| ||||||||
| ||||||||
| ||||||||
| ||||||||
|
การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของเรา แต่การเกิดผลและปาฏิหารย์เป็นงานของพระเจ้า ฉะนั้น จงสัตย์ซื่อในหน้าที่ของตน แล้วจงวางใจ ยิ่งเรารับใช้ ยิ่งทำให้ความเชื่อของพวกเราเติบโตยิ่งขึ้น เราจึงรู้ว่า "โดยความเชื่อ ทุกสิ่งเป็นไปได้จริงๆ" ในชีวิตของตัวข้าพเจ้าเอง มีเรื่องราวอัศจรรย์เกิดขึ้นมากมาย การได้มีเวลาอ่าน ฟังและทำความเข้าใจ พระธรรมคำสอนในพระคัมภีร์นับว่าเป็นพรประเสริฐ นี่จึงเป็นที่มาของความตั้งใจในการทำเพจขึ้นมาเพื่อแบ่งปันเรื่องราวและประกาศข่าวดีของพระองค์ ขอขอบคุณทุกๆที่มาของบทความหนุนใจ
วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ความเชื่อของชาวคาทอลิก ที่มีต่อ พระแม่มารีอา คือ
วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2557
พระแม่มารีอาได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ
| ||||||
| ||||||
|
วันศุกร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2557
ประวัติพระแม่มารี
ประวัติพระแม่มารี ท่านนักบุญอากิม(Saint Joachim) และนักบุญอันนา(Saint Anna) เป็นบิดาและมารดาของพระนางมารีอา เดิมไม่มีบุตร เนื่องจากนักบุญอันนาเป็นหมัน ท่านทั้งสองภาวนาต่อพระเป็นเจ้า พระองค์ทรงฟังคำภาวนาของท่านทั้งสอง จึงได้ให้นักบุญอันนาบังเกิดบุตรี ชื่อว่า มารีอา (แปลว่า "ผู้มีพระคุณอานิสงส์")พระนางมารีอาถวายตัวแด่พระเป็นเจ้า โดยตั้งใจจะถือพรหมจรรย์ เมื่อถึงเวลาอันควรก็ต้องแต่งงานกับชายคนหนึ่งเพื่อเป็นคู่อุปถัมภ์ พระนางมารีอาได้หมั้นกับนักบุญยอเซฟ ซึ่งเป็นเวลาที่เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่พระนางว่าจะตั้งครรภ์ เมื่อนักบุญยอเซฟทราบท่านก็ไม่เข้าใจ และคิดจะถอนหมั้นเงียบๆเพราะท่านเป็นคนชอบธรรม แต่เทวดาได้มาแจ้งแก่ท่านในฝันว่า ให้รับพระนางมารีอาไว้เป็นภรรยา เพราะบุตรที่เกิดมาคือองค์พระมหาไถ่ เหตุการณ์ครั้งนี้เป็นไปโดยอาศัยฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า
บทความต่อๆไป จะทำให้เราเห็นถึงความรักต่อพระเป็นเจ้าที่พระนางมารีอาแสดงออกในชีวิตอันเป็นแบบอย่างดีแก่เรา ในการรับใช้พระเป็นเจ้าด้วยการทำตามน้ำพระทัยของพระในชีวิตของเรา แม้ท่ามกลางความทุกข์ลำบาก
"แม่พระมหาทุกข์ 7 ประการ" คือวันฉลองวันหนึ่งในพิธีกรรมคาทอลิกที่พิจารณาถึงความทุกข์ในชีวิตของแม่พระ อันมีเหตุการณ์ยากลำบาก 7 ประการใหญ่ คริสตชนใช้รำพึง และใคร่ครวญถึงชีวิตที่รักพระ ด้วยการร่วมทุกข์ในแผนไถ่บาปอย่างที่พระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ไถ่บาปมนุษย์ หากเราเข้าใจความทุกข์ในแง่นี้ เราก็จะสามารถมีชีวิตและบรรลุถึงเมืองสวรรค์ได้ การยอมรับน้ำพระทัยของพระเพื่อเข้าร่วมส่วนในมหาทรมานของพระเยซูเจ้าชดเชยบาป และไถ่บาปมนุษย์ทุกคน หัวใจของแม่พระผู้เสด็จขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ เป็นหัวใจที่มีกระบี่เสียบแทงถึง 7 เล่ม หัวใจของแม่พระเป็นหัวใจของผู้ทุกข์ทนอย่างแท้จริง แม่พระมีค่านิยมของพระนางในการเป็นพรหมจารีตลอดชีวิต ค่านิยมนี้ได้รับการปฏิเสธจากพระผู้เป็นเจ้าเบื้องบน แม่พระก็รับทันทีเพียงเพราะรู้ว่าเป็นน้ำพระทัย พระนางยอมสละสิ่งที่นางนิยมที่สุด ทั้งๆที่เป็นสิ่งดีงามถวายแก่พระอยู่แล้ว แต่ไม่ตรงกับพระประสงค์….
