชีวิตจิตใจที่แค่ทำตามคำสั่งในโปรแกรม!
เราน่าจะดีใจที่พระเจ้าให้เกียรติเราเลือกทางเดินชีวิตของตัวเอง
แต่นี่ไม่ได้หมายความว่าข้อผิดพลาดหรือการตัดสินใจที่ไม่ดีของมนุษย์จะก่อผลเสียหายร้ายแรงต่อทุกคนบนโลกตลอดไป
เป็นเพราะกรรมแต่ชาติปางก่อนไหม?
ถ้าคุณถามคนที่นับถือศาสนาฮินดูหรือศาสนาพุทธว่า
“ทำไมคนดีต้องเจอกับเรื่องร้าย ๆ?” เขาอาจบอกคุณว่า
“มันก็เป็นกฎแห่งกรรมนั่นแหละ เขาต้องชดใช้กรรมที่เคยทำไว้ในชาติที่แล้ว”*
ถ้าเรารู้ว่าคัมภีร์ไบเบิลพูดอย่างไรเกี่ยวกับความตาย
เราจะเข้าใจว่าคำสอนเรื่องกรรมเก่าที่หลายคนเชื่อนั้นมีเหตุผลหรือไม่
ตอนที่พระเจ้าสร้างอาดามมนุษย์คนแรกในสวนเอเดน พระผู้สร้างบอกเขาว่า
“บรรดาผลไม้ทุกอย่างในสวนนี้เจ้ากินได้ทั้งหมด
เว้นแต่ต้นไม้ที่ให้รู้ความดีและชั่ว
ผลของต้นนั้นเจ้าอย่ากินเป็นอันขาด ถ้าเจ้าขืนกินในวันใด
เจ้าจะตายในวันนั้นเป็นแน่ ( พระเจ้าสั่งเขาว่า
“เจ้ากินผลจากต้นไม้ทุกต้นในสวนนี้ได้จนพอใจ+ 17
แต่ห้ามกินผลจากต้นไม้ที่ให้รู้ดีรู้ชั่ว
ถ้าเจ้ากินผลจากต้นนั้นในวันไหน เจ้าจะต้องตายในวันนั้น” ปฐมกาล2:16, 17) ถ้าอาดามเชื่อฟังพระเจ้าและไม่ได้ทำบาป
เขาจะมีชีวิตอยู่ได้ตลอดไป แต่เขาไม่เชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้า
เขาจึงต้องรับโทษคือความตาย หลังจากนั้น เมื่อลูกหลานของเขาเกิดมา
“ความตายจึงลามไปถึงทุกคน”( ที่เป็นอย่างนี้ก็เพราะว่า
บาปเข้ามาในโลกเพราะคนคนเดียว และความตายเกิดขึ้นเพราะบาปนั้น+
ความตายจึงลามไปถึงทุกคนเพราะทุกคนเป็นคนบาป โรม 5:12 )ดังนั้น
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ค่าจ้างที่บาปจ่ายคือความตาย” ( ค่าจ้างที่บาปจ่ายคือความตาย+
แต่ของขวัญที่พระเจ้าให้คือชีวิตตลอดไป+ผ่านทางพระคริสต์เยซูผู้เป็นนายของเรา
โรม 6:23) และ “คนที่ตายแล้วก็พ้นโทษจากบาปของตน” (คนที่ตายแล้วก็พ้นโทษ*จากบาปของเขา โรม 6:7) นี่หมายความว่าเมื่อคนเราตาย
เขาก็ไม่ต้องชดใช้บาปของตัวเองอีกต่อไป
หลายล้านคนในทุกวันนี้บอกว่าปัญหาและความทุกข์ที่มนุษย์ต้องเจอเป็นผลจากกรรมเก่า
คนที่เชื่อเรื่องนี้ก็ก้มหน้ารับกรรมของตัวเองไป
และเขาก็ไม่รู้สึกเดือดร้อนใจเท่าไรเมื่อเห็นคนอื่นทนทุกข์เพราะคิดว่ามันเป็นกรรมเก่าของเขา
แต่ที่จริงแนวความคิดแบบนี้ไม่ได้ทำให้มนุษย์มีความหวังว่าเรื่องร้าย
ๆ จะหมดไป
ผู้คนเชื่อกันว่าทางเดียวที่จะหลุดพ้นจากการเวียนว่ายตายเกิดคือ
การถือศีลทำบุญและศึกษาธรรมะจนรู้แจ้งเห็นจริง แต่แนวคิดนี้แตกต่างกันมากจากสิ่งที่คัมภีร์ไบเบิลบอก*
ตัวการสำคัญ!
