วันพุธที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2561

การใช้ชีวิตร่วมกับคนหลงตัวเองอย่างมีความสุข



การใช้ชีวิตร่วมกับคนหลงตัวเองอย่างมีความสุข (ทุกข์น้อยหน่อย)

คนที่หลงตัวเอง นาร์ค หรือ นาซิซีติส (Narcisisitic) คือผู้มีอาการทางจิตชนิดหนึ่ง กลุ่มคนประเภทนี้จะกลัวความขายหน้าเป็นที่สุด จึงไม่ยอมที่จะให้ตัวเองดูแย่ในสายตาคนอื่น แต่ชอบทำตัวให้โดดเด่น ดูดี มีความมั่นใจในตัวเองสูง ไม่สนใจสายตาใคร ถ้ามีคนชื่นชมยกย่องก็จะยิ่งกระตุ้นให้มีอาการมากขึ้น แต่ในทางกลับกันถ้าไม่ได้ถูกตำหนิ ติเตือนก็จะยิ่งทำให้เกิดการกระทบกระทั่งอย่างรุนแรง จนอาจทำให้ซึมเศร้าจนไปก่ออันตรายทำเรื่องร้ายแรงให้แก่ผู้ที่อยู่ใกล้ชิดได้

สาเหตุที่คนหลงตัวเองเกิดจากบุคลิกภาพที่เป็นมาจากพันธุกรรม สภาพแวดล้อมในวัยเด็ก ไปจนถึงการถูกเลี้ยงดู จนเบี่ยงเบนกลายเป็นเอกลักษณ์เฉพาะในบุคลิกของผู้นั้น อาการของโรคอาจจะเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดกันมาตั้งแต่รุ่นสู่รุ่น และนอกจากพันธุกรรมแล้ว การเลี้ยงดูที่ผิดวิธีก็เป็นส่วนที่สำคัญมาก ๆ ที่ก่อให้เกิดอาการหลงตัวเองได้

คนที่โรคหลงตัวเองมักจะคิดว่าตัวเองเป็นคนที่เก่งที่สุดในโลก โดยมักจะคิดเสมอว่าไม่มีใครเก่งเกินตัวเอง ไม่สามารถที่จะยอมรับในความสามารถของคนอื่นได้เลย เพราะหลงคิดแต่ว่ามีตัวเองเท่านั้นที่ลาดและเก่งที่สุดแล้ว คนที่หลงตัวเองมักจะคิดอะไรเข้าข้างตัวเองอยู่ตลอดเวลา เมื่อมีคนแสดงอาการไม่พอใจหรือไม่เข้าใจในสิ่งที่ผู้ป่วยเป็น เขาก็มักจะคิดว่าคนรอบข้างอิจฉา หรือไม่ก็คิดว่าคนอื่นด้อยกว่าตัวเอง ผู้่หลงตัวเองมักจะทึกทักเอาเองว่าตัวเองเด่นจนคนต้องอิจฉา เขามักจะทำอะไรแบบไร้คุณธรรม ขาดจิตสำนึก ไม่กลัวใครหน้าไหนทั้งสิ้น และไม่สามารถแยกแยะความดีความชั่วได้ คิดว่าเองสมบูรณ์แบบที่สุด ใครทำอะไรให้ก็ไม่ถูกใจ ผู้หลงตัวเองมักจะดูถูก ตำหนิ และทะเลาะเบาะแว้งกับคนอื่นอยู่เป็นประจำ

การอยู่ร่วมกับคนที่หลงตัวเอง เราจำเป็นต้องเตรียมพร้อม และตระหนักถึงความจริง ศึกษาหาความรู้ ข้อมูลเกี่ยวกับโรคนี้ให้ถ่องแท้จึงเราจึงจะสามารถช่วยตัวเองและคนป่วยให้พ้นจากความเครียด ความกดดัน และปัญหาต่างๆ ที่ต้องเผชิญรายวันกับการอยู่ร่วมกับผู้หลงตัวเอง คุณไม่สามารถรอให้ใครมาช่วยได้เลย เพราะมีแต่ตัวคุณเท่านั้นที่จะช่วยปลดปล่อยตัวเองให้เป็นไทจากความยุ่งยากทั้งปวงที่เกิดจากการอยู่ร่วมกับผู้หลงตัวเอง เพราะพื้นฐานจิตใจ อารมณ์ ความรู้สึก พฤติกรรมของผู้ป่วยโรคหลงตัวเองจะแตกต่างจากคนอื่นๆ ในโลกธรรมมะ โลกแห่งความเป็นจริง โลกของผู้ที่มีสุขภาพจิตที่ดีๆ พึงปฏิบัติต่อกันอย่างสิ้นเชิง ผู้หลงตัวเองจะขังตัวเองในโลกแคบๆ ที่มีตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง ทุกคนที่คิดเห็นต่างไปจากผู้หลงตัวเอง หรือกล้าขัดคอคนที่หลงตัวเอง ก็จะกลายเป็นศัตรูถาวรไปเลย เพราะโอกาสที่ผู้หลงตัวเองจะรู้ตัว กล้ายอมรับ และอยากให้ตัวเองอยู่อย่างปกติสุขกับคนอื่นๆ มีน้อยมากๆ เพราะจะว่าไปแล้วผู้หลงตัวเอง คือผู้ที่หลอกตนเอง ไม่กล้าที่จะยอมรับจุดอ่อน ข้อบกพร่อง และข้อจำกัดของตัวเอง เพราะในสายตาของผู้หลงตัวเองนั้นไม่มีใครเป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์แบบเท่าตัวเขาอีกแล้ว

