วันจันทร์ที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจในเวลาที่เรารู้สึกโกรธ




คุณเคยถูกใครสักคนทำคุณให้โกรธ  โมโห  จนเดือดปุดปุดหรือไม่  หากเคย  คุณไม่ได้ผิดปกติอะไร  เราทุกคนต่างมีร่างกาย  เนื้อหนัง  อารมณ์และความรู้สึก  การถูกทดลองให้เกิดความรู้สึกดังกล่าวไม่ทำให้คุณบาปใดใดทั้งสิ้น


วิธีที่คุณตอบสนองต่อการทดลองดังกล่าวต่างหากที่จะเป็นตัวกำหนดว่าคุณทำบาปหรือไม่

การทำบาปไม่ได้เริ่มต้นเวลาที่คุณเกิดอารมณ์โกรธ  การทำบาปเริ่มต้นเมื่อคุณปล่อยให้อารมณ์ดังกล่าวชักนำให้คุณพูดหรือลงมือทำอะไรบางอย่างที่ไม่ใช่ความรักออกมา

พระคัมภีร์กล่าวว่า “จะโกรธก็โกรธได้  แต่อย่าทำบาป  อย่าให้ถึงตะวันตกท่านยังโกรธอยู่  และอย่าให้โอกาสแก่มาร” (อฟ. 4:26-27)


วิธีระงับความโกรธ ดับอารมณ์โมโหที่สูงปรี๊ดได้ แค่ต้องทำตามนี้



          เวลาโกรธ ทำไงดี ปัญหาที่คิดไม่ตก ลองมาดูวิธีกำจัดความโกรธ ดับอารมณ์ร้อน ควบคุมความโกรธให้อยู่หมัดด้วยวิธีเหล่านี้ ก่อนจะกลายเป็นนิสัยร้าย ๆ ที่ใครก็เบือนหน้าหนี

          ความโกรธ อารมณ์ในแง่ลบที่ส่งผลเสียทั้งต่อร่างกายและจิตใจ ที่หลายคนต้องเคยประสบพบเจอ ซึ่งถ้าหากเราไม่สามารถควบคุมความโกรธได้ก็รังแต่จะมีผลร้ายตาม­­­มา และถ้ายิ่งปล่อยให้ความโกรธนั้นอยู่กับเรานาน ๆ ก็อาจจะกลายเป็นนิสัยที่ใครเจอก็แทบไม่อยากเข้าใกล้ ถ้าไม่อยากให้ชีวิตพังต้องมาดูวิธีระงับความโกรธที่เริ่มต้นได้­­­ด้วยตัวคุณเอง แค่เพียงใจเย็นลงเท่านั้น รับรองว่าทุกอย่างดีขึ้นแน่นอน


 วิธีระงับความโกรธ
1. ควบคุมลมหายใจ
          เมื่อไรที่คุณกำลังเริ่มรู้สึกโกรธละก็ ก่อนที่จะปล่อยให้ตัวเองขาดสติจนแสดงอารมณ์ด้านร้าย ๆ ออกมา ลองหยุดอยู่นิ่ง ๆ แล้วหายใจเข้า-ออกลึก ๆ ควบคุมลมหายใจให้เข้า-ออกช้า ๆ อย่างสม่ำเสมอ พร้อมกับนับ 1-10 ช้า ๆ จะช่วยทำให้คุณใจเย็นลงได้ หรือถ้าจะให้ดี ลองทำสมาธิดูค่ะ

2. หยุดเพื่อให้เวลากับตัวเอง
          เวลาที่คุณโกรธ สิ่งที่ควรจะทำคือการหยุดพักสักครู่ เพื่อให้คุณมีเวลาอยู่กับตัวเอง และทำให้ตัวเองได้สงบสติอารมณ์ลง หรือถ้าหากคุณกำลังอยู่ท่ามกลางต้นเหตุที่ทำให้คุณรู้สึกโกรธละ­­­ก็ แค่เพียงเดินออกมาอยู่คนเดียวสักครู่จนเริ่มใจเย็นแล้วถึงค่อยก­­­ลับเข้าไปเผชิญหน้าใหม่อีกครั้ง แบบนี้จะช่วยทำให้ใจเย็นลงได้เยอะเลย

3. ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
          ร่างกายของเราเวลาที่โกรธนั้น กล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ในร่างกายก็จะตึงเครียดตามไปด้วย ดังนั้นวิธีระงับความโกรธอีกวิธีที่ง่าย ๆ คือการผ่อนคลายกล้ามเนื้อค่ะ โดยการยืดเส้นยืดสาย ขยับตัวบิดซ้ายบิดขวาสักหน่อย จะช่วยให้กล้ามเนื้อที่ตึงเครียดจากอารมณ์โกรธค่อย ๆ ผ่อนคลายขึ้นและทำให้ใจเย็นลงค่ะ

4. คิดทบทวนให้ดี
          หากคุณยังพอมีสติอยู่บ้างในระหว่างที่โกรธ ลองหันกลับไปคิดถึงสาเหตุที่ทำให้คุณโกรธ ลองคิดถึงเหตุและผลอย่างใจเย็น วิธีนี้จะช่วยทำให้คุณใจเย็นและคลายความโกรธลงได้อย่างช้า ๆ แถมยังช่วยทำให้คุณมีเหตุผลมากขึ้นอีกด้วย

5. นึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกสบายใจ
          ถ้าหากคุณตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่สามารถปลีกตัวไปเพื่อสงบสติอา­­­รมณ์ละก็ ลองนึกถึงสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกผ่อนคลาย อย่างเช่น สถานที่ที่คุณไปพักร้อน บ้านที่คุณเคยอยู่สมัยเด็ก ๆ ลองคิดถึงรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับสถานที่เหล่านั้น บอกได้เลยว่าวิธีนี้จะช่วยให้คุณอารมณ์เย็นลงได้ในเวลาเพียงไม่­­­นาน

6. มองโลกในแง่ดี
          ความโกรธเกิดขึ้นจากการมองโลกในแง่ลบ ฉะนั้นจะขจัดความโกรธได้ก็ต้องเปลี่ยนมุมมองความคิด แค่เพียงหันมามองเรื่องที่คุณโกรธในแง่บวกบ้าง ลองคิดว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นอาจจะมีเหตุผลที่จำเป็น ถึงทำให้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น มองหาแง่ดีของสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ แม้บางเรื่องอาจจะไม่ดีเท่าที่ควรแต่ก็ควรบอกตนเองว่าดีแล้วที่­­­เกิดเรื่องเหล่านี้ขึ้น เพราะถ้าหากไม่เกิดขึ้นก็อาจจะมีเรื่องร้ายแรงกว่านี้เกิดขึ้นก็ได้

7. ปรึกษาใครสักคนที่คุณไว้ใจ
          หากคุณรู้สึกกังวลใจเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งทำให้คุณรู้สึกโกรธละก็ การหันหน้าไปปรึกษาใครสักคนที่คุณไว้ใจก็สามารถช่วยให้ปัญหาเหล่านั้นคลี่คลายลงไปได้ เพราะหลาย ๆ ครั้งการที่จะทำให้คุณใจเย็นลงนั้น คำปลอบประโลมก็ไม่ได้ช่วยให้­คุณหายโกรธได้เสมอไป แต่คำพูดที่จริงใจและคำแนะนำที่ดีต่างหากที่สำคัญ

8. ออกกำลังกาย
          การปลดปล่อยความโกรธอีกวิธีหนึ่งที่ดีต่อสุขภาพจิตและดีต่อร่า­งกายก็คือการออกกำลังกาย หากคุณรู้สึกโมโหใครสักคน ลองปลดปล่อยออกมาผ่านการออกกำลังกาย วิธีนี้นอกจากจะช่วยทำให้คุณสบายใจขึ้นแล้วก็ยังช่วยให้สุขภาพแข็งแรงอ­­อีกด้วย

9. ปลดปล่อยออกมาเป็นตัวหนังสือ
          แม้ว่าการปลดปล่อยความโกรธจะไม่ใช่เรื่องดีเท่าไร แต่ถ้าคุณไม่สามารถเก็บความโกรธเอาไว้ได้จริง ๆ ก็ลองเขียนระบายลงในกระดาษดูค่ะ เขียนในสิ่งที่ทำให้คุณโกรธ และสิ่งที่คุณไม่สามารถพูดออกมาได้ การได้ระบายก็สามารถทำให้คุณอารมณ์เย็นลงได้ แต่ขอแนะนำว่าควรจะเขียนลงในสมุดที่เก็บมิดชิดจะดีที่สุดนะคะ อย่าระบายลงในโซเชียลเน็ตเวิร์กเด็ดขาดไม่งั้นอาจจะนำมาสู่เรื่องเดือดร้อนในอนาคตได้เหมือนกันนะ

10. รู้จักการให้อภัย
          การให้อภัยมีพลังอันยิ่งใหญ่มากเกินกว่าที่คุณจะคาดถึง เพราะไม่เพียงแต่มีผลต่อคนที่คุณโกรธเท่านั้น แต่ยังช่วยในเรื่องของจิตใจของผู้ที่ให้อภัยได้อีกด้วย เพราะเมื่อคุณให้อภัยใครสักคน ความโกรธที่คอยทำให้คุณมีแต่ความทุกข์ก็จะหมดไป ทำให้คุณสบายใจและมีความสุขมากขึ้นนั่นเอง

          ความโกรธ เป็นสิ่งที่เราสามารถหลีกเลี่ยงได้ แค่เพียงเรามองโลกในแง่ดีและเข้าอกเข้าใจคนอื่นให้มากขึ้น แค่เพียงเท่านี้ แม้ว่าจะเจอปัญหาหรืออุปสรรคใด ๆ ก็รับรองได้เลยว่าจะไม่มีทางโกรธจนหน้าดำหน้าแดงอย่างแน่นอน

ความโกรธเป็นความผิดหรือเปล่า
ความโกรธเป็นความผิดหรือเปล่า ส่วนใหญ่คนบอกว่าผิด แต่ความจริงแล้ว ความโกรธไม่ผิด แต่มันอยู่ที่เราทำอะไรไปด้วยความโกรธต่างหากที่บ่อยครั้งจะเป็นความผิด

