พระเจ้าทรงห่วงใยเรา
เมื่อเราอ่อนแอ
พระองค์ทราบว่าเรากำลังประสบปัญหาอะไร
พระองค์เข้าใจความเจ็บปวดและความกลัวของเรา
พระองค์ไม่ทอดทิ้งเราและไม่ลืมเรา
พระเยซูคริสต์พระบุตรของพระเจ้า ได้รับความทุกข์ยากทรมานมาแล้วด้วยพระองค์เอง
และพระองค์เองได้มาเพื่อจะเสริมกำลังและช่วยเราในยามทุกข์ยากแสนเข็ญ
เชิญฟังพระสุรเสียงของพระองค์
พระองค์ทรงเข้าใจเรา
พระคัมภีร์กล่าวว่า...
ขอเชิญชิมดูแล้วจะเห็นว่า พระเจ้าประเสริฐ คนที่ลี้ภัยอยู่ในพระองค์ก็เป็นสุข (สดุดี 34:8)
พระเจ้าทรงอยู่ใกล้ผู้ที่จิตใจฟกช้ำ และทรงช่วยผู้ที่จิตใจสำนึกผิด (สดุดี
34:18)
เพราะเหตุที่พระองค์ได้ทรงทนทุกข์ทรมานและถูกลองใจ พระองค์จึงทรงสามารถช่วยผู้ที่ถูกลองใจได้
(ฮีบรู 2:18)
เมื่อเราเกิดความกลัว
บางทีเราอาจมีความสงสัยว่า ความเจ็บปวดของเราช่างสาหัสอะไรเช่นนี้
เราอาจจะหวาดกลัวต่อสิ่งเลวร้ายที่กำลังจะเกิดขึ้น
หรือเราได้พบกับมันเข้าแล้วก็ได้
เราอาจหวาดกลัวต่อสิ่งที่เกิดขึ้น กลัวอนาคตข้างหน้า กลัวสารพัดสิ่งที่จะเกิดขึ้น
หรือเราอาจจะกลัวสิ่งที่จะเกิดขึ้นต่อผู้ที่เรารัก กลัวสิ่งที่เลวร้ายจะเกิดกับตัวเราเอง
พระเจ้าทรงเข้าใจความกลัวของฉันหรือ?
พระองค์ห่วงใยเมื่อฉันเกิดความกลัวหรือ?
แน่นอน พระองค์ทรงห่วงใย
เพราพระองค์ทรงสัญญาไว้ว่า จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะยากลำบากเพียงใด
อนาคตอาจจะไม่แน่นอน
แต่พระสัญญาของพระเจ้าแน่นอน
อย่าให้เราเกิดความกลัวโดยไม่ทราบสาเหตุ มาทำลายความเชื่อมั่น ไว้วางใจไปจากเรา
พระคัมภีร์กล่าวว่า...
เมื่อเราท้อแท้ใจยามเจ็บป่วย
โรงพยาบาล ตลอดจนสถานพยาบาลต่าง ๆ เป็นสถานที่ที่จำเป็นสำหรับคนป่วยที่ต้องการ
แต่ก็ไม่เหมือนบ้านของเรา
สิ่งที่เราเคยทำก็ไม่อาจทำได้ตามปกติ
ความสะดวกสบายแบบที่อยู่ในบ้านไม่มีอีกต่อไป และมีบางคนที่เราไม่รู้จัก บอกให้เราทำอย่างนี้ ไม่ให้ทำอย่างนั้น
เรารู้สึกเหมือนว่าเราถูกขังไว้
เราเจ็บปวด เราร้องไห้ เราทำอะไรไม่ถูก
และเราก็ไม่ทราบด้วยว่า เป็นเวลานานสักเท่าใด ก่อนที่จะหายไปเป็นปกติเหมือนเดิม
แต่พระเจ้าเข้าใจทุกอย่างดี และทรงปรารถนาให้เรามีความจริงใจและสัตย์ซื่อต่อพระองค์ พระองค์ไม่ปรารถนาให้เราซ่อนความรู้สึก แท้จริงของเรา
แต่พระองค์ปรารถนาให้เราทูลทุกสิ่งต่อพระองค์
พระองค์ทรงสัญญาว่าจะทรงฟังเรา
พระคัมภีร์กล่าวว่า...
