วันพฤหัสบดีที่ 27 ธันวาคม พ.ศ. 2561

อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง สารพัดอนิจจัง


อย่าโอ้อวดเรื่องของวันพรุ่งนี้ เพราะเจ้าไม่รู้ว่าในวันหนึ่งจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง
 สุภาษิต 27:1, TNCV

ปัญญาจารย์ 1:2 “ปัญญาจารย์กล่าวว่า อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง สารพัดอนิจจัง”


ปัญญาจารย์    “ภายใต้ดวงอาทิตย์...ทุกสิ่งมีวาระ ”

          ปัญญาจารย์ได้กล่าวไว้ว่าชีวิตภายใต้ดวงอาทิตย์ สิ่งต่างๆจะหมุนเวียนเปลี่ยนไปตามวาระ  ตามฤดูกาล  เวลาไม่ได้เห็นแก่หน้าใคร ทุกคนล้วนได้เวลาแต่ละวันที่เท่ากันหมด เราไม่สามารถควบคุมเวลาได้ ดูเหมือนเวลาจะเป็นผู้ควบคุมเรามากกว่า ชีวิตมีการผันแปรอยู่ตลอดเวลา บ่อยครั้งดูเหมือนว่าเราสามารถควบคุมสถานการณ์ต่างๆให้เป็นไปตามแผนการณ์ของเรา แต่ก็เป็นความจริงว่ามีไม่น้อยครั้งที่เราต้องปล่อยให้เป็นไปตามวาระ ตามกาลเวลาของมัน อะไรจะเกิดก็ต้องปล่อยให้เกิด อย่างไรก็ตามพระเจ้าได้ทรงบรรจุนิรันดร์กาลไว้ในจิตใจมนุษย์เพื่อมนุษย์จะเข้าใจชีวิตนิรันดร์ที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้สำหรับมนุษยชาติ ด้วยเหตุนี้มนุษย์ขณะอยู่บนโลกนี้ต้องยำเกรงพระเจ้าและชื่นชมยินดีกับชีวิตที่พระเจ้าทรงประทานให้


หลายปีมานี้
ข้าพเจ้าเริ่มรู้สึกกลัว เพราะยิ่งอายุมากขึ้น คนที่เรารัก และห่วงใย ก็เกิดเจ็บไข้ได้ป่วยและล้มหายตายจากไป
การสูญเสียบุคคลที่เรารกไป ได้บอกกับข้าพเจ้าว่า “ชีวิตของเราเป็นอนิจจัง” ไม่มีอะไรจีรังยั่งยืน ดังที่พระคัมภีร์ได้กล่าวไว้
ข้าพเจ้าเริ่มคิดได้มากขึ้นๆ จากประสบการณ์ที่ผ่านเข้ามา ข้าพเจ้าปล่อยให้สิ่งต่างๆเป็นไปตามวาระ  ได้มาก็ดี ไม่ได้ก็ไม่เป็นไร ทำใจยอมรับกับสิ่งที่เป็นไป เพราะในพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า ทุกสิ่งอย่างต่างก็มีวาระของมัน รวมถึงตัวเราเองด้วยเช่นกัน

หลายปีมานี้
การดำเนินชีวิตบอกกับข้าพเจ้าว่า “จิตที่ให้ร้ายผู้อื่นไม่ควรมีและ จิตปกป้องตนเองไม่ควรหายไป”
การดำเนินชีวิตยังบอกกับข้าพเจ้าอีกว่า “นอกเสียจากคนในครอบครัว อย่าไว้ใจคนอื่นให้มากนัก”

