จะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นที่พอพระทัยของพระเจ้าของฉัน
วันนี้ข้าพเจ้าได้ใช้เวลาเงียบๆนั่งคิดทบทวน ว่าข้าพเจ้าได้ใช้ชีวิตอย่างไรในแต่ละวันบ้าง นั่งๆนึกดูระยะนี้ ข้าพเจ้าให้เวลากับพระแค่นิดๆหน่อยๆ แป๊ปๆเดียวในแต่ละวัน แต่ส่วนใหญ่จะหมดไปกับการดูซีรี่ส์ ทุกครั้งที่ดูซีรี่ส์ ข้าพเจ้าก็จะรู้สึกผิดในใจเสมอว่า ทำไมข้าพเจ้าจึงให้เวลากับสิ่งอื่นมากกว่าการใช้เวลากับพระ วันนี้ข้าพเจ้าได้ตั้งใจว่าวันนี้จะให้เวลากับพระและข้าพเจ้าได้อ่านเจอข้อความหนุนใจดีๆนี้จากเพจ http://www.followhissteps.com จึงอยากนำมาแบ่งปัน เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินชีวิต ว่าเราจะใช้ชีวิตอย่างไรให้เป็นที่พอพระทัยพระองค์
"16 จงชื่นบานอยู่เสมอ
17 จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
18 จงขอบพระคุณในทุกกรณี
เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับพวกท่านในพระเยซูคริสต์"
(1เธสะโลนิกา 5:16-18 ThaiTSV2002)
พระเจ้าทรงป็นเจ้าของชีวิตของเรา
เราต้องตระหนักอยู่เสมอว่า
เราจะต้องดำเนินชีวิตอย่างไรจึงจะเป็นที่ชอบพระทัยของพระองค์
พระธรรม 1เธสะโลนิกา 5:16-18
ตอนนี้ได้บอกไว้อย่างชัดเจนว่า ชีวิตที่พระเจ้าทรงพอพระทัย มีอย่างน้อย 3
ประการด้วยกัน
1. ความชื่นชมยินดี
"จงชื่นบานอยู่เสมอ"
(1เธสะโลนิกา 5:16-18)
ความชื่นชมยินดีเป็นลักษณะพิเศษที่พวกเราคริสเตียนมี
เพราะพระเยซูคริสต์ทรงประทานสันติสุขที่แท้จริงให้แก่เราแล้ว
และสันติสุขนี้เองที่ทำให้เรามีชีวิตที่มีความชื่นชมยีนดีได้ตลอดเวลา
จึงไม่น่าแปลกใจที่นักบุญเปาโลได้เน้นย้ำให้ชาวฟิลิปปีชื่นชมยีนดีอยู่ตลอดเวลา
"จงชื่นชมยินดีในองค์พระผู้เป็นเจ้าทุกเวลา
ข้าพเจ้าขอย้ำอีกครั้งว่า จงชื่นชมยินดีเถิด" (ฟิลิปปี 4:4
ThaiTSV2002)
ผลดีของการชื่นชมยินดีคือ
1. เป็นที่ชอบพระทัยของพระเจ้า
ถ้าชีวิตของเรายังหงอยเหงา วิตกกังวลมาก กลัวหลายสิ่งหลายอย่าง
เป็นทุกข์ในเรื่องนั้นเรื่องนี้ วุ่นวายไปหมดจนขาดสันติสุข
ชีวิตของเราก็จะขาดสง่าราศีในการเป็นลูกของพระเจ้า
และจะไม่เป็นที่ถวายเกียรติแด่พระเจ้าอย่างแน่นอน ตรงกันข้าม
ถ้าเรามีสันติสุขในชีวิต เราจะมีความสงบ เราจะรู้จักพึ่งพาในพระเจ้าตลอดเวลา
และจะสามารถผจญกับทุกสิ่งในชีวิตได้ แม้ว่าจะต้องเจอปัญหาในชีวิตเหมือนคนอื่น ๆ แม้ต้องอยู่ในสังคมที่เลวร้ายต่าง
ๆ เช่นกับคนอื่น เราก็จะยังสามารถชื่นชมยินดีได้ และจะเป็นพยานเพื่อที่จะถวายเกียรติแด่พระเจ้า
และแน่นอน ชีวิตของเราก็จะเป็นที่ชอบพระทัยแก่พระเจ้า
"17 แม้ต้นมะเดื่อไม่มีดอกบาน
หรือเถาองุ่นไม่มีผล ผลมะกอกเทศก็ขาดไป ทุ่งนามิได้เกิดอาหาร ฝูงสัตว์ขาดไปจากคอก
และไม่มีฝูงวัวที่ในโรง
18
ถึงกระนั้นข้าพเจ้าจะร่าเริงในพระเจ้า ข้าพเจ้าจะเปรมปรีดิ์ในพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพเจ้า