สาเหตุหลักของเรื่องเลวร้ายที่เกิดขึ้นบนโลกไม่ได้มาจากมนุษย์
แต่ตัวการสำคัญคือ ซาตานพญามาร
มันเคยเป็นทูตสวรรค์ที่ซื่อสัตย์ต่อพระเจ้า แต่มัน
“ไม่ได้ยึดมั่นกับความจริง” และนำบาปเข้ามาในโลก
(พวกคุณมาจากมารซึ่งเป็นพ่อของพวกคุณ
และพวกคุณอยากทำตามที่พ่อของพวกคุณต้องการ+
มันเป็นฆาตกรตั้งแต่แรก+ และมันไม่ได้ยึดมั่นในความจริง
เพราะมันไม่มีความจริง มันโกหกตามสันดานของมัน
เพราะมันเป็นจอมโกหกและเป็นพ่อของการโกหก ยอห์น 8:44) มันยุยงมนุษย์คู่แรกให้ขืนอำนาจต่อพระเจ้าในสวนเอเดน
( ในสัตว์ป่าทั้งหมดที่พระยะโฮวาพระเจ้าสร้างนั้น
งู+เป็นสัตว์ที่เจ้าเล่ห์ที่สุด* มันพูดกับผู้หญิงว่า
“พระเจ้าไม่ให้พวกคุณกินผลไม้ทุกต้นในสวนนี้จริง ๆ หรือ?”+ 2 ผู้หญิงตอบงูว่า “ผลไม้ในสวนนี้พวกเรากินได้+ 3
แต่พระเจ้าพูดถึงผลของต้นที่อยู่กลางสวน+ว่า ‘ห้ามกินผลจากต้นนั้น
อย่าแม้แต่จะไปแตะต้อง ไม่อย่างนั้น พวกเจ้าจะต้องตาย’” 4
งูจึงพูดกับผู้หญิงว่า “พวกคุณจะไม่ตายหรอก+ 5 จริง ๆ
แล้วพระเจ้าก็รู้ว่า ในวันที่พวกคุณกินผลของต้นนั้น
พวกคุณจะตาสว่างและจะเป็นเหมือนพระเจ้า รู้*ว่าอะไรดีอะไรชั่ว”
ปฐมกาล 3:1-5) พระเยซูคริสต์เรียกมันว่า “ตัวชั่วร้าย”
และ “ผู้ปกครองโลก” (ขอพระองค์ช่วยปกป้องพวกเราไว้จากซาตานตัวชั่วร้าย+
และช่วยให้เอาชนะการล่อใจได้’ มัทธิว6:13; ต่อไปนี้ ผมจะไม่พูดอะไรกับพวกคุณมาก
ผู้ปกครองโลก+จะมาแล้ว แต่ผู้นั้นไม่มีอำนาจเหนือผม ยอห์น 14:30) ผู้คนส่วนใหญ่ติดตามซาตานและแนวคิดของมันที่บอกว่ามนุษย์ไม่จำเป็นต้องสนใจพระยะโฮวาพระเจ้า
(อย่ารักโลกหรือสิ่งของในโลก+ ถ้าใครรักโลก
เขาก็ไม่ได้รักพระเจ้าผู้เป็นพ่อ+ 16 เพราะทุกสิ่งในโลกนี้
ไม่ว่าจะเป็นความต้องการของร่างกายที่มีบาป+
ความต้องการที่เกิดจากตา+ หรือการโอ้อวดทรัพย์สมบัติ*
ไม่ได้มาจากพระเจ้าผู้เป็นพ่อ แต่มาจากโลก ยอห์น 2:15, 16) ในหนังสือ (ยอห์น 5:19 เรารู้ว่าเราเป็นคนของพระเจ้า
แต่โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจซาตานตัวชั่วร้าย) บอกว่า
“โลกทั้งโลกอยู่ในอำนาจตัวชั่วร้าย” นอกจากนี้
ยังมีทูตสวรรค์องค์อื่น ๆ อีกที่หันไปทำชั่วและกลายเป็นพวกของซาตาน
คัมภีร์ไบเบิลบอกว่าซาตานและผีปิศาจพรรคพวกของมัน
