วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ

 


จงอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ

1 เธสะโลนิกา 5:17

พระคัมภีร์กล่าวว่าคุณควรอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอ นั่นหมายความว่าคุณไม่ควรหยุดอธิษฐาน แล้วคุณจะทำได้อย่างไร? เพราะเห็นได้ชัดว่าคุณต้องทำอย่างอื่นมากมายในแต่ละวัน เช่นไปโรงเรียน-ทำการบ้าน-ทำงานประจำ-ทำงานพิเศษ และทำงานบ้าน ฯลฯ  แต่จริงๆแล้วคุณสามารถ "อธิษฐานอย่างต่อเนื่อง" ได้โดยการรักษาท่าทีของการอธิษฐานตลอดทั้งวัน  ในชีวิตการอธิษฐานของเรา สำคัญว่าเรากำลังอยู่ในเวลาแห่งชื่นชมยินดีและขอบพระคุณพระเจ้าอยู่หรือไม่  มันเป็นเรื่องง่ายที่จะทำเช่นนี้ในท่ามกลางสถานการณ์ปกติของคุณ แต่ถ้ามีสถานการณ์เลวร้าย คุณจะควบคุมจิตใจคุณเองหรืออาศัยพระวิญญาณทรงนำคุณ ที่สามารถช่วยให้ทัศนคติของความยินดีและขอบคุณพระเจ้าที่จะไหลออกจากพระวิญญาณสู่คุณโดยไม่คำนึงถึง เหตุการณ์รอบข้าง   

ถ้าคุณอยู่ในชั้นเรียนให้พูดคำอธิษฐานสั้น ๆ สำหรับครูของคุณ หากคุณกำลังเล่นวิดีโอเกมออนไลน์โปรดอธิษฐานเผื่อผู้ที่คุณกำลังเล่นเกมด้วย ถ้าคุณอยู่ในวัยทำงานให้อธิษฐานเผื่อเพื่อนร่วมงานและผู้บริหาร หรือลูกค้า คำอธิษฐานไม่จำเป็นต้องยืดยาวและไม่จำเป็นต้องส่งเสียงดังออกมาด้วยซ้ำ ไม่ว่าคุณจะทำอะไรอยู่ก็ตาม เพียงคุณอธิษฐานด้วยคำอธิษฐานธรรมดา ๆ ที่กลั่นออกมาจากใจและด้วยท่าทีที่นบนอบ คุณสามารถทำได้ตลอดทั้งวันและทุกครั้งที่ทำให้คุณดูพระเยซูเป็นแบบอย่างในการอธิษฐาน จงจำไว้ว่าการอธิษฐานเป็นการเชื่อมต่อความสัมพันธ์ระหว่างเรากับพระเจ้า

พี่น้องที่รัก ไม่ต้องรอให้ตัวเองตกอยู่ในสภาพเลวร้ายก่อนแล้วค่อยอธิษฐาน ยกตัวอย่างเช่นเวลาเกิดอุบัติเหตุ -เวลาไม่สบาย-หรือสตางค์ไม่พอใช้-ตกงาน-มีปัญหากับคนรอบข้าง ฯลฯ เพราะคุณสามารถอธิษฐานทูลต่อพระองค์เสมอ ทูลได้ทุกวัน การสร้างความสัมพันธ์อันดีกับพระเจ้า ไม่ใช่ต้องรอจนตกอับ หรือเข้าตาจนก่อนถึงจะทำ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกต้องการเป็นคนที่รักการอธิษฐานสม่ำเสมอ  ลูกไม่ต้องการหยุดการอธิษฐานไม่ว่าลูกจะยุ่งอยู่กับอะไรก็ตาม ลูกขอขอบพระคุณที่ทรงเชื้อเชิญให้ลูกมีความสัมพันธ์กับพระองค์ เพราะพระองค์ปรารถนาที่จะรับฟังลูกๆของพระองค์อยู่เสมอ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 thaiodb.org

เฟสบุค อธิษฐานวิงวอนเพื่อประเทศไทย


วันเสาร์ที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2564

ศีลมหาสนิท พระกายและพระโลหิต

 


พระกายและพระโลหิต

ระหว่างรับประทานอยู่นั้น พระเยซูทรงหยิบขนมปังขึ้นมา และเมื่อขอพระพรแล้ว ก็ทรงหักส่งให้บรรดาสาวกตรัสว่า “จงรับไปกินเถิด นี่เป็นกายของเรา”

มัทธิว 26:26

เราคริสตชน เชื่อว่าศีลศักสิทธิ์เป็นเครื่องหมายและเครื่องมือนำความรอด เป็นพระคุณ หรือของประทานจากพระเป็นเจ้า เพื่อให้เราได้รับความรอดปลอดภัย อาศัยเครื่องหมายและสัญลักษณ์ภายนอกแบบมนุษย์ เพื่อเป็นสื่อนำความหมายสร้างความสัมพันธ์กับพระเจ้า โดยทางความเชื่อภายใน เป็นความสัมพันธ์ที่มีต่อกันระหว่างพระเจ้ากับมนุษย์ เพื่อช่วยให้เราได้มีส่วนร่วมในความศักดิ์สิทธิ์ และสัมผัสกับความรักของพระองค์

ศีลศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายภายนอกที่พระเยซูเจ้าทรงตั้งขึ้นโดยผ่านทางพระศาสนจักรที่ประทานให้แก่มนุษย์ เพื่อเป็นอุปกรณ์เครื่องมือของพระเจ้า นำมาซึ่งพระคุณ พระหรรษทานแห่งความรอด และความศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายภายนอกที่มาจากความเชื่อภายใน เพื่อทำให้ผู้รับศีลศักสิทธิ์ได้รับพระหรรษทานจากองค์พระเป็นเจ้า สำหรับประคับประคองการดำเนินชีวิตของคริสตชน ตั้งแต่วันเกิดจนวันตาย