เมื่อเราโกรธ และใช้ความโกรธในทางที่ผิด เราจะรู้สึกโกรธตนเอง และนั่นยิ่งเพิ่มพูนความรู้สึกผิดให้ตัวเองมากยิ่งขึ้น

การโกรธมาก และมีความรู้สึกผิดกับตัวเองมาก จะมีผลกระทบต่างร่างกาย ความคิด และจิตวิญาณด้วย ซึ่งได้แก่ ” ความรุ้สึกเศร้า หดหู่ ทำงานไม่เกิดผล ป่วย ประสบอุบัติเหตุ เสียเวลาทำงาน และเสียเงินเสียทอง ขมขื่น อย่าแก้แค้น” เป็นต้น

นักวิจัยท่านอื่นได้พูดถึงเรื่องปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคความด้านสูง ความเครียด และหัว ไมเกรน โรคกระเพาะ นอนไม่หลับ อาเจียน มีโรคแทรากซ้อน การวนกระวาย นอกจากนั้นยังมีคนอีกมากมายที่ถูกรบกวน และบาดเจ็บเพราะความโกรธ ดังนั้น เราจึงเข้าใจว่าพระเจ้าทรงหยั่งรู้ จึงทรงตรัสไว้ในสุภาษิต 19: 19 ว่า ” คนที่โมโหฉุนเฉียวจะได้รับโทษ และถ้าเจ้าช่วยกู้เขาแล้ว จะต้องช่วยกู้เขาอีก ” และในสุภาษิต 14: 20 ” ใจสงบให้ชีวิตแก่เนื้อหนัง แต่กิเลสกระทำให้กระดุกผุ ”

แท้จริง ความโกรธไม่ใช่ความผิด เราจะพบว่าพระเจ้าและองค์พระผู้เป็นเจ้าของเราก็เคยโกรธเหมือนกัน (อพย.4:14, มก.3 :15 ) พระพิโรธของพระเจ้าต่อความบาป และต่อการกบฎเป็นความจริงของชีวิต และเป็นหัวใจที่สำคัญของข่าวประเสริฐ

“เพราะว่าพระเจ้าทรงสำแดงพระพิโรธของพระองค์จากสวรรค์ ต่อความหมิ่นประมาท พระองค์ทรงลงพระอาญาแก่ผู้ที่ไม่เชื่อฟัง ” ( อฟ. 5: 6 )

มีเพียงพระโลหิตของพระเยซูคริสต์เท่านั้นที่สามารถปกป้องเราจากพระพิโรธนั้นได้ พระองค์ได้ทรงเปลี่ยนพระพิโรธอันชอบธรรมของพระเจ้าที่มีต่อการกบฎของเรา และนำผู้ที่เชื่อเข้าสู่ความสัมพันธ์อันมีชีวิตกับพระบิดา และเป็นส่วนของเราที่จะต้องมีชีวิตอยู่ให้เป้นที่พอพระทัยของพระบิดา ความโกรธของมนุษย์ส่วนใหญ่แล้วจะไม่เหมือนความโกรธของพระเจ้า

บุคคลที่โกรธช้า ก็มีความเข้าใจมาก แต่บุคคลที่โมโหเร็วก็ยกย่องความโง่” (สุภาษิต 14: 19 )
พระเจ้าได้ทรงเตือนเรื่องความโกรธของมนุษย์ และตักเตือนผู้ที่ไม่สามารถควบคุมความโกรธของตนเองได้
“อย่าให้ใจของเจ้าโกรธเร็ว เพราะความโกรธมีประจำอยู่ในทรวงอกของคนเขลา” ( ปญจ.7: 9 )
“สามัญสำนึกที่ดีกระทำให้คนโกรธช้า และการที่มองข้ามการทรยศเสียก็เป็นศักดิ์ศรีแก่เขา” (สภษ. 19 :11 )
“ดูก่อนพี่น้องที่รักของข้าพเจ้า จงทราบข้อนี้ จงให้ทุกคนไวในการฟัง ช้าในการพูด ช้าในการโกรธ ” (ยก.1: 19 )
การยอมเป็นคนผิดก็ดีกว่าตกอยู่ในอารตาบอด มีความโกรธรุนแรง และทำบาป
“โกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตก ท่านยังโกรธอยู่ “(อฟ.4: 25 )

ทำไมจึงโกรธ โกรธแล้วได้อะไร ?
ความโกรธเป็นปฎิกิริยาตอบสนองตามธรรมชาติ การถูกกล่าวหา ถูกดูถูก ถูกกล่าวหา ถูกข่มเหงรังแก ถูกเข้าใจผิด ..ฯลฯ

อย่างไรก็ดี ทำไมจึงโกรธ ? โกรธแล้วได้อะไร ?
ไม่เป็นความจริงที่การควบคุมความโกรธไม่ได้เป็นสิ่งที่น่ารื่นรมย์ และไม่เห็นได้ผลดีอะไร เราก็รู้สึกหัวเสียเท่า ๆ คนอื่นๆ กำปั้นของเราหลังจากทุบประตูแล้ว ด้วยความโกรธ เราก็เจ็บเอง เราจะได้แต่ความเจ็บปวด และผลเสียที่ตามมา

เราจะทำอย่างไรกับเรื่องยาก ๆ เหล่านี้
พระคำพระเจ้ากล่าวว่า “โกรธก็โกรธเถิดแต่อย่าทำบาป” ถ้าเราโกรธ เราก็ทำบาป ถ้าอย่างนั้นก็ไม่ดีสำหรับตัวเราเองเลย พระคำพระเจ้าเชื่อมโยงกับสิ่งไม่ดีต่างๆ เพราะถ้าเราไม่สามารถคงบคุมอารมณ์ของเราได้ มันก็จะเดือดและระเบิดออกมา

“จงให้ใจขมขื่น ใจขัดเคือง และใขโกรธ และการทะเลาะเถียงกัน และการพูดเสียดสี กับการปองร้ายทุกอย่างอยู่ห่างไกลจากท่านเถิด” (อฟ.4 31 )

และยังตรัสว่า “ท่านทั้งหลายจงมีเมตตาต่อกัน มีใจเอ็นดูต่อกัน และอภัยโทษให้กัน เหมือนดังที่พระเจ้าได้ทรงโปรดอภัยให้แก่ท่านในพระคริสต์นั้น ” (อฟ. 4 32 )

เหตุผล 6 ประการที่ท่านไม่ควรโกรธ
1. ถ้าสิ่งที่เราทำไม่เป็นสิ่งที่ถวายเกียรติพระเจ้า
2. เป็นสิ่งที่ทำร้ายผู้อื่น ซึ่งอาจจะรุนแรงมาก
3. เป็นการทำร้ายตนเอง
4. มันไม่ได้ผลหรอก ถ้าเราจะใช้ความโกรธในการแก้ไขปัญหา
5. มันเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็นแม้แต่น้อย มีทางเลือกที่ดีกว่านี้แน่นอน
6. เป็นตัวอย่างที่ไม่ดี

ความโกรธไม่ได้ทำให้การพูดคุย หรือความสัมพันธ์ดีขึ้นมาเลย แต่ความรักทำได้ ความโกรธมีแต่ทำลายเท่านั้น เพราะว่าเป็นแรงจูงใจที่ผิด เราใช้ความโกรธข่ม และบังคับคนอื่น เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเอง

“ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ ความรักทนได้ทุกอย่าง แม้กระทั่งความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนที่ดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง ( 1 โครินโธ 13: 4 – 7 )

นี่เป็นสิ่งที่ดีกว่าการโกรธมากทีเดียว ไม่เพียงแต่ว่าเราควรจะควบคุมความโกรธเท่านั้น เรายังต้องเปลี่ยนความโกรธให้แก้ปัญหาได้ด้วย

พระเจ้าทรงปราถนาให้เรากระทำสิ่งที่ดี (ยก.1: 19 – 20 ) พระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างให้กับเรา (1 ปต.2:23 ) พระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยเราให้มีการแสดงออกที่ดี (อฟ. 4: 30-32 ) และความรักเป็นการสำแดงจุดยืนของเราในพระคริสต์ (กท.2: 20 ,ฟป.4: 13)

เมื่อมีความโกรธ ให้นำพลังนี้ไปใช้ในการแก้ไขปัญหา
ท่านเคยสังเกตุตัวเอง หรือไม่ว่า เมื่อท่านโกรธ ความเสียหายได้เกิดขึ้น การควบคุมความโกรธเท่านั้นยังไม่เพียงพอ เพราะเราควบคุมได้เพีบงชั่วคราว แล้วภายหลัง เมื่อเรากลับบ้าน เราอาจจะเกรี้ยวกราดต่อคนอื่นๆ เราควรเรียนรู้ที่จะเปลี่ยนนิสัยใหม่เหมือนอย่างที่ได้กล่าวไปแล้ว ต่อไปนี้เป็นหลาย ๆ วิธีที่อาจจะช่วยเราได้

1. มองที่พระเจ้า แสวงหาการช่วยเหลือจากพระเจ้า ยอมรับว่าความโกรธของท่านเป็นความบาป (1 ยน.1: 8-9 ) และขอกำลังจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ (ฟป.4: 8- 9 ,ลก. 11: 13 )

2.หลีกเลี่ยงเพื่อนที่ชอบโกรธ อารมณ์เสียง่าย (สภษ. 22: 24 ,25 )

3.หลีกเลี่ยงเหตุการณ์ที่จะทำให้เราโกรธ (สภษ.20 :3 )

4. หลีกเลี่ยงความเร่งรีบ ความเครียด และความกดดันต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพักผ่อนให้เพียงพอ (สดด. 127:2 ,ปฐจ. 5: 120 )

5.จัดการกับความโกรธ เวลาเราโกรธเรามีพลังมหาศาล ให้คิดถึงความเสียหายที่ประเมินค่าไม่ได้ เมื่อมีความโกรธ ให้นำพลังนี้ไปใช้ในการแก้ไขปัญหา ( ยน. 2: 16- 17 )