19 พระเจ้าคือองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงเป็นกำลังของข้าพเจ้า
พระองค์ทรงกระทำเท้าของข้าพเจ้าเหมือนอย่างตีนกวางตัวเมีย
พระองค์ทรงกระทำให้ข้าพเจ้าเดินไปบนที่สูงทั้งหลายของข้าพเจ้า ถึงหัวหน้านักร้อง
ใช้เครื่องสาย" (ฮาบากุก 3:17-19 ThaiTSV2002)
2. มีประโชน์แก่ตัวเราเองอย่างมาก
ชีวิตที่มีความชื่นชมยินดีอยู่เสมอ ในสมองจะมีสาร Endorphin
หลั่งมาตลอดเวลาในสมอง เป็นสารที่ทำให้เรามีความสุข
ฮอร์โมนนี้เองที่ส่งเสริมให้สุขภาพของเราแข็งแรงขึ้น พระเจ้าทรงรักเรามาก
พระองค์ทรงปรารถนาที่จะให้เราทั้งหลายมีความสุข
ให้เรามีความชื่นชมยินดีอยู่ตลอดเวลา เพื่อที่สุขภาพร่างกาย จิตใจ
และจิตวิญญาณจะได้งดงามอยู่ตลอดเวลาด้วย
เพราะว่าภายในมีความสุข จึงทำให้เราดูไม่แก่
พี่น้องที่รักทุกท่าน เราอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าอายุจะมากแล้ว แต่จริง ๆ
แล้วพวกเรายังดูสาวและหนุ่มอยู่ตลอดเวลา
เพราะว่าเรามีสันติสุขขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่ในหัวใจนั่นเอง
"บุคคลผู้สนใจในพระวจนะจะพบของดี
และคนที่วางใจในพระเจ้าจะสุขสบาย" (Proverbs 16:20 ThaiTSV1971)
2. ชีวิตที่อธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
"จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ"
(1เธสะโลนิกา 5:17 ThaiTSV2002)
ชีวิตของคริสเตียน
มีสิทธิพิเศษในการที่จะสามารถอธิษฐานกับพระเจ้า และได้รับการปกป้องจากพระเจ้า
"ข้าพระองค์ไม่ได้ขอให้พระองค์เอาพวกเขาออกไปจากโลก
แต่ขอให้ปกป้องเขาไว้ให้พ้นจากมารร้าย" (ยอห์น 17:15 ThaiTSV2002)
"แต่พวกท่านเป็น
พงศ์พันธุ์ที่ทรงเลือกสรร เป็นพวกปุโรหิตหลวง เป็นชนชาติบริสุทธิ์
เป็นประชากรอันเป็นกรรมสิทธิ์ของพระเจ้า เพื่อให้พวกท่านประกาศพระเกียรติคุณ
(แปลได้อีกว่า ประกาศกิจการอันอัศจรรย์) ของพระองค์
ผู้ได้ทรงเรียกพวกท่านให้ออกมาจากความมืด
เข้าไปสู่ความสว่างอันมหัศจรรย์ของพระองค์" (1เปโตร 3:9 ThaiTSV2002)
ปุโรหิตมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการอธิษฐาน
ในการติดต่อกับพระเจ้า ในสมัยกลางของประวัติศาสตร์คริสตจักรได้มีการสอนผิดเพี้ยนว่าพระเท่านั้นที่จะสามารถอธิษฐาน
เป็นตัวกลางกับพระเจ้าได้ แต่ท่านมาร์ติน ลูเธอร์ ผู้ซึ่งป็นพระเหมือนกัน
ได้ออกมาคัดค้าน โดยใช้ข้อพระคัมภีร์นี้ยืนยันว่าเราทุกคนเป็นปุโรหิตหลวง
คริสเตียนทุกคนมีสิทธิที่จะอธิษฐานติดต่อกับพระเจ้าได้โดยตรง ไม่ต้องอาศัยคนกลาง
"เพราะฉะนั้นท่านจงสารภาพบาปต่อกันและกัน
และจงอธิษฐานเผื่อกันและกัน เพื่อท่านทั้งหลายจะได้รับการรักษาโรค
คำวิงวอนของผู้ชอบธรรมนั้นมีพลังมากและเกิดผล" (ยากอบ 5:16 ThaiTSV2002)
ในพระคัมภีร์ 1เธสะโลนิกา
จึงได้เขียนย้ำให้เราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ
เพราะการอธิษฐานวิงวอนมิได้เพียงอธิษฐานเพื่อขอเท่านั้น
แต่ที่สำคัญกว่านั้นคือการมีสัมพันธ์ที่ดีกับพระเจ้า
