วันพฤหัสบดีที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา



อย่าเพ่งสายตามองหาความผิดของผู้อื่น แต่จงค้นหาในตัวเองจะดีกว่า 
"อย่าพิพากษาเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกพิพากษา อย่าตัดสินลงโทษเขา แล้วพวกท่านจะไม่ถูกตัดสินลงโทษ จงยกโทษให้เขา แล้วพวกท่านจะได้รับการยกโทษ" (ลก.6:37)

ชีวิตนั้น ... ถ้าเรามองดูมันโดยไม่รู้ค่า มันก็จะเป็นเช่นหินหยาบ ถ้าเราไม่ขัดไม่เกลามัน มันก็จะไร้ค่า เป็นเช่นหินสะดุด!

อย่าเพ่งสายตามองหาความผิดของผู้อื่น แต่จงค้นหาในตัวเองจะดีกว่า อย่ามองหา ‘ผง’ ในตาเขา โดยไม่ใส่ใจ ‘ไม้ทั้งท่อน’ ในตาตน (ลก.6:41-42) จริงอยู่ บางคนก็เป็นเช่นหินนี้ ... แต่เราจะเปลี่ยนหินหยาบไม่ได้ ตราบใดที่ใจเราก็ยังหยาบอยู่ ความรักขัดความเกลียด เช่นความสว่างขับไล่ความมืดได้ ความรักนอกจากจะขจัดความกลัวก็ยังสามารถขับไล่ความเกลียดได้ด้วย (1ยน.4:18) ... รักคนที่รักเราจะแปลกอะไร คนชั่วเขาก็ทำกันได้...มิใช่หรือ? (ลก.6:31-34) แต่ถ้ารักคนที่เกลียดเรา ยื่นน้ำให้คนที่ทำร้ายเรา พระคำของพระเจ้า ได้ตกแต่งคนมากมายให้มีใจสะอาด เราไม่อาจชนะโลกด้วยวิถีอย่างโลก...ไม่อาจชนะใจคนด้วยความเกลียด หรือเปลี่ยนแปลงใครด้วยการแก้แค้น (รม.12:17-21)

"แต่ว่าถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารเขารับประทาน ถ้าเขากระหายน้ำก็จงให้น้ำดื่ม เพราะว่าการทำเช่นนั้น จะทำให้เขารู้สึกตัวและกลับมาคืนดี" (รม.12:20)

พระวจนะบอกเราว่า ;
- "เราจะสามารถตะลุยกองทัพใหญ่มากมายได้" (สดด.18:29ก.) ... แล้วทำไมปัญหาที่ขวางทางข้างหน้านี้ เราจะตะลุยไปต่อไม่ได้ เพราะพระเจ้าทรงเชี่ยวชาญในการทำสิ่งที่เหนือธรรมชาติ และเปลี่ยนสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ทั้งสิ้น
- "เราจะสามารถกระโดดข้ามกำแพงได้" (สดด.18:29ข.) ... แล้วทำไมเรามาสะดุดกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น นั้นเพราะเราให้ 'ความรู้สึกส่วนตัวของเราใหญ่กว่า' ทำให้สะดุดง่ายๆ แต่พระคำบอกว่า "ความรักนั้นใหญ่ที่สุด ... และไม่มีความผิดใดที่ความรักจะให้อภัยไม่ได้!" (1คร.13:13, สภษ.10:12, 1ปต.4:8)

โดยการพึ่งพากำลังจากพระเจ้า ... เราสามารถทำได้ทุกสิ่ง (2ซมอ.22:30, สดด.108:13-14, ลก.1:37, 1คร.13:13, ฟป.4:13)

"มีฤดูกาลสำหรับทุกสิ่ง และมีวาระสำหรับเรื่องราวทุกอย่างภายใต้ฟ้าสวรรค์ มีวาระเกิด และวาระตาย มีวาระปลูก และวาระถอนสิ่งที่ปลูกทิ้ง มีวาระฆ่า และวาระรักษาให้หาย มีวาระรื้อทลายลง และวาระก่อสร้างขึ้น มีวาระร้องไห้ และวาระหัวเราะ มีวาระไว้ทุกข์ และวาระเต้นรำ มีวาระโยนหินทิ้ง และมีวาระเก็บรวบรวมหิน มีวาระสวมกอด และวาระงดเว้นการสวมกอด มีวาระแสวงหา และวาระทำหาย วาระเก็บรักษาไว้ และวาระโยนทิ้งไป มีวาระฉีกขาด และวาระเย็บ วาระนิ่งเงียบ และวาระพูด มีวาระรัก และวาระเกลียด วาระสงคราม และวาระสันติ" (ปญจ.3:1-9)

มองไปข้างหน้าสิ ... เชิดคอให้ตั้งตรงด้วยความหวัง อย่าให้ความตั้งใจของเราดับลงหรือริบหรี่ไป คาดความหวังไว้ให้มั่นที่บั้นเอว ตั้งความฝันให้สูงไว้ แม้มีอุปสรรคก็อย่าท้อที่จะเดินหน้าต่อไป “วันนี้เราได้แค่ไหนแล้ว ก็จงมุ่งตรงตามนั้นต่อไป” (ฟป.3:16) พระคัมภีร์เขียนไว้ เหมือนแสงจากประภาคารที่ส่องสว่าง เพื่อนำทางให้คนสู้ชีวิต ... เพื่อเขาจะได้รู้ว่า ... พระเจ้ามีหนทางให้กับคนที่มีความเชื่อเสมอ!