6. แสดงความรักที่อดทนนานดีกว่าการตะโกนใส่กัน และกัน ถ้าเรามีความรักที่แท้จริง ความรักนั้นจะรักษาช่วยเหลือ และเสริมสร้างไม่ใช่ทำลาย “สามัญสำนึกที่ดีทำให้คนโกรธช้า ” (สภษ. 19: 11 )

ความโกรธถ้าเราไม่ควบคุมไว้ อารมณ์ของเราจจะควบคุมตัวเอง แต่ความรักควบคุมได้ เพราะความรักจะควบคุมอารมณ์ของเรา

“คนเจ้าโมโหย่อมเร้าการวิวาท และคนที่มักโกรธก็เป็นเหตุให้มีการทรยศมากขึ้น” (สภษ.29:22)

“จะโกรธก็โกรธได้ แต่อย่าทำบาป อย่าให้ถึงตะวันตกดินท่านยังโกรธอยู่ และอย่าให้โอกาสแก่มาร” (อฟ. 4: 26 ,27 )
ดังนั้นการควบคุมความคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ

อารมณ์เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่พระเจ้าประทานให้ แล้วอยู่คู่กับจิตใจของเราตลอดชีวิต อารมณ์เป็นตัวกระตุ้นให้เราแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่ว่าเราจะมีอารมณ์อย่างไร อารมณ์มีทั้งดีมีประโยชน์ เช่น อารมณ์ขัน อารมณ์ร่าเริง และอารมณ์ที่เป็นโทษ เช่นโมโหฉุนเฉียว หงดหงิด ซึมเศร้า เบื่อหน่าย อารมณ์ไม่ดีเหล่านี้ก่อให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บแก่ร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นความดัน ,ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โรคกระเพาะ โรคประสาท (สุภาษิต 17: 22 )

เมื่อเราไม่สามารถขจัดอารมณ์ออกไปจากชีวิต เราต้องเรียนรู้ที่จะควบคุมอารมณ์ เพื่อให้มันเป็นเครื่องมือนำชีวิตเราไปในทางเสริมสร้าง และเกิดประโยขน์ พระเจ้าปราถนาที่จะให้ลูกของพระองค์มีความรู้สึกในด้านบวกเสมอ คริสเตียนที่เจริญเติบโตเข้มแข็ง และเกิดผลเป็นผู้ที่ดำเนินชีวิตกับพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำให้เกิดผลที่ดีจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ตาม กท. 5:22, 23

ฝ่ายผลของพระวิญญาณ คือ ความรัก ความปลามปลื้มใจ สันติสุข และความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุขภาพอ่อนน้อม และการรู้จักบังคับตน การที่จะควบคุมอารมณ์ได้ต้องควบคุมความคิดให้ได้ อ. เปาโล กล่าวไว้ ใน ฟบ. 2: 5 ” ท่านจงมีน้ำใจ (ความคิด) ต่อกันเหมือนอย่างมีในพระคริสต์ ในโรม 12: 2 “จงรับการเปลี่ยนแปลงใจ (ความคิด) ดังนั้นการควบคุมความคิดจึงเป็นเรื่องสำคัญ และจะส่งผลต่อการควบคุมความรู้สึกด้วย

คำแนะนำ 5 ประการนี้จะช่วยให้เราพัฒนาความคิดและสามารถควบคุมอารมณ์

1. ตรวจสอบความคิดของท่าน ให้คอบตรวจสอบความคิดที่มีอยู่เสมอ ให้เป็นความคิดในด้านบวก

2. ขจัดความคิดในด้านลบออกไปให้เร็วที่สุด อย่าเก็บเอาไว้ เพราะมันจะแพร่เชื้อร้ายในความคิดด้านอื่น ๆ และทำลายความคิดดี ๆ ทำลายอารมณ์ความรู้สึกดี ๆ ไปได้ และนำอารมณ์ที่ไม่ดีให้เกิดขึ้นในจิตใจ

3.พยายามจัดระบบความคิดไปในทางบวก ด้านสร้างสรรค์ คิดว่าเป็นไปได้โดยพระเจ้า สร้างความคิดในด้านบวก ไม่ว่าอยู่ในสถานการณ์ใดในชีวิต เพราะการคิดในด้านบวกทำให้เราต้านความรู้สึกในด้านลบได้ และทำให้จิตใจของเราได้รับการหล่อเลี้ยงในด้านดีอยู่เสมอ มีความเชื่อความหวังใจเสมอ คิดถึงพระสัญญาพระเจ้ามาก ๆ (ฟป. 4: 8)

4.พยายามมองให้เห็นภาพของความเป็นไปได้โดยความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า คาดหวังสิ่งที่ดีจากพระเจ้า มองเห็นความสำเร็จที่มาจากพระเจ้า บ่อยครั้งความจำกัด ความรู้สึกท้อใจ ความกลัวในใจ ก็คือ การขยายความคิดของเราให้กว้างขึ้น เมื่อเราคิดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า ความเป็นไปได้โดยพระองค์ เราก็จะสามารถขจัดความกลัวได้ เช่น กลัวอดอยาก ก็ให้คิดถึงพระเจ้าผู้ทรงสามารถเลี้ยงอิสราเอลหลายบล้านคนในทะเลทรายเป็นเวลา 40 ปี โดยไม่มีใครอดตาย ความคิดเช่นนี้จะเสริมสร้างความเชื่อ และทำลายความกลัวไปได้

5.การปฎิบัติตามความเชื่อในใจ อารมณ์นอกจากจะเกี่ยวข้องกับความคิดแล้วก็ยังเกี่ยวข้องกับการกระทำด้วย การทำบางอย่างจะช่วยเปลี่ยนอารมณ์และความรู้สึกได้ เช่น การพูดคุยกับคนที่วางใจได้ ระบายความคิด ความรู้สึกออกมาก็จะช่วยให้อารมณ์ดีขึ้น การคุกเข่าอธิษฐานกับพระเจ้าเป็นส่วนตัว ระบายความในใจออกมาช่วยได้มาก การได้ร้องเพลงนมัสการสรรเสริญพระเจ้าทำให้อารมณ์ดีขึ้น การพยายามหาส่วนที่ดีในเหตุการณ์ต่างๆ การได้รับใช้ผู้อื่น ให้การช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน การเยี่ยมเยียนผู้ที่มีความทุกข์ใจหนุนใจผู้อื่น ล้วนเป็นตัวอย่างการประพฤติที่ดีที่สามารถช่วยเปลี่ยนอารมณ์ความรู้สึกจากแง่ลบมาเป็นบวกได้
บทความโดย อ. ประยูร ลิมะหุตะเศรณี

รวมพระวาจาหนุนใจในเวลาที่เรารู้สึกโกรธ
สภษ. 14:29 ผู้ระงับความโกรธได้ย่อมมีความเข้าใจลึกซึ้ง แต่ผู้โกรธง่ายย่อมแสดงความโง่เขลา

ยก. 1:19-20 พี่น้องที่รัก พึงตระหนักว่า ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า

ฟป. 2:14 จงทำทุกสิ่งทุกอย่างโดยไม่บ่นหรือโต้เถียง

สภษ. 21:19 การอยู่ในแผ่นดินทุรกันดาร ยังดีกว่าการอยู่กับภรรยาที่ชอบทะเลาะวิวาทและโกรธง่าย

คส. 3:21 บิดา ก็จงอย่าขัดใจบุตรเกินไป จนเขาท้อแท้หมดกำลังใจ

สภษ. 15:1 คำตอบอ่อนโยนทำให้ความโกรธสงบลง แต่คำพูดทิ่มแทงก่อให้เกิดความโกรธ

มธ. 5:22 แต่เรากล่าวแก่ท่านว่า ทุกคนที่โกรธเคืองพี่น้อง จะต้องขึ้นศาล ผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่’ ผู้นั้นจะต้องขึ้นศาลสูงผู้ใดกล่าวแก่พี่น้องว่า ‘ไอ้โง่บัดซบ’ ผู้นั้นจะต้องถูกปรับโทษถึงไฟนรก

สภษ. 22:24-25 อย่าเป็นมิตรกับคนโกรธง่าย อย่าคบหากับคนโมโหร้าย ท่านจะได้ไม่เรียนรู้พฤติกรรมของเขา และไม่นำตัวท่านเข้าไปติดบ่วงแร้ว

สภษ. 15:18 คนใจร้อนก่อการทะเลาะวิวาท แต่ผู้โกรธช้าย่อมทำให้ความขัดแย้งสงบลง

สภษ. 16:32 ผู้โกรธช้าย่อมดีกว่านักรบชำนาญศึก ผู้รู้จักบังคับใจตนเองย่อมดีกว่าผู้ที่ยึดเมืองได้

รม. 12:19 พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษเถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน  พระเจ้าตรัสดังนี้

สภษ. 17:1 กินขนมปังแห้งชิ้นหนึ่ง แต่มีความสงบย่อมดีกว่าบ้านที่มีการเลี้ยงเต็มที่ แต่มีการทะเลาะวิวาท

อฟ. 4:26 แม้ท่านจะโกรธ ก็อย่าให้เป็นบาป จงเลิกโกรธก่อนดวงอาทิตย์ตก


 ก่อนพระอาทิตย์ตกดิน  พยายามสวดภาวนา และให้อภัยเขาเหล่านั้นนะคะ

ข้าพเจ้าปล่อยความโกรธทั้งหมดให้ตกและจมลึกลงไป  ในพระนามของพระเยซูคริสต์  จะไม่มีใครรวมถึงข้าพเจ้าเองที่จะสามารถงมมันขึ้นมาได้อีก  ข้าพเจ้ายกโทษให้เขา  ข้าพเจ้ารักเขา  ข้าพเจ้าจะทำดีกับเขา  ข้าพเจ้าขอให้สิ่งที่ดีเกิดขึ้นในชีวิตของเขา”

