วันอังคารที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2561

เหนื่อยและท้อ จะทำอย่างไรดี พระเจ้าช่วยลูกด้วย



เพื่อนๆเคยรู้สึกเหมือนกับว่า เหนื่อย ท้อ กับชีวิตบ้างไหมคะ เหมือนกับข้างนอกเราแข็งแกร่งแต่ลึกๆภายในใจแล้วเราอ่อนแอมากเลย หลายครั้งที่พยายามจะลุกขึ้นสู้ แต่มันก็ไม่สำเร็จซักที บางครั้งเราทำดีก็ไม่ได้ดี การอยู่บนโลกใบนี้มันช่างเหนื่อยท้อจริงๆ บางครั้งก็ว่าจะไม่สนใจนะกับคำคนแล้วนะ  แต่แล้วก็อดวนเวียนคิดไม่ได้ ที่สุดก็แคร์คำตน อยู่ดี (เรื่องนี้ เราชอบที่จะบอกคนอื่นว่าอย่าคิดมากเลย มันดูง่ายมาก นั่นก็เพราะว่ามันยังไม่ใช่ปัญหาของเรา)แต่เมื่อเจอกับตัวเอง  ฟังบ่อยๆ เจอบ่อยๆ เราก็ เบื่อคนนินทา (แต่คงไม่มีใครที่ไม่ถูกนินทา นะ ว่ามั้ย) ที่เบื่อก็เพราะคนที่นินทา คือ คนที่ มือไม่พาย แต่ชอบเอาเท้าราน้ำ ไม่ใช่ติเพื่อก่อเกิดผลดี แต่มีเจตนาลบ นี่สิ เลยเบื่อ บางครั้งก็รู้สึกเหนื่อยใจกับหลายเรื่อง มันดูเหมือนประเดประดังเข้ามาพร้อมๆกัน จะบอกใครก็ไม่ได้ ต้องเก็บเรื่องราวต่างๆไว้คนเดียว คิดคนเดียว  รู้สึกเหนื่อย - - เพื่อนๆเคยเป็นเหมือนกันบ้างไหมคะ ถ้าเคย เวลาที่เพื่อนๆ มีอาการแบบนี้ เพื่อนๆทำยังไงกันคะ ?

ที่นี่มีคำตอบคะ
ทางออกที่ดีสำหรับเราซึ่งเป็นลูกของพระเจ้า นั่นคือ การหันหน้าพึ่งพาพระองค์ บางครั้งการที่เรารอคอยให้ใครในครอบครัว หรือเพื่อนสักคน มารับฟัง มาเข้าใจ นั่นคือความคาดหวัง และหากสิ่งที่เราคาดหวังเกิดการคลาดเคลื่อน เพราะคนรอบข้างเขาอาจจะไม่ได้รู้สึกไปกับเราหรือเข้าใจไปทั้งหมด มันก็ยิ่งตอกย้ำทำให้เราท้อเข้าไปอีก ดังนั้นหนทางเดียว และเป็นที่พึ่งพาเดียวที่ข้าพเจ้าอยากจะแบ่งปันแก่เพื่อนๆ นั่นคือ การที่ข้าพเจ้าให้เวลากับพระเจ้า นั่งพูดนั่งเล่าเรื่องราวต่างๆที่มันคับข้องอยู่ในใจออกไป ให้พระองค์ฟัง ข้าพเจ้าทำเป็นประจำเมื่อต้องเจอกับปัญหา และไม่รู้ว่าจะหันไปพึ่งพาใคร หากอายที่จะนั่งพูดคนเดียว ก็บอกเล่าออกมาเป็นตัวอักษร โดยการเขียนลงสมุด ถ้าอยากเก็บก็เก็บไว้อ่านได้เพื่อสอนใจในคราวต่อๆไป  หากไม่อยากเก็บก็เผาทำลายไป แต่ประสบการณ์ตรงที่ข้าพเจ้าได้บอกเล่า ให้พระบิดาบนสวรรค์ฟังนั้น ถึงจะยังไม่ได้รับคำตอบทันที แต่ข้าพเจ้ากลับมีความหวังและพลังใจขึ้นมา และข้าพเจ้าก็สามารถก้าวผ่านเวลาที่ยากลำบากนั้นไปได้ การรอคอยพระเจ้าไม่เคยทำให้ข้าพเจ้าผิดหวัง ถึงข้าพเจ้าจะไม่สามารถได้ยินคำแนะนำ จากพระองค์โดยตรง แต่พระองค์ทรงอวยพรและให้คำตอบกับตัวข้าพเจ้าผ่านทางบุคคลรอบข้างเสมอมา

