วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การ​ให้​อภัย​คือ​อะไร? และปรัชญาคำสอนเกี่ยวกับ การให้อภัย

การ​ให้​อภัย​คือ​อะไร?

คำ​ตอบ​จาก​คัมภีร์​ไบเบิล

การ​ให้​อภัย คือ การ​ยก​โทษ​ให้​คน​ที่​ทำ​ผิด ใน​คัมภีร์​ไบเบิล คำ​ภาษา​กรีก​ที่​แปล​ว่า “การ​ให้​อภัย” มี​ความ​หมาย​ตรง​ตัว​ว่า “ปล่อย​ไป” เหมือน​กับ​ที่​เจ้าหนี้​ยอม​ยก​หนี้​ให้​คน​ที่​เป็น​หนี้​เขา พระ​เยซู​ใช้​การ​เปรียบ​เทียบ​แบบ​นี้​ตอน​ที่​ท่าน​สอน​สาวก​ให้​อธิษฐาน​ว่า “ขอ​ทรง​อภัย​บาป​ของ​ข้าพเจ้า​ทั้ง​หลาย เพราะ​ข้าพเจ้า​ก็​ให้​อภัย​ทุก​คน​ที่​เป็น​หนี้​ความ​ผิด​ต่อ​ข้าพเจ้า​เช่น​กัน” (ลูกา 11:4) ตอน​ที่​พระ​เยซู​เล่า​ตัว​อย่าง​เรื่อง​ทาส​ที่​ไม่​ยอม​ยก​หนี้ ท่าน​เปรียบ​การ​ให้​อภัย​ว่า​เป็น​เหมือน​กับ​การ​ยก​หนี้—มัทธิว18:23-35