เมื่อทำเช่นนั้นแล้ว  ฤทธิ์อำนาจของพระเจ้าที่อยู่ในพระวจนะที่คุณประพฤติตามจะทำงานในวิญญาณของคุณ  คุณจะได้รับกำลัง  คุณจะเข้มแข็งขึ้น  และมีชัยชนะเหนืออารมณ์ของคุณ

หากเราใช้ชีวิตตามการทรงนำของพระเจ้า  ชีวิตเราจะไม่สะดุด  ถอยหลัง  เสียเวลากับเรื่องที่ถ่วงชีวิตเรา  คุณจะพ้นจากอาการเดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย  แต่คุณจะก้าวต่อไปข้างหน้า  คุณจะดำเนินชีวิตใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้นทุกวัน  มีประสบการณ์กับพระพรและชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า  ลูกขอบพระคุณพระองค์สำหรับคำตักเตือนจากพระองค์  ลูกจะระงับความโกรธ  และทิ้งความพิโรธ  ลูกจะไม่ให้ใจของลูกเดือดร้อน  ซึ่งมีแต่จะชั่วไป  ลูกสรรเสริญพระองค์  ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า  อาเมน
oknation.nationtv.tv



วันอาทิตย์ที่ 18 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจในเวลาที่เราต้องการกำลังใจและคำปลอบโยน

Image result for God is good

พระวาจาหนุนใจในเวลาที่เราต้องการกำลังใจและคำปลอบโยน

มธ. 11:28 “ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน”

อสย. 14:3 วันนั้น พระยาห์เวห์จะทรงให้อิสราเอลได้พักผ่อน พ้นจากความเจ็บปวด ความวิตกกังวล และการเป็นทาสที่ถูกบังคับให้ทำงานหนัก

สดด. 23:4 แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า พระคทาและธารพระกรของพระองค์ช่วยให้ข้าพเจ้าอุ่นใจ

วว. 21:4 พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว

ยน. 14:16 และเราจะวอนขอพระบิดา แล้วพระองค์จะประทานผู้ช่วยเหลืออีกองค์หนึ่งให้ท่าน เพื่อจะอยู่กับท่านตลอดไป

1ธส. 4:16-18 เพราะองค์พระผู้เป็นเจ้าจะเสด็จลงมาจากสวรรค์ตามพระบัญชา เมื่อมีเสียงหัวหน้าฑูตสวรรค์และเสียงแตรของพระเจ้า บรรดาผู้ตายในพระคริสตเจ้าจะกลับคืนชีพก่อน ต่อจากนั้น เราผู้ยังมีชีวิตอยู่จะถูกรับขึ้นไปในกลุ่มเมฆพร้อมกับพวกเขา ไปพบองค์พระผู้เป็นเจ้าในท้องฟ้า เราจะได้อยู่กับองค์พระผู้เป็นเจ้าตลอดไป จงใช้ถ้อยคำเช่นนี้ปลอบใจกันเถิด

สดด. 46:1-3 พระเจ้าทรงเป็นแหล่งลี้ภัยและทรงเป็นพละกำลังสำหรับชาวเรา เป็นความช่วยเหลือที่พร้อมเสมอในยามเดือดร้อน  ดังนั้น เราจึงไม่มีความกลัว แม้แผ่นดินจะสั่นสะเทือน แม้ภูเขาจะหวั่นไหวอยู่ในทะเลลึก แม้น้ำทะเลจะส่งเสียงกึกก้อง เดือดเป็นฟอง และคลื่นใหญ่ทำให้ภูเขาสั่นไหว (พระยาห์เวห์จอมจักรวาลประทับอยู่กับเรา พระเจ้าแห่งยาโคบทรงเป็นปราการของเรา)

อสย. 61:1-2 พระจิตของพระยาห์เวห์องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงอยู่เหนือข้าพเจ้า เพราะพระยาห์เวห์ทรงเจิมข้าพเจ้าไว้ให้ประกาศข่าวดีแก่คนยากจน ทรงส่งข้าพเจ้าไปปลอบโยนคนที่มีใจชอกช้ำ ประกาศอิสรภาพแก่เชลย ประกาศการปลดปล่อยแก่ผู้ถูกจองจำ ประกาศปีแห่งความโปรดปรานจากพระยาห์เวห์ ประกาศวันที่พระเจ้าของเราจะทรงลงโทษศัตรูของพระองค์ เพื่อปลอบโยนทุกคนที่มีความทุกข์

1ปต. 5:7 จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน

อสย. 40:1 พระเจ้าของท่านทั้งหลายตรัสว่า “จงปลอบโยน จงปลอบโยนประชากรของเราเถิด”

โยบ 5:7-8 แต่มนุษย์เป็นผู้ก่อให้เกิดเหตุร้าย เหมือนประกายไฟปลิวขึ้นเบื้องบน “ถ้าเป็นข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะแสวงหาพระเจ้า จะมอบคดีของข้าพเจ้าไว้กับพระองค์”

มธ. 28:20 จงสอนเขาให้ปฏิบัติตามคำสั่งทุกข้อที่เราให้แก่ท่าน แล้วจงรู้เถิดว่าเราอยู่กับท่านทุกวันตลอดไปตราบจนสิ้นพิภพ”

2คร. 1:3-5 ขอถวายพระพรแด่พระเจ้า พระบิดาของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา พระบิดาผู้ทรงพระกรุณา และพระเจ้าผู้ประทานกำลังใจทุกประการ พระองค์ประทานกำลังใจในความทุกข์ยากต่างๆ ของเรา เพราะเราได้รับกำลังใจจากพระเจ้าแล้ว เราจึงให้กำลังใจผู้มีความทุกข์ทั้งมวลได้ เราได้รับการทรมานร่วมกับพระคริสตเจ้ามากฉันใด เราก็ได้รับกำลังใจเดชะพระคริสตเจ้ามากฉันนั้น

มธ. 5:4 ผู้เป็นทุกข์โศกเศร้า ย่อมเป็นสุข เพราะเขาจะได้รับการปลอบโยน


อสย. 25:8  องค์พระผู้เป็นเจ้า พระยาห์เวห์จะทรงเช็ดน้ำตาจากใบหน้าของทุกคน

kamsonbkk.com

วันเสาร์ที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจเมื่อเราจะพูด หรือติดต่อกับผู้อื่น

Image result for God is good

พระวาจาหนุนใจเมื่อเราจะพูด หรือติดต่อกับผู้อื่น

สภษ. 10:19 คนพูดมากมีโอกาสพูดผิด ผู้ที่ควบคุมปากของตนย่อมเป็นคนรอบคอบ

สภษ. 25:11 ถ้อยคำที่พูดตามกาลเทศะ เป็นเหมือนผลไม้ทองคำบนถาดเงิน

คส. 3:8 บัดนี้ ท่านจงขจัดทุกอย่าง คือความโกรธ ความโมโหร้าย การปองร้าย การสาปแช่ง และการพูดหยาบคาย

2คร. 12:6 ถ้าข้าพเจ้าอยากจะโอ้อวด ข้าพเจ้าก็มิใช่คนโง่เขลา เพราะข้าพเจ้าจะพูดความจริง แต่ข้าพเจ้าระงับไว้เพื่อมิให้ผู้ใดตีราคาข้าพเจ้าเกินกว่าที่เห็นในตัวข้าพเจ้าและที่ได้ฟังจากข้าพเจ้า

สภษ. 29:11 คนโง่เขลาย่อมปล่อยอารมณ์โกรธทั้งหมดออกมา แต่ผู้มีปรีชารู้จักระงับโทสะ

สดด. 39:1 ข้าพเจ้ากล่าวว่า “ข้าพเจ้าจะควบคุมวิถีชีวิตไว้เพื่อจะได้ไม่ทำบาปด้วยคำพูด ข้าพเจ้าจะเอาขลุมครอบปากไว้ ตราบที่คนอธรรมอยู่ต่อหน้าข้าพเจ้า

สภษ. 15:1 คำตอบอ่อนโยนทำให้ความโกรธสงบลง แต่คำพูดทิ่มแทงก่อให้เกิดความโกรธ

สภษ. 11:13 ผู้ชอบซุบซิบนินทาย่อมเปิดเผยความลับ แต่ผู้ที่ไว้วางใจได้ย่อมเก็บความลับ

สดด. 141:3 ข้าแต่พระยาห์เวห์ ขอทรงวางยามเฝ้าปากของข้าพเจ้าไว้ ขอทรงวางยามไว้ตรงประตูริมฝีปากของข้าพเจ้า

สภษ. 12:18 ถ้อยคำของผู้พูดพล่อยๆ เป็นเหมือนดาบที่ทิ่มแทง แต่ถ้อยคำของผู้มีปรีชาเป็นการบำบัดรักษา

ยก. 3:2 เพราะเราทุกคนต่างก็ผิดพลาดได้หลายเรื่อง ถ้าผู้ใดไม่ผิดพลาดด้วยวาจา ผู้นั้นย่อมเป็นคนดีอย่างสมบูรณ์ เขาบังคับร่างกายทั้งหมดให้อยู่ใต้อำนาจได้

สภษ. 15:23 ผู้รู้จักให้คำตอบย่อมยินดี คำพูดที่ถูกกาลเทศะย่อมดีมาก

สภษ. 15:28 ใจของผู้ชอบธรรมคิดก่อนจะตอบ แต่ปากของคนชั่วร้ายเทสิ่งชั่วร้ายออกมา


คส. 4:6 จงให้คำพูดของท่านอ่อนโยนและถูกกาลเทศะอยู่เสมอ จงรู้จักตอบทุกคนอย่างดีที่สุด


วันศุกร์ที่ 16 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจเมื่อคุณได้รับคำแนะนำ หรือต้องให้คำแนะนำ-คำปรึกษาแก่ผู้อื่น

Image result for God is good

พระวาจาหนุนใจเมื่อคุณได้รับคำแนะนำ หรือต้องให้คำแนะนำ-คำปรึกษาแก่ผู้อื่น

1ปต. 4:10 แต่ละคนจงใช้พระพรที่ได้รับมาเพื่อรับใช้กันประดุจผู้จัดการที่ดี เพื่อแจกจ่ายพระหรรษทานหลากหลายของพระเจ้า