เมื่อยอมแล้วพระบอกกับพระนางว่า เรื่องการตั้งครรภ์นั้น มิใช่แบบมนุษย์ แต่เป็นไปด้วยฤทธิ์เดชของพระจิต… ฉะนั้นพระนางได้รับความเป็นพรหมจารีคืนจากพระ แต่นั่นหลังจากได้ตัดสินใจยอมรับแล้ว พระเยซูตรัสว่า
"ก่อนอื่นท่านจงแสวงหาพระราชัยของพระเจ้า อย่างอื่นพระองค์จะแถมให้" แม่พระยอมทนเสียงนินทาว่าตั้งครรภ์ก่อนจะแต่งงานกับนักบุญยอแซฟ และยอแซฟก็พยายามให้แม่พระพ้นจากความอับอาย ไม่ทำลายชื่อเสียงโดยการป่าวประกาศที่โน่นทีที่นี่ทีให้แม่พระเสียชื่อ และรับเป็นสามีตามบัญชาของเทวดาอีกด้วย ทั้ง 2 ท่านร่วมมือในความดีจากพระอย่างเข้าใจ ใช้ความเชื่อก่อนใช้ปาก ใช้สมองก่อนใช้สัญชาตญาณ ทั้ง 2 ท่านเป็นคนยากจน พระเยซูเจ้าตรัสว่า
"บุญลาภแก่ผู้มีจิตใจยากจน เหตุว่าเมืองสวรรค์เป็นของเขาแล้ว, ผู้ใดปรารถนาทำตามพระประสงค์ของพระเจ้ายิ่งกว่าสิ่งอื่นใดก็เป็นสุข, พระเป็นเจ้าจะทรงให้เขาสมปรารถนา, เมื่อคนทั้งหลายเกลียดชังพวกท่าน ดูหมิ่นเหยียดหยาม และหาว่าท่านชั่วช้าสารเลว เพราะท่านจงรักภักดีต่อบุตรแห่งมนุษย์ จงชื่นใจเถิด เพราะพระเป็นเจ้าทรงเก็บบำเหน็จรางวัลไว้ให้ท่านในสวรรค์แล้ว" แม่พระขณะตั้งครรภ์ลำบากเพียงใด ยังคิดถึงคนอื่นที่ลำบากกว่า เดินทางผ่านหุบเขาหลายลูกไปเยี่ยมและเอาใจใส่นางเอลีซาเบ็ธ ซึ่งตั้งครรภ์แก่กว่า ก่อนจะให้กำเนิดนักบุญยวง บัปติสตา ที่นั่นแม่พระได้สวดบทภาวนาแห่งผู้รับใช้พระ พระได้เหลียวแลความต่ำต้อยแห่งข้ารับใช้ ถึงกับยกให้เป็นแม่ของพระบุตร พระเยซูตรัสว่า
"เราผู้ที่ท่านเรียกว่าอาจารย์และเจ้านาย ยังล้างเท้าให้ท่าน ท่านก็จงล้างเท้าให้แก่กันและกัน ผู้ใดสำแดงความเมตตาต่อผู้อื่นก็เป็นสุข พระเป็นเจ้าทรงเมตตาเขา" แม่พระออกเดินทางขณะจะคลอดพระบุตรไปเบธเลแฮม เพื่อจดทะเบียนสำมะโนครัว ความยากจนทำให้ไม่ได้รับการเอื้อเฟื้อต้อนรับ เพราะที่พักเต็มหมดสำหรับคนยากจน ความยินดีในสิ่งที่มีที่ทั้งสองแสดงออกในค่ำคืนที่ถูกลืมนั้นเอง พระบุตรได้บังเกิดมาอย่างสงบใต้ดวงดาวอันยิ่งใหญ่แห่งประวัติศาสตร์มนุษยชาติ แม่พระมีเพียงผ้า 1 ผืน และฟางหญ้าแก่ลูกน้อยของเธอเป็นของขวัญ แต่พระกุมารน้อยคงพึงพอใจในรอยยิ้มของคนยากจนอย่างแม่พระมากกว่า พระองค์ตรัสว่า
"ถึงพวกท่านยากจนก็มีความสุข เพราะพระผู้เป็นเจ้าทรงเข้าปกครองใจท่านแล้ว จะมีประโยชน์อะไรหากท่านได้โลกทั้งโลกมาเป็นกรรมสิทธิ์ แต่สุดท้ายต้องเสียวิญญาณไป ,ท่านสะสมทรัพย์สมบัติในสวรรค์เถิด, มนุษย์มิได้ดำรงชีวิตด้วยขนมปังเท่านั้น" แม่พระถวายพระกุมารในพระวิหารผู้เฒ่าซีเมโอนได้พูดถึงกระบี่ที่จะเสียบแทงดวงหทัยของพระนาง ทำให้แม่พระต้องคิดวิตก เมื่อมีคนศักดิ์สิทธิ์มาทักเช่นนี้ หัวใจของหญิงตัวเล็กๆยังคงโอบอ้อม และสองแขนของเธอยังคงกอดลูกน้อยแนบอกไม่ยอมปล่อย กระบี่สักกี่เล่มก็ได้ แต่นี่ลูกของฉัน ฉันทนได้ทั้งนั้น พระองค์ตรัสว่า