การ​ให้​อภัย​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า

  • เห็น​ด้วย​กับ​การ​กระทำ​แบบ​นั้น คัมภีร์​ไบเบิล​ตำหนิ​คน​ที่​เห็น​ชั่ว​เป็น​ดี เพราะ​เขา​คิด​ว่า​มัน​ไม่​เสียหาย​อะไร​หรือ​เป็น​สิ่ง​ที่​ยอม​รับ​ได้—อิสยาห์ 5:20
  • ทำ​เป็น​ไม่​เห็น พระเจ้า​ให้​อภัย​กษัตริย์​ดาวิด​ที่​ทำ​บาป​ร้ายแรง แต่​พระองค์​ไม่​ได้​ทำ​เป็น​ไม่​เห็น​ความ​ผิด​ที่​เขา​ทำ​แล้ว​ก็​ปก​ป้อง​ไม่​ให้​เขา​ต้อง​เจอ​กับ​เรื่อง​ร้าย ๆ ที่​ตาม​มา พระเจ้า​ถึง​กับ​ให้​มี​การ​บันทึก​เรื่อง​ราว​ของ​ดาวิด​ไว้​เป็น​เครื่อง​เตือน​ใจ​เรา​ใน​ทุก​วัน​นี้​ด้วย—2 ซามูเอล 12:9-13
  • ยอม​ให้​คน​อื่น​เอา​เปรียบ ยก​ตัว​อย่าง​เช่น คุณ​ให้​คน​อื่น​ยืม​เงิน แต่​เขา​กลับ​ทำ​ให้​เงิน​นั้น​สูญ​เปล่า และ​ไม่​สามารถ​หา​เงิน​มา​คืน​คุณ​อย่าง​ที่​สัญญา​ไว้ เขา​เสียใจ​มาก​แล้ว​ก็​ขอ​โทษ​คุณ คุณ​อาจ​จะ​ให้​อภัย​เขา​และ​ไม่​เก็บ​เรื่อง​นั้น​มา​เป็น​อารมณ์ ไม่​ทวงถาม​ให้​กลุ้ม​ใจ​อีก และ​บาง​ที​ถึง​กับ​ยก​หนี้​ก้อน​นั้น​ให้​เขา​เลย แต่​คุณ​อาจ​จะ​ไม่​ให้​เขา​ยืม​เงิน​อีก​ก็​ได้—บทเพลง​สรรเสริญ 37:21; สุภาษิต 14:15; 22:3; กาลาเทีย 6:7
  • ยก​โทษ​ให้​คน​ที่​ไม่​คู่​ควร​จะ​ได้​รับ​การ​อภัย พระเจ้า​ไม่​ได้​ให้​อภัย​คน​ที่​จงใจ​ทำ​บาป​ร้ายแรง หรือ​คน​ที่​ไม่​ยอม​รับ​ผิด ไม่​ยอม​กลับ​เนื้อ​กลับ​ตัว และ​ไม่​ยอม​ขอ​โทษ​อีก​ฝ่าย​หนึ่ง (สุภาษิต 28:13; กิจการ 26:20; ฮีบรู 10:26) คน​ที่​ไม่​สำนึก​ผิด​และ​ไม่​กลับ​ใจ​ก็​เป็น​ศัตรู​กับ​พระเจ้า และ​พระองค์​ไม่​ต้องการ​ให้​เรา​ยก​โทษ​ให้​คน​ที่​พระองค์​ไม่​ยก​โทษ​ให้​ด้วย—บทเพลง​สรรเสริญ 139:21, 22
    ถ้า​มี​ใคร​ทำ​กับ​คุณ​อย่าง​เลว​ร้าย แล้ว​เขา​ก็​ไม่​ยอม​ขอ​โทษ​หรือ​ไม่​ยอม​รับ​ผิด คุณ​จะ​ทำ​อย่าง​ไร? คัมภีร์​ไบเบิล​แนะ​นำ​ว่า “จง​อด​กลั้น​ความ​โกรธ​ไว้ และ​ระงับ​ความ​โทโส​เสีย” (บทเพลง​สรรเสริญ 37:8) แม้​คุณ​ไม่​ได้​มอง​ข้าม​ความ​ผิด​ที่​เขา​ทำ แต่​คุณ​ก็​ไม่​จำเป็น​ต้อง​โกรธ ขอ​ให้​ไว้​วางใจ​ว่า​พระเจ้า​จะ​จัด​การ​กับ​คน​ที่​ทำ​ผิด​แน่ ๆ (ฮีบรู 10:30, 31) นอก​จาก​นี้ คุณ​อาจ​รู้สึก​สบาย​ใจ​ขึ้น​เมื่อ​รู้​ว่า​จะ​มี​วัน​หนึ่ง​ที่​พระเจ้า​จะ​ทำ​ให้​ความ​เจ็บ​ปวด​หรือ​ความ​ทุกข์​ที่​เรา​แบก​รับ​อยู่​ใน​ทุก​วัน​นี้​หมด​สิ้น​ไป—อิสยาห์ 65:17; วิวรณ์ 21:4
  • “ให้​อภัย” ใน​เรื่อง​ที่​เรา​คิด​ไป​เอง​ว่า​เป็น​ความ​ผิด​ของ​เขา บาง​ครั้ง เรา​อาจ​ต้อง​ยอม​รับ​ว่า ไม่​มี​เหตุ​ผล​ที่​เรา​จะ​โกรธ​ด้วย​ซ้ำ อย่า​ว่า​แต่​จะ​ยก​โทษ​ให้​กับ​คน​ที่​เรา​คิด​ว่า​เขา​ทำ​ผิด​ต่อ​เรา​เลย คัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า “อย่า​ปล่อย​ให้​ใจ​ของ​เจ้า​โกรธ​เร็ว เพราะ​ความ​โกรธ​อยู่​ใน​ใจ​ของ​คน​โง่”—ท่าน​ผู้​ประกาศ 7:9พระ​คริสตธรรม​คัมภีร์ ฉบับ​อมตธรรม​ร่วม​สมัย

จะ​ให้​อภัย​คน​อื่น​ได้​อย่าง​ไร?