ในช่วงอาหารค่ำมื้อสุดท้ายนั้นพระเยซูทรงแบ่งปันขนมปังและเหล้าองุ่นกับสาวกของพระองค์ ซึ่งขนมปังเป็นสัญลักษณ์แทนพระกายของพระองค์ และ เหล้าองุ่นเป็นสัญลักษณ์แทนพระโลหิตของพระองค์  พระเยซูใช้สัญลักษณ์เช่นนี้เพื่อช่วยสอนทุกคนที่ติดตามพระองค์ใด้ระลึกถึงพระองค์ และมีส่วนร่วมในพระองค์  

ดังนั้น ทุกครั้งที่เรารับศีลมหาสนิท ก็เป็นการรับเอาองค์พระเยซูเจ้าเข้ามาในชีวิตของเรา ทำให้เราได้เป็นหนึ่งเดียวกับพระองค์ และระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อเรา ในตอนนี้เราอาจยังไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงได้อย่างครบถ้วน แต่ขอเพียงเราจำไว้ว่าทุกครั้งที่เราได้รับศีลมหาสนิทนั่นหมายถึงว่าเรากำลังมีส่วนร่วมในการเฉลิมฉลองที่พิเศษแล้วจริงๆ 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูที่รัก โปรดช่วยให้ลูกตระหนักถึงความสำคัญของขนมปัง เหล้าองุ่นและคำพูดที่พระองค์ทรงตรัสไว้ในช่วงอาหารมื้อสุดท้ายเพื่อที่ลูกจะได้ระลึกถึงสิ่งที่พระองค์ทำเพื่อลูกด้วยเทอญ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 sites.google.com


วันศุกร์ที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2564

จงเอาแอกของเราแบกไว้

 


คำอธิษฐานขอการพักผ่อน

จงเอาแอกของเราแบกไว้ แล้วเรียนจากเรา เพราะว่าเราสุภาพอ่อนโยนและใจอ่อนน้อม และจิตใจของพวกท่านจะได้หยุดพัก

มัทธิว 11:29

ทุกวันนี้หลายคนแบกภาระด้วยความเครียดและความกังวล พวกเขากังวลเกี่ยวกับงาน ครอบครัว ธุรกิจ การเงินของพวกเขา ฯลฯ พระเจ้าไม่ทรงต้องการสิ่งเหล่านั้นสำหรับลูกๆ ของพระองค์ ความกังวลทำให้เกิดพลังดึงดูดในสิ่งที่เป็นไปตามสิ่งนั้น ความกังวลมีความกลัว เป็นความกลัวในความเป็นไปได้ในแง่ลบ ยกตัวอย่างเช่นถ้าคุณมัวกังวลเกี่ยวกับการตกงาน ไม่นานนักคุณก็จะตกงาน

เอบีมีแผนงานมากมายที่เขาคิดไว้ในใจว่าเขาจะต้องทำ   เขามีภาระหน้าที่มากมายที่ต้องรับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่เขาต้องเรียนไปด้วย ทำงานไปด้วย ดูแลครอบครัวด้วย และเขายังมีงานบ้านอีกหลายอย่างที่ต้องทำรอบ ๆ บ้าน บางครั้งเขาเองก็รู้สึกเหนื่อยและท้อกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นหรือท้อใจเกี่ยวกับคนรอบตัว แต่แทนที่เขาจะเครียด เขากลับใช้เวลาสองสามนาทีนอนอยู่บนเตียงและจดจ่ออยู่กับพระเยซูเจ้า เขาสวดอ้อนวอนและพูดออกมาดัง ๆ ว่าพระเยซูทรงทำอย่างไร เมื่อพระองค์ต้องเผชิญหน้ากับหลายสิ่งหลายอย่างที่ถาโถมเข้ามา หรือพระองค์ทรงรับมือกับแผนงานที่ยิ่งใหญ่ของพระองค์ได้อย่างไร ทำอย่างไรพระองค์ถึงดูสงบ และมีความรักอยู่เสมอ ... " เขาขอให้พระองค์ช่วยเขา และเมื่อเขาเริ่มให้ความสำคัญกับพระเยซู จิตใจของเขาก็เริ่มสงบลง ทันใดนั้นทุกสิ่งที่เขาต้องทำก็ดูเหมือนจะไม่เลวร้ายอีกต่อไป

เขาเริ่มลงมือทำงานของเขา ด้วยการมุ่งเน้นไปที่พระเยซู เขาสามารถสงบสติอารมณ์และทำทุกอย่างให้ลุล่วงไปได้ด้วยดีและมีสติ เมื่อคุณรู้สึกว่าคุณมีเรื่องที่ต้องทำมากเกินไปและมีหลายสิ่งในใจของคุณ ขอให้คุณใช้เวลาสักครู่แล้วมุ่งความสนใจไปที่พระเยซู แล้วขอให้พระองค์มอบการพักผ่อนให้กับจิตวิญญาณของคุณ แล้วคุณจะผ่อนคลายและสามารถเริ่มงานของคุณได้โดยคุณรู้ว่า พระเยซูทรงอยู่กับคุณ

พระเยซูได้ยืนยันว่าแอกของพระองค์ก็พอเหมาะ ไม่หนักเกินไป เราทุกคนสามารถแบกได้และที่สำคัญพระองค์สัญญาว่าเมื่อแบกแอกของพระองค์แล้ว จิตใจของเราจะได้พัก เพราะเราจะเรียนรู้จักการไว้วางใจในพระเจ้าเราจะมีประสบการณ์กับความสัตย์ซื่อของพระเจ้า พระสัญญาที่ว่า