"ผู้ใดทุกข์ทรมานใจ เพราะสภาพของโลกก็เป็นสุข พระเป็นเจ้าจะทรงปลอบโยนเขา" แม่พระระหกระเหินหนีเพชฌฆาตเฮร้อดไปเมืองอียิปต์ ภาษาพูดใหม่ก็ไม่รู้ ขนบธรรมเนียมต่างแดนก็ไม่คุ้น ฐานะคนต่างด้าวต่างเมืองของตนกับครอบครัว อาชีพช่างไม้ของสามีก็เท่านั้น เด็กน้อยเยซูจะวิ่งเล่นที่ไหนได้กับเด็กๆชาวอียิปต์ พระเจ้าตรัสใน สดด. 121 ว่า
"ยามเมื่อข้าทอดสายตาแลดูภูผา ความอุปถัมภ์มาจากไหน จากพระเจ้าผู้ทรงฤทธิไกรสร้างโลกกว้างใหญ่ รวมหล้าทั้งหมดจรดสวรรค์ ทั้งทรงคุ้มครองป้องกัน มิเคยเคลิ้มฝัน หรือทรงเผลอสนิทนิทร์ไป พระองค์ปกป้องผองภัยแก่อิสราแอลอย่างไร แก่ท่านก็เช่นเดียวกัน พระอาทิตย์ไร้พิษกลางวัน ถึงแม้พระจันทร์ไม่ทำร้ายยามค่ำคืน ปลอดภัยทั้งหลับและตื่น ท่านจะสดชื่น ในยามดำเนินไปมา พระเจ้าทรงพิทักษ์รักษา ด้วยพระทัยเมตตา บัดนี้เบื้องหน้านิรันดร"
แม่พระได้ข่าวว่าลูกชายถูกจับ และทรมาน จะถูกตรึงไม้กางเขน พระนางไปแสดงตัวเป็นแม่ โดยไม่ลังเลด้วยความห่วงสุดชีวิต ในขณะที่เพื่อนๆของพระองค์หนีหมด แม่พระปรากฎออกมาในขณะที่ไม่มีใครเหลียวแลลูกของพระนาง ในขณะที่คนห้อมล้อมพระองค์มากมายไม่ได้ถูกกล่าวถึงเลย เป็นแม่ที่รับศพลูกมาพิจารณาบนตักของตน เป็นแม่ที่นอบน้อมคำสุดท้ายของพระบุตร ให้รับทุกคนเป็นลูกของพระนาง แม่พระอยู่ท่ามกลางเหล่าสานุศิษย์ตั้งแต่นั้น แม้ในวันรับพระจิต "ใครที่เป็นพี่น้องพ่อและแม่ของเรา ก็คือบุคคลที่กระทำตามน้ำพระทัยของพระบิดา เป็นญาติพี่น้อง พ่อและแม่ของเรา"
คริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก มีความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารี หรือคริสตชนเรียกว่า "แม่พระ" คำว่า "แม่พระ" เป็นคำที่ยกย่องพระนางมารีอามาตั้งแต่สมัยศตวรรษแรกๆ บรรดาคริสตชนถึงกับถวายพระนามว่า "มารดาพระเจ้า" (Mater Dei) นักเทววิทยาได้อธิบาย และอ้างข้อความในพระคัมภีร์ สนับสนุนข้อความเชื่อนี้ และข้อความเชื่ออื่นๆอีกหลายประการเกี่ยวกับพระนางมารีอา เช่น "แม่พระเป็นผู้ปฏิสนธินิรมล"
หมายถึงพระนางมารีอาบังเกิดมาในโลกโดยปราศจากบาปกำเนิด, ได้รับการยกเว้นจากพระเป็นเจ้า มิให้ต้องแปดเปื้อนด้วยบาปความผิดพลาด ที่ตกทอดมาจากอาดัมและเอวา "แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ" เป็นความเชื่อว่าเมื่อพระนางมารีอาสิ้นใจ ได้รับเกียรติจากพระเป็นเจ้าให้ออกจากโลกนี้พร้อมทั้งร่างกายและวิญญาณไปสู่สวรรค์ คริสตชนยุคแรกๆเชื่อกันมาดังนี้เป็นเวลายาวนาน.. ก่อนที่พระสันตะปาปาจะประกาศเป็นข้อความเชื่อที่คริสตชนต้องเชื่อเสียอีก "พระนางมารีอามารดาแห่งสากลโลก" ฯลฯ
แต่ที่คริสตชนมีความศรัทธาภักดีต่อแม่พระ ก็เนื่องจากชีวิตและฤทธิ์กุศลความดีงามต่างๆในชีวิตของพระนาง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราในการดำเนินชีวิตคริสตชน ฤทธิ์กุศลที่สำคัญในชีวิตแม่พระคือ