“ชักนำทั้งโลกให้หลงผิด” ทำให้ ‘แผ่นดินโลกเกิดวิบัติ’ (พญานาคใหญ่+ถูกเหวี่ยงลงมาบนโลก+
ทูตสวรรค์ที่อยู่ฝ่ายมันก็ถูกเหวี่ยงลงมาด้วย
พญานาคใหญ่คืองูตัวแรกนั้น+ที่ถูกเรียกว่ามาร+และซาตาน+ซึ่งกำลังหลอกลวงทั้งโลกให้หลงผิด
วิวรณ์ 12:9, 12) ดังนั้น ถ้าจะโทษใครว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องร้าย ๆ
ที่เกิดขึ้น ก็ต้องโทษตัวการสำคัญซึ่งก็คือซาตานพญามารนี่แหละ
เห็นได้ชัดว่า
พระเจ้าไม่ใช่ผู้ที่ต้องรับผิดชอบเมื่อมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้น
พระองค์ไม่ได้ทำให้มนุษย์ทุกข์ทรมาน แต่ตรงกันข้าม
พระองค์สัญญาว่าจะกำจัดความทุกข์ให้หมดไป
ลองอ่านดูในบทความถัดไปว่าพระองค์จะทำอย่างไร
คุณรู้ไหมว่าตัวการสำคัญที่ทำให้เกิดเรื่องร้าย ๆ
ก็คือซาตานพญามาร “ผู้ปกครองโลก” (ต่อไปนี้
ผมจะไม่พูดอะไรกับพวกคุณมาก ผู้ปกครองโลก+จะมาแล้ว
แต่ผู้นั้นไม่มีอำนาจเหนือผม ยอห์น14:30)
wol.jw.org
อย่างไรก็ตาม ยังมีสิ่งหนึ่งที่เราต้องทำคือ เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าทรงรักเรามากและได้ทรงส่งพระบุตรสุดที่รักลงมาเพื่อไถ่บาปให้เรา
จงยอมรับการอภัยโทษบาปซึ่งพระองค์ทรงเปิดทางให้เราได้รับ ความผิดพลาดของเราทั้งหมด
ทั้งในอดีต ปัจจุบัน และอนาคต และหนี้ทางศีลธรรมทั้งหมดของเรา
พระเจ้าทรงจัดการทั้งหมด โดยการที่พระเยซูทรงถูกตรึงกางเขนและตายเพื่อเรา เราต้องเชื่อว่าพระเจ้าได้ทรงกระทำสิ่งนี้เพื่อเรา
แล้วเราจึงจะมีความสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้าอีกครั้ง และจงอย่าทำผิดซ้ำอีก และเมื่อเราทำเช่นนั้น
ความผิดพลาดในของเราก็จะถูกแก้ไขให้ถูกต้องในสายพระเนตรพระเจ้า เราจะมีอิสระที่จะอยู่กับพระองค์ตลอดไป
เหมือนกับที่พระเจ้าทรงตั้งพระทัยให้สิ่งต่าง ๆ เป็นในตอนเริ่มแรก การทำดีหรือทำชั่วของเราในแต่ละวัน
ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับการที่พระเจ้าจะยกโทษให้เราหรือไม่ เพราะสาเหตุที่แท้จริงที่พระเจ้ายกโทษให้เรา
คือเพราะเห็นแก่พระโลหิตต่างหาก
พระเจ้าทรงยกโทษให้เราทุกครั้งที่เราสารภาพบาปต่อพระองค์แน่นอน …
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
KC LOVE GOD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น