แล้วว​ถ้าเกิดว่า​เรา​รู้สึก​ว้าวุ่น​ใจ​จน​ไม่​อาจ​จะ​พรรณนา​ความ​รู้สึก​ของ​เรา​ออก​มา​ได้​ล่ะ?
เมื่อ​ความ​เจ็บ​ปวด​ทาง​อารมณ์​มี​มาก​มาย​เสีย​จน​ทำ​ให้​การ​พูด​จา​อย่าง​มี​เหตุ​มี​ผล​เป็น​เรื่อง​ยาก ก็​จง​อย่า​เลิก​รา! จงเข้า​หา ‘พระ​บิดา​แห่ง​ความ​เมตตา​กรุณา​และ​พระเจ้า​แห่ง​การ​ชู​ใจ​ทุก​อย่าง’ ต่อ ๆ ไป เพราะ​รู้​ดี​ว่า​พระองค์​ทรง​เข้าใจความ​รู้สึก​และ​ความ​จำเป็น​ต่าง ๆ ของ​เรา. (2 โครินธ์ 1:3 /3  ขอ​ให้​พระเจ้า​ผู้​เป็น​พ่อ​ของ​พระ​เยซู​คริสต์นาย​ของ​เรา​ได้​รับ​การ​ยกย่อง​สรรเสริญ พระองค์​เป็น​พ่อ​ที่​มี​ความ​เมตตา​กรุณา และ​เป็น​พระเจ้า​ที่​คอย​ให้​กำลังใจ​ใน​ทุก​สถานการณ์) “บาง​ครั้ง เราอาจ​รู้สึก​สับสน​มาก จนไม่​รู้​ว่า​จะ​อธิษฐาน​เรื่อง​อะไร. แต่​จงรู้ไว้เถิดว่า “​พระเจ้า​ทรง​เข้าใจ​และจะทรงช่วยเรา.” หากเราหมั่นอธิษฐานภาวนา มีความเชื่อ และวางใจ ด้วยสิ้นสุดจิตใจของเรา

อย่าง​ไร​ก็​ตาม พระ​บิดา​ของ​เรา​ผู้​สถิต​ใน​สวรรค์​ทรง​ไว​ต่อ​ความ​รู้สึก​อัน​เปราะ​บาง​ของ​เรา โดย​ที่ “ทรง​ระลึก​อยู่​ว่า [เรา] เป็น​แต่​ผงคลี​ดิน.” (สดุดี 103:14  เพราะ​พระองค์​รู้​ดี​ว่า​พวก​เรา​ถูก​สร้าง​มา​อย่าง​ไรและ​ไม่​ลืม​ว่า​พวก​เรา​เป็น​แค่​ดิน) แม้​ว่า “ใจ​เรา​จะ​กล่าว​โทษ​ตน​เอง” แต่​เรา “มั่น​ใจ” ได้​ว่า “พระเจ้า​ทรง​เป็น​ใหญ่​กว่า​ใจ​เรา​และ​ทรง​รู้​ทุก​สิ่ง.” (1 ยอห์น 3:19, 20 /19  เมื่อ​ทำ​อย่าง​นี้ เรา​ก็​รู้​ว่า​เรา​อยู่​ฝ่าย​ความ​จริง และ​เรา​มั่น​ใจ​ได้​ว่า​พระเจ้า​รัก​เรา 20  ไม่​ว่า​ใจ​เรา​จะ​ตำหนิ​ตัว​เอง​ขนาด​ไหน พระเจ้า​ก็​รู้​จัก​ตัว​เรา*ดี​กว่า​ที่​เรา​รู้​จัก​ตัว​เอง และ​พระองค์​รู้​ทุก​สิ่ง) ดัง​นั้น เพื่อนๆ​อาจ​นำ​ถ้อย​คำ​ต่าง ๆ ซึ่งเพื่อนๆ​ได้​อ่าน​จาก​ข้อ​ความ​ที่​มี​อยู่​ใน​คัมภีร์​ไบเบิล เช่น​ที่ สดุดี 9:9, 10 (9  พระ​ยะโฮวา​จะ​เป็น​ที่​หลบ​ภัย*ของ​คน​ที่​ถูก​ข่มเหงและ​เป็น​ที่​หลบ​ภัย​ใน​เวลา​ยาก​ลำบาก10  พระ​ยะโฮวา คน​ที่​รู้​จัก​ชื่อ​ของ​พระองค์​จะ​วางใจ​พระองค์ พระองค์​จะ​ไม่​ทิ้ง​คน​ที่​รับใช้*พระองค์​เลย) มา​กล่าว​ใน​คำ​อธิษฐาน​ของ​เพื่อนๆได้เลย 