ความบริสุทธิ์ หมายถึงพระนางมารีอาบังเกิดมาไม่มีบาปกำเนิด และยังดำเนินชีวิตถือพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่กระทำบาป อีกทั้งได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก โดยตั้งใจว่าจะถือ พรหมจรรย์ แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงมีแผนการโดยการใช้ให้เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่แม่พระว่า พระนางจะตั้งครรภ์และกำเนิดบุตรชาย และให้ตั้งชื่อว่า "เยซู" พระนางมารีอาถามว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะพระนางยังเป็นพรหมจารีอยู่ เทวดาตอบว่าการตั้งครรภ์นั้นมิได้เกิดตามธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง แต่เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า เด็กที่เกิดมาจะเป็นพระผู้ไถ่โลก พระนางมารีจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่าน" (ลก. 1:38) แล้วนั้นพระวจนาตถ์ก็ทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา (ยน. 1:14) ความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟัง พระนางมารีอามีความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า อันเป็นฤทธิ์กุศลที่บรรดาคริสตชนพึงมี พระเยซูเจ้าสอนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าก่อนอื่นใดแล้วที่เหลือพระเป็นเจ้าจะแถมให้แก่เราเอง หมายถึงจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราเอง คริสตชนยินดีรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความนอบน้อมราบเรียบ ด้วยความไว้วางใจในพระเป็นเจ้า ความรัก การยินดีเสียสละน้ำใจตนเอง เพื่อรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เพราะรักพระของพระนางมารีอา เป็นตัวอย่างในเรื่องการเลือกเอาพระเป็นเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตคริสตชน เพราะรักพระเป็นเจ้า พระนางจึงยอมรับทุกอย่าง เพื่อให้สำเร็จตามแผนการณ์ไถ่บาปมนุษย์ของพระเป็นเจ้า
คริสตชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการกอบกู้มนุษยชาติให้กลับมาเป็นลูกของพระ พระนางมารีอาได้ร่วมมือกับพระเป็นเจ้าในการให้กำเนิดพระมหาไถ่ คือพระเยซูเจ้า ไม่ว่าจะมีความยากลำบากสักเพียงใดอยู่ในเหตุการณ์นี้ ฯลฯ ความดีและฤทธิ์กุศลที่พระนางมารีอาเสียสละ พระเยซูเจ้าทรงตอบแทน และคืนความดีทุกอย่างแด่แม่ของพระองค์ นั่นคือ โดยการยกเอาพระนางมารีอาไปสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ บัดนี้เราเชื่อว่า พระนางมารีอาประทับอยู่บนสวรรค์กับพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนาง แต่พระนางก็ยังรักและเมตตาพวกเราทุกคน, ลูกๆของพระนาง