ข้าแต่พระเจ้า
จิตวิญญาณของข้าพระองค์ ก็กระเสือกกระสนหาพระองค์ฉันนั้น
จิตวิญญาณของข้าพระองค์กระหายหาพระเจ้า
หาพระเจ้าผู้ทรงพระชนม์
เมื่อไรข้าพระองค์จะได้มาเห็นพระพักตร์พระเจ้า
ข้าพระองค์กินน้ำตาต่างอาหารทั้งวันคืน
ขณะที่คนพูดกับข้าพระองค์
วันแล้ววันเล่าว่า "พระเจ้าของเจ้าอยู่ที่ไหน"
จิตใจของข้าพเจ้าเอ๋ย
ไฉนเจ้าจึงฝ่ออยู่
ไฉนเจ้าจึงกระสับกระส่ายภายในข้าพเจ้า
จงหวังใจในพระเจ้า เพราะข้าพเจ้าจะถวายสดุดีแด่พระองค์อีก
ผู้ทรงเป็นความอุปถัมภ์
และพระเจ้าของข้าพเจ้า
กลางวันพระเจ้าทรงบัญชาความรักมั่นคงของพระองค์
และกลางคืนเพลงของพระองค์อยู่กับข้าพเจ้า
เป็นคำอธิษฐานต่อพระเจ้าแห่งชีวิตของข้าพเจ้า
(สดุดี
42:1-3,5,8)
บางคนอยู่อย่างโดดเดี่ยว มีชีวิตอยู่ตามสบาย ไม่จำเป็นที่จะต้องรีบร้อนอะไรเลย เพราะไม่มีใครคาดหวังอะไรกับเขา
เราอาจจะเป็นเช่นนั้นก็ได้ หรือเราอาจจะเป็นเช่นนั้นเวลานี้ก็ได้
เราคาดว่าหลายคนจะมาเยือน แต่ไม่มีใครมาสนใจ
หรือหากว่ามีใครมาจริง
ๆ ก็ยังอีกหลายเวลาที่เราอยู่ตามลำพัง
เรารู้สึกเจ็บปวดเมื่ออยู่ตามลำพัง
เป็นความเจ็บปวดเช่นเดียวกับโรคภัยไข้เจ็บที่เกิดขึ้น หรือมากกว่านั้นด้วยซ้ำไป
แต่พระเจ้าทรงเข้าใจความเจ็บปวดเหล่านี้ และทรงห่วงใยเรา
ทรงปรารถนาจะช่วยเราท่ามกลางความอ้างว้างของเรา
ทรงปรารถนาให้เรารู้จักพระองค์ในฐานะพระสหาย
เราอาจมีความอ้างว้างที่เกิดขึ้นบ่อย
ๆ
แต่ถ้าหากพระเจ้าทรงเป็นสหายของเราแล้ว เราจะไม่มีวันอ้างว้างโดดเดี่ยวอีกต่อไป
เพราะพระองค์สถิตอยู่กับเราเสมอ
พระคัมภีร์กล่าวว่า...
เราสั่งเจ้าไว้แล้วมิใช่หรือว่าจงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด
อย่าตกใจหรือคร้ามกลัวเลย เพราะว่าเจ้าไปในถิ่นฐานใด
พระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าทรงสถิตกับเจ้า" (โยชูวา 1:9)
เมื่อเขาร้องทูลเรา
เราจะตอบเขา เราจะอยู่กับเขาในยามลำบาก เราจะช่วยเขาให้พ้นและให้เกียรติเขา (สดุดี
91:15)
อย่ากลัวเลย
เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เออ
เราจะช่วยเจ้า เออ เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา (อิสยาห์ 41:10)
.followhissteps.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น