“จงแสวงหาแผ่นดินของพระเจ้าและความชอบธรรมของพระองค์ก่อน แล้วพระองค์จะเพิ่มเติมสิ่งทั้งเหล่านี้ให้”(มธ.6:33)จะเป็นจริงในชีวิตที่ติดตามพระคริสต์ จงรับแอกของพระคริสต์มาแบกแล้วเรียนจากพระองค์ ท่านจะเติบโตขึ้นสู่ความไพบูลย์ในพระคริสต์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูเจ้า พระองค์ทรงเป็นตัวอย่างของการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย รักสันติ และพระองค์สามารถจัดการกับสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นรอบตัวได้ดีเสมอ ขอพระองค์โปรดช่วยให้จิตใจของลูกสงบและมีสันติได้ดีเหมือนพระองค์ด้วยเทอญ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 rorthai.com


วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

นมัสการพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน

 


นมัสการพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน

พระยาห์เวห์ทรงเป็นกำลังและเป็นโล่ของข้าพเจ้า

ข้าพเจ้าวางใจในพระองค์

ข้าพเจ้าจึงได้รับความอุปถัมภ์ และจิตใจของข้าพเจ้าก็ปีติยินดียิ่ง

ข้าพเจ้าจะขอบพระคุณพระองค์ด้วยบทเพลงของข้าพเจ้า

สดุดี 28: 7

ในพระคัมภีร์มีการกล่าวถึงดาวิดหลายครั้งว่าเป็นเขาเป็นคนที่มีหัวใจแห่งการนมัสการ การถ่อมใจและการเชื่อฟัง เพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของเขา และในหนังสือสดุดีคุณจะเห็นคำอธิษฐานของดาวิดต่อพระเจ้าอย่างมากมาย เมื่อคุณนมัสการพระเจ้าด้วยการอธิษฐาน คุณเพียงแค่บอกว่าพระองค์ยอดเยี่ยมวิเศษแค่ไหนสำหรับคุณและคุณรักพระองค์มากแค่ไหน ด้วยคำพูดสั้นๆ เพียงเท่านี้ก็เป็นการนมัสการ ขอให้ทุกคำพูดนั้นกลั่นออกมาอย่างจริงใจ ก็มีความหมายมากเพียงพอ และในพระคัมภีร์กล่าวไว้หลายครั้งว่าพระเจ้าทรงรักผู้ที่นมัสการพระองค์

คุณควรไปโบสถ์และนมัสการพระเจ้าที่นั่น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณต้องรอนมัสการพระเจ้าเพียงอาทิตย์ละครั้ง  คุณไม่ต้องกำหนดสถานที่ที่แน่นอนหรือช่วงเวลาหนึ่งเวลาใดเพื่อนมัสการพระเจ้า คุณสามารถไปที่ห้องส่วนตัวได้เสมอ คุกเข่าข้างเตียงและบอกพระองค์ว่าคุณรู้สึกขอบคุณพระองค์แค่ไหน นั่นคือการนมัสการ เมื่อคุณทำเช่นนี้ประจำคุณก็จะรู้สึกเช่นเดียวกับดาวิดเพราะหัวใจของเขาชื่นชมยินดีและมีความสุขที่ได้นมัสการพระเจ้า

กุญแจแห่งดาวิด คือ หัวใจแห่งการนมัสการ คือหัวใจแห่งการถ่อมใจและการเชื่อฟัง เพื่อให้น้ำพระทัยของพระเจ้าสำเร็จในชีวิตของตน หากสิ่งซึ่งเรากระทำและน้ำพระทัยพระเจ้าเป็นสิ่งเดียวกันแล้ว ใครเล่าจะขัดขวางเราได้ หรือสิ่งใดเล่าจะยับยั้งเราได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก พระองค์ทรงฤทธานุภาพ ลูกไม่อาจมีคำบรรยายใดๆ ที่เพียงพอเพื่อจะบอกว่าพระองค์นั้นมีความหมายกับลูกมากแค่ไหน ลูกรักพระองค์และลูกขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่ง ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

เฟสบุคThai Church New York

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

จงประกาศข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์

 


ดังที่พระองค์ตรัสว่า

“เราจะประกาศพระนามของพระองค์แก่พี่น้องของเรา

เราจะร้องเพลงสรรเสริญพระองค์ท่ามกลางชุมนุมชน”

ฮีบรู 2:12

เคซีและโอสัญญาต่อกันและกันว่าพวกเขาจะเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของกันตลอดไปแม้กระทั่งว่าพวกเขาจะแก่ชราและมีครอบครัวของตัวเองแล้วก็ตาม และพวกเขาก็รักษาสัญญาเพราะพวกเขายังคงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดแม้ว่าพวกเขาจะอายุมากขึ้นหรือแต่งงานและมีลูกและหลานเป็นของตัวเองแล้วก็ตาม

เมื่อคุณโตขึ้นหรือเมื่อเวลาผ่านไป ขอให้คุณอย่าลืมว่าทุกคำสัญญามีความสำคัญ คำสัญญาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณได้ทำกับพระเจ้า เราเรียกว่าพันธสัญญา เพราะเมื่อคุณขอให้พระเยซูมาเป็นพระผู้ช่วยให้รอดนั่นก็เท่ากับว่าคุณทำพันธสัญญากับพระองค์ นั่นหมายความว่าคุณให้คำมั่นสัญญาว่าจะจงรักภักดีต่อพระองค์ในฐานะพระผู้ช่วยให้รอดและเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ เมื่อคุณทำสัญญากับพระเจ้า พระองค์ทรงคาดหวังให้คุณรักษาสัญญานั้นเช่นเดียวกับที่เคซีและโอรักษาไว้ต่อกัน

และเช่นเดียวกับที่พวกเขายินดีที่จะบอกคนอื่นเกี่ยวกับมิตรภาพของพวกเขา คุณเองก็สามารถบอกคนอื่นเกี่ยวกับมิตรภาพของคุณกับพระเยซูได้เช่นเดียวกัน