ด้วยว่าแทบเชิงกางเขน ก่อนพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ บรรดาสานุศิษย์ต่างกลัว และหนีไปหมด แต่พระแม่กลับยืนอยู่ที่แทบเชิงกางเขนกับนักบุญยอห์น ณ ที่นั่น พระเยซูเจ้ามองลงมาจากกางเขน แล้วตรัสว่า "สตรีเอ๋ย นี่แน่ะ ลูกของท่าน" และตรัสแก่ศิษย์นั้นว่า "นี่แน่ะ แม่ของเจ้า" ตั้งแต่นั้นมาศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางไปอยู่ที่บ้านของตน เป็นเสมือนคำที่พระเยซูเจ้า มอบชาวเราทุกคนให้เป็นลูกของแม่พระ และให้แม่พระดูแลรักเราเป็นลูกของพระนาง เป็นผู้เสนอวิงวอนตามคำภาวนาของเราที่มีต่อพระเป็นเจ้าความบริสุทธิ์ หมายถึงพระนางมารีอาบังเกิดมาไม่มีบาปกำเนิด และยังดำเนินชีวิตถือพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่กระทำบาป อีกทั้งได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก โดยตั้งใจว่าจะถือ พรหมจรรย์ แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงมีแผนการโดยการใช้ให้เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่แม่พระว่า พระนางจะตั้งครรภ์และกำเนิดบุตรชาย และให้ตั้งชื่อว่า "เยซู" พระนางมารีอาถามว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะพระนางยังเป็นพรหมจารีอยู่ เทวดาตอบว่าการตั้งครรภ์นั้นมิได้เกิดตามธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง แต่เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้า เด็กที่เกิดมาจะเป็นพระผู้ไถ่โลก พระนางมารีจึงตอบว่า "ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่าน" (ลก. 1:38) แล้วนั้นพระวจนาตถ์ก็ทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา (ยน. 1:14) ความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟัง พระนางมารีอามีความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า อันเป็นฤทธิ์กุศลที่บรรดาคริสตชนพึงมี พระเยซูเจ้าสอนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าก่อนอื่นใดแล้วที่เหลือพระเป็นเจ้าจะแถมให้แก่เราเอง หมายถึงจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราเอง คริสตชนยินดีรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความนอบน้อมราบเรียบ ด้วยความไว้วางใจในพระเป็นเจ้า ความรัก การยินดีเสียสละน้ำใจตนเอง เพื่อรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เพราะรักพระของพระนางมารีอา เป็นตัวอย่างในเรื่องการเลือกเอาพระเป็นเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตคริสตชน เพราะรักพระเป็นเจ้า พระนางจึงยอมรับทุกอย่าง เพื่อให้สำเร็จตามแผนการณ์ไถ่บาปมนุษย์ของพระเป็นเจ้า