ดังนั้นจึงสำคัญมากที่บุคคลที่อยู่ร่วมกับผู้หลงตัวเองต้องตระหนัก และปรับเปลี่ยนตัวเองให้พร้อมรับมือ ไม่ตกเป็นเหยื่อของคนประเภทนี้ จนเครียด ซึมเศร้า และล้มป่วยจนถึงกับชีวิตในที่สุด คนที่โดนผู้ป่วยโรคหลงตัวเองทำร้ายจิตใจ อารมณ์ ร่างกายมักจะล้มป่วยเพราะภูมิคุ้มกันที่บกพร่อง อ่อนแอ ขี้โรค เพราะผู้หลงตัวเองจะทำลายตัวตน ความคิด จิตใจ ทุกอย่างที่พระเจ้าสร้างคุณไว้อย่างดีงามเสียสิ้น คนที่หลงตัวเองมักจะทำให้คุณสับสน รู้สึกตัวไม่มีคุณค่า ทำอะไรให้คนที่หลงตัวเองก็จะมองว่าไม่ดีทั้งสิ้น สำหรับผู้หลงตัวเองนั้น คุณไม่มีทางเป็นเพื่อน ผู้ร่วมงาน ลูก พ่อแม่ ภรรยา สามี หรือแฟนที่ดีในแบบที่เขาจินตนาการอยากให้เป็นได้เลย สำหรับเขาแล้ว คุณไม่เคยมีตัวตน ไม่มีจิตใจ เหมือนหุ่นยนต์ ยิ่งคุณพยายามทำดี แก้ไข เปลี่ยนแปลงตัวเองเท่าใด คุณก็ยิ่งรู้สึกไปไม่ถึงไหน คนที่หลงตัวเองจะมองคุณเป็นเหมือนศัตรู คู่แข่ง ที่ไม่มีทางดีพอสำหรับเขาเลย เพราะผู้หลงตัวเองนั้นมักจะหลงผิดไปว่าเขาเท่านั้นคือคนที่ดีที่สุดในโลกใบนี้

เมื่อต้องอยู่ร่วมสังคมกับผู้หลงตัวเอง หรือคนที่มีอาการแบบ NPD ควรระมัดระวังที่จะทำและไม่ทำสิ่งที่ผู้หลงตัวเองไม่ชอบดังต่อไปนี้

1. ผู้หลงตัวเองชอบคิดแต่เรื่องของตัวเอง และชอบยอยอตัวเองเสมอ ๆ

ดังนั้นจึงป่วยการที่คุณจะว่ากล่าว ตักเตือน ผู้หลงตัวเองให้หันมามองโลกตามความเป็นจริง ถ้าคุณพูดตักเตือนก็เท่ากับว่าคุณไปจี้จุดอ่อนของเขา ทำให้เขาได้รับความอับอายที่สุด ผู้ป่วยโรคหลงตัวเองมองคุณเป็นแค่เชื้อเพลิงหรือเครื่องมือที่จำเป็นในการยกยอ ปอปั้น เพิ่มพลังอีโก้ให้เขามากยิ่งขึ้นๆ ถ้าคุณหลงพูดความจริงที่ตรงข้ามกับจินตนาการของเขา ผู้หลงตัวเองจะถือว่าคุณก็คือศัตรู คู่อาฆาตของเขาดีๆ นี่เอง วิธีที่ดีที่สุดเมื่อเขาเริ่มเพ้อถึงความดีจอมปลอมของเขา คุณก็เงียบ เดินหนี หรือพยายามหลีกเลี่ยงร่วมวงสนทนาไปทำอย่างอื่นเสีย