เน้นเรื่องความผูกพันกับพระเจ้าตลอดเวลา หรือพูดอีกนัยหนึ่งว่า
"การมีสัมพันธภาพกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา" นั่นเอง
เหมือนกับพ่อแม่ที่ปรารถนาที่จะให้ลูกมีความสัมพันธ์ที่ดีกับท่าน
นี่มิได้หมายความว่าเราจะต้องอธิษฐานกับพระเจ้าตลอดเวลาโดยไม่ต้องทำอะไรเลย
เอาแต่อธิษฐานอย่างเดียว แต่หมายความว่าให้เราติดสนิทกับพระเจ้าทุกเวลา
ทำงานก็คิดถึงพระเจ้าได้ เห็นธรรมชาติที่สวยงามก็คิดถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้าได้
เจอปัญหาที่หนักใจก็คิดเสมอว่าพระเจ้าทรงสามารถช่วยได้
คนที่มีความผูกพันที่ดีกับพระเจ้า ไม่ว่าจะเจออะไรก็จะนึกถึงพระเจ้าเสมอ
มีนักวิชาการคนหนึ่งพูดไว้น่าสนใจว่า
การอธิษฐานกับพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอ หมายถึง การ Online
กับพระเจ้าตลอดเวลา
เมื่อเราคิดถึงสิทธิอำนาจในการอธิษฐาน
เราจะต้องขอบคุณพระเจ้ามาก ๆ เพราะจริง ๆ แล้วเราเป็นใคร เราดีเพียงไร
เรามีเงื่อนไขที่ดีอย่างไร ที่พระเจ้าได้ทรงประทานสิทธินี้ให้แก่เรา
ทั้งสิ้นล้วนเป็นพระคุณความรักของพระเจ้า พระองค์ทรงรัก และให้ความสำคัญแก่เรา
พี่น้องที่รัก
ให้เรารักษาสัมพันธภาพที่ดีกับพระเจ้าตลอดเวลา อย่าให้ขาดเลย
แล้วเราจะได้รับพลังจากพระเจ้าในการเผชิญปัญหาทั้งปวง
ให้เรามีกำลังที่จะก้าวไปข้างหน้าอย่างมีชัยชนะ
ข้อคิดที่อยากฝากให้เราได้คิด ได้แก่
อธิษฐานมาก จะเหนื่อยน้อย
อธิษฐานน้อย จะเหนื่อยมาก
ไม่อธิษฐานเลย จะเหนื่อยเปล่า
"6 อย่ากระวนกระวายในสิ่งใดๆเลย
แต่จงทูลพระเจ้าให้ทรงทราบทุกสิ่งที่พวกท่านขอ โดยการอธิษฐานและการวิงวอน
พร้อมกับการโมทนาพระคุณ
7
แล้วสันติสุขของพระเจ้าที่เกินความเข้าใจ จะคุ้มครองจิตใจและความคิดของท่านทั้งหลายไว้ในพระเยซูคริสต์"
(ฟิลิปปี 4:6-7 ThaiTSV2002)
3.
ชีวิตที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี
"จงขอบพระคุณในทุกกรณี
เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับพวกท่านในพระเยซูคริสต์"
(1เธสะโลนิกา 5:18 ThaiTSV2002)
ขอบคุณพระเจ้าในทุกกรณี หมายความว่า
ขอบคุณพระเจ้าในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าสถานการณ์นั้นจะดีหรือไม่ดี
นี่คือความหมายในพระคัมภีร์ที่ต้องการบอกกับเราว่า ไม่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับเรา
เราจะชอบหรือไม่ชอบ สมหวังหรือผิดหวัง ดีหรือไม่ดี
ให้เราสามารถขอบพระคุณพระเจ้าได้ในทุกกรณี
ชีวิตคริสเตียน เรามีความมั่นใจว่าชีวิตของเราอยู่ในแผนการของพระเจ้าแล้ว
เรามีพระเจ้าเป็นผู้ทรงนำพาชีวิตเรา สถิตกับเรา
ปกป้องรักษาเราอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน เพราะฉะนั้น เรื่องที่เกิดขึ้นกับเราทุกเรื่อง
เป็นเรื่องที่พระเจ้าทรงอนุญาตให้เกิดจึงจะเกิดขึ้นได้
พระเจ้าทรงมีน้ำพระทัยที่ดียอดเยี่ยมกับเราทุกคน
เพียงแต่ว่าในขณะนี้เราจะยังไม่สามารถเข้าใจได้อย่างแจ่มแจ้ง
