แก่นของบาป คือ
การปฏิเสธพระเจ้า และปฏิเสธที่จะยอมรับความรักของพระองค์
สิ่งนี้แสดงออกด้วยการไม่เคารพต่อพระบัญญัติของพระองค์
บาปเป็นเรื่องที่มากกว่าความประพฤติไม่ถูกต้อง คือ
ไม่ใช่เป็นเพียงความอ่อนแอทางจิต ในความรู้สึกส่วนลึกที่สุด การปฏิเสธทุกประการ
หรือ การทำลายบางสิ่งบางอย่างที่ดี ก็คือการปฏิเสธความดีในตัวเอง
คือการปฏิเสธพระจ้า ในมิติที่ลึกซึ้งและน่ากลัวที่สุดของบาป คือ การแยกออกจากพระเจ้า
ดังนั้น จึงเป็นการแยกออกจากแหล่งกำเนิดของชีวิต
ด้วยเหตุนี้ความตายจึงเป็นผลที่ตามมาอีกประการหนึ่งของบาป
โดยทางพระเยซูเจ้าเท่านั้น เราจึงจะเข้าใจถึงมิติของบาปที่สุดจะหยั่งถึง พระเยซูเจ้าทรงประสบกับการปฏิเสธของพระเจ้าในความเป็นมนุษย์ของพระองค์
พระองค์ทรงรับอำนาจความตายของบาปไว้ด้วยพระองค์เอง เพื่อที่จะไม่ต้องตกมายังเรา
ซึ่งเราเรียกสิ่งนี้ว่า การไถ่กู้ -
ความอ่อนแอของมนุษย์มิอาจล้มคว่ำแผนการของพระเจ้าผู้ทรงสรรพานุภาพได้
พระเจ้าสถาปนิกผู้ศักดิ์สิทธิ์ทรงสามารถทำงานได้ แม้กับอิฐหินที่สั่นคลอน”
พระคาร์ดินัล ไม่เคิล วัน ฟูลเลเบอร์ (1869-1952
พระอัครสังฆราชแห่งมิวนิคและเฟรซิง)
“ที่ใดบาปทวีขึ้น ที่นั่นพระหรรษทานก็ยิ่งทวีมากกว่า” (รม 5 :
20ข)
“เมื่อพระหัตถ์ของพระคริสตเจ้าถูกตะปูตรึงไว้บนไม้กางเขนนั้น
พระองค์ทรงตอกตรึงบาปของเราไว้บนไม้กางเขนนั้นด้วย”
kamsonbkk.com
ความบาปคืออะไร?
เมื่อพูดถึงความบาป ในพระคริสตธรรมคัมภีร์หมายถึง
“การทำผิดพระประสงค์ของพระเจ้า” หรือ “การตกต่ำจากมาตรฐานของพระเจ้า” หรือ
“การไม่เชื่อฟังพระเจ้า”
ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นการเน้นที่ท่าทีภายในความคิดจิตใจของมนุษย์มากกว่าการกระทำ
เพราะการกระทำสิ่งที่ไม่ดีและทำความชั่วร้ายทั้งปวงล้วนเกิดมาจากความคิดจิตใจที่ตกต่ำจากมาตรฐานของพระเจ้านั่นเอง
ความบาปสำคัญต่อเราอย่างไร?
ในมุมมองของพระคริสตธรรมคัมภีร์ “ความบาป”
เป็นปัญหาที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์ ความบาปทำให้มนุษย์ตกต่ำจากมาตรฐานที่พระเจ้าวางไว้ ความบาปทำให้มนุษย์เห็นแก่ตัวและเต็มไปด้วยกิเลสตัณหา
ความบาปทำให้เกิดการกระทำที่ผิดศีลธรรม ความบาปทำให้สังคมเสื่อมโทรม
ความบาปทำให้โลกไม่น่าอยู่สำหรับมนุษย์อีกต่อไป และในที่สุดความบาปนี้แหละจะนำมนุษย์ไปสู่การพิพากษาและการลงโทษอย่างแสนสาหัสจากพระเจ้า
เราเป็นคนบาปด้วยหรือ?