พระเยซูทรงบัญชาให้เราประกาศแก่มนุษย์ทุกคน   หมายความว่า มนุษย์ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะฟังข่าวประเสริฐของพระเยซูคริสต์ เราทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกันที่จะพบพระเยซูเป็นพระผู้ช่วยให้รอด

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูที่รัก ลูกขอให้คำมั่นสัญญามอบชีวิตของลูกไว้กับพระองค์ ลูกต้องการดำเนินชีวิตตามแบบอย่างพระองค์และขอให้ความเชื่อของลูกมั่นคงไม่แพ้ต่อการผจญตลอดไป อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

actschurchcm.com

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

การเป็นเหมือนพระเยซู

 


เพราะโดยธรรมบัญญัตินั้น ข้าพเจ้าได้ตายต่อธรรมบัญญัติแล้ว เพื่อจะได้มีชีวิตอยู่ต่อพระเจ้า ข้าพเจ้าถูกตรึงร่วมกับพระคริสต์แล้ว

กาลาเทีย 2:19

เวลาที่คุณอธิษฐานให้คุณลองเปลี่ยนคำอธิษฐานจากการขอแบบทั่วๆไป มาเป็นการขอให้พระเจ้าช่วยให้คุณเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นแทน เพราะการเป็นเหมือนพระเยซูจะกลายเป็นสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณจะสามารถเป็นได้   

เป้าหมายสูงสุดที่พระเจ้ามีไว้สำหรับชีวิตของคุณในโลกไม่ใช่ความสบาย แต่เป็นการสร้างลักษณะนิสัย พระองค์ต้องการให้คุณเติบโตฝ่ายวิญญาณ และเป็นเหมือนพระคริสต์ การเป็นเหมือนพระคริสต์ไม่ได้หมายถึงการสูญเสียบุคลิกภาพ หรือการเป็นมนุษย์โคลนนิ่งไร้ความคิด พระเจ้าทรงสร้างเอกลักษณ์ของคุณ ดังนั้นพระองค์ย่อมไม่ต้องการทำลายมันอย่างแน่นอน การเป็นเหมือนพระคริสต์คือการเปลี่ยนลักษณะนิสัยไม่ใช่เปลี่ยนบุคลิกภาพ

หากเปรียบเราเป็นดั่งหนอนผีเสื้อ ชีวิตของผีเสื้อ เป็นตัวอย่างของการเริ่มต้นให้แก่ชีวิตมนุษย์ จากชีวิตหนอนผู้คืบคลาน สู่ผีเสื้อที่ขยับปีกอันแสนสวย หากเราไม่มีการพัฒนาการ เราก็จะไม่เติบโต หรือหากเราไม่เปลี่ยนแปลงเลย? เราก็จะพลาดการบินได้เหมือนผีเสื้อ และเราจะเป็นแค่หนอนที่คลานอยู่ที่พื้น

ในฐานะคริสเตียนคุณควรจะพยายามที่จะเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่ถ้าคุณหยุดเติบโตคุณจะพลาดการเป็นในแบบที่พระเจ้าต้องการให้คุณเป็น ดังนั้นจงสวดอ้อนวอนขอให้พระเจ้าช่วยเปลี่ยนแปลงคุณให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นเพื่อที่คุณจะได้มีชีวิตอยู่เพื่อพระเจ้า

กล้าทิ้งจึงเกิดใหม่ : สำหรับตัวหนอนหลังจากผ่านช่วงฟูมฟักในดักแด้ หยุดนิ่งอยู่กับตนจนเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงมาถึง หัวของมันค่อยๆ ดันคราบดักแด้ ทะลุเปลือกขึ้นจากด้านบน ปีกที่พัดเป็นจีบดันออกเบื้องหลัง ค่อยๆ คลี่คลายปีกงามออกช้าๆ ด้วยความช่วยเหลือจากแรงดึงดูดของโลกและการผลักดันของของเหลวในร่างกาย แล้วผีเสื้อก็ปรากฏจากหนอนแก้ว

การเริ่มต้นใหม่ ย่อมต้องอาศัยการทิ้งสิ่งเดิมเพื่อก้าวสู่วันหน้า ผีเสื้อไม่อาจกินและคืบคลานเฉกเช่นตอนเป็นหนอนได้อีก คนเราจะเปลี่ยนแปลงตนเองหรือจะก้าวสู่ชีวิตใหม่ ต้องทิ้งวิธีการใช้ชีวิตแบบเดิมที่ผ่านมา ทิ้งตัวตนเก่า เพื่อเริ่มใหม่ในพระคริสต์ การสร้างลักษณะนิสัยใหม่ เพื่อให้เป็นเหมือนพระคริสต์

อย่าลืมว่าชีวิตนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณ คุณอยู่ในโลกนี้เพื่อพระประสงค์ของพระเจ้า ไม่ใช่เพื่อความต้องการของคุณ ทำไมพระเจ้าต้องประทานสวรรค์บนดินด้วยในเมื่อพระองค์ทรงเตรียมของจริงไว้สำหรับคุณในนิรันดรกาลแล้ว พระเจ้าประทานเวลาแก่เราในโลกนี้เพื่อสร้างและเสริมลักษณะนิสัยของเราให้พร้อมสำหรับแผ่นดินสวรรค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอพระองค์โปรดเปลี่ยนหัวใจความคิดและจิตวิญญาณของลูกให้เป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้นทุกวัน ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

วันจันทร์ที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2564

ผู้ที่จะทำหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐได้ดีที่สุดก็คือใคร

 


ผู้ที่จะทำหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐได้ดีที่สุดก็คือใคร