หลายปีมานี้
ข้าพเจ้ารู้แล้วว่า ข้าพเจ้าควรดีต่อทุกคน ไม่ใช่ดีแต่กับคนที่ดีกับเรา เพราะพระคัมภีร์สอนให้เรารู้จักรักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง รักเขาและพยายามมองข้ามความไม่น่ารักของเขา เราต้องฝึกทำ ของแบบนี้ไม่ใช่เปลี่ยนกันได้ในวันสองวัน มันต่างก็ต้องใช้เวลา และ โดยเฉพาะคนที่ดีต่อเรา เราต้องยิ่งใส่ใจ ให้เวลา เขาให้มากที่สุด
ข้าพเจ้าเข้าใจแล้วว่า วันเวลาอาจไม่ช่วยให้เราผูกพันกับใคร แต่มันช่วยให้เราเข้าใจคนๆนั้น หรือเหตุการณ์นั้นๆ มากยิ่งขึ้น
ข้าพเจ้ารู้ซึ้งแล้วว่า นอกเสียจากพ่อและแม่ ก็ไม่เห็นมีใครที่จะให้อภัยข้าพเจ้าได้เหมือนท่านทั้งสองคน และพระพรอีกข้อคือ คู่ชีวิตที่ดี ไม่ใช่ว่าเราทุกคนจะเจอ แต่ถ้าเรามีคนแบบนี้ เราก็ควรรู้จักถนอมเขาไว้นานๆ จนตายจากกันไป พระคัมภีร์สอนเอาไว้ว่า อยากได้รับการปฏิบัติแบบไหน เราก็ต้องเป็นฝ่ายเริ่มทำ ก่อน

หลายปีมานี้
ข้าพเจ้าเปลี่ยนไป ความทุกข์ที่ข้าพเจ้าได้เจอ มันทำให้ข้าพเจ้าแกร่งมากยิ่งขึ้น เปรียบเสมือนต้นกระบองเพชรไม่ว่าจะถูก โยนลงไปที่ไหนก็มีชีวิตได้ในทุกที่ ความทุกข์ทำให้ข้าพเจ้าเรียนรู้วิธีเอาตัวรอด
ข้าพเจ้ายกระดับจิตได้มากยิ่งขึ้น ต่อเรื่องราวต่างๆที่ไม่ถูกตา ไม่ถูกใจ ข้าพเจ้าสามารถรับรู้และเห็นมันได้ แต่ข้าพเจ้าเรียนรู้ที่ไม่นำมันมาใส่ใจได้อย่างสบายๆ ของแบบนี้ต้องใช้เวลาฝึก เพราะเราไปเปลี่ยนแปลงคนอื่นไม่ได้ เราต้องเริ่มเปลี่ยนที่ใจของเรา

