พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้
ความอิจฉาริษยา
อ่านกิจการ 17:1–10
ประวัติศาสตร์ของความอิจฉาริษยาย้อนไปไกลถึงยุคครีเทเชียสและดำเนินต่อไปเป็นเวลาหลายพันปี
ผู้คนขโมยและฆ่าเพราะอิจฉาริษยา พวกเขาโกหกและโกงเพราะเห็นว่าคนอื่นได้ในสิ่งเขาที่ต้องการ
ความอิจฉาริษยายังเป็นประเด็นหนึ่งในการรับใช้ของเปาโล
เปาโลและซีลาสแนะนำคนอื่นๆ ให้รู้จักพระกิตติคุณของพระเยซูคริสต์
ผู้นำชาวยิวไม่ชอบให้ใคร “ขโมย” สาวกของตนและลงมือกระทำด้วยความอิจฉาริษยา
แต่พวกยิวมีความอิจฉาจึงไปคบคิดกับคนพาลตามตลาด
รวมกันเป็นกลุ่มใหญ่ก่อการจลาจลในเมือง
และบุกเข้าไปในบ้านของยาโสนเพื่อเอาตัวพวกท่านออกมาให้คนทั้งปวง (กิจการ 17:5) THSV11: ฉบับมาตรฐาน
ความอิจฉาริษยามักไม่เป็นผลดี
เพราะตามนิยามแล้วคือ “ความรู้สึกไม่พอใจหรือโกรธแค้นที่อยากได้สิ่งที่คนอื่นมี”
ความไม่พอใจมักไม่นำไปสู่จุดจบที่ดี
เพราะว่าความอิจฉาริษยาและความทะเยอทะยานที่เห็นแก่ตัว ไม่ว่าจะเกิดขึ้นที่ไหนที่นั่นก็จะเกิดความวุ่นวายและการกระทำที่ชั่วร้ายทุกประเภท” หากคุณเคยต่อสู้กับความอิจฉาริษยา
คุณคงจะรู้ดีว่านี่คือความจริง เมื่อความอิจฉาริษยาไม่ได้รับการควบคุม
อาจนำไปสู่ความวุ่นวายทั้งภายในและภายนอกได้
ความอิจฉามักถูกมองว่าเป็นบาปในศาสนาคริสต์
เพราะเกี่ยวข้องกับการโลภหรือปรารถนาในสิ่งที่ผู้อื่นมี
ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกเชิงลบ ความเคียดแค้น และแม้แต่ทำร้ายผู้อื่น
ศาสนาคริสต์ส่งเสริมความพอใจ ความกตัญญู
และมุ่งเน้นไปที่พรของตนเองแทนที่จะปล่อยให้ความอิจฉาครอบงำ
พระคัมภีร์กล่าวว่าอย่างไรเกี่ยวกับการพอใจกับสิ่งที่คุณมี?
ฮีบรู 13:5 จงรักษาชีวิตของคุณให้ปราศจากการรักเงิน
และจงพอใจในสิ่งที่คุณมี เพราะพระองค์ได้ตรัสไว้ว่า “เราจะไม่ละทิ้งเจ้าเลย
และจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย” 2 โครินธ์ 12:10 ดังนั้น เพื่อเห็นแก่พระคริสต์
ฉันจึงพอใจในความอ่อนแอ การดูหมิ่น ความยากลำบาก การข่มเหง และความทุกข์ยาก
เพราะว่าเมื่อฉันอ่อนแอ ฉันก็เข้มแข็ง
ความท้าทายสำหรับวันนี้: “จงพอใจในสิ่งที่ตนมี”
เราสนับสนุน และท้าทายคุณ ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
ag.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น