  1. จำ​ความ​หมาย​ของ​การ​ให้​อภัย​เอา​ไว้​เสมอ การ​ให้​อภัย​ไม่​ได้​หมาย​ความ​ว่า​คุณ​ยอม​ให้​กับ​การ​ทำ​ผิด​หรือ​ทำ​เหมือน​กับ​ว่า​ความ​ผิด​นั้น​ไม่​ได้​เกิด​ขึ้น คุณ​เพียง​แต่​ยอม​ให้​เรื่อง​นั้น​ผ่าน​ไป
  2. นึก​ถึง​ข้อ​ดี​ของ​การ​ให้​อภัย การ​ไม่​ถือ​โทษ​หรือ​แค้น​เคือง​อาจ​ช่วย​ให้​คุณ​มี​ใจ​สงบ​ไม่​ร้อน​รุ่ม ไม่​เสีย​สุขภาพ และ​ทำ​ให้​คุณ​มี​ความ​สุข​มาก​ขึ้น (สุภาษิต 14:30; มัทธิว 5:9) ที่​สำคัญ​ยิ่ง​กว่า​นั้น ถ้า​คุณ​ให้​อภัย​คน​อื่น พระเจ้า​ก็​จะ​ให้​อภัย​คุณ—มัทธิว 6:14, 15
  3. เอา​ใจ​เขา​มา​ใส่​ใจ​เรา ไม่​มี​ใคร​เป็น​คน​สมบูรณ์​แบบ (ยากอบ 3:2) ถ้า​เรา​รู้สึก​ขอบคุณ​เมื่อ​มี​คน​ยอม​ยก​โทษ​ให้​เรา เรา​ก็​น่า​จะ​ยก​โทษ​ให้​คน​ที่​ทำ​ผิด​ต่อ​เรา​ด้วย—มัทธิว 7:12
  4. เป็น​คน​ที่​มี​เหตุ​ผล แม้​มี​เหตุ​ที่​จะ​บ่น​ได้ แต่​เรา​ก็​อาจ​เอา​คำ​แนะ​นำ​ใน​ข้อ​คัมภีร์​นี้​มา​ใช้​ที่​ว่า “จง​ทน​กัน​และ​กัน​เรื่อย​ไป”—โคโลสี 3:13
  5. ทำ​ทันที ให้​อภัย​เร็ว​ที่​สุด​เท่า​ที่​จะ​ทำ​ได้ ดี​กว่า​เก็บ​ความ​โกรธ​ไว้​ใน​ใจ—เอเฟซัส 4:26, 27
ขอบคุณข้อมูลจาก www.jw.org

ปรัชญาคำสอนในพระคัมภีร์

การให้อภัยคล้ายกับเป็นการปล่อยนักโทษให้เป็นอิสระ แล้วมาพบว่า นักโทษนั้นก็คือ ตัวคุณเอง

คำสอนในพระคัมภีร์ (มัทธิ 6:14,15)
หากท่านให้อภัยผู้ที่กระทำผิดต่อท่าน พระบิดาเจ้าก็จะทรงให้อภัยท่านด้วย แต่หากท่านไม่ให้อภัยผู้อื่น พระบิดาของท่านก็จะไม่ทรงให้อภัยแก่ท่านเช่นกัน



การพูดเป็นคำสุดท้าย ควรเป็นการกล่าวขออภัย

คำสอนในพระคัมภีร์ (สุภาษิต 6:2,3)
ลูกรัก หากลูกตกเป็นเหยื่อของสิ่งที่พูด หรือถูกคำพูดของลูกเป็นกับดัก ก็จงทำดังนี้สิ จงปลดปล่อยตัวของลูกเสีย เมื่อลูกตกเป็นเหยื่อในเงื้อมมือของเพื่อนบ้านแล้ว จงถ่อมตนแล้ววิงวอนเพื่อนบ้านของลูก



ผู้ที่ไม่ให้อภัย คือผู้ที่ทำลายสะพานที่เขาเองจะต้องข้าม.

คำสอนในพระคัมภีร์ (มัทธิว 6:14
หากท่านให้อภัยความผิด ที่ผู้อื่นกระทำต่อท่าน พระบิดาเจ้าของท่านในสวรรค์ ก็จะทรงให้อภัยแก่ท่านด้วย



 “การให้อภัย” ซึ่งสามารถเยียวยาความวุ่นวายภายใจจิตใจของเราและของสังคมของเรานั้นไม่ได้มาจากตัวเรา เราเองไม่สามารถยกโทษให้ใครได้ ถ้าไม่ได้รับความช่วยเหลือจากเบื้องบน ซึ่งเราคริสชนเรียกว่า “พระหรรษทาน” เมื่อพระเยซูเจ้าทรงสั่งเราให้รักแม้กระทั่งศัตรู พระองค์ไม่ได้ทรงสั่งแต่อย่างเดียวแต่พระองค์ประทานพระหรรษทานให้กับเราด้วย ดังนั้นสิ่งใดที่เกินกว่าความสามารถของเรา ขอให้เราอย่าลืมวอนขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เป็นต้นในวันนี้ในเรื่องของการยกโทษหรือการให้อภัยต่อบุคคลที่กระทำผิดต่อเรา

ในเรื่องของการอภัยกับบุคคลที่ยากแก่การให้อภัยนั้น เราสามารถกระทำได้หลายวิธีด้วยกัน

