เพื่อนๆเคยรู้สึกเหมือนกับว่า
เหนื่อย ท้อ กับชีวิตบ้างไหมคะ
เหมือนกับข้างนอกเราแข็งแกร่งแต่ลึกๆภายในใจแล้วเราอ่อนแอมากเลย
หลายครั้งที่พยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่มันก็ไม่สำเร็จซักที บางครั้งเราทำดีก็ไม่ได้ดี
การอยู่บนโลกใบนี้มันช่างเหนื่อยท้อจริงๆ บางครั้งก็ว่าจะไม่สนใจนะกับคำคนแล้วนะ แต่แล้วก็อดวนเวียนคิดไม่ได้ ที่สุดก็แคร์คำตน อยู่ดี (เรื่องนี้ เราชอบที่จะบอกคนอื่นว่าอย่าคิดมากเลย มันดูง่ายมาก นั่นก็เพราะว่ามันยังไม่ใช่ปัญหาของเรา)แต่เมื่อเจอกับตัวเอง ฟังบ่อยๆ เจอบ่อยๆ เราก็ เบื่อคนนินทา (แต่คงไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา นะ ว่ามั้ย) ที่เบื่อก็เพราะคนที่นินทา คือ คนที่ มือไม่พาย แต่ชอบเอาเท้าราน้ำ ไม่ใช่ติเพื่อก่อเกิดผลดี แต่มีเจตนาลบ นี่สิ เลยเบื่อ บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยใจกับหลายเรื่อง มันดูเหมือนประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน
จะบอกใครก็ไม่ได้ ต้องเก็บเรื่องราวต่างๆไว้คนเดียว คิดคนเดียว รู้สึกเหนื่อย - -
เพื่อนๆเคยเป็นเหมือนกันบ้างไหมคะ ถ้าเคย เวลาที่เพื่อนๆ มีอาการแบบนี้
เพื่อนๆทำยังไงกันคะ ?
ที่นี่มีคำตอบคะ
ทางออกที่ดีสำหรับเราซึ่งเป็นลูกของพระเจ้า
นั่นคือ การหันหน้าพึ่งพาพระองค์ บางครั้งการที่เรารอคอยให้ใครในครอบครัว
หรือเพื่อนสักคน มารับฟัง มาเข้าใจ นั่นคือความคาดหวัง
และหากสิ่งที่เราคาดหวังเกิดการคลาดเคลื่อน เพราะคนรอบข้างเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกไปกับเราหรือเข้าใจไปทั้งหมด
มันก็ยิ่งตอกย้ำทำให้เราท้อเข้าไปอีก ดังนั้นหนทางเดียว
และเป็นที่พึ่งพาเดียวที่ข้าพเจ้าอยากจะแบ่งปันแก่เพื่อนๆ นั่นคือ การที่ข้าพเจ้าให้เวลากับพระเจ้า
นั่งพูดนั่งเล่าเรื่องราวต่างๆที่มันคับข้องอยู่ในใจออกไป ให้พระองค์ฟัง
ข้าพเจ้าทำเป็นประจำเมื่อต้องเจอกับปัญหา และไม่รู้ว่าจะหันไปพึ่งพาใคร
หากอายที่จะนั่งพูดคนเดียว ก็บอกเล่าออกมาเป็นตัวอักษร โดยการเขียนลงสมุด
ถ้าอยากเก็บก็เก็บไว้อ่านได้เพื่อสอนใจในคราวต่อๆไป หากไม่อยากเก็บก็เผาทำลายไป
แต่ประสบการณ์ตรงที่ข้าพเจ้าได้บอกเล่า ให้พระบิดาบนสวรรค์ฟังนั้น ถึงจะยังไม่ได้รับคำตอบทันที
แต่ข้าพเจ้ากลับมีความหวังและพลังใจขึ้นมา และข้าพเจ้าก็สามารถก้าวผ่านเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้
การรอคอยพระเจ้าไม่เคยทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง ถึงข้าพเจ้าจะไม่สามารถได้ยินคำแนะนำ
จากพระองค์โดยตรง แต่พระองค์ทรงอวยพรและให้คำตอบกับตัวข้าพเจ้าผ่านทางบุคคลรอบข้างเสมอมา
แล้ววถ้าเกิดว่าเรารู้สึกว้าวุ่นใจจนไม่อาจจะพรรณนาความรู้สึกของเราออกมาได้ล่ะ?