กท. 6:1 พี่น้องทั้งหลาย ถ้าท่านพบว่าใครคนหนึ่งทำผิด ท่านซึ่งมีพระจิตเจ้าเป็นผู้นำ จงตักเตือนแก้ไขเขาด้วยความอ่อนโยน จงระวังตัว ท่านอาจถูกทดลองด้วย

อสย. 54:13 บรรดาบุตรของเจ้าจะได้รับคำสั่งสอนจากพระยาห์เวห์ บุตรของเจ้าจะมีความสุขความเจริญอย่างยิ่ง

ฮบ. 12:11 เป็นความจริงที่ว่า ขณะที่ถูกเฆี่ยนตีสั่งสอนไม่มีความน่ายินดี มีแต่ความทุกข์ แต่ให้ผลเป็นสันติและเป็นความชอบธรรมแก่ผู้ที่ยอมรับการเฆี่ยนตีสั่งสอนเป็นการฝึกฝนตนเอง

สภษ. 19:20 จงฟังคำแนะนำและรับคำตักเตือน ท่านจะมีปรีชาในอนาคต

อสย. 9:6 เพราะกุมารผู้หนึ่งเกิดมาเพื่อเรา บุตรชายคนหนึ่งเป็นผู้ที่พระเจ้าประทานให้เรา สัญลักษณ์แห่งการปกครองอยู่บนบ่าของเขา เขาจะได้รับนามว่า “ที่ปรึกษามหัศจรรย์” “พระเจ้าผู้ทรงอำนาจ” “พระบิดานิรันดร” “เจ้าแห่งสันติ”

ยน. 16:13 เมื่อพระจิตแห่งความจริงเสด็จมา พระองค์จะทรงนำท่านไปสู่ความจริงทั้งมวล พระองค์จะไม่ตรัสโดยพระองค์เอง แต่จะตรัสทุกสิ่งที่ทรงได้ฟังมา และจะทรงแจ้งให้ท่านรู้เหตุการณ์ที่จะเกิดขึ้น

สภษ. 9:9 จงให้คำแนะนำแก่ผู้มีปรีชาและเขาจะมีปรีชายิ่งขึ้น จงสอนผู้ชอบธรรมและเขาจะเรียนรู้มากขึ้น

สภษ. 12:15 คนโง่เขลาคิดว่าความประพฤติของตนถูกต้อง แต่ผู้มีปรีชาย่อมฟังคำแนะนำของผู้อื่น

สภษ. 27:9 น้ำมันหอมและกำยานทำให้ใจยินดี ความอ่อนหวานของมิตรภาพย่อมดีกว่าการไว้ใจตนเอง

สภษ. 15:22 ถ้าไม่มีการปรึกษา แผนงานก็ล้มเหลว แต่แผนงานย่อมสำเร็จเมื่อมีผู้แนะนำหลายคน

สภษ. 11:14 ประชาชนที่ไม่มีผู้นำย่อมพินาศ มีที่ปรึกษาจำนวนมากทำให้มีความปลอดภัย


สภษ. 1:5 ผู้มีปรีชาฟังแล้วก็จะมีความรู้เพิ่มขึ้น ผู้ที่มีความรู้อยู่แล้วจะได้แนะนำผู้อื่นต่อไป



วันพฤหัสบดีที่ 15 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจ ความน่าเชื่อถือ

Image result for God is good
พระวาจาหนุนใจ ความน่าเชื่อถือ

ลก.12:42 องค์พระผู้เป็นเจ้าตรัสว่า ‘ใครเล่าเป็นผู้จัดการที่ซื่อสัตย์และรอบคอบซึ่งนายจะแต่งตั้งให้ดูแลผู้รับใช้อื่นๆ เพื่อปันส่วนอาหารให้ตามเวลาที่กำหนด

ลก.18:1พระเยซูเจ้าทรงเล่าเรื่องอุปมาเรื่องหนึ่งแก่บรรดาศิษย์เพื่อสอนว่าจำเป็นต้องอธิษฐานภาวนาอยู่เสมอโดยไม่ท้อถอย

มธ.24:13 แต่ผู้ใดยืนหยัดอยู่จนถึงวาระสุดท้าย ผู้นั้นก็จะรอดพ้น

ฮบ.13:9 อย่าปล่อยให้คำสอนแปลกๆ นานาชนิดมาหลอกลวงท่าน การที่ดวงใจของท่านมั่นคงเดชะพระหรรษทาน ไม่ใช่เพราะกฎเกณฑ์เรื่องอาหารนั้นเป็นการดีแล้ว ผู้ที่ปฏิบัติตามกฎเหล่านี้ไม่ได้รับประโยชน์แต่ประการใด

ลก.12:35-36 ‘ท่านทั้งหลายจงคาดสะเอวและจุดตะเกียงเตรียมพร้อมไว้ จงเป็นเสมือนผู้รับใช้ที่กำลังคอยนายกลับจากงานสมรส เมื่อนายมาและเคาะประตูจะได้เปิดรับ

สดด.119:33 ข้าแต่พระยาห์เวห์ โปรดทรงสอนให้ข้าพเจ้ารู้หนทางแห่งข้อบังคับของพระองค์ แล้วข้าพเจ้าจะปฏิบัติตามจนถึงที่สุด

1คร.4:1-2 คนทั้งหลายจงยึดถือว่าเราเป็นผู้รับใช้ของพระคริสตเจ้า เป็นผู้จัดการดูแลธรรมล้ำลึกของพระเจ้า คุณสมบัติที่เขาแสวงหาในผู้จัดการก็คือ ต้องเป็นผู้ที่วางใจได้
2คร. 5:9 ดังนั้น ไม่ว่าเราจะอยู่ในร่างกายหรือถูกเนรเทศจากร่างกาย เราก็มีความมุ่งมั่นที่จะทำให้เป็นที่พอพระทัย

สดด.112:7 เขาจะไม่หวาดหวั่นต่อข่าวร้าย จิตใจของเขามั่นคง เขาวางใจในพระยาห์เวห์
สดด.57:7 ใจข้าพเจ้าพร้อมแล้ว พระเจ้าข้า ใจข้าพเจ้าพร้อมแล้ว ข้าพเจ้าจะขับร้องถวายสดุดีแด่พระองค์

ยก.1:23-25 เพราะถ้าผู้ใดฟังพระวาจาแล้วไม่ปฏิบัติตาม ก็เหมือนคนที่มองใบหน้าของตนในกระจกเงา เมื่อมองตนเอง และจากไปแล้ว ก็ลืมทันทีว่าตนเป็นอย่างไร ส่วนผู้ที่พิจารณาบัญญัติแห่งอิสรภาพและยึดมั่นในบัญญัตินั้น มิใช่ฟังแล้วลืม แต่ฟังแล้วนำไปปฏิบัติตาม ผู้นั้นย่อมประสบความสุขในการปฏิบัตินั้น

ฮบ.12:5 ท่านลืมคำเตือนที่พระเจ้าตรัสกับท่านในฐานะที่เป็นบุตรแล้วหรือ ลูกเอ๋ย อย่าดูถูกการเฆี่ยนตีสั่งสอนของพระเจ้า อย่าท้อถอยเมื่อพระองค์ทรงตำหนิเจ้า


kamsonbkk.com

วันพุธที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจเพื่อให้เราเกิดความกล้าหาญ เข้มแข็ง และมั่นคง


Image result for God is good

พระวาจาหนุนใจเพื่อให้เราเกิดความกล้าหาญ เข้มแข็ง และมั่นคง

อสค. 2:6 ส่วนท่าน บุตรแห่งมนุษย์เอ๋ย อย่ากลัวเขา อย่ากลัวคำพูดของเขาเลย แม้ท่านมีหนามและกอหนามล้อมอยู่ และนั่งอยู่กับแมลงป่อง อย่ากลัวคำพูดของเขาเลย อย่าท้อใจเมื่อเห็นหน้าเขา เพราะเขาเป็นพงศ์พันธุ์กบฏ

1ยน. 2:28 ลูกที่รักทั้งหลาย บัดนี้จงดำรงอยู่ในพระองค์ เพื่อเมื่อพระองค์ทรงปรากฏ เราจะได้มีความมั่นใจ ไม่ต้องหลบเลี่ยงไปจากพระองค์ด้วยความอับอาย ในวันที่พระองค์เสด็จมา

สดด. 27:14 จงมีความหวังในพระยาห์เวห์เถิด จงเข้มแข็ง จงทำใจกล้า จงมีความหวังในพระยาห์เวห์เถิด

2ทธ. 1:7 พระเจ้าไม่ได้ประทานจิตที่บันดาลความขลาดกลัว แต่ประทานจิตที่บันดาลความเข้มแข็ง ความรักและการควบคุมตนเองแก่เรา

ฮบ. 13:6 โดยเหตุนี้ เราจึงพูดด้วยความมั่นใจได้ว่า “พระเจ้าทรงเป็นผู้ช่วยเหลือข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจะไม่กลัว มนุษย์จะทำอะไรข้าพเจ้าได้”

ฟป. 1:27-28 ท่านทั้งหลายจงประพฤติตนให้คู่ควรกับข่าวดีของพระคริสตเจ้า ข้าพเจ้าจะมาพบท่านและเห็นกับตา หรืออยู่ไกลและเพียงแต่ได้ยินเรื่องราวเกี่ยวกับท่าน ข้าพเจ้าก็จะได้รู้ว่า ท่านทั้งหลายยังยืนหยัดมั่นคงอยู่ในจิตเดียวกัน และร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันต่อสู้เพื่อความเชื่อที่มาจากการประกาศข่าวดี ไม่เกรงกลัวผู้ต่อต้านแต่ประการใดความกล้าหาญนี้ เป็นข้อพิสูจน์ว่าผู้ต่อต้านจะพินาศ ส่วนท่านทั้งหลายจะรอดพ้น ความรอดพ้นนี้มาจากพระเจ้า

