พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้
อธิษฐานเพื่อการเก็บเกี่ยว
อ่านปฐมกาล
32:1 ถึง 33:20; มัทธิว 9:18–38
เนื่องจากพระเจ้าทรงมีอำนาจสูงสุดและทรงกระทำได้ตามที่พระองค์ปรารถนา
เหตุใดพระองค์จึงทรงขอให้ประชาชนของพระองค์อธิษฐานขอให้พระองค์ทำสิ่งดี
ทำไมพระองค์จึงไม่ทรงทำตามพระประสงค์ของพระองค์แทนที่จะรอตอบสนองต่อคำขอของผู้เชื่อ
คำตอบสำหรับคำถามเหล่านี้อาจยาก แต่สิ่งหนึ่งที่แน่นอนคือ
พระคัมภีร์เต็มไปด้วยตัวอย่างที่พระเจ้าทรงเลือกที่จะตอบสนองต่อคำอธิษฐานด้วยศรัทธา
เพราะฉะนั้นจงทูลขอพระองค์ผู้ทรงเป็นเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยวให้ส่งคนงานมายังทุ่งแห่งการเก็บเกี่ยวของพระองค์”
(มัทธิว 9:38)
การเปรียบเปรยเกี่ยวกับการเก็บเกี่ยวก็มีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สำคัญเช่นกัน
ในพระคัมภีร์
แนวคิดเรื่องการเก็บเกี่ยวมักใช้เพื่อแสดงถึงการรวบรวมผู้คนเข้าสู่อาณาจักรของพระเจ้า
พระเจ้าทรงรักโลกและทรงมีแผนสำหรับความรอดตั้งแต่เริ่มต้น
แต่พระองค์ทรงตั้งพระทัยให้ประชาชนของพระองค์มีบทบาทสำคัญในการช่วยกู้ผู้ที่หลงหายเสมอ
เป็นหน้าที่ของพวกเขาที่จะเผยแพร่ข่าวดีโดยใช้ทุกวิถีทางที่มีอยู่ นอกจากนี้
พวกเขายังมีความรับผิดชอบในการเป็นผู้วิงวอนขอพรให้ผู้ที่หลงหาย
โดยขอให้พระเจ้าส่งผู้ส่งสารไปยังที่ที่ผู้ชายและผู้หญิงต้องการได้ยิน
นอกจากนี้
ข้อพระคัมภีร์นี้ยังเน้นย้ำถึงบทบาทของการอธิษฐานในงานของอาณาจักร
พระเยซูทรงสั่งสอนสาวกของพระองค์ให้อธิษฐานต่อ
"พระเจ้าแห่งการเก็บเกี่ยว" เพื่อขอให้มีคนงานมากขึ้น
ซึ่งถือเป็นการยอมรับถึงความจำเป็นในการทรงนำทาง การเสริมพลัง และการจัดเตรียมของพระเจ้าในงานประกาศข่าวประเสริฐและการเป็นสาวก
เป็นการเตือนใจผู้เชื่อว่างานเผยแพร่พระกิตติคุณไม่ใช่สิ่งที่สามารถบรรลุได้ด้วยความพยายามของมนุษย์เพียงอย่างเดียว
แต่ต้องอาศัยการมีส่วนร่วมและการแทรกแซงของพระเจ้า
พระบัญญัติของพระเยซูในมัทธิว
9:38 ไม่เคยถูกยกเลิกเลย ในโลกยุคใหม่ที่มีผู้คนนับล้านที่ไม่เคยได้ยินข่าวประเสริฐอย่างเพียงพอ
ความต้องการจึงเร่งด่วนมากกว่าที่เคย ตอนนี้คุณจะเชื่อฟังและยืนอธิษฐานเพื่อวิญญาณที่หลงหายในโลกปัจจุบันหรือไม่
ข้อเสนอแนะในการอธิษฐาน:
สร้างนิสัยในการจบคำอธิษฐานของคุณด้วยการขอให้มีคนงานมากขึ้นสำหรับการเก็บเกี่ยว
เราสนับสนุน และท้าทายคุณ
ที่จะแสวงหาความใกล้ชิดกับพระเจ้าในทุกๆวัน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
ขอขอบคุณแหล่งที่มาของบทความหนุนใจ
ag.org
ติดตามอ่านบทความหนุนใจอื่นๆได้ที่ kattcrewslovegod.blogspot
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น