เมื่อความเจ็บปวดทางอารมณ์มีมากมายเสียจนทำให้การพูดจาอย่างมีเหตุมีผลเป็นเรื่องยาก
ก็จงอย่าเลิกรา! จงเข้าหา ‘พระบิดาแห่งความเมตตากรุณาและพระเจ้าแห่งการชูใจทุกอย่าง’
ต่อ ๆ ไป เพราะรู้ดีว่าพระองค์ทรงเข้าใจความรู้สึกและความจำเป็นต่าง ๆ
ของเรา. (2 โครินธ์ 1:3 /3
ขอให้พระเจ้าผู้เป็นพ่อของพระเยซูคริสต์นายของเราได้รับการยกย่องสรรเสริญ
พระองค์เป็นพ่อที่มีความเมตตากรุณา และเป็นพระเจ้าที่คอยให้กำลังใจในทุกสถานการณ์)
“บางครั้ง เราอาจรู้สึกสับสนมาก จนไม่รู้ว่าจะอธิษฐานเรื่องอะไร. แต่จงรู้ไว้เถิดว่า “พระเจ้าทรงเข้าใจและจะทรงช่วยเรา.”
หากเราหมั่นอธิษฐานภาวนา มีความเชื่อ และวางใจ ด้วยสิ้นสุดจิตใจของเรา
อย่างไรก็ตาม
พระบิดาของเราผู้สถิตในสวรรค์ทรงไวต่อความรู้สึกอันเปราะบางของเรา
โดยที่ “ทรงระลึกอยู่ว่า [เรา] เป็นแต่ผงคลีดิน.” (สดุดี 103:14 เพราะพระองค์รู้ดีว่าพวกเราถูกสร้างมาอย่างไรและไม่ลืมว่าพวกเราเป็นแค่ดิน)
แม้ว่า “ใจเราจะกล่าวโทษตนเอง” แต่เรา “มั่นใจ” ได้ว่า
“พระเจ้าทรงเป็นใหญ่กว่าใจเราและทรงรู้ทุกสิ่ง.” (1 ยอห์น 3:19, 20 /19 เมื่อทำอย่างนี้
เราก็รู้ว่าเราอยู่ฝ่ายความจริง และเรามั่นใจได้ว่าพระเจ้ารักเรา
20
ไม่ว่าใจเราจะตำหนิตัวเองขนาดไหน พระเจ้าก็รู้จักตัวเรา*ดีกว่าที่เรารู้จักตัวเอง
และพระองค์รู้ทุกสิ่ง) ดังนั้น เพื่อนๆอาจนำถ้อยคำต่าง ๆ ซึ่งเพื่อนๆได้อ่านจากข้อความที่มีอยู่ในคัมภีร์ไบเบิล
เช่นที่ สดุดี 9:9, 10 (9
พระยะโฮวาจะเป็นที่หลบภัย*ของคนที่ถูกข่มเหงและเป็นที่หลบภัยในเวลายากลำบาก10 พระยะโฮวา
คนที่รู้จักชื่อของพระองค์จะวางใจพระองค์ พระองค์จะไม่ทิ้งคนที่รับใช้*พระองค์เลย)
มากล่าวในคำอธิษฐานของเพื่อนๆได้เลย
ทุกๆครั้งที่ท้อแท้
เหนื่อยหน่ายกับชีวิต ให้เราสวดภาวนาและ พูดกับพระบิดาของเราว่า
ลูกขอขอบพระคุณพระเจ้าและขอมอบถวายทุกสิ่งอย่างกับพระองค์
1
เปโตร 5:7 “ฝากความวิตกกังวลทั้งสิ้นไว้กับ [พระเจ้า ]
เพราะพระองค์ทรงใฝ่พระทัยท่านทั้งหลาย.”
ในชีวิตของเราอาจจะมีช่วงเวลาสำหรับความเสียใจ
... แต่ต้องไม่ตลอดไปที่จะเสียใจ
บางทีอาจจะรู้สึกท้อแท้และสับสน
... แต่ต้องไม่ใช่ทุกเวลาที่จะท้อแท่และสับสน
ชีวิตไม่ราบรื่นเสมอไป
... เลือกไม่ได้หรอกว่าจะมีปัญหาไหม? แต่เราเลือกได้ว่าจะสู้ต่อหรือถอยหนี!
“พระเจ้าที่รัก
... วันนี้ลูกเหนื่อย หดหู่ อ่อนกำลัง และขาดความเชื่อ ขอพระองค์ทรงปลอบประโลม
ขอความชื่นชมยินดี และขอกำลังใหม่ ... เพื่อลูกจะมีเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้และในวันพรุ่งนี้
เวลานี้ลูกต้องการพระองค์ ขอทรงสัมผัสและให้ลูกได้รับรู้ถึงการทรงสถิตของพระองค์
... ตอนนี้ ลูกยากจนและขัดสน ขอทรงคุ้มครองชีวิตลูกไว้ด้วยเถิด”
มองนาฬิกา
... มันท้อและแท้
มองรอบข้าง
... มันสับสน
มองคนข้างๆ
... มันกังวล
อะไรๆ
ที่ต้องการ ... ก็ยังขาด
อะไรๆ
ที่ต้องทำ ... ก็ยังมีไม่พอ
แห่งหนใดๆ
ที่ต้องไป ... ก็ยังไม่มั่นใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น
ณ นาทีนี้ ... ใจมันเพลีย
สิ่งที่ต้องทำ
ณ นาทีต่อไป ... คำถามในใจว่า ‘ไหวป่าว?!’