ผู้ที่จะทำหน้าที่ในการประกาศข่าวประเสริฐได้ดีที่สุดก็คือ “ผู้เชื่อ” การประกาศข่าวประเสริฐไม่ใช่สิ่งที่เราทั้งหลายซึ่งเป็นผู้เชื่อจะเลือกทำหรือไม่ทำก็ได้ “แต่มันเป็นสิ่งที่เราทุกคนต้องทำเพราะมันเป็นชีวิต เป็นงานที่พระเจ้ามอบหมายให้เราทำ เราต้องถือคำสั่งนี้เป็นชีวิต

 

ไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้สำหรับพระเจ้า พระเจ้าได้ทรงเลือกเราทุกคนให้เป็นคนพิเศษ แต่อยู่ที่เราจะตอบสนองเสียงเรียกนั้นอย่างไร? จะเชื่อฟังหรือผลัดวันประกันพรุ่ง? เราทุกคนคือคนพิเศษของพระเจ้า  พระเจ้าจะทรงใช้เราได้อย่างแน่นอน หากเราไม่เอาตัวไปเปรียบกับคนอื่นๆ จนท้อใจไปเสียก่อน พระเจ้าทรงใช้เราทำงานที่ยิ่งใหญ่ได้แน่นอน ขอให้เรายอมรับการสร้างจากพระเจ้าก่อน คือก่อร่างสร้างชีวิตใหม่ขึ้นในพระคริสต์เสียก่อน จากนั้นก็ปล่อยให้เป็นเวลาของพระเจ้า พระองค์จะทรงใช้เรานำคนและสร้างคนให้เข้มแข็งในความเชื่อได้อย่างมากมาย ความเชื่อคือใบเบิกทาง หากเรามีความเชื่อที่ถูกต้องเราก็จะมีความหวังในสิ่งที่เราเชื่อ ความหวังสามารถสร้างแรงบันดาลใจให้ผู้คน ให้เรามอบความรักให้แก่คนรอบข้าง ให้กำลังหวังใจซึ่งกันและกัน พระคัมภีร์กล่าวว่าความรักยิ่งใหญ่ที่สุด ความเชื่อ ความหวัง และความรักทำให้เราวางใจในพระเจ้าผู้ประทานทุกสิ่งนั้น.

ให้เราขอบคุณพระเจ้า ที่ทรงมอบพระวจนะให้เราสามารถนำคำสอนของพระองค์มาช่วยขัดเกลาชีวิตเราได้ในทุกๆวัน พระเจ้าทรงสำแดงให้ผู้นำหลายคนได้ตระหนักเห็นความสำคัญของการถ่ายทอดพระวจนะจากรุ่น สู่รุ่นอย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการได้ถูกทำเป็นหนังสือหลายเล่มมากมายซึ่งเห็นได้ในยุคของเราตราบจนทุกวันนี้ แล้วคุณได้นำพระวจนะนั้นมาเสริมสร้างชีวิตของคุณแล้วหรือยัง?  พระเยซูคริสต์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดของโลก มนุษย์ไม่มีข้อแก้ตัวอีกต่อไปแล้วว่าไม่เคยรู็เรื่องพระองค์ หรือไม่เคยได้ยิน เพราะข่าวประเสริฐได้ถูกประกาศออกไปทุกมุมของโลกโดยผู้นำข่าวดีทั้งหลายที่ยอมอุทิศชีวิตของตนเพื่อพระเจ้า

ทางเดียวที่จะบอกได้ดีที่สุดว่าเราเชื่อฟังและรักพระองค์ก็โดยการประกาศเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ  ทางเดียวที่คนทั้งปวงจะเชื่อในพระเจ้า ทางเดียวที่คนทั้งปวงจะได้ยินข่าวประเสริฐก็โดยการประกาศเป็นพยานถึงข่าวประเสริฐ

พระวจนะของพระเจ้าทรงชีวิต เราสนับสนุนให้พี่น้องคริสตชนอ่านพระคัมภีร์ มากกว่าอ่านบทความดีๆ เพราะพระคัมภีร์คือ สิ่งที่ดีที่สุด พระวจนะจะนำสิ่งที่ดีมาสู่ชีวิต

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

 sites.google.com

 pichais1.blogspot.com

เฟสบุค พระวจนะที่มีชีวิต


การวางใจพระเจ้า

 


พระองค์จึงเสด็จไปทรงอธิษฐานอีกเป็นครั้งที่สอง “ข้าแต่พระบิดาของข้าพระองค์ ถ้าถ้วยนี้เลื่อนพ้นไปจากข้าพระองค์ไม่ได้ และข้าพระองค์จำต้องดื่มแล้ว ก็ให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์”

มัทธิว 26:42

เอปีนขึ้นต้นไม้ แต่เขาลื่นล้มและคว้ากิ่งไม้เอาไว้ได้ เขาร้องไห้โฮ เพราะมันสูงมากจนพ่อของเขาต้องปีนขึ้นไปครึ่งทางเพื่อที่จะไปให้ถึงเขา พ่อบอกเขาให้จับมือพ่อเอาไว้ให้แน่น แต่เอกลัวมากเพราะนั่นหมายความว่าเขาจะต้องปล่อยมือจากกิ่งไม้ 

บางครั้งคุณอาจรู้สึกเช่นนี้ในชีวิตของคุณ เมื่อคุณต้องการความช่วยเหลือจากพระเจ้าคุณต้องติดต่อกับพระองค์ แต่นั่นหมายความว่าคุณต้องปล่อยวางสิ่งที่จะหยุดคุณจากการวางใจพระเจ้าโดยสิ้นเชิง เอเชื่อใจพ่อของเขาและทั้งคู่ก็ลงมาได้อย่างปลอดภัย ถ้าคุณเชื่อพระเจ้าคุณก็จะปลอดภัยเช่นกัน

วันนี้ ปีนี้มีอะไรบ้างที่คุณต้องปล่อยวางเพื่อที่คุณจะสามารถไว้วางใจพระเจ้าได้ดีขึ้น?

