วันอาทิตย์ที่ 3 สิงหาคม พ.ศ. 2557

ความเชื่อของชาวคาทอลิก ที่มีต่อ พระแม่มารีอา คือ

ชาวคาทอลิกเชื่อว่า พระแม่มารีอา คือ
พระมารดาขององค์พระคริสต์ ปฏิสนธิอันนิรมลด้วยอานุภาพแห่งองค์พระเจ้า พระนางได้รับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ พระนางเป็นคนกลางแจกจ่ายพระหรรษทานทุกประการ
คริสตชนนิกายโรมันคาทอลิก มีความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารี หรือคริสตชนเรียกว่า "แม่พระ" คำว่า "แม่พระ" เป็นคำที่ยกย่องพระนางมารีอามาตั้งแต่สมัยศตวรรษแรกๆ

บรรดาคริสตชนถึงกับถวายพระนามว่า "มารดาพระเจ้า" (Mater Dei) นักเทววิทยาได้อธิบาย และอ้างข้อความในพระคัมภีร์ สนับสนุนข้อความเชื่อนี้ และข้อความเชื่ออื่นๆอีกหลายประการเกี่ยวกับพระนางมารีอา เช่น

"แม่พระรับเกียรติยกขึ้นสวรรค์ทั้งกายและวิญญาณ" เป็นความเชื่อว่าเมื่อพระนางมารีอาสิ้นใจ ได้รับเกียรติ
จากพระเป็นเจ้าให้ออกจากโลกนี้พร้อมทั้งร่างกายและวิญญาณไปสู่สวรรค์ คริสตชนยุคแรกๆ เชื่อกันมาดังนี้เป็นเวลายาวนาน.. ก่อนที่พระสันตะปาปาจะประกาศเป็นข้อความเชื่อที่คริสตชนต้องเชื่อเสียอีก

แต่ที่คริสตชนมีความศรัทธาภักดีต่อแม่พระ ก็เนื่องจากชีวิตและฤทธิ์กุศลความดีงามต่างๆในชีวิตของพระนาง เป็นแบบอย่างที่ดีแก่เราในการดำเนินชีวิตคริสตชน ฤทธิ์กุศลที่สำคัญในชีวิตแม่พระคือ

ความบริสุทธิ์ หมายถึงพระนางมารีอาบังเกิดมาไม่มีบาปกำเนิด และยังดำเนินชีวิตถือพระบัญญัติของพระเป็นเจ้าอย่างครบถ้วน ไม่กระทำบาป อีกทั้งได้ถวายตัวแด่พระเป็นเจ้าตั้งแต่ยังเด็ก โดยตั้งใจว่าจะถือพรหมจรรย์ แต่พระเป็นเจ้าก็ทรงมีแผนการโดยการใช้ให้เทวดาคาเบรียลมาแจ้งแก่แม่พระว่า พระนางจะตั้งครรภ์และกำเนิดบุตรชาย และให้ตั้งชื่อว่า "เยซู" พระนางมารีอาถามว่าเหตุการณ์นี้จะเป็นไปได้อย่างไร เพราะพระนางยังเป็นพรหมจารีอยู่ เทวดาตอบว่าการตั้งครรภ์นั้นมิได้เกิดตามธรรมชาติฝ่ายเนื้อหนัง แต่เกิดจากฤทธิ์อำนาจของพระจิตเจ้าเด็กที่เกิดมาจะเป็นพระผู้ไถ่โลกพระนางมารีจึงตอบว่า
"ข้าพเจ้าเป็นผู้รับใช้ของพระเป็นเจ้า จงเป็นไปแก่ข้าพเจ้าตามวาทะของท่าน"(ลก. 1:38)แล้วนั้นพระวจนาตถ์ก็ทรงรับเอากาย และมาประทับอยู่ท่ามกลางเรา (ยน. 1:14)

ความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟัง 
พระนางมารีอามีความสุภาพนอบน้อมเชื่อฟังน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า อันเป็นฤทธิ์กุศลที่บรรดาคริสตชนพึงมี ระเยซูเจ้าสอนเราให้แสวงหาน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้าก่อนอื่นใดแล้วที่เหลือพระเป็นเจ้าจะแถมให้แก่เราเอง หมายถึงจัดการทุกสิ่งทุกอย่างแก่เราเอง คริสตชนยินดีรับทุกสิ่งทุกอย่างที่ผ่านเข้ามาในชีวิตด้วยความนอบน้อมราบเรียบด้วยความไว้วางใจในพระเป็นเจ้า