2. ผู้หลงตัวเองมักจะชอบเรียกร้องความสนใจ อยากเป็นคนอื่นๆ ให้ความสำคัญตลอดเวลา

ผู้หลงตัวเองชอบเข้าสังคมกับคนที่เติบโตมาด้วยกัน คอเดียวกัน ชอบในสิ่งที่ผิดกฎหมาย ผิดศีลธรรมเหมือนๆ กัน ชอบกลั่นแกล้งคนอื่นเหมือนๆ กัน เขาไม่ชอบอยู่ร่วมกับคนดีมีศีลธรรม แต่จะเข้าร่วมสังคมเฉพาะเมื่อสังคมนั้นมีผลประโยชน์ต่อเขา ทำให้เขามีหน้ามีตา เป็นจุดเด่นของสังคมนั้นๆ ความดีที่เขาอ้างว่าทำเพื่อคนอื่นนั้นมีเลศนัยเสมอ ถ้าสังคมไหนไม่มีผลประโยชน์เอื้อให้กับเขา เขาก็จะถอยห่างออกจากสังคมนั้นอย่างแนบเนียน คุณจะเห็นผู้หลงตัวเองอยู่แต่ในที่ๆ เขาเป็นจุดสนใจ และเป็นบุคคลสำคัญของที่แห่งนั้น คุณจะไม่เห็นคนแบบนี้แอบทำความดีเงียบๆ แบบไม่มีใครเห็นเป็นอันขาด หากคุณรู้สึกไม่สบายใจในที่ๆ เขาไป ที่ๆ ทำให้เขาเย่อหยิ่งในอีโก้ของเขา คุณก็ควรหลีกเลี่ยงไม่ไปร่วมวงกับเขา และไปร่วมเฉพาะในสังคมที่คุณรู้สึกสบายใจที่จะเข้าร่วมเท่านั้น เมื่อเขาเห็นคุณมีจุดยืนที่ชัดเจนแล้ว ในที่สุดเขาจะเลิกเชิญชวนคุณไปเอง คนเช่นนี้จะพยายามข่มให้คุณทำตามใจเขา คุณไม่ควรฝืนทำตามใจเขาจนเสียตัวตน อัตลักษณ์ที่แท้ ที่พระเจ้าสร้างคุณไป ทุกข์สุขที่แท้ของคุณขึ้นอยู่กับพระเจ้า ไม่ใช่ขึ้นอยู่กับความพึงพอใจของผู้หลงตัวเอง เพราะในที่สุด คุณก็จะไม่มีทางฝืนเป็นอย่างที่ผู้หลงตัวเองอยากให้เป็นไปได้ตลอดชีวิตได้เลย

3. ผู้หลงตัวเองมักคิดว่าตัวเองเป็นบุคคลสำคัญที่สุดในโลก

คนที่ต้องอยู่ร่วมบ้าน ร่วมสังคมกับผู้หลงตัวเองย่อมรู้สึกแปลกแยกกับการที่ต้องปรนนิบัติแบบ VIP ต้องเป็นฝ่ายให้ผู้หลงตัวเองตลอดเวลา ใน Bible บอกว่าบุคคลที่รดน้ำ ตัวเขาเองก็จะได้การรดน้ำด้วย แต่กับผู้หลงตัวเองนั้นคุณต้องเป็นฝ่ายให้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตลอดเวลาจนหมดสิ้นเรี่ยวแรงที่จะให้อีกต่อไป หากเขาให้สิ่งใดกับคุณเพียงน้อยนิด เขาก็จะเก็บเอามาทวงบุญคุณไม่มีสิ้นสุด การทำดีกับผู้หลงตัวเองต้องไม่คาดหวังว่าเขาจะมาตอบแทนคุณบ้าง เพราะหากคิดเช่นนั้นคุณจะผิดหวังอย่างแน่นอน พระเยซูตรัสให้ทำความดีแม้แต่กับศัตรู รวมทั้งควรทำดีมีเมตตาต่อผู้หลงตัวเองต่อไปด้วย แต่การทำดีกับผู้หลงตัวเองนั้นคุณก็ต้องรู้ข้อจำกัดของตนเองด้วย อย่าทำจนคุณรู้สึกหมดไฟ หรือรู้สึกว่าถูกขูดเลือด ขูดเนื้อ เอาเปรียบ จงฉลาดมากๆ อย่าซื่อเพียงอย่างเดียวเมื่อต้องรับมือกับคนเช่นนี้

4. ผู้หลงตัวเองมักชอบเพ้อฝันเกินจริง มักมโนกับสิ่งที่เป็นภาพลวงตา คิดว่าตัวเองเก่ง และต้องได้รับแต่สิ่งดี ๆ

กับผู้หลงตัวเอง คุณคือบุคคลสำคัญที่ควรแยกแยะให้ออกว่าสิ่งไหนคือความจริง สิ่งไหนคือภาพลวงตาของผู้หลงตัวเอง เพราะยิ่งคุณอยู่ใกล้ชิดกับผู้หลงตัวเองนานขึ้นๆ คุณก็เริ่มคิดลบ คิดร้าย คล้อยตามเหมือนผู้ป่วยโรคหลงตัวเองมากขึ้นๆ จนแทบไม่หลงเหลือตัวตนที่แท้จริงที่พระเจ้าสร้างอย่างดี มีคุณค่า มีอัตลักษณ์ ยิ่งอยู่ใกล้ผู้หลงตัวเองที่ชอบยกยอตนเองมากเท่าใด คุณก็ยิ่งรู้สึกตัวเองต่ำต้อยด้อยค่าลงไปเท่านั้น อย่าให้ผู้หลงตัวเองเอาป้ายที่บอกว่าคุณไร้ค่าแขวนคอให้คุณเด็ดขาด เพราะพระเยซูไถ่คุณด้วยเลือดพระองค์เองที่ล้ำค่าที่สุดในโลก ดังนั้นคุณจึงมีค่าเสมอในสายตาพระเจ้า ไม่ว่าผู้หลงตัวเองจะพยายามกดคุณให้ต่ำลงเพียงไรก็ตาม

5. ผู้หลงตัวเองมักโมโหร้าย อารมณ์แปรปรวน ขึ้นๆ ลง และมักจะไม่พอใจอะไรบ่อย ๆ จนคาดเดาไม่ได้