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกรู้จักปล่อยวางทุกสิ่งที่อาจทำให้ลูกพลาดโอกาสและไม่สามารถเข้าใกล้พระองค์ได้ ขอให้ลูกมีความเชื่อที่เข้มแข็งและวางใจในแผนการที่พระองค์มีไว้ให้กับลูก ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันอาทิตย์ที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2564

การสำนึกผิดและกลับใจ

 


คำอธิษฐานด้วยน้ำตา

และดาวิดทูลพระเจ้าว่า “ข้าพระองค์ได้ทำบาปใหญ่ยิ่งในการที่ข้าพระองค์ได้ทำสิ่งนี้ แต่บัดนี้ขอทรงให้อภัยความบาปชั่วของผู้รับใช้ของพระองค์ เพราะข้าพระองค์ได้ทำการอย่างโง่เขลามาก”

1 พงศาวดาร 21: 8

แจ็คขโมยขนมจากร้านแถวบ้าน ตอนแรกสิ่งที่เขาคิดในหัวก็คือเขาชอบช็อกโกแลตมากแค่ไหน แต่หลังจากที่เขาได้กินขนมนั้นเข้าไปแล้วเขาก็รู้สึกแย่ เขารู้สึกแย่มากจึงรีบวิ่งไปที่ร้านและบอกเจ้าของว่าเขาได้ทำอะไรลงไป เขาร้องไห้เพราะเขารู้สึกผิดมากและเขาก็นำเงินมาจ่ายค่าขนม

เช่นเดียวกัน เมื่อคุณทำบาปและรู้ว่าคุณได้ทำสิ่งผิด คุณสามารถขอการอภัยจากพระเจ้า เพราะพระองค์ได้มอบจิตสำนึกให้แก่มนุษย์ทุกคนเพื่อให้แน่ใจว่าเราจะรู้สึกได้ว่าเราทำบาปเมื่อใด และเมื่อต่อมสำนึกในความรู้ที่ว่าผิดชอบชั่วดีทำงานใจใจคุณ นั่นก็คือมโนธรรม เมื่อคุณทำผิดมันก็โอเคที่คุณจะรู้สึกแย่ แต่เมื่อรู้สึกแย่แล้วต้องสำนึกในความผิดนั้นและรีบกลับใจ ขอให้คุณบอกพระเจ้าว่าคุณขอโทษอย่างจริงใจ แล้วให้คุณขอโทษใครก็ตามที่เขาอาจต้องเจ็บปวดจากการกระทำของคุณในครั้งนั้นด้วย และวิธีนี้จะช่วยป้องกันไม่ให้คุณทำผิดซ้ำอีก

ความรู้สึกผิดมักมีแนวโน้มที่นำไปสู่ การปรักปรำตัวเอง มีใจฟ้องผิดตัวเอง กล่าวโทษตัวเอง แม้รู้ทั้งรู้ว่าพระเยซูคริสต์ทรงอภัยบาปให้แล้วแต่ก็ยัง "มีความรู้สึกผิด" ตามติดอยู่ตลอดว่า แกมันเลว, แกมันแย่, เลวอย่างไม่น่าให้อภัย, ก็สมควรรับผลกรรมแล้ว บางคนกล่าวโทษตัวเอง และมีแนวโน้มลงโทษตัวเอง บางคนป่วยทางจิต และป่วยทางกายภาพ เพราะเขานั่งแช่อยู่กับความผิดพลาดของตัวเอง และไม่ให้อภัยตัวเอง และรู้สึกว่าตัวเองสมควรโดนลงโทษ มันคือจิตสำนึกที่กำลังฟ้องผิด

อย่าให้เรารู้สึกผิดไปตลอด เพราะเท่ากับเราไม่เชื่อในฤทธิ์แแห่งพระโลหิตของพระเยซูคริสต์ ที่ได้ทรงชำระความบาปทั้งสิ้นของเรา เมื่อเราสารภาพ และกลับใจใหม่อย่างแท้จริง ความเศร้าเสียใจที่อยู่ในทางของพระเจ้านี้ ส่งผลให้กลับใจใหม่ หมายถึงการเสียใจในบาป หลายคนเสียใจ เพราะว่าได้รับผลของบาป หรือถูกจับได้ (มันคือความเสียใจอย่างโลก) เปโตรกับยูดาส ทั้ง 2 ปฏิเสธพระคริสต์เหมืนกัน แต่คนหนึ่งกลับใจกลับมาและได้กลับคืนสู่ความเชื่อและเส้นทางเดิมอีกคนกลับใจ และฆ่าตัวตาย สุภาษิต 28:13  ผู้ที่ปกปิดบาปของตนจะไม่เจริญ แต่ผู้ที่สารภาพผิดและละทิ้งบาปจะพบความเมตตากรุณา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอโทษที่ทำในสิ่งที่ลูกเองก็รู้ว่าลูกไม่สมควรทำ ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกไม่แพ้ต่อการล่อลวงของปีศาจ ถ้าหากลูกได้หลงทำผิดไป เลือกทางผิดไป ขอพระองค์ทรงนำลูกกลับมาหาพระองค์ และช่วยให้ลูกรู้สำนึกผิดและกลับใจ อย่าให้ลูกหลงกลับไปทำผิดซ้ำอีก ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

เฟสบุค พระวจนะที่มีชีวิต

emunahinyeshua.blogspot.com 


วันเสาร์ที่ 23 มกราคม พ.ศ. 2564

จงอธิษฐานตลอดเวลา

 


คุณอธิษฐานได้ตลอดเวลา

ใจของข้าเอ๋ย พระองค์ตรัสกับเจ้าว่า “จงแสวงหาหน้าของเรา”