                  ประการแรกการวอนของพละกำลังจากองค์พระผู้เป็นเจ้า “ข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยลูกให้สามารถให้อภัยกับพี่น้อง...ที่กระทำผิดต่อลูกด้วย อาแมน”

                 ประการที่สอง ให้เราหาเวลานั่งนิ่งๆอยู่ต่อหน้าพระเจ้า อาจจะเป็นในวัด หรือหน้ารูปพระที่อยู่ในบ้านของเรา พิจารณาคำสอนของพระเยซูเจ้าที่เราได้รับฟังในวันนี้ พิจารณาตนเองว่าเราเองได้รับพระเมตตาจากพระเจ้ามากมายเพียงใด เราเองก็เป็นคนบาป เราทำบาปมากมาย แต่พระเจ้าทรงยกโทษให้เราเสมอ แล้วเราทำไมยังไม่ยอมยกโทษให้ผู้อื่นบ้าง พระเจ้าทรงยกโทษให้เรา เพื่อให้เราออกไปยกโทษให้ผู้อื่น

              ประการที่สาม ให้เรามองศัตรูของเราในแง่มุมใหม่ คือ อย่าคิดว่าเขาเป็นศัตรูคู่แค้นของเรา แต่เขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่งเหมือนๆกับตัวเราเอง ที่บางครั้งเราก็ผิดพลาด เราก็ยึดเอาแต่ประโยชน์ส่วนตน ฯลฯ เขาเองก็มีความทุกข์ มีภาระเช่นเดียวกับเรา เราอย่าไปเพิ่มปัญหาให้แก่กันและกันเลย แต่พยายามมองข้อดีหรือสิ่งดีๆในตัวของเขาให้มากขึ้น พระเยซูเจ้าทรงภาวนาขณะที่ถูกตรึงอยู่ในบนไม้กางเขนว่า “พระบิดาเจ้าข้าโปรดอภัยความผิดแก่เขาเถิด เพราะเขาไม่รู้ว่ากำลังทำอะไร”(ลูกา 23:34)

                 พระเยซูเจ้าทรงมองดูความเจ็บแค้นด้วยสายตาที่แตกต่างไปจากกับเรามนุษย์ พระองค์ทรงมองเหนือกว่าสิ่งที่ปรากฏอยู่แต่ภายนอก พระองค์ทรงมองเราที่กระทำบาปและความผิดต่างๆอย่างที่เราเป็นจริงๆ คือ เราเป็นบุตรของพระบิดาที่ยังมีความอ่อนแอ ยังเป็นคนที่ไม่สมบูรณ์ แต่อยู่ในกระบวนการพัฒนาตนเองเพื่อจะได้เป็นคนดีบริบูรณ์เหมือนพระบิดาเจ้าสวรรค์ของเรา



                 การที่เราจะยกโทษให้ศัตรูของเราได้นั้น เราต้องเริ่มต้นด้วยการมองโลกและคนในแง่มุมใหม่ เราต้องมองเพื่อนมนุษย์ของเราด้วยสายตาของพระเยซูเจ้า

คำตอบสำหรับการยกโทษให้ผู้อื่นนั้น เราต้องเริ่มจากการภาวนาขอพระหรรษทานจากพระเจ้าเพื่อให้เรากล้าที่จะยกโทษให้ผู้อื่น สองดูแบบอย่างของพระเยซูเจ้าที่ยกโทษให้อย่างไม่มีสิ้นสุด สามมองบุคคลที่เราไม่ชอบหรือมีเรื่องกับเราด้วยสายตาของพระเยซูเจ้า

ความผิดพลาดเกิดขึ้นได้เสมอกับคนทุกคน
เราทุกคนต้องฝึกที่จะยอมรับในสิ่งผิดพลาดที่เกิดขึ้นในชีวิต
รู้จักให้อภัยแก่ตัวเองและผู้อื่น
และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะยอมรับความผิดพลาดจนเป็นนิสัย
เราก็จะสามารถอธิษฐานให้พระเจ้า
ยกโทษบาปผิดนั้นๆได้จากใจจริง
และยังทำให้เราเลิกโยนความผิดพลาดใดๆก็แล้วแต่ให้กับคนอื่น

ขอพระเจ้าทรงนำเราทุกคน
ให้ยอมรับความผิดพลาด
และระมัดระวังทุกๆคำพูดจากปากของเรา
และให้ชื่นชมยินดีในพระองค์ในทุกๆสถานการณ์


ขอพระเจ้าทรงอวยพระพรทุกท่านค่ะ



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...