การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของเรา แต่การเกิดผลและปาฏิหารย์เป็นงานของพระเจ้า ฉะนั้น จงสัตย์ซื่อในหน้าที่ของตน แล้วจงวางใจ ยิ่งเรารับใช้ ยิ่งทำให้ความเชื่อของพวกเราเติบโตยิ่งขึ้น เราจึงรู้ว่า "โดยความเชื่อ ทุกสิ่งเป็นไปได้จริงๆ" ในชีวิตของตัวข้าพเจ้าเอง มีเรื่องราวอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย การได้มีเวลาอ่าน ฟังและทำความเข้าใจ พระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์นับว่าเป็นพรประเสริฐ นี่จึงเป็นที่มาของความตั้งใจในการทำเพจขึ้นมาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวและประกาศข่าวดีของพระองค์ ขอขอบคุณทุกๆที่มาของบทความหนุนใจ
วันเสาร์ที่ 14 มีนาคม พ.ศ. 2558
“อิจฉาริษยา”
ในชีวิตของเรา เรามักจะหัวเสียเมื่อเห็นคนอื่นๆโชคดีกว่าตัวเรา คิดให้ดีๆแล้วยอมรับความจริง นี้คือสิ่งที่เรียกว่า “อิจฉาริษยา” ใช่ไหม แต่ทำไมจึงทำให้เราเกิดความอิจฉาคนอื่นเล่า
เหตุผลหนึ่งก็คือ เรามักจะคิดว่าตัวเรานี้ “ดีกว่า” คนอื่น หรือ ยิ่งกว่านั้น เราเองมักจะคิดว่าเราดีกว่าสิ่งที่ตัวเราเองเป็นหรือมีด้วยซ้ำไป เช่น เก่งกว่า รวยกว่า ทำอะไรได้มากกว่า ทั้งๆทีเราทำไม่ได้ถึงขั้นนั้น
หยุดการเปรียบคนเองกับผู้อื่น แต่ให้เรายอมรับตนเองอย่างที่เป็น และปฏิบัติตามแนวทางที่นักบุญเปาโลสอนเราไว้คือ “แต่ละคนจงพิจารณาการกระทำของตน แล้วจะภูมิใจในตนเอง โดยไม่ต้องเปรียบเทียบกับผู้อื่น” (กาละเทีย 6:4)
นี่แหละที่ทำให้เราวิจารณ์คนอื่น ว่าคนอื่น ดูถูกคนอื่น ทั้งนี้เพราะเราไม่ได้ใช้มาตรฐานของพระเจ้าในการตัดสินคนอื่น เราใช้มาตรฐานของเราเอง เราเอาตัวเองเป็นตาชั่งสำหรับคนอื่น
ใครจะไปรู้ถึงแผนการของพระเจ้า ความสามารถที่เราคิดว่าเรามีมากกว่าคนอื่นนั้น อาจจะไม่มีราคาค่างวดอะไรเลย ถ้าเราไม่ได้ใช้ตามพระประสงค์ของพระเจ้า นักบุญเปาโลเตือนใจเราได้อย่างตรงประเด็นที่สุด เมื่อท่านกล่าวว่า “แต่พระเจ้าทรงเลือกสรรคนโง่เขลาในสายตาของโลกเพื่อให้คนฉลาดต้องอับอาย และพระเจ้าทรงเลือกสรรสิ่งต่ำช้าน่าดูหมิ่นไร้คุณค่าในสายตาของชาวโลกเพื่อทำลายสิ่งที่โลกคิดว่าสำคัญ” (1โครินธ์ 1:27-28)
ความอิจฉาริษยาเป็น “การกระทำที่เกิดจากความปรารถนาของกายที่มีบาป” ที่เราชาวคริสทุกคนควรพยายามเอาชนะ. (กลา. 5:19-21) ถ้าเราไม่ปล่อยให้ความอิจฉาริษยาครอบงำเรา ชีวิตเราก็จะมีความสุขมากขึ้นและทำให้พระบิดาของเราพอพระทัย.
ฝึกตนเองให้เป็นคน รู้จักชื่นชมยินดี “จงชื่นชมยินดีกับผู้ที่ชื่นชมยินดี.” (โรม 12:15) พระเยซูทรงชื่นชมยินดีเมื่อเหล่าสาวกประสบความสำเร็จ และพระองค์ทรงชี้ว่าพวกเขาจะทำงานประกาศให้สำเร็จได้มากยิ่งกว่าพระองค์. (ลูกา 10:17, 21; โย. 14:12) เรามีเอกภาพในฐานะผู้รับใช้ของพระยะโฮวา. ด้วยเหตุนั้น ความสำเร็จของใครก็ตามในหมู่พวกเรานับเป็นพระพรสำหรับทุกคน. (1 โค. 12:25, 26) ดังนั้น เราน่าจะชื่นชมยินดีแทนที่จะรู้สึกอิจฉาเมื่อคนอื่นได้รับหน้าที่รับผิดชอบมากกว่ามิใช่หรือ?
อีกทางหนึ่งก็คือ การต่อสู้กับกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ซึ่งอยู่ในระบบของโลกนี้ พระคัมภีร์บอกว่า เรากำลังทำงานให้กับพระเจ้า ก็ขอบคุณพระเจ้า
หน้าที่ของเรา อันดับแรกคือระงับ จัดการ กำจัด ตรึงความรู้สึกของกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ให้อยู่หมัดให้ได้ และที่เหลือพระเจ้าจะนำพาเราผ่านไปเอง ให้ถวายเกียรติพระองค์ในทุกแง่มุม ผู้ที่เชื่อในพระเจ้า จะตรึงกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ที่ไม้กางเขนทุกวัน และขอพระเจ้าได้เปลี่ยนแปลงชีวิตเราใหม่ ให้เราเป็นเหมือนพระองค์ทุกวัน ให้เราดำเนินโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ ไม่ใช่ด้วยกิเลสตัณหาทางฝ่ายเนื้อหนัง ตัดสินใจ โดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ที่สถิตอยู่กับเรา ไม่ใช่โดยความคิดเก่าๆ ของกิเลสตัณหาของเนื้อหนัง ชีวิตจึงแตกต่างกับคนที่อยู่ในโลกนี้ ที่ยังไม่รู้จักพระเจ้า ให้เราอธิษฐานทุกๆวันนะคะ
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...
-
เซาโล (เปาโล) - ยอมรับบาปและกลับใจ เซาโลข่มเหงคริสตจักร และ เซาโล ก็เห็นชอบด้วยกับการฆ่าสเทเฟน ขณะนั้นเกิดการข่มเหงคริสตจักรครั้งใหญ...
-
"ขณะเมื่อเรายังอ่อนกำลัง พระคริสต์สิ้นพระชนม์เพื่อคนอธรรมในเวลาที่เหมาะสม อันที่จริง มีน้อยคนนักจะยอมตายเพื่อคนชอบธรรม แต่บางทีจะม...
-
อธิษฐานเผื่อผู้อื่น จงอธิษฐานเพื่อกันและกัน ยากอบ 5:16 หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน หรือไม่ค่อยเชื่อว่าคำอธิษฐานจะเป็นของขวัญที่เรามอบให...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น