ข้าแต่พระยาห์เวห์ ข้าพระองค์จะแสวงหาพระพักตร์ของพระองค์

สดุดี 27: 8

เอนเจนั่งอยู่บนเนินเขาและมองไปที่ทะเลสาบขนาดใหญ่และภูเขาสีเขียวที่สวยสดงดงามตา และเขาก็คิดว่าพระเจ้าของเขาช่างน่ายำเกรงมาก เขาบอกพระเจ้าว่าเขาชอบสิ่งสร้างสวยงามทั้งหมดที่พระเจ้าทรงทำ พระองค์ทรงทำมันได้อย่างไร มันช่างน่าอัศจรรย์ใจจริงๆ เอนเจขอบคุณพระเจ้าที่ทำให้เขามีความสุขกับการพักผ่อนและได้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ครั้งนี้เอนเจไม่ได้อธิษฐานเผื่อใครสักคนและเขาก็ไม่ได้อธิษฐานเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าแต่อย่างใด แต่สิ่งที่เขาทำคือการบอกกับพระเจ้าว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ในขณะนั้น และเขามีความสุขและรู้สึกขอบพระคุณพระเจ้ามากขนาดไหน

คุณเองก็เช่นกัน คุณไม่ต้องรอที่จะอธิษฐานเฉพาะเวลาที่มีสิ่งผิดปกติเกิดขึ้นในชีวิต แต่คุณสามารถบอกพระเจ้าว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ได้ตลอดเวลา พระองค์ชอบฟังเวลาที่คุณคุยกับพระองค์ เหมือนกับที่คุณชอบคุยกับเพื่อนรักของคุณ เพราะพระองค์ต้องการเป็นอดีตปัจจุบันและอนาคตของทุกช่วงเวลาในชีวิตของคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอขอบคุณที่พระองค์อนุญาตให้ลูกสามารถพูดคุยกับพระองค์ได้เหมือนกับที่ลูกคุยกับเพื่อนรัก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับโอกาสและสิทธิพิเศษนี้  อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 followhissteps.com 

วันศุกร์ที่ 22 มกราคม พ.ศ. 2564

จงอธิษฐานทุกเวลา



 จงอธิษฐานทุกเวลา

พระเจ้าข้า พระเจ้าข้า ไฉนทรงทอดทิ้งข้าพระองค์เสีย?

เหตุใดพระองค์ทรงเมินเฉยต่อการช่วยกู้ข้าพระองค์และต่อถ้อยคำคร่ำครวญของข้าพระองค์?สดุดี 22: 1

พระเจ้าทรงเป็นพระเจ้าที่ยิ่งใหญ่และไหล่ของพระองค์นั้นใหญ่มากพอ นั่นหมายความว่าพระองค์สามารถจัดการกับสิ่งที่คุณต้องอธิษฐานได้ พระเจ้าต้องการที่จะได้ยินจากคุณ   จริงๆแล้วพระองค์รู้ทุกอย่างอยู่แล้ว แต่พระองค์ก็ยังคงรักที่จะฟังคุณ  เมื่อคุณรู้สึกเศร้าและเสียใจให้บอกพระองค์ไปว่าคุณรู้สึกอย่างไร ถึงแม้ว่าคุณจะอารมณ์เสียก็ตาม แต่จงซื่อสัตย์กับความรู้สึกของคุณเอง

ดาวิดผู้เขียนบทสดุดีนี้ร้องเรียกพระเจ้าเพราะเขารู้สึกว่าพระเจ้าละทิ้งเขา และเขารู้สึกไปเองว่าพระเจ้านั้นอยู่ห่างไกล คุณพูดแบบนี้กับพระเจ้าได้   แต่คุณควรพูดด้วยใจที่เคารพยำเกรงด้วย และอย่ากลัวที่จะบอกพระเจ้าว่าคุณกำลังคิดอะไรอยู่ คุณอาจไม่รู้สึกว่าพระองค์ได้ยินคุณเสมอไป ซึ่งมันไม่จริงเลยพระองค์ทรงอยู่ทุกที่กับคุณ  พระองค์ทรงฟังและก็ตอบคุณเสมอ ขอให้คุณใช้เวลาพูดคุยกับพระเจ้าทุกวัน เพราะพระองค์ชอบที่จะได้ยินจากคุณ และอย่าลืมอ่านพระวจนะของพระองค์เพื่อที่คุณจะได้ยินพระองค์ชัดเจนขึ้น คุณควรสะสมพระคำของพระเจ้าไว้ในใจให้ได้มากๆ แล้วมันจะช่วยเสริมสร้างกำลังใจให้กับคุณ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอบพระคุณสำหรับโอกาสและสิทธิพิเศษของการอธิษฐาน! ลูกต้องการมอบความกลัวทั้งหมดในใจของลูกใว้กับพระองค์ และมอบความไว้วางใจทั้งหมดแด่พระองค์ ด้วยน้ำตาและความรู้สึกโกรธของลูก ขอพระองค์โปรดสำแดงว่าลูกควรทำอย่างไรเพื่อให้พ้นจากความทุกข์และศัตรู ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 rorthai.com 

วันพฤหัสบดีที่ 21 มกราคม พ.ศ. 2564

เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด

 


คำอธิษฐานง่ายๆ

“เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนพวกหน้าซื่อใจคด เพราะพวกเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามมุมถนนต่างๆ เพื่อจะให้คนทั้งปวงเห็น เราบอกความจริงกับพวกท่านว่าพวกเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว

มัทธิว 6: 5

คุณไม่ควรกลัวที่จะอธิษฐาน เพราะมันไม่ใช่เรื่องยากที่จะทำ เพราะว่าตอนนี้ยุคนี้คุณสามารถพูดคุยกับพระเจ้าได้ทุกที่ทุกเวลา ในสมัยของพระเยซูผู้นำศาสนาบางคนพยายามทำให้เรื่องนี้ฟังดูเป็นเรื่องยากโดยการอธิษฐานต้องเป็นคำอธิษฐานที่ยาวๆ และพวกเขายังสวดอ้อนวอนด้วยเสียงดัง ๆ เพื่อให้คนอื่นได้ยิน แต่พระเยซูตรัสสอนว่าพระองค์ไม่ต้องการให้ผู้คนสวดอ้อนวอนแบบนั้น  เพื่อเรียกร้องความสนใจหรือรอรับสรรเสริญจากผู้คน