สภษ. 14:26 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นหลักประกันที่มั่นคง พระองค์ทรงเป็นที่หลบภัยของลูกหลาน

1คร. 16:13 จงระมัดระวัง จงยืนหยัดมั่นคงในความเชื่อ จงกล้าหาญและเข้มแข็ง

สภษ. 28:1 คนชั่วร้ายย่อมหนีแม้เมื่อไม่มีใครไล่ตาม แต่ผู้ชอบธรรมย่อมกล้าหาญอย่างสิงห์หนุ่ม
ฮบ. 10:19 พี่น้องทั้งหลาย เมื่อเรามีความมั่นใจที่จะเข้าสู่สถานที่ศักดิ์สิทธิ์อย่างยิ่งเดชะพระโลหิตของพระเยซูเจ้า

สดด. 31:24 ท่านทั้งหลายที่มีความหวังในพระยาห์เวห์ จงเข้มแข็งและมั่นคงเถิด

อฟ. 3:12 เดชะพระคริสตเจ้าและด้วยความเชื่อในพระองค์ เราจึงกล้าเข้าไปเฝ้าพระเจ้าด้วยความมั่นใจ


สภษ. 3:26 เพราะพระยาห์เวห์จะทรงให้ความมั่นใจแก่ลูก จะทรงรักษาเท้าของลูกให้พ้นจากบ่วงแร้ว

วันอังคารที่ 13 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจ ความขยันหมั่นเพียร

Image result for God is good
พระวาจาหนุนใจ ความขยันหมั่นเพียร

ยน. 6:27 อย่าขวนขวายหาอาหารที่กินแล้วเสื่อมสลายไป แต่จงหาอาหารที่คงอยู่และนำชีวิตนิรันดรมาให้ อาหารนี้บุตรแห่งมนุษย์จะประทานให้ท่าน เพราะพระเจ้าพระบิดาทรงประทับตรารับรองบุตรแห่งมนุษย์ไว้แล้ว”

อสร. 7:23 สิ่งใดที่พระเจ้าแห่งสวรรค์ทรงบัญชา ก็จงปฏิบัติตามอย่างถี่ถ้วนสำหรับพระวิหารของพระเจ้าแห่งสวรรค์ เพื่อพระองค์จะไม่ทรงพระพิโรธต่ออาณาจักรของกษัตริย์และพระโอรสของพระองค์

2ปต. 1:10-11 พี่น้องทั้งหลาย จงเอาใจใส่กระทำให้การที่พระเจ้าทรงเรียกและเลือกสรรท่านมีความมั่นคง ถ้าท่านปฏิบัติเช่นนี้ท่านจะไม่สะดุดล้มเลย ตรงกันข้าม ท่านจะมีโอกาสอย่างมากที่จะเข้าสู่พระอาณาจักรนิรันดรของพระเยซูคริสต์ องค์พระผู้เป็นเจ้าและพระผู้ไถ่ของเรา

ปญจ. 5:18-19 ข้าพเจ้าจึงสรุปได้ว่า ไม่มีสิ่งใดดีกว่าการกินการดื่ม และการหาความสุขจากงานยากลำบากที่ตนทำภายใต้ดวงอาทิตย์ ในชีวิตเพียงสั้นๆ ที่พระเจ้าประทานแก่ตน เพราะนี่คือชะตากรรมของเขา มนุษย์ทุกคนที่พระเจ้าประทานทรัพย์สินและความร่ำรวยให้ก็มีสิทธิ์จะแสวงหาความสุขจากของประทานเหล่านี้ และพบความยินดีในความลำบากตรากตรำของตน นี่เป็นของประทานจากพระเจ้า

ยน. 9:4 ตราบใดที่ยังเป็นกลางวันอยู่ เราทั้งหลายต้องทำกิจการของผู้ที่ทรงส่งเรามา แต่เมื่อกลางคืนมาถึง ก็ไม่มีใครทำงานได้

รม. 12:8 ผู้ที่ได้รับพระพรที่จะตักเตือน ก็จงตักเตือน ผู้ที่บริจาค ก็จงบริจาคด้วยความเอื้อเฟื้ออย่างจริงใจ ผู้ที่เป็นผู้นำ ก็จงทำหน้าที่ผู้นำด้วยความเอาใจใส่ ผู้ที่แสดงความเมตตากรุณา ก็จงแสดงความเมตตากรุณาด้วยใจยินดี 2ธส. 3:13 พี่น้องทั้งหลาย อย่าท้อถอยในการทำดี

สภษ. 21:5 แผนงานของคนขยันนำความอุดมสมบูรณ์มาให้อย่างแน่นอน แต่ความรีบเร่งเกินไปนำความขัดสนมาให้

กท. 6:9 อย่าท้อแท้ในการทำความดี เพราะถ้าเราไม่หยุดทำความดี เราก็จะได้เก็บเกี่ยวเมื่อถึงเวลา

2ปต. 3:14 ดังนั้น ท่านที่รักทั้งหลาย ขณะที่ท่านกำลังรอคอยเหตุการณ์เหล่านี้ จงพยายามให้พระเจ้าทรงพบท่านดำเนินชีวิตอย่างสันติปราศจากมลทินและไร้ข้อตำหนิ

1คร. 15:58 พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงมั่นคง อย่าหวั่นไหว จงออกแรงทำงานขององค์พระผู้เป็นเจ้าให้มากยิ่งขึ้นเสมอ ท่านรู้อยู่แล้วว่า งานหนักของท่านไม่สูญเปล่าสำหรับองค์พระผู้เป็นเจ้า

วันจันทร์ที่ 12 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจสำหรับการปฏิบัติความรักต่อพระเจ้า - เพื่อนมนุษย์

Image result for God is good
พระวาจาหนุนใจสำหรับการปฏิบัติความรักต่อพระเจ้า - เพื่อนมนุษย์

ท่านที่รักทั้งหลาย ถ้าพระเจ้าทรงรักเราเช่นนี้ เราก็ควรจะรักกันด้วย ไม่มีผู้ใดเคยเห็นพระเจ้า แต่ถ้าเรารักกัน พระเจ้าย่อมทรงดำรงอยู่ในเรา และความรักของพระองค์ในเราก็จะสมบูรณ์  (1 ยอห์น 4:11-12)

ท่านทั้งหลายจงมีความคิดเห็นพ้องต้องกัน ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน รักกันฉันพี่น้อง เห็นใจกันและรู้จักถ่อมตน  อย่าตอบโต้ความชั่วด้วยความชั่ว อย่าด่าตอบผู้ที่ด่าท่าน แต่ตรงกันข้าม จงอวยพรเขา เพราะพระเจ้าทรงเรียกท่านมาก็เพื่อให้รับพระพร (1 เปโตร 3:8-9)

นี่คือบทบัญญัติของเรา ให้ท่านทั้งหลายรักกัน เหมือนดังที่เรารักท่าน ไม่มีใครมีความรักยิ่งใหญ่กว่าการสละชีวิตของตนเพื่อมิตรสหาย (ยอห์น 15:12-13)

ท่านจะต้องรักองค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าของท่านสุดจิตใจ สุดวิญญาณ สุดสติปัญญาและสุดกำลังของท่าน  บทบัญญัติประการที่สองก็คือ ท่านจะต้องรักเพื่อนมนุษย์เหมือนรักตนเอง ไม่มีบทบัญญัติข้อใดยิ่งใหญ่กว่าบทบัญญัติสองประการนี้ (มาระโก 12:30-31)

ถ้าท่านมีความรักต่อกัน ทุกคนจะรู้ว่า ท่านเป็นศิษย์ของเรา (ยอห์น 13:35)

เรากล่าวแก่ท่านว่า จงรักศัตรู จงอธิษฐานภาวนาให้ผู้ที่เบียดเบียนท่าน (มัทธิว 5:44)

เราได้รับบทบัญญัตินี้จากพระองค์ คือให้ผู้ที่รักพระเจ้า รักพี่น้องของตนด้วย (1 ยอห์น 4:21)

อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:21)

เมื่อท่านทั้งหลายนอบน้อมเชื่อฟังความจริง ชำระจิตใจให้บริสุทธิ์จนรักกันฉันพี่น้องแล้ว ก็จงรักกันจากใจจริงยิ่ง ๆ ขึ้นเถิด (1 เปโตร 1:22)

ท่านที่รักทั้งหลาย เราจงรักกัน เพราะความรักมาจากพระเจ้า และทุกคนที่มีความรัก ย่อมบังเกิดจากพระเจ้า และรู้จักพระองค์ ผู้ไม่มีความรัก ย่อมไม่รู้จักพระเจ้า เพราะพระเจ้าทรงเป็นความรัก (1 ยอห์น 4:7-8)

ผู้ที่รักพี่น้องของตน ก็ดำรงอยู่ในความสว่าง และไม่มีสิ่งใดในตัวเขาที่ทำให้เขาล้มลงได้ แต่ผู้ที่เกลียดชังพี่น้องของตน ก็อยู่ในความมืด และเดินวนเวียนอยู่ในความมืด โดยไม่รู้ว่าเขากำลังเดินไปทิศทางใด เพราะความมืดทำให้ตาของเขาบอด (1 ยอห์น 2:10-11)
อย่าละเลยที่จะกระทำกิจการที่ดีและรู้จักแบ่งปัน เกื้อกูลกัน เพราะนี่คือเครื่องบูชาที่พระเจ้าพอพระทัย (ฮีบรู 13:16)

พระเจ้าไม่ทรงอยุติธรรมถึงกับจะทรงลืมกิจการที่ท่านได้กระทำ และทรงลืมความรักที่ท่านได้แสดงต่อพระนามของพระองค์ โดยรับใช้บรรดาผู้ศักดิ์สิทธิ์และยังคงรับใช้อยู่ต่อไป (ฮีบรู 6:10)

ขณะที่ท่านยืนอธิษฐานภาวนา จงให้อภัย ถ้าท่านมีเรื่องบาดหมางกับผู้ใด เพื่อว่าพระบิดาของท่านผู้สถิตบนสวรรค์จะทรงอภัยความผิดให้ท่านด้วย (มาระโก 11:25)