คุณไม่สามารถเปลี่ยนแปลงผู้หลงตัวเองได้ แต่คุณสามารถเลือกได้ว่าจะอยู่อย่างปลอดภัย หรือจะแยกตัวออกไปอยู่ในที่ๆ ปลอดภัยกว่าได้ อย่าทิ้งโอกาสทองที่คุณจะเป็นอิสระจากคนแบบนี้ จงฉลาดในการสร้างชีวิตใหม่ที่จะอยู่ร่วมสังคมกับคนที่สุขภาพจิตดีๆ แน่นอน ไม่มีผู้หลงตัวเองคนไหนเต็มใจให้คุณเป็นอิสระหรอก คุณต้องปรึกษากับคนที่คุณไว้ใจได้ และเข้าใจคุณจริงๆ เพราะคนส่วนมากจะรู้ไม่เท่าทัน และหลงไปเข้าข้างผู้หลงตัวเอง ที่ฉลาดแกมโกง เขาจะสร้างละครตบตาหลอกล่อให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาเป็นคนดี คุณต่างหากที่สร้างปัญหา ซึ่งแต่ละฉากที่ผู้หลงตัวเองสร้างมาเพื่อหลอกตัวเองและผู้อื่นนั้นตรงกันข้ามกับความเป็นจริง ตรงกันข้ามกับสิ่งที่คนดีๆ เขาปฏิบัติต่อกันเสมอ ถ้าวันหนึ่งคุณเดินออกไปจากชีวิตของคนๆ นี้ได้แล้ว ให้บอกตัวเองว่าคุณทำถูกต้องแล้ว คุณทำในสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณแล้ว อย่าลังเล อย่าหันหลังกลับเด็ดขาด แม้เขาจะเสแสร้งทำดีกับคุณเพียงใดก็ตาม เพราะนั่นคือหน้ากาก สักวันความจริงก็จะปรากฏเสมอ บางครั้งใช้เวลานานมากกว่าคุณจะแยกแยะออกว่าอันไหนคือโฉมหน้าที่แท้จริง อันไหนคือหน้ากากของเขา

6. ผู้หลงตัวเองมักจะไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้างเสมอ

ผู้หลงตัวเองจะปราศจากความเห็นอกเห็นใจคนอื่น มันเหมือนกับต่อมความรักของเขาผิดปกติมาตั้งแต่เกิด ยากที่เขาจะมอบความรักแท้ให้คนอื่นได้ แต่เขาจะฉลาดและวางแผนแนบเนียนตบตาให้คนอื่นคิดว่าเขารัก และหวังดี ข่าวดีคือคุณยังมีเวลาที่จะปลีกตัวออกมาจากความสัมพันธ์ที่เลวร้ายเช่นนี้ เพราะมีฆาตกรเลือดเย็นจำนวนมากที่พัฒนาจากผู้ป่วยโรคหลงตัวเองที่ฆ่าผู้หญิงที่หมดหนทางสู้ เช่น Ted Bundy เหยื่อของเขามักจะเป็นคนดี ซื่อ ใจอ่อน ขี้สงสาร และใจดี ถ้าคุณซื่อเหมือนนกพิราบ แต่ไม่ฉลาดรู้เท่าทันเกมส์ของผู้ป่วยโรคหลงตัวเอง คุณก็จะเสียเงิน เสียเวลา และเสียอนาคตในที่สุด ความซื่อและแสนดีไม่สามารถเปลี่ยนคนแบบนี้ให้หันมาเห็นอกเห็นใจคุณได้เลย นับวันผู้หลงตัวเองจะยิ่งข่มเหงคุณยิ่งๆ ขึ้น หากคุณเลือกที่จะอยู่ต่อกับผู้หลงตัวเอง คุณก็ควรพยายามปรึกษาผู้ที่เชียวชาญด้านความรุนแรงในครอบครัว หรือหาวิธีป้องกันการถูกทำร้ายร่างกาย จิตใจ อารมณ์ จนรู้ช่องทางหนีที่ไล่เป็นอย่างดี เพราะผู้หลงตัวเองจะเอาเปรียบคุณในที่มืด แต่จะแกล้งทำดีกับคุณในที่แจ้ง

7. ผู้หลงตัวเองต้องการที่จะเอาชนะคุณและทุกสิ่งอย่างบนโลกนี้ โดยไม่สนใจผิดถูก ชั่วดี คิดว่าตัวเองยิ่งใหญ่ ทำอะไรได้ตามใจชอบ

อย่าเสียเวลาคุยเรื่องเหตุและผลกับผู้หลงตัวเองอย่างเด็ดขาด เพราะเขาต้องชนะคุณในทุกเกมส์ ทุกเรื่อง ทุกครั้งที่เถียงกับคุณ คติของเขาคือแพ้ไม่เป็น เขาจะมองทุกเรื่องที่คุณยกขึ้นมาพูดด้วยเหตุผลว่าเป็นการโจมตีเขา ฉีกหน้าเขา ทำลายอีโก้ของเขา และเขาจะทำลายคุณด้วยวาจาจาบจ้วง ล่วงเกิน จนกว่าคุณจะยอมแพ้ ล่าถอย และยอมรับว่าเป็นฝ่ายผิดเสียเอง สำหรับเขาแล้ว เขาคือเทพที่ไม่เคยทำสิ่งใดผิดพลาดเลย