ความรัก 
การยินดีเสียสละน้ำใจตนเอง เพื่อรับน้ำพระทัยของพระเป็นเจ้า เพราะรักพระของพระนางมารีอา เป็นตัวอย่างในเรื่องการเลือกเอาพระเป็นเจ้ามาเป็นอันดับหนึ่งในชีวิตคริสตชน เพราะรักพระเป็นเจ้า พระนางจึงยอมรับทุกอย่าง เพื่อให้สำเร็จตามแผนการณ์ไถ่บาปมนุษย์ของพระเป็นเจ้า คริสตชนทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการกอบกู้มนุษยชาติให้กลับมาเป็นลูกของพระ

พระนางมารีอาได้ร่วมมือกับพระเป็นเจ้าในการให้กำเนิดพระมหาไถ่ คือพระเยซูเจ้า ไม่ว่าจะมีความยากลำบากสักเพียงใดอยู่ในเหตุการณ์นี้ ฯลฯ ความดีและฤทธิ์กุศลที่พระนางมารีอาเสียสละ พระเยซูเจ้าทรงตอบแทน และคืนความดีทุกอย่างแด่แม่ของพระองค์ นั่นคือ โดยการยกเอาพระนางมารีอาไปสวรรค์ทั้งร่างกายและวิญญาณ บัดนี้เราเชื่อว่า พระนางมารีอาประทับอยู่บนสวรรค์กับพระเยซูเจ้า พระบุตรของพระนาง แต่พระนางก็ยังและเมตตาพวกเราทุกคน, ลูกๆของพระนาง ด้วยว่าแทบเชิงกางเขน ก่อนพระเยซูเจ้าสิ้นพระชนม์ บรรดาสานุศิษย์ต่างกลัว และหนีไปหมด แต่พระแม่กลับยืนอยู่ที่แทบเชิงกางเขนกับนักบุญยอห์น ณ ที่นั่น พระเยซูเจ้ามองลงมาจากกางเขน แล้วตรัสว่า
"สตรีเอ๋ยนี่แน่ะลูกของท่าน"และตรัสแก่ศิษย์นั้นว่า "นี่แน่ะ แม่ของเจ้า"


ตั้งแต่นั้นมาศิษย์ผู้นั้นก็รับพระนางไปอยู่ที่บ้านของตน เป็นเสมือนคำที่พระเยซูเจ้ามอบชาวเราทุกคนให้เป็นลูกของแม่พระ และให้แม่พระดูแลรักเราเป็นลูกของพระนาง เป็นผู้เสนอวิงวอนตามคำภาวนาของเราที่มีต่อพระเป็นเจ้าแท้จริงคริสตชนมิได้นมัสการพระนางมารีอาแทนพระเป็นเจ้า แต่ใช้คำว่า "ศรัทธาภักดี" ด้วยความเชื่อเก่าแก่ที่สืบทอดมาทางธรรมประเพณี (Tradition) ว่าพระนางเป็นผู้นำคำภาวนาของเราไปทูลขอต่อพระเป็นเจ้าเพื่อเรา ด้วยว่าคริสตชนรำลึกถึงความต่ำต้อย และไม่สมควรของเรา คำภาวนาอาศัยพระนางมารีอาย่อมสมควรกว่า ความศรัทธาภักดีต่อพระนางมารีอาที่ถูกต้องก็คือ พระนางจะพาลูกๆของพระนางทุกคนไปหาพระเป็นเจ้า "เข้าหาพระเยซูเจ้าผ่านทางแม่พระ" เป็นคำพูดเตือนใจเราคริสตชนอยู่เสมอ

พระนางยินดีที่พระองค์ได้เสด็จขึ้นสวรรค์กลับไปหาพระบิดา แต่เศร้าพระทัยมากเพราะบัดนี้พระนางจะต้องอยู่คนเดียวในโลก ขณะพระองค์ลอยขึ้นสวรรค์พระนางจ้องมองพระองค์ไม่ละสายพระเนตรและรำพันว่า "โอ้ โปรดอย่าลืมแม่เมื่อลูกอยู่ในพระอาณาจักร อย่าจากแม่นานเกินไปนะ ลูกรักของแม่"
แน่นอน พระนางมารีอาได้เจริญชีวิตนานหลายปีในโลกเพื่อพระศาสนจักร พระนางเป็นพยานช่วยเผยแพร่พระวาจาและพระนามของพระเยซูเจ้าให้เป็นที่รู้จักกันทั่วโลก เมื่อพระนางมารีอาพอพระทัยที่งานของพระนางได้สำเร็จลุล่วงไปด้วยดีพระนางมีความปรารถนาอย่างแรงกล้าที่จะได้เชยชมพระพักตร์พระเจ้าผู้ได้กลับคืนพระชนม์ชีพ และทรงขอให้พระองค์รับพระนางเข้าพระอาณาจักรของพระองค์