ดูสิ ทะเลแดงก็เปิดได้ น้ำได้ไหลออกมาจากหินให้ชนชาติของพระเจ้าดื่มฉันใด (อพย.14:21-22, กดว.20:11, สดด.78:20) จงอย่าขาดความเชื่อศรัทธา และจงอย่าเป็นคนที่ไม่สู้ “ขอเป็นกำลังใจให้นะ...คนที่ไม่ยอมแพ้”

เราจะเชื่อว่า 'เราจะชนะ' โดยพระเจ้าสัญญาว่า "จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวหรือครั่นคร้ามเขาเลย เพราะว่าผู้ที่ไปกับท่านคือพระยาห์เวห์พระเจ้าของท่าน พระองค์จะไม่ทรงปล่อยท่านให้ล้มเหลวหรือทอดทิ้งท่าน" (ฉธบ.31:6)

ขอพระเจ้าอวยพระพรและเสริมกำลัง
Ps.เนตรศักดิ์ ใสรังกา

ไม่ว่าที่ใด ไม่ว่าที่ไหน ต่างคนต่างจิตใจ ต่างคนต่างความคิด เราไม่สามารถห้ามความคิดของใครได้ ใครจะคิดอย่างไรกับเราก็ช่างเขา

แต่เราไม่มีสิทธิ์ "ตัดสินคนอื่น" ไม่มีสิทธิ์ "ห้ามความคิดคนอื่น" อย่าตัดสินคนอื่นเพราะคิดเองฝ่ายเดียว โดยที่ไม่ถาม ไม่คุย

ในมุมๆหนึ่ง อาจมีคนๆนึงที่คุณมองว่าเค้าร้ายกาจ เลยตัดสินเค้าว่าเค้า ไม่ดี ไม่ช่วย เห็นแก่ตัว ไม่ชอบเรา แต่ที่จริงแล้ว คนๆ นั้นกลับเป็นคนที่พร้อมช่วยเหลือคุณเสมอ

แต่บางคนอาจยิ้ม หรือ ทักทายคุณ ตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จ แต่แท้ที่จริงแล้ว มีอะไรที่แฝงอยู่ หรือพร้อมที่จะทำร้ายคุณ "อย่าตัดสินคนอื่น ถ้ายังไม่รู้จักเค้าดีพอ"

บางครั้งสิ่งที่เราเห็น อาจจะไม่เป็นอย่างที่เราคิด ฉะนั้นระวังอย่าติดสินคนอื่นจากความรู้สึกส่วนตัว!

สิ่งที่น่ากลัวกว่าสถานการณ์ตรงหน้าคือ 'การคิดไปเอง' ของตัวเราเอง ... พระคำจึงสอนเราว่า "จงไวในการฟัง ช้าในการพูด และช้าในการโกรธ [ตัดสิน]" (ยก.1:19) และ "อย่าตัดสินสิ่งใดก่อนถึงเวลา จงคอยจนกว่าองค์พระผู้เป็นเจ้าเสด็จมา พระองค์จะทรงเปิดเผยสิ่งที่ซ่อนอยู่ในความมืด และจะทรงเผยความมุ่งหมายของจิตใจทั้งหลาย เมื่อนั้นแต่ละคนจะได้รับคำชมเชยจากพระเจ้า" (1คร.4:5)

พระเจ้าไม่ได้สัญญาที่จะให้วันเวลาที่ปราศจากความเจ็บปวด เสียงหัวเราะที่ปราศจากความเศร้าเสียใจ แสงอาทิตย์ที่สดใสโดยปราศจากท้องฟ้าที่มืดมิดมีพายุที่ฝนพรำ ... แต่พระองค์สัญญาว่า จะประทานความเข้มแข็งในแต่ละวัน การปลอบโยนเมื่อมีคราบน้ำตา และมีแสงสว่างเพื่อจะนำทางชีวิตของเรา! ... จำไว้เสมอว่า "หูที่ฟังพระสุรเสียงของพระเจ้าจะไม่โต้เถียงกับพระวจนะของพระองค์"

อย่าลืมพระสัญญา "ถ้าเราเชื่อ เราจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของพระเจ้า" (ยน.11:40)



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...