พระเยซูสอนว่า เมื่ออธิษฐานอย่าพูดพล่อยๆ ซ้ำซาก เหมือนคนต่างชาติกระทำเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะทรงโปรดฟัง พระเยซูไม่ได้ห้ามการอธิษฐานวิงวอนเรื่องเดิมๆ ต่อพระเจ้า  แต่พระองค์ไม่ต้องการให้เราใช้คำอธิษฐานเป็น “คาถา” หรือ “เครื่องมือ” บังคับให้พระเจ้าทำตามความต้องการของเรา ดังตัวอย่างของผู้ที่นับถือพระอื่นที่คิดว่าหากพูดถ้อยคำเดิมซ้ำๆ นานๆ แล้วพระจะตอบ (เช่น ผู้เผยพระวจนะของพระบาอัลที่อธิษฐานว่า “ข้าแต่พระบาอัล โปรดตอบเถิด” ซ้ำๆ อยู่ครึ่งวัน ใน 1พกษ.18:26)

คุณไม่จำเป็นต้องประดิษฐ์คำพูดหรือต้องท่องจำบทกลอนในการที่จะพูดคุยกับพระเจ้า อย่ากลัวว่าคุณฉลาดไม่พอหรือคุณยังเด็กเกินไปหรือกลัวว่าพระองค์จะไม่ฟังคุณ พระเจ้าจะได้ยินคุณ จงอย่าทำให้มันเป็นเรื่องยาก ขอเพียงแค่พูดคุยกับพระเจ้าเหมือนที่คุณต้องการคุยกับพ่อหรือคุยกับคนที่คุณรัก  เวลาที่คุณกำลังคุยกับคนที่คุณรัก ตัวคุณเองก็ชอบที่จะได้ยินเรื่องราวจากเขาและคุณจะรู้สึกห่วงใยคนคนนั้น เช่นเดียวกัน พระเจ้าก็ทรงรู้สึกแบบนั้นต่อคุณ!

การอธิษฐานเป็น “ความสัมพันธ์” ที่ลูกๆ ของพระเจ้ามีกับพระองค์  พระเจ้าปรารถนาให้เรารู้จักพระองค์และมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับพระองค์  ดังนั้น ยิ่งเราอธิษฐานกับพระเจ้าบ่อยๆ เราก็จะใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น เหมือนพ่อกับลูกที่ใช้เวลาด้วยกันบ่อยๆ คุยกันบ่อยๆ ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ เราจะรู้จักพระองค์มากขึ้น มีประสบการณ์ในความยิ่งใหญ่ของพระองค์มากขึ้น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูที่รัก โปรดช่วยให้ลูกได้เรียนรู้วิธีการสวดอ้อนวอน และโปรดช่วยเตือนลูกว่าอย่าอธิษฐานเพียงแค่ท่องจำโดยปราศจากความเข้าใจว่า แท้จริงแล้วหัวใจสำคัญของการอธิษฐานที่พระองค์ได้สอนเอาไว้นั้นคือการมีท่าทีที่เหมาะสมในการอธิษฐาน อาแมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

เฟสบุค The First Church of Chiang Mai


วันพุธที่ 20 มกราคม พ.ศ. 2564

อย่าพยายามซ่อนบาป

 


อาคาน - พยายามซ่อนบาป

แต่ประชาชนอิสราเอลได้ละเมิดในเรื่องสิ่งที่ต้องทำลายถวายนั้น เพราะอาคานบุตรคารมี ผู้เป็นบุตรศับดี ผู้เป็นบุตรเศ-ราห์ เผ่ายูดาห์ ได้นำสิ่งที่ต้องทำลายถวายบางส่วนไปเป็นของตน พระพิโรธของพระยาห์เวห์จึงพลุ่งขึ้นต่อประชาชนอิสราเอล

โยชูวา 7: 1

อาคานขโมยของไปจำนวนหนึ่งรวมทั้งทองคำเงินและเสื้อคลุมจากเมืองเยรีโคเมื่อชาวอิสราเอลเอาชนะเมืองได้ พระเจ้าทรงบัญชาทหารไม่ให้เอาอะไรไปเพราะสิ่งเหล่านี้มีไว้เพื่อทำลายล้าง

เพราะอาคานฝ่าฝืนคำสั่ง พระเจ้าจึงลงโทษคนอิสราเอลทั้งหมด อาคานซ่อนสมบัติไว้ที่พื้นโดยคิดว่าจะไม่มีใครพบเจอ แต่พระเจ้ามองเห็นทุกสิ่ง พระเจ้าบอกโจชัวว่าเกิดอะไรขึ้นและชี้ให้เห็นอาคาน จากนั้นอาคานและครอบครัวของเขาถูกลงโทษประหารชีวิต

เมื่อใดก็ตามที่คุณทำผิดอย่าพยายามซ่อนบาปเพราะพระเจ้าสามารถมองเห็นได้อยู่ดี คุณสามารถมาหาพระเจ้าได้ตลอดเวลาและสารภาพบาปของคุณ พระองค์เต็มใจที่จะให้อภัยเสมอ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ขอพระองค์โปรดทรงยกโทษให้ลูกในทุกบาปที่ปิดซ่อนอยู่ โปรดช่วยให้ลูกจำไว้ว่าไม่มีอะไรที่ลูกสามารถปกปิดซ่อนอะไรไปจากพระองค์ได้

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...