สิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตคู่
ปัจจุบันนี้ปัญหาการหย่าร้างพบได้บ่อยครั้ง
จนแทบจะกลายเป็นเรื่องปกติธรรมดาในสังคมเลยทีเดียว
ซึ่งคงไม่มีใครอยากให้ชีวิตคู่เดินทางมาถึงจุดจบหรอก ใคร ๆ
ต่างก็อยากให้ชีวิตแต่งงานยั่งยืนยาวนานด้วยกันทั้งนั้น
จนทำให้หลายคู่พยายามประคับประคองชีวิตคู่ให้ยืนยาวที่สุด
ด้วยการพยายามทุ่มเททำสิ่งต่าง ๆ เช่น ดูแลตัวเองให้ดูดีอยู่ตลอดเวลา พูดจาเอาใจเขา
หรือหารายได้มาจุนเจือครอบครัว ...
แต่คุณลืมไปหรือเปล่าว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดเพื่อให้ชีวิตแต่งงานยืนยาวกลับไม่ใช่สิ่งเหล่านั้นเลย
มันคือ "ความซื่อสัตย์" ต่างหาก
หากคุณหวังจะได้อยู่กับคนที่คุณรักจนแก่เฒ่า ก็ควรจำไว้ว่าความ
ซื่อสัตย์เป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุดในชีวิตคู่ของคุณ
เพื่อรักษาความสัมพันธ์ของคุณเอาไว้ให้มั่นคง เพราะหากคุณไม่ซื่อสัตย์ต่อกันแล้ว
ก็คงยากที่จะเชื่อใจกันได้
และความไม่เชื่อใจนั้นเองที่จะทำให้คุณทั้งคู่ต้องอยู่อย่างหวาดระแวงกันใน ทุก ๆ
เรื่อง จนทำให้ไม่มีความสุข และเป็นสาเหตุให้ต้องแสวงหาความรู้สึกเหล่านั้นจากคนอื่น
ดังนั้นเพื่อให้ชีวิตคู่ของคุณมั่นคง คุณควรแสดงความจริงใจ
ความซื่อสัตย์ต่อกันและกันในทุก ๆ เรื่อง หากคุณเคยนอกใจคนรักของคุณ
ควรบอกเขาตามตรง เพราะความลับนั้นไม่มีในโลก ไม่ว่าอย่างไรสักวันหนึ่งเขาหรือเธอก็ต้องรู้ความจริงอยู่ดี
และการรู้ความจริงจากปากของคุณเองย่อมดีกว่าการที่คนอื่นมาเล่าให้ฟังอย่าง แน่นอน
ที่สำคัญการรับรู้จากคนอื่นมักทำให้เขารู้สึกเหมือนเป็นคนโง่ที่ถูกหลอกมา ตลอด
จนยากที่จะกลับมาเชื่อใจคุณได้อีก
นอกจากนี้หาก คุณเกิดรู้สึกถูกใจคนอื่นจนหยุดคิดถึงเขาไม่ได้
ก็ควรสารภาพกับสามีของคุณตามตรง เพราะแม้ว่าจะยังไม่ใช่การนอกใจโดยตรง
แต่การที่คุณมีความรู้สึกดี ๆ ให้กับคนอื่นที่ไม่ใช่เขา
ก็สามารถนำมาสู่ปัญหาในชีวิตคู่ของคุณได้ ดังนั้นคุณควรพูดคุยปรึกษากัน อาจพยายามเจอเขาคนนั้นให้น้อยลง
หรือลองไปเที่ยวกันสองต่อสองเพื่อเติมความหวานให้ชีวิตคู่ของคุณอีกครั้ง เผื่ออะไร
ๆ จะดีขึ้นได้ ก่อนที่ความรู้สึกถูกใจที่คุณมีให้คนอื่น
จะกลายเป็นความรักไปโดยไม่รู้ตัว
และ สิ่งที่สำคัญคือคุณควรเปิดอกพูดคุยกันในทุก ๆ เรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องทะเลาะกันเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
จะได้ไม่มีปัญหาคาใจเก็บไว้ให้ต้องมาทะเลาะกันทีหลัง ไม่อย่างนั้นปัญหานั้น ๆ
ก็จะวนเวียนอยู่ในชีวิตคู่ของคุณไม่จบสิ้น
และคุณคงไม่อยากอยู่กับชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความสุขอย่างแน่นอน
ความสุขในครอบครัวเราส่วนใหญ่จะบรรลุได้เมื่ออยู่บนพื้นฐานคำสอนของพระเยซู
นั่นหมายถึงการเป็นคนไม่เห็นแก่ตัว ซื่อสัตย์ ภักดี และมีคุณธรรมอื่นๆ ทั้งหมด
ซึ่งต้องใช้ความพยายามมาก ครอบครัวที่รักกันและมีความสุขไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ
ลองนึกถึงครอบครัวเราเอง
หลายครั้งที่มีความสุขและหลายครั้งที่ไม่มีความสุข
ช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุดคือเมื่อใด ส่วนใหญ่คือเมื่อเรารู้สึกถึงความรัก
“เมื่อใดที่ความซื่อสัตย์เป็นเรื่องที่ทำได้ยากที่สุด
เมื่อนั้นความซื่อสัตย์นั้นเป็นสิ่งจำเป็นมากที่สุด” คำว่า “ซื่อสัตย์” หมายความว่า “ประพฤติตรงและจริงใจ
ไม่นอกใจ ไม่คิดคดทรยศ ไม่คดโกง และไม่หลอกลวง” ดังนั้น หากว่าสามีคนใดรู้สึกว่า
การไม่นอกใจต่อภรรยาเป็นเรื่องยากที่สุด เวลานั้น
ความซื่อสัตย์ต่อเธอเป็นเรื่องจำเป็นมากที่สุด
หรือหากว่าพนักงานคนใดรู้สึกว่าการไม่คดโกงบริษัท หรือหน่วยงานเป็นเรื่องยากที่สุด
เวลานั้น ความซื่อสัตย์นับเป็นเรื่องที่จำเป็นที่สุด
ในภาษาอังกฤษ
ซื่อสัตย์ คือ Faithful เป็นคำคุณศัพท์ที่มีความหมายน่าสนใจดังนี้
1.จงรักภักดีอย่างต่อเนื่อง
= การวางใจและภักดีอย่างเสมอต้นเสมอปลาย ต่อบุคคล คำสัญญา หรือหน้าที่
2.