แท้จริงคริสตชนมิได้นมัสการพระนางมารีอาแทนพระเป็นเจ้า แต่ใช้คำว่า "ศรัทธาภักดี" ด้วยความเชื่อเก่าแก่ที่สืบทอดมาทางธรรมประเพณี (Tradition) ว่าพระนางเป็นผู้นำคำภาวนาของเราไปทูลขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อเรา ด้วยว่าคริสตชนรำลึกถึงความต่ำต้อย และไม่สมควรของเรา คำภาวนาอาศัยพระนางมารีอาย่อมสมควรกว่า ความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีอาที่ถูกต้องก็คือ พระนางจะพาลูกๆของพระนางทุกคนไปหาพระเป็นเจ้า "เข้าหาพระเยซูเจ้าผ่านทางแม่พระ" เป็นคำพูดเตือนใจเราคริสตชนอยู่เสมอ การแสดงความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีอาสมารถแสดงออกได้หลายอย่าง เช่น
- การสวดสายประคำ เป็นการสวดภาวนาบทข้าแต่พระบิดาของข้าพเจ้าทั้งหลาย และบทวันทามารีอาหลายๆครั้ง บทหนึ่งก็นับตามจำนวนเม็ดประคำที่กำหนดไว้ ขณะสวดก็รำพึงพระชีวประวัติแต่ละขั้นตอนของพระเยซูเจ้า และพระนางมารีอา ตั้งแต่เทวดาคาเบรียลมาแจ้งสารแด่แม่พระ จนกระทั่งแม่พระเสด็จรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ และได้รับมงกุฎในเมืองสวรรค์ ทั้งนี้มิใช่เป็นเพียงการคิดถึงประวัติแบบธรรมดา แต่เป็นการรำพึงแผนการณ์ไถ่บาปของพระเป็นเจ้า, รหัสธรรมการมาบังเกิดเป็นมนุษย์ของพระเยซูเจ้า (Incarnation) รหัสธรรมการสิ้นพระชนม์ไถ่บาปของพระเยซูเจ้า (Salvation) ตลอดจนการกลับคืนชีพของพระเยซูเจ้า ฯลฯ การสวดสายประคำเป็นการสวดที่ง่าย และช่วยผู้ที่สามารถอ่านพระคัมภีร์ได้ เช่น ผู้ที่ไม่รู้หนังสือ ผู้ที่ไม่เข้าใจพระคัมภีร์ก็สาสรถใคร่ครวญถึงเรื่องราวของพระเป็นเจ้าได้ อีกทั้งยังสามารถสวดได้ทุกเวลา
- การทำนพวารพระมารดานิจจานุเคราะห์
- การแห่พระรูปแม่พระ
- การประพฤติเลียนแบบฤทธิ์กุศลอันดีงามต่างๆของแม่พระ
baanjomyut.com
พระนามหลากหลายของพระเยซูเจ้า
พระเยซูเจ้ากษัตริย์แห่งสากลจักรวาล
การฉลองพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล หรือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายนั้นได้รับการประกาศอย่างเป็นทางการโดยพระสันตะปาปาปีโอที่ 11 ในปี ค.ศ. 1925 (86 ปีมาแล้ว)
พระนามหลากหลายของพระเยซูเจ้า
คนเราแต่ละคนมักจะมีหลายชื่อ ทั้งชื่อจริง ชื่อเล่น ชื่อนักบุญ ชื่อนามสกุล ชื่อที่โรงเรียน ชื่อที่บ้าน ชื่อที่โรงเรียน ฯลฯ ทั้งนี้โดยอาจจะตั้งชื่อตามบุคลิกลักษณะหรือหน้าที่การงานก็ได้ พระเยซูเจ้าก็เช่นกัน พระองค์ทรงมีชื่อหลายชื่อด้วยกัน ทั้งนี้เพราะชื่อแต่ละชื่อเป็นการบรรยายถึงพระคุณลักษณ์ของพระองค์ พระนามหรือชื่อที่สำคัญๆที่ใช้เรียกพระเยซูเจ้า เช่น องค์พระผู้เป็นเจ้า(ยอห์น 20:28) พระวจนาตถ์(ยอห์น 1:1,14) พระเมสสิยาห์(ยอห์น 4:25) อัลฟาและโอเมก้า(วิวิรณ์ 1:8) ผู้ไถ่หรือสินไถ่เพื่อมวลมนุษย์(มาระโก 10:45) แสงสว่างส่องโลก(ยอห์น 8:12) คนกลางแต่ผู้เดียวระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์(1ทิโมธี 2:5)ลูกแกะของพระเจ้า(ยอห์น 1:29) และยังมีพระนามอื่นๆอีกมากมาย แต่ในวันนี้เราฉลองพระคุณลักษณะพิเศษประการหนึ่งของพระเยซูเจ้าในพระนามว่า พระเยซูเจ้า-กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล(The King of Kings)