หลายปีมานี้
ในชีวิตจริงที่เคยพบเจอมาบอกกับข้าพเจ้าว่า ต่อให้ข้าพเจ้ามีภาพลักษณ์ภายนอกที่ เก่งดีพร้อม ทุกอย่าง สำหรับคนที่ไม่ชอบข้าพเจ้า ทำอย่างไรเขาก็ไม่มีทางชอบข้าพเจ้าอยู่ดี
ในชีวิตจริงที่เคยพบเจอมาบอกกับข้าพเจ้าว่า ต่อให้ข้าพเจ้ามีรูปลักษณ์ภายนอกเปลี่ยนไป มีข้อเสียบ้าง  คนที่ชอบ และรัก อย่างจริงใจ คอยช่วยเหลือ คอยสนับสนุนข้าพเจ้า ไม่ว่าจะอย่างไรเขาก็ไม่มีทางทิ้งข้าพเจ้าอยู่ดี
ในชีวิตจริงที่เคยพบเจอมาบอกกับข้าพเจ้าว่า ไม่ใช่ว่าใครๆเขาจะอยู่ยินดีและยืนหยัดสู้กับข้าพเจ้าตลอดไป เพราะทุกสิ่งอย่างมีวาระของมัน หัดพึ่งพาตนเอง ข้อนี้ข้าพเจ้าต้องพยายามทำอย่างมาก เพราะข้าพเจ้ามีคู่ชีวิตที่ดีมาก เรายืนหยัด ต่อสู้ เคียงข้างกันมาตลอด ไม่ถึงขั้นตัวติดกันแต่เป็นหนึ่งเดียวกันในหลายๆเรื่อง  ข้าพเจ้าก็แอบเกิดความกลัว ความกังวลขึ้นมาในใจ ว่าจะทำอย่างไร เพราะเขาคือคนที่คอยทำทุกสิ่งอย่างเพื่อข้าพเจ้าเสมอมา ความจริงข้อนี้  ข้าพเจ้าพยายามฝึกฝนตนเองอยู่ ในเรื่องของ หัดพึ่งพาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ ข้อนี้ข้าพเจ้าสวดขอพรจากพระเจ้าให้ข้าพเจ้า ฉลาดพอที่จะเรียนรู้สิ่งใหม่ด้วยตัวเอง 
ในชีวิตจริงที่เคยพบเจอมาบอกกับข้าพเจ้าว่า เมื่อเราไม่คิดอิจฉาในสิ่งที่คนอื่นมี ชีวิตของเราก็จะเป็นสุขมากยิ่งขึ้น สุขในทุกที่ที่เราอยู่ สุขกับทุกสิ่งที่เรามี
ในชีวิตจริงที่เคยพบเจอมาบอกกับข้าพเจ้าว่า เมื่อชะตาลิขิตมาย่อมมีเกิด มีดับ หากไม่ได้ลิขิตมาก็ยอมรับมัน เพราะหากพยายาม ยื้อไว้อย่างไรก็ไม่มีทางรักษาเอาไว้ได้ (ไม่ว่าเรื่องคน เรื่องหน้าที่การงานหรือทรัพย์สินเงินทอง)

ดังนั้น ข้าพเจ้าจึงบอกกับตัวเองว่า
เรื่องที่ถูกเรา ต้องยืนหยัด
เรื่องที่ผิดเรา ต้องเลิกทำ
วันวานไม่อาจหวนกลับให้เราปล่อยมันไป
วันนี้เป็นของเรา จงทำให้ดีที่สุด
วันพรุ่งนี้มีไว้เพื่อแก้ไข ต้องรู้จักรักษาโอกาสที่ผ่านเข้ามาให้จงดี
เพราะมันไม่ได้มีมาตลอด

ชอพระเจ้าอวยพรทุกท่านนะคะ อย่ามัวแต่โอ้อวดถึงวันพรุ่งนี้ อย่ากังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น อยู่กับสิ่งที่มี และรู้จักขอบคุณพระเจ้าในทุกๆสถานการณ์กันนะคะ

ขอบคุณบทความดีๆที่เป็นแรงบันดาลใจจากหนังสือ นุสนธิ์บุคส์

วันศุกร์ที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เราจะค้นพบความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?


การมีชีวิตที่ดี

พระเยซูบอกเราพระองค์ต้องการให้เรามีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ นั่นเป็นข่าวดี! นั่นหมายความว่าพระองค์มีแผนการที่ยอดเยี่ยมสำหรับเรา เราอาจยังไม่ทราบว่าแผนการของพระองค์คืออะไร และจะออมาแนวไหน แต่ให้เราเริ่มต้นด้วยการใช้ชีวิตอย่างเต็มรูปแบบในวันนี้! โดยการเริ่มจาก รักครอบครัวและเพื่อนของเราอย่างสุดความสามารถ มองหาหนทางที่จะแสดงให้คนอื่นเห็นว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยอย่างไร หาวิธีที่จะสนุกสนานในทุกงานแม้กระทั่งการทำงานในบ้าน หรืองานนอกบ้านของเรา! ถ้าชีวิตของเราเต็มไปด้วยความสุข  เราก็พร้อมสำหรับทุกสิ่งที่พระเจ้าทรงวางแผนไว้สำหรับเรา