ทุกๆครั้งที่ท้อแท้ เหนื่อยหน่ายกับชีวิต ให้เราสวดภาวนาและ พูดกับพระบิดาของเราว่า
ลูกขอขอบพระคุณพระเจ้าและขอมอบถวายทุกสิ่งอย่างกับพระองค์
1 เปโตร 5:7 “ฝาก​ความ​วิตก​กังวล​ทั้ง​สิ้น​ไว้​กับ [พระเจ้า ] เพราะ​พระองค์​ทรง​ใฝ่​พระทัย​ท่าน​ทั้ง​หลาย.”

ในชีวิตของเราอาจจะมีช่วงเวลาสำหรับความเสียใจ ... แต่ต้องไม่ตลอดไปที่จะเสียใจ
บางทีอาจจะรู้สึกท้อแท้และสับสน ... แต่ต้องไม่ใช่ทุกเวลาที่จะท้อแท่และสับสน
ชีวิตไม่ราบรื่นเสมอไป ... เลือกไม่ได้หรอกว่าจะมีปัญหาไหม? แต่เราเลือกได้ว่าจะสู้ต่อหรือถอยหนี!

“พระเจ้าที่รัก ... วันนี้ลูกเหนื่อย หดหู่ อ่อนกำลัง และขาดความเชื่อ ขอพระองค์ทรงปลอบประโลม ขอความชื่นชมยินดี และขอกำลังใหม่ ... เพื่อลูกจะมีเรี่ยวแรงในการต่อสู้กับเหตุการณ์ต่างๆในวันนี้และในวันพรุ่งนี้ เวลานี้ลูกต้องการพระองค์ ขอทรงสัมผัสและให้ลูกได้รับรู้ถึงการทรงสถิตของพระองค์ ... ตอนนี้ ลูกยากจนและขัดสน ขอทรงคุ้มครองชีวิตลูกไว้ด้วยเถิด”

มองนาฬิกา ... มันท้อและแท้
มองรอบข้าง ... มันสับสน
มองคนข้างๆ ... มันกังวล
อะไรๆ ที่ต้องการ ... ก็ยังขาด
อะไรๆ ที่ต้องทำ ... ก็ยังมีไม่พอ
แห่งหนใดๆ ที่ต้องไป ... ก็ยังไม่มั่นใจ
สิ่งที่เกิดขึ้น ณ นาทีนี้ ... ใจมันเพลีย
สิ่งที่ต้องทำ ณ นาทีต่อไป ... คำถามในใจว่า ไหวป่าว?!’

วันนี้ ... สิ่งที่อยู่ในใจ คือ ความเหนื่อยล้า
พรุ่งนี้ ... สิ่งที่ไม่รู้ คือ ความกังวล
แต่เมื่อฉุดคิดขึ้นมาได้ว่า “พระเจ้าแสนดีตลอดเวลา” แม้สถานการณ์ดูเหมือนจะไม่ดีก็ตาม ... เพราะความแสนดีของพระเจ้ามิใช่ที่มีสิ่งดีๆเกิดขึ้น แต่อยู่ที่ใจเรายังมีกำลังและเข้มแข็งที่จะยังอดทนอยู่ได้โดยกำลังจากพระเจ้าต่างหากละ!