พระนาม “กษัตริย์แห่งสากลจักรวาล” มีความหมายว่าอย่างไร
คำว่า “กษัตริย์” เป็นคำสัญลักษณ์ที่หมายถึงบุคคลที่เป็นเจ้าของอำนาจอันสูงสุด ซึ่งในทางศาสนานั้นหมายถึงองค์พระผู้เป็นเจ้านั้นเอง “พระเจ้าผู้ทรงเป็นความสุขแท้จริงและผู้ทรงสรรพานุภาพแต่พระองค์เดียว ทรงเป็นจอมกษัตริย์และเจ้านายสูงสุด”(1ทิโมธี 6:15) และอีกตอนหนึ่งที่ว่า “พระองค์มีพระนามเขียนไว้บนเสื้อคลุมและที่หลังพระชงฆ์ว่า ‘กษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายและเจ้านายแห่งเจ้านายทั้งหลาย’” (วิวรณ์ 19:16) พระวาจาตอนนี้พูดถึงเหตุการณ์ในอนาคตที่พระเยซูเจ้าจะเสด็จกลับมาอีกครั้งหนึ่งเพื่อจัดตั้งพระอาณาจักรของพระเจ้าที่แท้จริงในโลกซึ่งในเวลานั้น ทุกคนจะพากันยอมรับและเรียกพระองค์ว่า “พระเยซูกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล” อย่างพร้อมเพรียงกัน
กษัตริย์แห่งสากลจักรวาลหรือกษัตริย์แห่งกษัตริย์ทั้งหลายนี้เป็นพระนามที่หมายถึงชัยชนะอันยิ่งใหญ่ กล่าวคือพระเยซูเจ้าทรงมีอำนาจปกครองที่ยิ่งใหญ่เหนือกว่ากษัตริย์ใดๆในโลกนี้ มนุษย์ทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การปกครองของพระองค์
พระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์นั้น พระองค์ไม่ได้ทรงเป็นกษัตริย์ตามความหมายของโลก ที่ต้องมีอำนาจทางการเมือง การทหาร มีอาณาเขตการปกครอง ฯลฯ แต่พระองค์ทรงเป็นกษัตริย์แห่งจิตใจ อำนาจของพระองค์มีไว้เพื่อทำลายความชั่วร้ายแห่งบาปและความมืดบอดฝ่ายจิตใจ พระองค์ทรงเป็นผู้นำต่อสู้กับความเลวร้ายของมนุษย์ ทรงเอาชนะพลังอำนาจของปีศาจและความตาย และชี้ทางนำความสุขอันแท้จริงมาสู่โลกของเรา งานของพระองค์จึงเป็นงานฝ่ายจิตใจอย่างแท้จริง
เราทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวต่อหน้ากษัตริย์เพื่อฟังคำพิพากษา
วันแห่งการพิพากษา ความจริงแท้ในชะตาชีวิตของมนุษย์ทุกคนก็คือ “ความตายและการพิพากษา” พระวรสารในวันนี้ได้พูดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเยซูเจ้าในฐานะที่ทรงเป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่ที่เราทุกคนจะต้องไปปรากฏตัวอยู่ต่อหน้าพระองค์ในวันสุดท้ายของชีวิตนั้น การกระทำทุกอย่างที่เราได้กระทำไว้ในขณะที่เรามีชีวิตอยู่นั้นจะปรากฏแจ้งอย่างที่เราไม่สามารถปิดบังอะไรได้ ในการพิพากษาในครั้งนี้ เราจะไม่มีโอกาสแก้ตัวอะไรได้อีกแล้ว พระเยซูเจ้าในฐานะกษัตริย์ผู้พระทัยดี แต่พระองค์ไม่ทรงลืมเรื่องความยุติธรรม ท่านพร้อมที่จะเผชิญหน้ากับพระเยซูเจ้าหรือไม่ ถ้ายังไม่พร้อง อะไรที่ท่านคิดว่าเป็นอุปสรรค อะไรเป็นเรื่องที่ท่านจะต้องปรับเปลี่ยนตนเอง เพื่อจะได้พร้อมที่จะเข้ารับฟังการพิพากษาจากพระองค์