จงผ่อนหนักผ่อนเบาซึ่งกันและกัน หากมีเรื่องผิดใจกันก็จงยกโทษกัน องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงให้อภัยความผิดของท่านอย่างไร ท่านก็จงให้อภัยแก่เขาอย่างนั้นเถิด (โคโลสี 3:13)

เพราะถ้าท่านให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ ก็จะประทานอภัยแก่ท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ให้อภัยผู้ทำความผิด พระบิดาของท่านก็จะไม่ประทานอภัยแก่ท่านเช่นเดียวกัน (มัทธิว 6:14-15)

ท่านทั้งหลายจงขจัดความขมขื่น ความขุ่นเคือง ความโกรธ การขู่ตะคอก การนินทาว่าร้าย และความไม่ดีไม่งามทั้งหลาย  แต่จงมีใจโอบอ้อมอารี มีเมตตาต่อกัน ให้อภัยกันดังที่พระเจ้าทรงให้อภัยแก่ท่านในองค์พระคริสตเจ้าเถิด (เอเฟซัส 4:31-32)

พระองค์ทรงซื่อสัตย์และทรงเที่ยงธรรม ถ้าเราสารภาพบาป พระองค์จะทรงอภัยบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้สะอาดจากความอธรรมทั้งปวง (1 ยอห์น 1:9)

kamsonbkk.com

วันอาทิตย์ที่ 11 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาคือแหล่งในการชี้นำทางเรา และการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า

Image result for God is good
พระวาจาคือแหล่งในการชี้นำทางเรา และการแสวงหาน้ำพระทัยพระเจ้า

ถ้าท่านทั้งหลายยึดมั่นในวาจาของเรา ท่านก็เป็นศิษย์ของเราอย่างแท้จริง ท่านจะรู้ความจริง และความจริงจะทำให้ท่านเป็นอิสระ (ยอห์น 8:31-32)

ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง (2ทิโมธี 3:16-17)

พระวาจาของพระองค์เป็นโคมส่องทางของข้าพเจ้า เป็นแสงสว่างส่องทางเดินให้ข้าพเจ้า (สดุดี 119:105)

จงวางใจในพระเจ้าด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง  จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้า และพระองค์จะทรงกระทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น (สุภาษิต 3:5-6)

ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระองค์คือประทีปของข้าพเจ้า พระยาห์เวห์ทรงส่องความมืดของข้าพเจ้าให้สว่างไสว  (2ซามูเอล 22:29)

พระเจ้าข้า พระองค์ทรงเป็นพระศิลาและเป็นป้อมปราการของข้าพระองค์ ขอทรงพาและนำข้าพระองค์ด้วยเห็นแก่พระนามของพระองค์ (สดุดี 31:3)

เรารู้ว่า พระเจ้าทรงบันดาลให้ทุกสิ่งกลับเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่รักพระองค์ ผู้ที่ทรงเรียกมาตามพระประสงค์ของพระองค์ (โรม 8:28)

ผู้ที่มีบทบัญญัติของเรา และปฏิบัติตาม ผู้นั้นรักเรา และผู้ที่รักเรา พระบิดาของเราก็จะทรงรักเขา และเราเองก็จะรักเขา และจะแสดงตนแก่เขา (ยอห์น 14:21)

พี่น้องที่รักทั้งหลาย จงฟังเถิด พระเจ้าทรงเลือกผู้ที่โลกตัดสินว่ายากจนเพื่อให้เขามั่งมีในความเชื่อ และเป็นทายาทรับมรดกพระอาณาจักรซึ่งทรงสัญญาไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์มิใช่หรือ (ยากอบ 2:5)

ตามที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า “สิ่งที่ตาไม่เคยเห็น และหูไม่เคยได้ยิน และจิตใจของมนุษย์คิดไม่ถึง คือสิ่งที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้สำหรับผู้ที่รักพระองค์” (1โครินธ์ 2:9)

ถ้าผู้ใดรักพระเจ้า พระองค์ก็ทรงรู้จักผู้นั้น (1โครินธ์ 8:3)

ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์ (ยากอบ 1:12)

ถ้าท่านปฏิบัติตามบทบัญญัติของเรา ท่านก็จะดำรงอยู่ในความรักของเรา เหมือนกับที่เราปฏิบัติตามบทบัญญัติของพระบิดาของเรา และดำรงอยู่ในความรักของพระองค์ (ยอห์น 15:10)

พระบุตรของพระเจ้าเสด็จมาแล้ว พระองค์ประทานความเข้าใจให้เรา เพื่อเราจะได้รู้จักพระเจ้าแท้ เราอยู่ในพระองค์ และอยู่ในพระเยซูคริสตเจ้าพระบุตรของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแท้ และทรงเป็นชีวิตนิรันดร ลูกที่รัก จงระวังตนจากรูปเคารพเถิด (1 ยอห์น 5:20)

จงมอบภาระของท่านไว้กับพระเจ้า และพระองค์จะทรงค้ำจุนท่าน พระองค์จะไม่ทรงยอมให้คนชอบธรรมคลอนแคลนเลย (สดุดี 55:22)

อย่าเดือดร้อนเรื่องคนเลวร้าย หรืออิจฉาริษยาผู้ที่กระทำผิด เขาจะเหี่ยวแห้งไปอย่างรวดเร็วเหมือนต้นหญ้า จะร่วงโรยเหมือนพืชเขียวในทุ่งนา จงวางใจในพระยาห์เวห์และทำความดี จงพำนักอยู่ในแผ่นดินและอยู่เป็นสุข (สดุดี 37:1-3)

อย่าเดือนร้อนเมื่อใครสักคนประสบความสำเร็จด้วยเล่ห์กล จงระงับโทสะและเลิกโกรธ อย่าเดือนร้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด คนเลวร้ายย่อมถูกกำจัดให้หมดสิ้น แต่ผู้ที่มีความหวังในพระยาห์เวห์ย่อมได้รับแผ่นดินเป็นมรดก (สดุดี 37:8-9)

อย่าดูหมิ่นพระดำรัสสอนของพระเจ้า หรือเบื่อหน่ายต่อพระดำรัสเตือนของพระองค์ เพราะพระเจ้าทรงตักเตือนผู้ที่พระองค์ทรงรัก ดังบิดาตักเตือนบุตรผู้ที่เขาปีติชื่นชม (สุภาษิต 3:11-12)
อย่าเป็นหนี้ผู้ใด นอกจากเป็นหนี้ความรักซึ่งกันและกัน ผู้ที่รักเพื่อนมนุษย์ก็ปฏิบัติตามธรรมบัญญัติครบถ้วนแล้ว (โรม 13:8)

อย่าตอบแทนความชั่วด้วยความชั่ว  จงพยายามทำดีต่อมนุษย์ทุกคน ในส่วนของท่าน จงอยู่อย่างสันติกับทุกคนถ้าเป็นไปได้ (โรม 12:17-18)

พี่น้องที่รักยิ่ง อย่าแก้แค้นเลย  แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษเถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้ (โรม 12:19)

ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารกับเขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ  อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี (โรม 12:20-21)

จงอย่าพูดคำเลวร้ายใด ๆ เลย จงพูดแต่คำดีงามเพื่อช่วยกันเสริมสร้างผู้อื่นตามโอกาสและเพื่อให้เกิดประโยชน์แก่บรรดาผู้ได้ยินได้ฟัง (เอเฟซัส 4:29)

จงขอเถิด แล้วท่านจะได้รับ จงแสวงหาเถิด แล้วท่านจะพบ จงเคาะประตูเถิด แล้วเขาจะเปิดประตูรับท่าน (มัทธิว 7:7)

จงชื่นชมยินดีในความหวัง จงมีความอดทนต่อความทุกข์ยาก จงพากเพียรในการภาวนา (โรม 12:12)

ท่านทั้งหลายที่เหน็ดเหนื่อย และแบกภาระหนักจงมาพบเราเถิด เราจะให้ท่านได้พักผ่อน  จงรับแอกของเราแบกไว้ และมาเป็นศิษย์ของเรา เพราะเรามีใจสุภาพอ่อนโยนและถ่อมตนจิตใจของท่านจะได้รับการพักผ่อน  เพราะว่าแอกของเราอ่อนนุ่มและภาระที่เราให้ท่านแบกก็เบา (มัทธิว 11:28-30)

ท่านทั้งหลายจงมาพักผ่อนกับเราตามลำพังในที่สงัดระยะหนึ่งเถิด (มาระโก 6:31)

kamsonbkk.com

วันเสาร์ที่ 10 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เราเจ็บป่วย

Image result for God is good
พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เราเจ็บป่วย

จงปรนนิบัติพระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า เราจะบันดาลให้โรคต่างๆ หายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า (อพยพ 23:25)

เมื่อเขานอนเจ็บ พระเจ้าทรงค้ำจุนเขา  เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย (สดุดี 41:3)

ดูเถิด เราจะนำอนามัย และการรักษามาให้ และเราจะรักษาเขาทั้งหลายให้หาย และเผยสวัสดิภาพและความมั่นคงอย่างอุดม (เยเรมีย์ 33:6)

พระองค์ทรงแบกบาปของเราไว้ในพระวรกายบนไม้กางเขน เพื่อเราจะได้ตายจากบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม รอยแผลของพระองค์รักษาท่านให้หาย (1เปโตร 2:24)

พระเยซูเจ้าเสด็จไปตามเมืองและตามหมู่บ้าน ทรงสั่งสอนในศาลาธรรม ทรงประกาศข่าวดีเรื่องพระอาณาจักร ทรงรักษาโรคและความเจ็บไข้ทุกชนิด (มัทธิว 9:35)

ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ข้าพระองค์ร้องทูลขอความอุปถัมภ์จากพระองค์ และพระองค์ได้ทรงรักษาข้าพระองค์ให้หาย (สดุดี 30:2)