 ขโมยนั้นมาเพียงเพื่อลัก ฆ่า และทำลาย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะมีชีวิตและมีชีวิตอย่างครบบริบูรณ์


ยอห์น 10:10 (พระคริสตธรรมคัมภีร์ไทย ฉบับ พระอตมธรรมร่วมสมัย)

เราจะค้นพบความสุขในการดำเนินชีวิตประจำวันของเราได้อย่างไร?
ความสุข เป็นคำที่มีความหมายหลากหลาย ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคน สำหรับบางคนแล้ว ความสุขอาจหมายถึงความสำเร็จในชีวิต หรือความสำเร็จในเป้าหมายที่ตัวเองเคยตั้งเป้าไว้ และการได้รับค่าตอบแทนสูงๆ หรือสำหรับบางคนอาจเป็นเพียงแค่ความพึงพอใจกับการได้จิบกาแฟอุ่นๆ สักแก้วในยามเช้าที่อากาศเย็นสบาย ทั้งนี้ ไม่ว่าจะเป็นความสุขในรูปแบบไหน การที่จะ “ค้นหา” มันให้พบนั้น จำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องให้นิยามให้ได้ก่อนว่าสิ่งไหนในชีวิตที่จะทำให้เรามีความสุขที่สุด จากนั้นจึงค่อยไขว่คว้า และโอบกอดช่วงเวลาเหล่านั้นเอาไว้

เราแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราอาจมีความสุขกับสิ่งหนึ่ง แต่คนอื่นอาจมีความสุขกับอีกสิ่งหนึ่ง และเมื่อเวลาผ่านไปเราก็เปลี่ยนไปด้วย เห็นได้ชัดว่าคนเราจะมีความสุขแท้ได้ต้องมีปัจจัยอื่นด้วย เช่น รู้สึกพอใจในชีวิต ไม่อิจฉาริษยา รักคนอื่น พร้อมจะปรับเปลี่ยนและมีจิตใจที่เข้มแข็ง ให้เรามาดูว่าทำไมเรื่องเหล่านี้จึงสำคัญ

1.พอใจในชีวิต
“ถ้าคุณมีสิ่งจำเป็นในชีวิตแล้ว แม้จะมีเงินมากขึ้นก็ไม่ได้ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นไปด้วย” 
ที่จริง จากผลวิจัยพบว่า
การมีวัตถุสิ่งของเพิ่มขึ้นโดยไม่สนใจว่าจะต้องเสียอะไรไปไม่ได้ทำให้คนเรามีความสุขจริง ๆ
คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล:
 “จงให้วิถีชีวิตของพวกท่านปราศจากการรักเงิน และจงพอใจในสิ่งที่พวกท่านมีอยู่”—ฮีบรู 13:5

2. ไม่อิจฉาริษยา
ความอิจฉาริษยาคือ “ไม่พอใจหรือเจ็บใจที่เห็นคนอื่นได้ดีและอยากได้อยากมีอย่างเขาบ้าง” ความอิจฉาริษยาเป็นเหมือนเนื้อร้ายที่สามารถทำลายชีวิตและความสุขของคนเราได้
ความอิจฉาริษยาสามารถทำให้คนเราหมดความยินดีและไม่เห็นค่าสิ่งดี ๆ ในชีวิต
เราเอาชนะนิสัยขี้อิจฉาได้โดยพัฒนาความอ่อนน้อมถ่อมตนจากใจจริง คุณลักษณะนี้จะช่วยให้เรารู้สึกยินดีและเห็นคุณค่าความสามารถของคนอื่นรวมทั้งสิ่งดี ๆ ที่เขามี คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “ไม่ทำอะไรด้วยน้ำใจชิงดีชิงเด่นหรือด้วยความถือดี แต่ให้ถ่อมใจถือว่าคนอื่นดีกว่าตัว”ฟีลิปปี 2:3
คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล:
 “ขอให้เราอย่าถือดี อย่ายั่วยุให้มีการแข่งขันชิงดีกัน อย่าอิจฉากัน”—กาลาเทีย 5:26