แต่ให้เรามั่นใจเถิดว่า พระองค์ทรงมีแผนการที่ดีให้กับผู้ที่รักพระองค์
"เรารู้ว่า
เหตุการณ์ทุกอย่างร่วมกันก่อผลดีแก่คนที่รักพระเจ้า
คือแก่คนทั้งหลายที่พระองค์ทรงเรียกตามพระประสงค์ของพระองค์" (โรม 8:28 ThaiTSV 2002)
ด้วยเหตุนี้
เราจึงสามารถขอบคุณพระเจ้าได้ตลอดเวลา ได้ทุกเรื่อง ได้ในทุกกรณี
"จงขอบพระคุณพระเจ้าคือพระบิดาอยู่เสมอสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง
ในพระนามของพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเรา" (เอเฟซัส 5:20)
มัทธิว เฮ็นรี นักเทศน์ผู้มีชื่อเสียง
ขณะเดินทางไปเทศนาก็ถูกโจรวิ่งราวเอาสิ่งของไป คนที่ผ่านมาก็บอกว่า
"ไม่น่าเกิดขึ้นเลย" แต่ท่านกลับบอกว่าในเรื่องที่เกิดขึ้นนี้ ท่านมีถึง
4 เรื่องที่ท่านจะขอบพระคุณพระเจ้า
นี่เป็นครั้งแรกในชีวิต
ที่ได้มีประสบการณ์ถูกวิ่งราว
คนที่ขโมยเอากระเป๋าไปเท่านั้น
ไม่ได้ทำร้ายร่างกายเลย
แม้ว่าขโมยเอากระเป๋าทั้งกระเป๋าไป
แต่ข้างในมีเงินอยู่ไม่มาก
ข้าพเจ้าเป็นคนที่ถูกวิ่งราว
ข้าพเจ้าไม่ได้ยากไร้จนต้องไปวิ่งราวเอาของของคนอื่น
ท่านที่รักครับ
เมื่อเรารู้จักขอบคุณพระเจ้า ไม่ว่าเรื่องใด ๆ เราก็จะสามารถขอบคุณพระเจ้าได้
ตรงข้ามกับการขอบคุณพระเจ้า ก็คือ
เสียงบ่น เสียงว่า
น้ำชาในแก้วหนึ่ง มีเพียงครึ่งแก้ว
คนที่มักบ่น จะมองว่ามีแค่ครึ่งแก้ว แต่สำหรับคนที่รู้จักของพระคุณพระเจ้าจะมองว่ามีตั้งครึ่งแก้ว
แค่นี้ก็พอใจแล้ว
มีน้ำถ้วยหนึ่ง เต็มอยู่
คนที่ขี้บ่นเมื่อหยิบขึ้นมา ก็บอกว่า ทำไมใส่จนล้นขนาดนี้ล่ะ ทำให้มือเปียก
แต่คนที่รู้จักขอบคุณพระเจ้าก็จะบอกว่า ถ้วยน้ำนี้เต็มล้น ช่างวิเศษอะไรเช่นนี้
คนที่รู้จักขอบคุณพระเจ้า
ไม่ว่าเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ เขาก็ขอบคุณพระเจ้าได้ แม้พบปัญหาหรืออุปสรรค
เขาก็จะสามารถขอบคุณพระเจ้า แล้วเขาก็จะบอกว่าอุปสรรคหรือปัญหาที่พบนั้น
ไม่มากจนเกินไป
แต่คนที่ไม่รู้จักขอบคุณพระเจ้า
แม้ว่าพระเจ้าจะประทานพระคุณให้พระเจ้าอย่างเต็มล้น แต่เขาก็จะบ่นว่า
น้ำล้นอย่างนี้ มือถือถ้วยก็จะเปียกไปด้วย
"ขอขอบพระคุณพระเจ้า
เพราะของประทานที่เกินความคาดคิดซึ่งพระองค์ประทานนั้น" (2โครินธ์ 9:15 ThaiTSV2002)
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจดีที่เรียบเรียงโดยคุณ ธีรยสถ์ นิมมานนท์
อ่านจบแล้ว ข้าพเจ้าได้รับพลังเสริมฝ่ายจิดเพิ่มมากขึ้น
คำหนุนใจนี้เหมือนเป็นเข็มทิศนำทางข้าพเจ้าให้กลับเข้าร่องเข้ารอยอีกครั้ง
ในชีวิตของคนเรา ไม่แปลกที่เราจะเดินนอกลู่นอกทาง แต่เมื่อรู้ตัวแล้ว
ให้พยายามหาทางกลับมาที่ที่เราควรจะเป็น และทำให้ดี
สละเวลาของเราให้เวลาของเรากับพระเยอะๆ เปลี่ยนจากการออนไลน์กับข่าวสารบ้านเมืองหรือ
ซีรี่ส์ มาเป็นออนไลน์กับพระเจ้าแทน ดีกว่านะคะ ว่าไม๊
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องทุกท่าน
KC
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น