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะได้หาย  ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงจะรอด เพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์ (เยเรมีย์ 17:14)

ประชาชนทุกคนพยายามสัมผัสพระองค์ เพราะมีพระอานุภาพออกจากพระองค์ รักษาทุกคนให้หาย (ลูกา 6:19)

มาเถิด ให้เรากลับไปหาพระเจ้า  เพราะว่าพระองค์ทรงฉีก และจะทรงรักษาเราให้หาย พระองค์ทรงโบยตี และจะทรงพันบาดแผลให้แก่เรา (โฮเชยา 6:1)

วันศุกร์ที่ 9 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เราถูกทดลอง

Image result for God is good

พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เราถูกทดลอง

ท่านทั้งหลายไม่เคยเผชิญกับการทดลองใด ๆ ที่เกินกำลังมนุษย์ พระเจ้าทรงซื่อสัตย์ พระองค์จะไม่ทรงอนุญาตให้ท่านถูกทดลองเกินกำลังของท่าน แต่เมื่อถูกทดลอง พระองค์จะประทานความสามารถให้ท่านยืนหยัดมั่นคงและหาทางออกได้ (1โครินธ์ 10:13)

บัดนี้ ข้าพเจ้าขอบอกท่านทั้งหลายว่า จงดำเนินตามพระจิตเจ้า และอย่าตอบสนองความปรารถนาตามธรรมชาติ (กาลาเทีย 5:16)

ในฐานะที่พระองค์ทรงรับการทรมานและทรงผ่านการทดลองมาแล้ว พระองค์จึงทรงช่วยเหลือผู้ที่ถูกทดลองได้ด้วย (ฮีบรู 2:18)

องค์พระผู้เป็นเจ้าทรงช่วยผู้เลื่อมใสศรัทธาให้พ้นจากการทดลองได้ และทรงกันคนอธรรมไว้ให้รับโทษเมื่อถึงวันพิพากษา (2เปโตร 2:9)

พี่น้องทั้งหลาย จงคิดว่าเป็นที่น่ายินดีเมื่อประสบความยากลำบากต่างๆ เพราะท่านรู้อยู่แล้วว่าการที่ความเชื่อของท่านถูกทดสอบก่อให้เกิดความพากเพียร (ยากอบ 1:2-3)

ดังนั้น ท่านจงชื่นชม แม้ว่าในเวลานี้ท่านยังต้องทนทุกข์จากการถูกทดสอบต่าง ๆ ชั่วขณะหนึ่ง  เพื่อคุณค่าที่แท้จริงแห่งความเชื่อของท่านจะได้รับการสรรเสริญ รับสิริรุ่งโรจน์และรับเกียรติเมื่อพระเยซูคริสตเจ้าจะทรงแสดงพระองค์ ความเชื่อนี้ประเสริฐยิ่งกว่าทองคำที่เสื่อมสลายได้ แต่ก็ยังถูกทดสอบด้วยไฟ (1เปโตร 1:6-7)

เราบอกเรื่องเหล่านี้กับท่านแล้ว เพื่อท่านจะได้มีสันติสุขในเรา ในโลกนี้ ท่านจะมีความทุกข์ยาก แต่อย่าท้อแท้ เราชนะโลกแล้ว” (ยอห์น 16:33)

พระเยซูคริสตเจ้าทรงมอบพระองค์เพื่อช่วยเราให้รอดพ้นจากบาป และเพื่อช่วยเราให้พ้นจากความชั่วร้ายในโลกปัจจุบัน ตามพระประสงค์ของพระเจ้าพระบิดาของเรา (กาลาเทีย 1:4)
ผู้ที่มีมานะอดทนต่อการถูกทดลองย่อมเป็นสุข เพราะเมื่อเขาผ่านการทดลองนั้น เขาจะได้รับมงกุฎแห่งชีวิตซึ่งองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงสัญญาจะประทานให้ผู้ที่รักพระองค์  อย่าให้ผู้ใดที่ถูกทดลองพูดว่า “ข้าพเจ้าถูกพระเจ้าทดลอง” เพราะความชั่วไม่อาจทดลองพระเจ้าได้ และพระองค์ไม่ทรงทดลองผู้ใด  แต่เราทุกคนถูกกิเลสตัณหาทดลอง ดึงดูด และหลอกลวง
(ยากอบ 1:12-14)
จงมีสติสัมปชัญญะและตื่นตัวอยู่เสมอ เพราะศัตรูของท่านคือมาร กำลังดักวนเวียนอยู่รอบ ๆ ดุจสิงห์โตคำราม เสาะหาคนที่มันจะกัดกินได้ จงต่อสู้มันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อ จงรู้ว่าบรรดาพี่น้องผู้มีความเชื่อทั่วโลกก็ประสบความทุกข์ลำบากเช่นเดียวกัน (1เปโตร 5:8-9)

พระยาห์เวห์ทรงปกป้องคุ้มครองคนซื่อ เมื่อข้าพเจ้าตกต่ำ พระองค์ก็ทรงช่วยให้รอดพ้น วิญญาณข้าพเจ้าเอ๋ย จงสงบอีกครั้งหนึ่งเถิด เพราะพระยาห์เวห์ทรงดีต่อเจ้า (สดุดี 116:6,7)

พระองค์ทรงเป็นที่ลี้ภัยและทรงเป็นโล่กำบังของข้าพเจ้า ข้าพเจ้ามีความหวังในพระวาจาของพระองค์ (สดุดี 119:114)

ท่านต้องมีความพากเพียรในการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า เพื่อจะได้รับบำเหน็จตามพระสัญญา (ฮีบรู 10:36)

ใครจะทำร้ายท่านได้ ถ้าท่านมุ่งมั่นในความดี (1 เปโตร 3:13)

พระยาห์เวห์ทรงคุ้มครองทางของผู้ชอบธรรม แต่ทางของคนชั่วจะพินาศ (สดุดี 1:6)

บุคคลผู้ฟังเราจะอยู่อย่างปลอดภัย เขาจะอยู่อย่างสงบสุข ปราศจากความคิดพรั่นพรึงในความชั่วร้าย (สุภาษิต 1:33)

จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน (เฉลยธรรมบัญญัติ 31:6)

วันพฤหัสบดีที่ 8 มกราคม พ.ศ. 2558

พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เรารู้สึกผิด - หดหู่

Image result for God is good
พระวาจาหนุนใจสำหรับเวลาที่เรารู้สึกผิด - หดหู่

เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ผู้ที่ฟังวาจาของเรา และมีความเชื่อในพระองค์ผู้ทรงส่งเรามา ก็ย่อมมีชีวิตนิรันดร
และไม่ต้องถูกพิพากษา แต่เขาได้ผ่านจากความตายเข้าสู่ชีวิตแล้ว (ยอห์น 5:24)

พระเจ้าทรงส่งพระบุตรมาในโลกนี้มิใช่เพื่อตัดสินลงโทษโลก แต่เพื่อโลกจะได้รับความรอดพ้นเดชะพระบุตรนั้น ผู้ที่มีความเชื่อในพระบุตรจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ แต่ผู้ที่ไม่มีความเชื่อก็ถูกตัดสินลงโทษอยู่แล้ว เพราะเขามิได้มีความเชื่อในพระนามของพระบุตรเพียงพระองค์เดียวของพระเจ้า (ยอห์น 3:17-18)

เราจะกรุณาต่อความอธรรมของเขา และจะไม่จดจำบาปของเขาอีกต่อไป (ฮีบรู 8:12)

เราจะชำระเขาจากโทษบาปของเขาซึ่งมีต่อเรา และจะให้อภัยโทษบาปและการกบฏต่อเรา (เยเรมีย์ 33:8)

ถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสตเจ้า ผู้นั้นก็เป็นสิ่งสร้างใหม่ สภาพเก่าผ่านพ้นไป สภาพใหม่เกิดขึ้นแล้ว (2โครินธ์ 5:17)

เราได้ลบล้างการทรยศของเจ้าเสียเหมือนเมฆ และลบล้างบาปของเจ้าเหมือนหมอก จงกลับมาหาเรา เพราะเราได้ไถ่เจ้าแล้ว  (อิสยาห์ 44:22)

จงถ่อมตนลงอยู่ใต้พระหัตถ์ทรงฤทธิ์ของพระเจ้า เพื่อพระองค์จะได้ทรงยกย่องท่านขึ้นเมื่อถึงเวลาอันควร  จงละความกระวนกระวายทั้งมวลของท่านไว้กับพระองค์ เพราะพระองค์ทรงห่วงใยท่าน (1เปโตร 5:6-7)

อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับเจ้า อย่าขยาด เพราะเราเป็นพระเจ้าของเจ้า เราจะหนุนกำลังเจ้า เราจะช่วยเจ้า เราจะชูเจ้าด้วยมือขวาอันมีชัยของเรา (อิสยาห์ 41:10)

เราจะไม่ทิ้งท่านทั้งหลายให้เป็นกำพร้า เราจะกลับมาหาท่าน (ยอห์น 14:18)

พระองค์ทรงรักษาคนที่ชอกช้ำระกำใจ  และทรงพันผูกบาดแผลของเขา (สดุดี 147:3)

พระเนตรของพระเจ้า เห็นคนชอบธรรม  และพระกรรณของพระองค์สดับคำอ้อนวอนของเขา  เมื่อคนชอบธรรมร้องทูลขอ พระเจ้าทรงสดับ  และทรงช่วยเขาให้พ้นจากความยากลำบากทั้งสิ้นของเขา (สดุดี 34:15,17)

คนที่วางใจในพระเจ้าย่อมได้รับพระพร คือผู้ที่ความวางใจของเขาอยู่ในพระเจ้า (เยเรมีย์ 17:7)

พระองค์จะทรงเช็ดน้ำตาทุกหยดจากนัยน์ตาของเขา จะไม่มีความตายอีกต่อไป จะไม่มีการคร่ำครวญ การร้องไห้ และความทุกข์อีกต่อไป เพราะโลกเดิมผ่านพ้นไปแล้ว (วิวรณ์ 41:4)

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...