3. พัฒนาความรักต่อคนอื่น
การมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันทำให้ผู้คนมีความสุขในชีวิตมากกว่าการมีงาน มีรายได้ มีสังคม หรือแม้แต่มีสุขภาพที่ดีด้วยซ้ำ” พูดง่าย ๆ ก็คือ คนเราจะมีความสุขแท้ต้องมีทั้งให้และได้รับความรัก คัมภีร์ไบเบิลเขียนว่า “ถ้าข้าพเจ้า . . . ไม่มีความรัก ข้าพเจ้าก็ไม่มีค่าอะไรเลย”—1 โครินท์ 13:2

ความ​รักอด​กลั้นและ​เมตตา​กรุณา ความ​รัก​ไม่​อิจฉา​ริษยา ไม่​โอ้อวด ไม่​คิด​ว่า​ตัว​เอง​เหนือ​กว่า​คน​อื่น  1 โครินธ์ 13:4 
คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล:
 “จงสวมความรัก เพราะความรักเป็นสิ่งที่ผูกพันผู้คนให้เป็นอันหนึ่งอันเดียวกันอย่างสมบูรณ์”โคโลสี 3:14

4. มีจิตใจเข้มแข็ง
มีใครบ้างที่ไม่มีปัญหาในชีวิตเลย? คัมภีร์ไบเบิลบอกไว้ว่า มี “เวลาร้องไห้” และ “เวลาไว้ทุกข์” ปัญญาจารย์ 3:4 การมีจิตใจเข้มแข็งช่วยเราให้คิดบวกและก้าวเดินต่อไปแม้เจอปัญหา
ให้เราพยายามอย่าจมอยู่กับปัญหาของตัวเอง แม้ว่าบางครั้งเรารู้สึกสงสารตัวเอง แต่แทนที่จะคิดอย่างนั้น ให้เราเรียนรู้ที่จะรักผู้คนและให้กำลังใจคนอื่น และ ให้เราขอบคุณพระเจ้าที่เรายังทำอะไร ๆ ได้และทำเพื่อคนอื่นได้ด้วย”
เมื่อคนที่มีจิตใจเข้มแข็งทำผิดพลาด เขาจะไม่เอาแต่โทษตัวเองหรือพูดจาดูถูกตัวเอง เช่น “ฉันมันไม่เอาไหน” หรือ “ฉันมันไม่ได้เรื่องเลย” คัมภีร์ไบเบิลบอกว่า “จิตใจชอกช้ำทำให้กระดูกแห้ง” (สุภาษิต 17:22, ฉบับมาตรฐาน ) หนังสือ The Power of Resilience กล่าวว่าถ้าคุณอยากเป็นคนเข้มแข็ง “คุณต้องจำไว้ว่าความผิดพลาดและความล้มเหลวเป็นเรื่องธรรมดาที่เกิดขึ้นได้เสมอ . . . คุณเลือกได้ว่าจะทำอย่างไรกับความผิดพลาดที่เกิดขึ้น”
การมองชีวิตในแง่บวกและแสดงความขอบคุณที่คนอื่นมีน้ำใจต่อเราจะทำให้เรามีความสุขมากขึ้น
คำแนะนำในคัมภีร์ไบเบิล:
“ผู้ที่ทนการทดสอบเรื่อยไปก็มีความสุข เพราะเมื่อพระองค์พอพระทัยเขา เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิต”—ยากอบ 1:12

คำอธิษฐานวันนี้
 พระเจ้าที่รัก ลูกรู้ว่าพระองค์ทรงต้องการให้ลูกมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบ 
ขอพระองค์โปรดทรงช่วยให้ลูกได้พบความสุขในทุกๆที่ที่ลูกอยู่! ด้วยเทอญ เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกๆท่านที่สละเวลาอ่านและภาวนาร่วมกันนะคะ