8. ผู้หลงตัวเองมักจะคิดว่าตัวเองมีแต่คนอิจฉา หรือรู้สึกอิจฉาคนรอบข้างบ่อยครั้ง

ผู้หลงตัวเองจะมองไม่เห็นใครดีเท่าเขา อยู่ต่อหน้าเขา คุณจะต้องไม่เผลอพูดจาชื่นชมใคร เพราะเขาจะถือว่าคุณชมคนอื่นข้ามหน้าข้ามตาเขาได้อย่างไร เขาต้องดีที่สุดในสายตาคุณ และเขาต้องดีกว่าคุณในทุกๆ เรื่อง เขาจะทนไม่ได้ถ้าใครมาชื่นชมคุณ เพราะเขาคือจุดศูนย์กลางของโลกเท่านั้น ไม่ใช่คุณ ไม่ใช่ใคร

9. ผู้หลงตัวเองต้องการอำนาจ ต้องการคำชมเชย และอยากเป็นที่รักของคนอื่นอยู่เสมอ

ผู้หลงตัวเองรักคนอื่นไม่เป็น ขาดความรัก คนไม่ค่อยมีความสุขเมื่ออยู่กับเขา แต่เขาเองกลับต้องการความรักอย่างรุนแรง เขารู้สึกสบายใจเมื่ออยู่กับพี่น้อง เพื่อนฝูงที่ยอมรับอาการเขาอย่างที่คุ้นเคยกันมาแต่เด็กๆ หรือคนที่ชอบกลั่นแกล้ง รุนแรงกับคนอื่นๆ เหมือนเขา สำหรับคนกลุ่มใหม่ๆ เขาจะกลัว ไม่กล้าสร้างไมตรี หลบตา จะคบคนแค่ผิวเผินเท่านั้น เพราะผู้หลงตัวเองกลัวคนอื่นรู้บาดแผลและความผิดปกติของเขา

ในความสัมพันธ์กับคนที่เป็นเหยื่อของผู้หลงตัวเอง เขาจะรีบควบคุม รวบหัว รวบหาง ฉกฉวยโอกาสคนที่ดีๆ ซื่อๆ รู้ไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมที่ล้ำลึกเหมือนงูของเขา กว่าคนดีๆ เหล่านี้จะรู้ตัวก็ต่อเมื่อเขาค่อยๆ เพิ่มองศาของไฟในหม้อต้มจนเหยื่อสุกเปื่อย ปล่อยเลยตามเลย หมดกำลังจะหลบหนีนักล่าเหยื่อเลือดเย็นเช่นนี้เสียแล้ว พระเจ้าจึงสอนย้ำเสมอให้เราฉลาด อย่าเชื่อฟังคำพูดใครง่ายๆ เพราะเมื่อเวลาผ่านไป เขาก็จะเผยธาตุแท้ออกมาในที่สุด

10. ผู้หลงตัวเองมักจะเอาแต่ใจตัวเอง เอารัดเอาเปรียบคนอื่นหรือไม่ รู้สึกเหมือนตัวเองเหนือกว่าคนอื่น และผลักคนที่หมดประโยชน์ให้พ้นทางอย่างเลือดเย็นที่สุด

ความต้องการของผู้หลงตัวเองต้องมาเป็นที่หนึ่งเสมอ ถ้าเขาอยากไปไหน ทำอะไร อยากได้อะไร ความต้องการของเขาก็ต้องมาก่อนของคุณเสมอ ไม่ว่ายามนั้นคุณจะเป็น จะตาย คุกเข่า ขอร้องทั้งน้ำตาก็ไม่มีวันที่เขาจะเห็นอก เห็นใจ เมตตา หรือมีใจอยากให้คุณพ้นทุกข์ หรืออยากเห็นคุณมีความสุข เพราะสำหรับผู้หลงตัวเองแล้วคุณไม่มีตัวตน และโลกต้องวิ่งรอบความต้องการของเขาก่อนเสมอ ผู้หลงตัวเองจะเลือกเหยื่อที่เขาสามารถควบคุมได้เท่านั้น

11. ผู้หลงตัวเองมักจะแสดงพฤติกรรมก้าวร้าว รุนแรง อวดกร่างไปทั่ว หยิ่งยโส

พฤติกรรมของผู้หลงตัวเองอีกแง่หนึ่งคือเป็นพวกต่อต้านสังคม สร้างปัญหาให้กับกฎหมายบ้านเมือง ถูกตามใจจนเสียคน ขาดความยับยั้งช่างใจ ใครอยู่ใกล้ก็มีแต่เดือดร้อนอยู่เนืองๆ เพราะตัวเขาคือพระเจ้าที่อยู่เหนือกฎหมาย สามารถทำผิดได้โดยจิตสำนึกไม่ฟ้อง ไม่สนใจคำตักเตือนใครทั้งนั้น แต่ผู้หลงตัวเองกลับเกลียดคนที่คอยเตือนสติเขา และมักจะเป็นคนใจร้าย ใจจืด ใจดำ ไร้ความปราณีเป็นที่สุด