พระคริสตธรรมคัมภีร์กล่าวว่า “มนุษย์ทุกคนเป็นคนบาป”
แม้แต่คนที่ไม่ได้ “ทำบาป” ก็ “เป็นคนบาป” เพราะการเป็นคนบาปเกิดจากการสืบสายเลือด
กล่าวคือมนุษย์คนแรกที่พระเจ้าสร้าง(อาดัม)ได้ทำบาปโดยการไม่ยอมเชื่อฟังพระเจ้า
แม้พระเจ้าจะตั้งกฎไว้เพียงข้อเดียวเท่านั้น
และความจริงเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่ต้องไปกินผลไม้จากต้นที่พระเจ้าห้าม
จากสายเลือดบาปของอาดัมนี้เอง ความบาปจึงตกทอดมาถึงมนุษย์ทุกคน
แม้แต่เด็กที่ไม่มีใครสอนให้เขาทำในสิ่งที่ไม่มีเลยก็ยังมีแนวโน้มที่จะทำสิ่งไม่ดี
แม้เราทุกคนจะพยายามทำดี
แต่เราก็รู้ว่าในตัวเรายังมีอิทธิพลชั่วร้ายชักจูงให้เราไปทำสิ่งที่ไม่ดีเสมอ
อิทธิพลชั่วร้ายนี้เองที่เป็น “ธรรมชาติบาป” หรือ “สายเลือดบาป”
ที่ตกทอดมาถึงเราทุกคน ทำให้เราทุกคนเป็นคนบาป
ความบาปส่งผลต่อเราอย่างไร?
ความบาปทำให้มนุษย์ทำสิ่งที่เลวร้าย ยิ่งกว่านั้นอีก
ความบาปจะนำมนุษย์ไปสู่กฎของความยุติธรรมของพระเจ้า
แม้พระเจ้าจะรักมนุษย์มากเพียงไร แต่เพราะพระองค์ได้วางโทษไว้แล้วว่า
“ถ้าเจ้าขืนกินในวันใด เจ้าจะตายในวันนั้นเป็นแน่”
ดังนั้นพระเจ้าจึงต้องพิพากษาโทษมนุษย์ซึ่งโทษนั้นก็คือ “ความตาย”
เมื่อกล่าวถึงความตาย พระคริสตธรรมคัมภีร์หมายถึงความตาย 3
ลักษณะ คือ
ตายฝ่ายวิญญาณ คือ การที่มนุษย์ถูกตัดขาดจากพระเจ้า
จิตใจของมนุษย์จึงไม่มีวันอิ่มและรู้สึกขาดสันติสุข เราจึงพยายามแสวงหาความสุขอื่น
ๆ มาทดแทน แต่จนแล้วจนรอดเราก็ยังรู้สึกขาดอะไรไปอย่าง สิ่งนั้นคือ
“สัมพันธภาพกับพระเจ้า”
ตายฝ่ายร่างกาย หมายถึงการที่วิญญาณแยกออกจากร่างกาย
มนุษย์ทุกคนต้องตาย แม้ว่าจะพยายามหลีกหนีความตายอย่างไรก็หนีไม่พ้น
ความตายเป็นศัตรูที่ใหญ่ที่สุดของมนุษย์
ตายชั่วนิรันดร์ หมายถึง
การถูกลงทัณฑ์ทรมานในนรกบึงไฟ ถ้าเรายังไม่กลับใจใหม่
ไม่เชื่อวางใจในพระเยซูคริสต์ สักวันหนึ่งเมื่อการพิพากษาสุดท้ายมาถึง
เราจะต้องตายชั่วนิรันดร์แน่นอน
angelfire.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น