ไม่นอกใจ = การไม่มีเพศสัมพันธ์กับบุคคลอื่นที่ไม่ใช่คู่สมรสของตน
3.
มีสติรู้ผิดชอบ =
การสำแดงผลจากความรู้สำนึกในความรับผิดชอบหรืออุทิศตนทุ่มเทต่อหน้าที่
4.
ถูกต้อง = ความแม่นยำ ถูกต้อง แน่นอน
5.
เชื่ออย่างไม่หวั่นไหว = เชื่ออย่างมั่นคงในบางสิ่ง หรือในบุคคล
โดยเฉพาะอย่างยิ่งในศาสนา
หากคำนี้เป็นคำนามก็หมายความว่า
บุคคลหรือสิ่งที่สามารถไว้วางใจและพึ่งได้ คริสตชนในยุคแรกก็ถูกเรียกว่าเป็นพวก Faithful
ดังนั้น
หากคุณได้ชื่อว่า เป็นผู้ที่เชื่อในพระเจ้าหรือเป็นคนของพระเจ้า
คุณจะต้องดำเนินชีวิตอย่างสัตย์ซื่อตลอดเวลาให้สมกับชื่อนั้น
คุณต้องไม่ทำให้พระเจ้าผู้ทรงสัตย์ซื่อ
ต้องเสื่อมเสียพระเกียรติเพราะความไม่ซื่อสัตย์ผ่านคำพูดหรือการกระทำของคุณ
อย่างไรก็ตาม
แม้บางครั้งหรือบ่อยครั้ง คุณจะไม่สัตย์ซื่อหรือสัตย์จริงกับองค์พระเจ้าก็ตาม
แต่พระองค์ก็ยังทรงสัตย์ซื่อและสัตย์จริงต่อคุณเสมอไป
ดังที่เปาโลกล่าวยืนยันไว้ว่า “ถ้าเราไม่ซื่อสัตย์ พระองค์ก็ยังทรงซื่อสัตย์ต่อไป
เพราะพระองค์ทรงปฏิเสธพระองค์ไม่ได้” (2ทธ 2:13)
ดังนั้น
หากว่าวันนี้ ความเชื่อ (Faith) ขอบคุณที่มีต่อพระเยซูคริสต์มีอยู่เต็ม
(Full) ก็จะเกิดสมการฝ่ายวิญญาณขึ้นดังนี้ Faith
+ Full = Faithful ความเชื่อวางใจ + เต็มที่ = คนซื่อสัตย์
หากคุณไม่มีความเชื่อศรัทธาอย่างเต็มเปี่ยมในพระเยซูคริสต์
ก็เป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับคุณที่จะเป็นคนสัตย์ซื่ออย่างที่พระองค์ทรงปรารถนา
แต่หากคุณมีความเชื่อศรัทธาวางใจในพระเจ้าอย่างเต็มล้น
คุณจะเป็นคนสัตย์ซื่อได้ไม่ยากเลย ด้วยเหตุนี้เอง หากว่าวันนี้คุณรู้สึกว่ายากเหลือเกินที่จะเป็นคนสัตย์ซื่อและยืนหยัดในความถูกต้อง
หรือความจงรักภักดีต่อผู้ใดหรือสิ่งใด
คุณจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องรีบพึ่งพิงใกล้ชิดพระองค์
ผู้ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความสัตย์ซื่อในทันที พร้อมกันนั้นคุณต้องบังคับใจของคุณให้เชื่อฟังพระองค์
และทูลขอพระองค์ให้เพิ่มเติมความเชื่อวางใจให้แก่คุณ
เพื่อคุณจะได้กลายเป็นคนสัตย์ซื่อ (Faithful) อย่างที่พระองค์ทรงพอพระทัย และทำให้คนรอบข้างคุณพอใจ
แล้วคุณจะกลายเป็นบุคคลสัตย์ซื่ออย่างที่พระเจ้าและคนอื่นๆ คาดหวังให้คุณเป็น
และอย่างที่ตัวคุณเองควรจะเป็น
ที่มา:
นิตยสารแม่พระยุคใหม่
และ thirdage.com และ peace-wealth.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น