12. ผู้หลงตัวเองมักจะคบกับใครไม่ได้นาน มักอยู่ร่วมกับคนอื่นยาก เพราะเขาชอบที่จะเป็นผู้รับ โดยที่ไม่คิดจะเป็นผู้ให้ เมื่อให้ใคร เขาก็คิดคำนวณผลประโยชน์ไว้ในใจแล้ว

การคบกับใครได้นานๆ คนเราก็ต้องเรียนรู้ในการเป็นผู้ให้และผู้รับอย่างสมดุล แต่ผู้หลงตัวเองจะเรียกร้องอยากได้รับจากผู้อื่นเสมอ แต่การที่เขาจะหยิบยื่นให้ผู้อื่นนั้นแสนยากเย็น ดังนั้นการอยู่ร่วมกับผู้หลงตัวเอง คุณต้องรู้จักที่จะวางขอบเขตุให้ชัดเจน ไม่ปล่อยให้เขามาฉกฉวยเอาทุกอย่างไปจากชีวิตคุณจนหมด ต้องรู้จักรัก เห็นคุณค่าตัวเอง ไม่ปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายทำร้ายคุณ คุณควรเรียนรู้วิธีที่จะป้องกันตัวเองให้ปลอดภัยจากผู้หลงตัวเอง ถ้าคุณไม่ลุกขึ้นมาขีดเส้นขอบเขตุ (Set up boundaries) เสียแต่วันนี้ ก็หมดหวังที่จะรอผู้หลงตัวเองมาทำเพื่อคุณ เพราะเป้าหมายของผู้หลงตัวเองคือการล่าเหยื่อที่ใจดีเป็นแม่พระ อ่อนแอ และไม่รู้จักป้องกันตนเอง ในที่สุดก็จะถูกผู้หลงตัวเองสูบเลือดสูบเนื้อไปจนหมดเรี่ยวแรง หมดพลัง ค่อยๆ แห้งตายทั้งเป็น ถ้าคุณไม่เข้มแข็งเพื่อตัวเอง ก็ยากที่ใครจะทำเพื่อคุณ เพราะยากที่คนภายนอก คนใกล้ชิด หรือแม้แต่คนในครอบครัวจะเข้าใจธาตุแท้ของผู้หลงตัวเอง เพราะต่อหน้าคนอื่น เขาจะดูปกติดีทุกอย่าง มีแต่คุณเท่านั้นที่รู้ว่าการอยู่กับผู้หลงตัวเองนั้นมันต้องทนทุกข์ทรมาณสักเพียงใด แม้คุณจะหลุดพ้นออกมาได้ ผ่านการบำบัดเยียวยาแล้ว แต่ก็กว่าจะหายดีก็ใช้เวลามาก ยิ่งคุณทนทุกข์มากหลายปีเท่าไหร่ เวลาที่จะรักษาให้หายเป็นปกติก็ยิ่งใช้เวลานานมากขึ้นเท่านั้น ดังนั้น ยิ่งคุณสามารถหลุดพ้นจากการใช้ชีวิตร่วมกับผู้หลงตัวเองได้เร็วเท่าไหร่ยิ่งดี

ผู้หลงตัวเองคบกับผู้อื่นนั้นอย่างไม่เสมอภาค เพราะเขาจะให้คนอื่นมีชีวิตอยู่เพื่อเขา คอยบริการเขา เสียสละให้เขาถึงเป้าหมายในสิ่งที่เขาต้องการ เมื่อเขารับแล้ว ก็เขี่ยคนอื่นทิ้งเสีย แน่นอนเราย่อมไม่อยากอยู่ใกล้คนที่คอยเอาเปรียบ หลอกใช้เรา คนที่มีนิสัยเช่นนี้ ในที่สุดก็ฝังรากลึกกลายเป็นคนหลงตัวเอง หรือ narcissistic personality disorder (NPD) ซึ่งเป็นความผิดปกติอย่างหนึ่งที่รักษายากและไม่ค่อยมีวิธีรักษาที่ได้ผลดีเท่าไหร่
นอกจากนี้ คนใกล้ชิดก็จะคอยปลีกตัวออกห่าง ยกเว้นพ่อแม่พี่น้องที่ที่ทนอยู่ด้วยความจำเป็น เพราะเขาจะความคาดหวังต่อคนอื่นสูง ยึดตัวเองเป็นหลัก และมองโลกในแง่ร้าย (ที่มา พ.ญ. อุมาพร ตรังคสมบัติ) เขาจะคอยชักใยเอาเหยื่อไว้ใช้งานอย่างชาญฉลาด ถ้าเหยื่อรู้ตัว เขาก็จะทำดีเพื่อให้เหยื่อตายใจ แล้วกลับไปสู่คราบซาตานอีก วนเวียนอยู่อย่างนั้น จนกว่าเหยื่อจะหมดความหมาย

13. ผู้หลงตัวเองมักอ่อนไหวง่าย และมักจะเสียใจเกินเหตุ เขาจะทนไม่ได้กับการถูกวิพากษ์วิจารณ์