เทวทูตของพระเจ้าได้ปรากฏกายต่อหน้าพระนางพรหมจารีมารีอาและพูดว่า "วันทามารีอา เปี่ยมด้วยพระพรของพระผู้ไถ่บาปของโลก ข้าพเจ้านำมาให้ท่านกิ่งปาล์มจากสวนสวรรค์ ในวันสุดท้ายของท่าน ให้ถือกิ่งไม้นี้นำหน้าท่านในขบวนแห่พระศพ โอ้ พระนางมารีอา เปี่ยมด้วยพระหรรษทาน ภายในเวลาสามวันดวงพระวิญญาณของท่านจะออกจากพระกาย ท่านจะเข้าสวรรค์และพระบุตรจะรอรับท่านที่นั่น" ข่าวนี้ได้นำความปิติยินดีมาให้พระนางมารีอา พระนางได้ขอบพระคุณพระบุตร คนที่อยู่ใกล้ชิดพระนางและพระอาจารย์เจ้าจะต้องรับทราบเรื่องนี้ด้วย พระนางจึงคุกเข่าสวดภาวนาขอให้อัครสาวกทุกคนมาชุมนุมกัน รอบๆพระนางในชั่วโมงสุดท้าย 

พระเจ้าได้ส่งข่าวไปทั่วโลกและลูกศิษย์ของพระองค์ได้กลับมายังกรุงเยรูซาเล็ม ยอห์นกลับจากเอฟีซัส ใบหน้าของเขาทั้งเสียใจและตกใจ พระนางทรงอยู่กับพวกเขาเป็นเวลานานทีเดียว ยอห์นไม่อาจเชี่อ ว่าพระนางมารีอากำลังจะจากเขาไป ปีเตอร์มาจากแอนทิโอท ใบหน้าของเขามีร่องรอยน้ำตาจากการร้องไห้ อัครสาวกอื่นๆกำลังแพร่ธรรมอยู่ในที่ต่างๆได้ทราบข่าว โดยการดลใจจากเบื้องบนและกำลังเดินทางกลับมายังบ้านของพระนางมารีอา ฟีลิปมาจากอียิปต์ เจมส์จากสเปน บาร์โธโรมิวจากแถบทะเลแดง อัครสาวกทุกองค์ยกเว้นโทมัสได้มาชุมนุมกัน ณ ที่แห่งนั้น
กิ่งปาล์มที่เทวทูตได้มาถวายให้ฉายแสงเป็นประกายระยิบระยับเหมือนดาวประจำรุ่ง ทุกใบบนกิ่งมีพระแสงสว่างไสว เมื่อทุกคนมาชุมนุมกันเรียบร้อยแล้ว พระนางมารีอาประทานพรแก่พวกเขา ส่งให้นักบุญยอห์นกิ่งปาล์มที่ส่องแสงแพรวพราย และทรงขอให้เขานำขบวนแห่ไปยังคูหา พระพักตร์ของพระนางมารีอาฉายแสงเจิดจ้าและเปลี่ยนเป็นใบหน้าของหญิงสาว ดวงพระเนตรของพระนางจ้องมองไปยังเมืองสวรรค์ ทันใดนั้นเองทั้งห้องมีเสียงดนตรีไพเราะจับใจก้องกังวานและพระเยซูคริสตเจ้าทรงประจักษ์มาพร้อมด้วยหมู่เทวดาและนักบุญทั้งหลาย พระนางนอนลง พระกายหยุดหายใจ พระวิญญาณลอยขึ้นไปพร้อมกับพระบุตรและเสด็จเข้าสวรรค์ อัครสาวกหามพระกายของพระนางมารีอาไปยังพระวิหารและวางพระศพในคูหา เขาทั้งหลายสวดภาวนาข้างๆพระศพเป็นเวลาสามวัน ในวันที่สามโทมัสเดินทางมาถึงและอยากเห็นพระนางเนื่องจากเขาไม่ได้อยู่ที่นั่น เมื่อก้อนหินใหญ่ปิดทางเข้าคูหาถูกกลิ้งไปไว้ข้างๆพวกเขาได้พบคูหาว่างเปล่ามีกลิ่นหอมดอกกุหลาบอบอวลทั้งห้อง ที่วางพระกายของพระนางมารีอาบัดนี้มีดอกลิลลี่ดอกไม้แห่งความสะอาดบริสุทธิ์ปราศจากมลทินผุดขึ้นมา พระกายของพระนางทรงศักดิ์สิทธิ์มาก ไม่เหมาะสมที่จะประทับอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป จึงถูกยกขึ้นสวรรค์โดยปีกของหมู่เทวดา 
http://act.ac.th

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...