เริ่มต้นในช่วงแรกของวันโดยการแสวงหาพระเจ้า ให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งของวัน


ในทุกๆวันถ้าเราสามารถแสวงหาพระเจ้าได้ก่อนที่เราจะทำอย่างอื่นในวันนั้นซึ่งจะเป็นการดีมากสำหรับตัวเราเอง, เป็นการดีที่เราจะเริ่มต้นให้เวลาเช้าๆของเราแต่ละวันเต็มด้วยพระเจ้าก่อนที่เราจะถูกเติมเต็มไปด้วยสิ่งอื่น เช่น คุยแชท /เล่นline /เช็คFacebook /ดูTV /คุยโทรศัพท์ /เช็คโทรศัพท์ /กิน . ทุกคนมีรูปแบบที่แตกต่างกันไปหลายคนบอกว่าพวกเขาชอบที่จะอธิษฐานเฉพาะในเวลากลางคืน แต่โดยส่วนตัวเราเชื่อในพระคัมภีร์ที่ได้กล่าวไว้ว่า”เราควรจะเริ่มต้นในช่วงแรกของวันโดยการแสวงหาพระเจ้า ให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งของวัน”

เราเชื่อว่าถ้าเราให้เวลากับพระทุกๆเช้า พระองค์จะให้สิ่งที่ดีที่สุดที่เราต้องการ นั่นไม่ได้หมายความว่าเราจะได้ทั้งหมดที่เราอยากได้ แต่พระเจ้าจะเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดที่เราต้องใช้ในชีวิตของเรา และเราก็รู้สึกดีมาก😊เมื่อเราได้ใช้เวลาเช้าๆอยู่กับพระเจ้า คำอธิษฐานของเราในเกือบทุกเช้าก็คือ

ข้าแต่พระบิดาบนสวรรค์ ลูกรักพระองค์และลูกต้องการพระองค์ยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด ลูกจะไม่สามารถทำสิ่งใดได้เลยหากปราศจากการนำพาของพระองค์  ชัยชนะที่ลูกมีจะเป็นได้ก็ต่อเมื่อมีพระองค์. พระองค์ได้ให้ในสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องมีในชีวิต ลูกขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกๆพระพรที่ลูกได้รับ. ขอพระองค์ทรงช่วยชี้นำให้ลูกดำเนินชีวิตในแบบที่พระองค์ต้องการ เพราะลูกอยู่ที่นี่เพื่อสรรเสริญและโมทนาคุณแด่พระองค์ นี่คือสิ่งที่ลูกอยากบอกและใช้เวลากับพระองค์ในทุกๆเช้าเพื่อบอกว่าพระองค์มีความหมายกับลูกมากเพียงใด

เรารู้สึกว่าเราปลอดภัยหลังจากที่เราได้อธิษฐาน🌻
ทุกเช้าเราพยายามทำให้ตัวเองพร้อมสำหรับการนี้และเราต้องการแบ่งปันกับเพื่อนสนิท พ่อแม่พี่น้องลุงป้าน้าอา ทุกคน เราเชื่อว่าใครบางคนต้องการที่จะได้ยินมันและเราเชื่อว่าพระเจ้าต้องการให้เราแบ่งปันสิ่งนี้เช่นกัน
KC
ขอบคุณ Joce Myers ที่มอบแรงบันดาลใจนี้ให้เรามีความกล้าที่จะมาพูดและโพสต์แบ่งปันเรื่องราวดีๆนี้. เพราะนอกจากกินอาหารเพื่อให้ร่างกายเติบโตแล้วตัวเราเองก็อยากจะเรียนรู้พระวจนะพระวาจาในพระคัมภีร์ให้มากๆ เพื่อที่เราจะได้เติบโตในฝ่ายวิญญาณด้วยเช่นกัน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกทุกท่านที่สละเวลาอ่านจนจบ

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...