วันนี้
... สิ่งที่อยู่ในใจ คือ ความเหนื่อยล้า
พรุ่งนี้
... สิ่งที่ไม่รู้ คือ ความกังวล
แต่เมื่อฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า
“พระเจ้าแสนดีตลอดเวลา” แม้สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีก็ตาม ...
เพราะความแสนดีของพระเจ้ามิใช่ที่มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น
แต่อยู่ที่ใจเรายังมีกำลังและเข้มแข็งที่จะยังอดทนอยู่ได้โดยกำลังจากพระเจ้าต่างหากละ!
ไม่มีเวลาใด
... ที่พระเจ้าไม่รัก
ไม่มีวันใด
... ที่พระเจ้าไม่ห่วงใย
ไม่มีนาทีใด
... ที่พระเจ้าไม่ใส่ใจ
ฉะนั้นอย่ายอมให้ปัญหามาบดบังสายตาที่เราจะจับจ้องมองถึงความรัก
พระคุณ และความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า เพราะในท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูเหมือนเราจะไม่มีอะไรเลย
แต่ถูกปกคลุมโดยพระเจ้า ... ยังดีซะกว่า
การที่เรามีทุกสิ่งพร้อมแต่ปราศจากพระองค์!
พระเจ้าทรงรับรู้ได้ถึงภาระที่เรากำลังแบก
และน้ำตาที่เรากำลังหลั่งริน เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เยียวยารักษาหัวใจที่แตกสลาย
ความหวังที่พังทลาย และชีวิตที่สิ้นหวัง จงวางใจในพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงทำให้เราล้มลง
(ฉธบ.31:6)
“พระเจ้าทรงไม่ใช่มนุษย์ที่จะมุสา
และไม่ได้ทรงเป็นบุตรของมนุษย์ที่จะต้องกลับใจ
พระองค์จะไม่ทรงทำตามที่ตรัสไว้แล้วหรือ? พระองค์จะไม่ทรงทำให้สำเร็จตามที่ทรงลั่นวาจาไว้แล้วหรือ?” (กดว.23:19)
สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคำอธิษฐาน
... เพราะความวางใจในพระเจ้าเป็นกำลังของเรามิใช่หรือ? และการดำเนินชีวิตที่ซื่อสัตย์คือความหวังของเรามิใช่หรือ? (โยบ 4:6)
มีเพียงสิ่งเดียวเต็มหัวใจ คือ “ความไว้ใจในพระเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา”
...
อธิษฐานและรอคอยการอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นไวไวนี้
คิดถึงเมื่อไรก็อธิษฐานเมื่อนั้น ... อาเมน
By. เนตรศักดิ์ ใสรังกา
“ความทุกข์ยากทั้งหลายในโลกล้วนแต่เพื่อให้เราเป็นดั่งเด็กน้อย
ที่พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่เรา” (จากหนังสือสาระแห่งชีวิต โดยจอร์จ
แมคโดนัลด์) เมื่อเราเป็นเหมือนเด็กๆ เราจะไว้วางใจ
พักสงบในความรักของพระบิดาในสวรรค์ และแสวงหาที่จะรู้จักและเป็นเหมือนพระองค์
ความกังวลและโศกเศร้าอาจติดตามเราไปตราบเท่าที่เรามีชีวิต แต่
“เราจึงไม่ย่อท้อ…เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา
ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้
เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็นเพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน
แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์” (2 โครินธ์ 4:16-18)
เมื่อเรารู้ตอนจบเช่นนี้แล้ว เราจึงควรชื่นชมยินดีล่ะนะคะ
ข้าแต่พระเจ้า
ลูกจะชื่นชมยินดีแม้ในความยากลำบากเพราะลูกยินดีในสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น
และน้ำพระทัยอันดีเลิศในชีวิตของลูก พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจเปี่ยมด้วยความรัก
ปกป้องและทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ ลูกรักและวางใจในพระองค์ อาแมน
ความทุกข์ยากลำบากในโลกไม่อาจเทียบได้กับความชื่นบานในแผ่นดินสวรรค์
KC Love God
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น