ผู้หลงตัวเองมักจะมีปฏิกิริยาอย่างรุนแรงกับการถูกวิพากษ์วิจารณ์ เพราะภาพลวงตาที่เขาสร้างขึ้นมาคือตัวเขาเป็นเทพที่สมบูรณ์แบบอย่างไร้ที่ติ การทำให้เขาต้องอับอายแม้ด้วยคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ก็ถือเป็นความผิดร้ายแรงที่ไม่อาจให้อภัยได้ การอยู่กับผู้หลงตัวเองก็เหมือนเดินบนเปลือกไข่ เพราะไม่ว่าคุณจะพูดอะไรก็ต้องระวังตัวแจตลอดเวลา ซึ่งในความเป็นจริงแล้วคุณแทบจะทำไม่ได้เลย การเผชิญหน้ากับคนเช่นนี้ต้องอาศัยบุคคลที่สามที่เขานับถือช่วยพูดคุยไกล่เกลี่ยให้ เพราะต่อหน้าคนอื่นเขาจะวางฟอร์มดี พูดจารู้เรื่อง แต่จะตรงกันข้ามเมื่ออยู่กับคุณสองต่อสอง เขาอาจทำร้ายคุณมากขึ้นก็เป็นไปได้ที่บังอาจเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของเขา เป็นไปได้ที่คนส่วนมากจะไม่เชื่อเรื่องที่คุณเล่า แต่คุณต้องยืนหยัดต่อไป จนกว่าจะเจอคนที่เขาพร้อมจะเป็นที่ปรึกษาให้คุณ ช่วยเหลือคุณ เพราะคุณไม่สามารถหลุดพ้นจากอุ้งมือมารได้ด้วยตัวคุณคนเดียว

14. ผู้หลงตัวเองจะไม่ยอมรับความผิดของตัวเอง แต่จะโทษว่าเป็นความผิดของคุณหรือคนอื่นเสมอ

การอยู่ร่วมสังคมกับผู้หลงตัวเอง เหมือนกับคุณถูกบังคับให้เป็นฝ่ายยอมรับผิดแต่เพียงผู้เดียว ทุกครั้งที่เกิดความผิดพลาดใดๆ ในชีวิตของเขา มันก็จะเป็นศรย้อนกลับมาที่คุณเสมอ แต่ถ้าสิ่งใดที่รู้ทั้งรู้ว่าเป็นความผิดของเขา เขาก็จะลืมไปอย่างรวดเร็ว เขาจะจำอะไรไม่ได้ขึ้นมาทันที แต่เขาเลือกที่จะจำความผิดพลาดของคุณเป็นอย่างแม่นยำ และนำมาตอกย้ำทุกครั้งที่มีโอกาส ผู้หลงตัวเองจะให้อภัยคนอื่นไม่เป็น แต่จะมองตัวเองดีไร้ที่ติ การอยู่ร่วมกับคนเช่นนี้ คุณควรฉลาดเลือกที่จะเงียบ หรือเลือกที่จะพูดอะไรที่อ่อนโยน สุภาพ เหมาะสม และรู้ว่าคำๆ ไหนที่จี้จุดอ่อนของเขาก็หลีกเลี่ยงเสีย คุณไม่ควรโทษตัวเองในคำตำหนิอย่างไม่เป็นธรรมของเขา เพราะผู้ป่วยโรคหลงตัวเองถ้าไม่ได้ทะเลาะกับใคร เขาก็จะนอนไม่หลับ ปัญหาเป็นของเขาที่ต้องแก้เอง ไม่ใช่ปัญหาของคุณที่ต้องตามแก้ให้เขา หน้าที่ของคุณคือสงบเพื่อสยบปัญหา พูดง่ายแต่ทำยากนะคะ ขอพระเจ้าให้พลังคุณมีชัยชนะในสนามรบที่เข้มข้นนี้

ดังนั้นการอยู่ร่วมกับผู้ป่วยโรคหลงตัวเองอย่างสันติจึงแทบเป็นไปไม่ได้เลย ยิ่งอดทนนานวัน คุณจะยิ่งสลดหดหู่ ย่ำแย่อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เพื่อสุขภาพจิตที่ดี คุณควรหลีกเลี่ยงการพบปะกับผู้ป่วยโรคหลงตัวเองให้เหลือน้อยที่สุด พยายามแยกตัวออกมา พยายามวางขอบเขตุให้ชัดเจนว่าสิ่งไหนที่คุณรับได้หรือไม่ได้ และผลลัพธ์ที่หนักแน่นเมื่อเขาล่วงละเมิดขอบเขตที่คุณวางไว้ คุณควรหาเวลาอยู่ใกล้ชิดกับเพื่อนดีๆ คนอารมณ์ดีๆ ที่จะช่วยดึงคุณออกจากหุบเหวแห่งความซึมเศร้าจากคนที่สูบพลังจากคนจนหมดถัง หาเวลาอ่านหนังสือดีๆ ที่ช่วยให้คุณรับมือกับคนประเภทนี้ได้ อ่าน Bible หรือหนังสือดีๆ ที่เติมพลังชีวิต สื่อดีๆ ที่ให้กำลังใจคุณที่จะเริ่มต้นชีวิตใหม่ ตะวันส่องแสงในเช้าวันใหม่เสมอทุกๆ วัน เพราะฉะนั้นวันใหม่ที่ดีๆ ก็ยังมีเตรียมไว้เพื่อคุณเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวันเช่นกัน