ไม่มีเวลาใด ... ที่พระเจ้าไม่รัก
ไม่มีวันใด ... ที่พระเจ้าไม่ห่วงใย
ไม่มีนาทีใด ... ที่พระเจ้าไม่ใส่ใจ
ฉะนั้นอย่ายอมให้ปัญหามาบดบังสายตาที่เราจะจับจ้องมองถึงความรัก พระคุณ และความช่วยเหลือที่มาจากพระเจ้า เพราะในท่ามกลางสถานการณ์ที่ดูเหมือนเราจะไม่มีอะไรเลย แต่ถูกปกคลุมโดยพระเจ้า ... ยังดีซะกว่า การที่เรามีทุกสิ่งพร้อมแต่ปราศจากพระองค์!

พระเจ้าทรงรับรู้ได้ถึงภาระที่เรากำลังแบก และน้ำตาที่เรากำลังหลั่งริน เพราะพระองค์ทรงเป็นผู้เยียวยารักษาหัวใจที่แตกสลาย ความหวังที่พังทลาย และชีวิตที่สิ้นหวัง จงวางใจในพระเจ้าและพระองค์จะไม่ทรงทำให้เราล้มลง (ฉธบ.31:6)

“พระเจ้าทรงไม่ใช่มนุษย์ที่จะมุสา และไม่ได้ทรงเป็นบุตรของมนุษย์ที่จะต้องกลับใจ พระองค์จะไม่ทรงทำตามที่ตรัสไว้แล้วหรือ? พระองค์จะไม่ทรงทำให้สำเร็จตามที่ทรงลั่นวาจาไว้แล้วหรือ?” (กดว.23:19)

สถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ด้วยคำอธิษฐาน ... เพราะความวางใจในพระเจ้าเป็นกำลังของเรามิใช่หรือ? และการดำเนินชีวิตที่ซื่อสัตย์คือความหวังของเรามิใช่หรือ? (โยบ 4:6)

 มีเพียงสิ่งเดียวเต็มหัวใจ คือ “ความไว้ใจในพระเจ้าเป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเรา” ...
 อธิษฐานและรอคอยการอัศจรรย์ที่จะเกิดขึ้นไวไวนี้ คิดถึงเมื่อไรก็อธิษฐานเมื่อนั้น ... อาเมน
By. เนตรศักดิ์ ใสรังกา

“ความทุกข์ยากทั้งหลายในโลกล้วนแต่เพื่อให้เราเป็นดั่งเด็กน้อย ที่พระเจ้าจะทรงเปิดเผยพระองค์เองแก่เรา” (จากหนังสือสาระแห่งชีวิต โดยจอร์จ แมคโดนัลด์) เมื่อเราเป็นเหมือนเด็กๆ เราจะไว้วางใจ พักสงบในความรักของพระบิดาในสวรรค์ และแสวงหาที่จะรู้จักและเป็นเหมือนพระองค์

ความกังวลและโศกเศร้าอาจติดตามเราไปตราบเท่าที่เรามีชีวิต แต่ “เราจึงไม่ย่อท้อ…เพราะว่าการทุกข์ยากเล็กๆ น้อยๆ ของเรา ซึ่งเรารับอยู่ประเดี๋ยวเดียวนั้น จะทำให้เรามีศักดิ์ศรีถาวรมากหาที่เปรียบมิได้ เพราะว่าเราไม่ได้เห็นแก่สิ่งของที่เรามองเห็นอยู่ แต่เห็นแก่สิ่งของที่มองไม่เห็นเพราะว่าสิ่งของซึ่งมองเห็นอยู่นั้นเป็นของไม่ยั่งยืน แต่สิ่งซึ่งมองไม่เห็นนั้นก็ถาวรนิรันดร์” (2 โครินธ์ 4:16-18)

เมื่อเรารู้ตอนจบเช่นนี้แล้ว เราจึงควรชื่นชมยินดีล่ะนะคะ
ข้าแต่พระเจ้า ลูกจะชื่นชมยินดีแม้ในความยากลำบากเพราะลูกยินดีในสิ่งที่พระองค์ทรงเป็น และน้ำพระทัยอันดีเลิศในชีวิตของลูก พระองค์ทรงมีฤทธิ์อำนาจเปี่ยมด้วยความรัก ปกป้องและทรงดำรงอยู่เป็นนิตย์ ลูกรักและวางใจในพระองค์  อาแมน
ความทุกข์ยากลำบากในโลกไม่อาจเทียบได้กับความชื่นบานในแผ่นดินสวรรค์

KC Love God


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...