ท่านเป็นแกะหรือเป็นแพะ
“แกะ” ที่อยู่เบื้องขวาของพระเจ้าได้รับความรอดก็คือบุคคลที่ได้ให้ความช่วยเหลือผู้อื่น คนที่ไม่ปฏิเสธความช่วยเหลือให้คนอื่น ในยามเดือนร้อนหรือมีความต้องการ พระเจ้าไม่ได้ทรงให้ความชมเชยเพราะว่าพวกเขาสวดภาวนามากกว่าคนอื่น การสวดภาวนาก็มีความจำเป็นและสำคัญ แต่การภาวนาเท่านั้นยังไม่เป็นการเพียงพอ และการช่วยเหลือหรือการมีใจเมตตาต่อคนอื่นนั้น พระเยซูเจ้าทรงสอนเราด้วยพระวาจาที่ต้องจดจำว่า “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง” ดังนั้นเราจึงทำดีต่อทุกคนโดยไม่เลือกหน้า และควรเน้นไปยังคนที่ต่ำต้อยโดยเฉพาะ
“แพะ” ที่อยู่เบื้องซ้ายของพระเจ้าไม่ได้รับความรอด คำพิพากษาถูกตัดสินออกมาเช่นนี้ไม่ใช่เพราะพวกเขาไปทำสงคราม ก่อการร้าย ค้าขายสิ่งเสพติด หรือความผิดร้ายแรงอื่นๆ แต่เป็น “การละเลย” ในการแสดงความเมตตาต่อผู้อื่นในชีวิตประจำวัน พวกเขาไม่ได้ทำในสิ่งที่เขาสามารถกระทำได้อย่างง่ายๆในชีวิต “เราหิว ท่านไม่ให้อะไรเรากิน..เราไม่เสื้อผ้า ท่านก็ไม่ให้เสื้อผ้า...” เราอาจจะคิดว่าเราเป็นคริสตชนที่ดีแล้ว เพราะเรามาวัดวันอาทิตย์ เราไม่ได้โกงใคร เราเสียภาษีอย่างถูกต้อง แต่เราลืมทำอะไรที่สำคัญไปกว่าหรือเปล่า
ขณะที่เราฉลองพระเยซูเจ้าทรงเป็นกษัตริย์แห่งสากลจักรวาล เราที่เป็นประชากรของพระองค์นั้นจะต้องเป็นประชากรที่ดีของพระองค์ เจริญรอยตามพระแบบฉบับและคำสั่งสอนของพระองค์ พระวาจาที่เราต้องจดจำและนำไปเป็นหลักในการดำเนินชีวิตคือ “ท่านทำสิ่งใดต่อพี่น้องผู้ต่ำต้อยที่สุดของเราคนหนึ่ง ท่านก็ทำสิ่งนั้นต่อเราเอง”
ข้อตั้งใจที่อยากให้ทุกคนนำไปปฏิบัติ คือให้แสดงความรักและกิจเมตตาต่อเพื่อนพี่น้องอย่างน้อยวันละ 1 ประการ
ratchaburidio.or.th
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ แบ่งปันคำหนุนใจอันอบอุ่นของพระองค์กับผู้อื่น
พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ แบ่งปันคำหนุนใจอันอบอุ่นของพระองค์กับผู้อื่น อ่านสดุดี 31:1 ถึง 33:22; กิจการ 15:22–41 เมื่อคนต่างชา...
.png)
-
เซาโล (เปาโล) - ยอมรับบาปและกลับใจ เซาโลข่มเหงคริสตจักร และ เซาโล ก็เห็นชอบด้วยกับการฆ่าสเทเฟน ขณะนั้นเกิดการข่มเหงคริสตจักรครั้งใหญ...
-
อ่านพระคัมภีร์ 365 วัน วันที่ 205 - ครอบครัวที่พระเจ้าทรงพอพระทัย จงให้พระวจนะของพระคริสต์เปี่ยมล้นอยู่ในท่านขณะที่ท่านสั่งสอนแล...
-
วันที่สองร้อยยี่สิบเก้า – พันธสัญญาบนท้องฟ้า 12และพระเจ้าตรัสว่า “นี่คือเครื่องหมายแห่งพันธสัญญาที่เรากำลังทำระหว่างเรากับเจ้าและก...