อย่าลืมว่าผู้หลงตัวเองเป็นผู้ที่ไร้ความเมตตา เขาพร้อมจะทำลายคุณได้เสมอ แม้ว่ามองผิวเผินแล้วคุณอาจคิดว่าเขารักคุณ และคุณก็อาจหลงรักเขา แต่จริงๆ แล้วเขาค่อนข้างจะอันตรายทีเดียว คนที่เขารักคุณเขาย่อมอยากทนุถนอมคุณ ไม่ทำร้ายคุณแบบคนประเภทนี้ หากคุณตัดสินใจที่จะออกไปจากชีวิตของผู้หลงตัวเอง ไม่ว่าคุณกำลังคิดจะเปลี่ยนงาน ย้ายบ้านเพื่อให้ปลอดภัยจากบุคคลประเภทนี้ คุณก็ควรทำอย่างฉลาด และปรึกษาผู้รู้ ผู้ชำนาญเรื่องการถูกทำร้าย เพื่อหาช่องทางที่จะเดินออกมาอย่างปลอดภัยกับทั้งชีวิตและทรัพย์สินของคุณเอง

ในที่สุด คุณจำเป็นที่จะให้อภัยผู้หลงตัวเอง แม้ว่าเขาจะเคยร้ายกับคุณสักเท่าใด หรือแม้เขาจะไม่เคยขอโทษก็ตาม ทั้งนี้เพื่อคุณจะไม่ติดในโซ่ตรวนแห่งความขมขื่น แม้โอกาสที่ผู้หลงตัวเองจะรู้ปัญหาของตัวเองและยอมปรับปรุงแก้ไขจะมีน้อยมากๆ แต่ก็ฝากเขาไว้กับพระเจ้าที่จะช่วยให้เขากลับตัว กลับใจ มาเป็นคนดีของสังคมได้ ก็มีผู้ป่วยโรคหลงตัวเองบางรายเหมือนกันที่กล้ายอมรับว่าตนเองเป็นผู้ป่วย และหันมาเป็นผู้ให้ความรู้กับคนอื่นที่ตกเป็นเหยื่อของผู้ป่วยโรคหลงตัวเอง มีแต่พระเจ้าและนักบำบัดมืออาชีพที่ชำนาญด้านการรักษาผู้ป่วยโรคหลงตัวเองเท่านั้นที่สามารถช่วยเขาได้ เพราะคนกลุ่มนี้จะฉลาดพูดให้แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญหลงประเด็นไปได้

สำหรับคุณคงทำได้ก็เพียงแต่เอาใจช่วยเขาอยู่ห่างๆ เท่านั้น เห็นใจเขา และเข้าใจในการอาการผิดปกติของเขา ไม่ซ้ำเติมอาการที่ผิดปกติที่แม้แต่ตัวเขาก็คงไม่ได้อยากเป็น แต่ในเวลาเดียวกันก็ต้องระวังที่จะไม่ให้พิษร้ายจากโรคนี้เป็นเหมือนน้ำกรดที่จะกระเด็นมาโดนตัวคุณจนเกิดบาดแผลซ้ำแล้ว ซ้ำอีกโดยไม่จำเป็น คุณควรคิดหาทางออก และคำพูดโต้ตอบอย่างระมัดระวังไว้ล่วงหน้าด้วย

ขอให้ชัยชนะ และชีวิตใหม่ที่สดใสเป็นของทุกคนที่อ่านนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้ค่ะ

เรียบเรียงโดย คุณนวลักษณ์ 23 June 2017
1 คธ 3:18-23 "18อย่าให้ผู้ใดหลอกลวงตัวเอง ถ้าผู้ใดในพวกท่านคิดว่า ตัวเป็นคนมีปัญญาตามหลักของยุคนี้ จงให้ผู้นั้นยอมเป็นคนโง่ จึงจะเป็นคนมีปัญญาได้ 19เพราะว่าปัญญาของโลกนี้ เป็นความโง่เขลาในสายพระเนตรของพระเจ้า ด้วยมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า พระองค์ทรงจับคนที่มีปัญญาด้วยอุบายของเขาเอง 20และมีเขียนไว้ในพระคัมภีร์อีกว่า พระเจ้าทรงทราบว่า ความคิดของคนมีปัญญาเป็นสิ่งไร้ประโยชน์ 21เหตุฉะนั้น อย่าให้ผู้ใดยกมนุษย์ขึ้นอวด ด้วยว่าสิ่งสารพัดเป็นของท่านทั้งหลาย"

ขอบคุณที่มา : “โรคหลงตัวเอง” จากนิสัยสู่อาการทางจิต โรคที่ต้องได้รับการรักษา
Narc. in the Bible are lovers of self, lovers of money, proud, arrogant, abusive, disobedient to their parents, ungrateful, unholy, heartless, unappeasable, slanderous, without self-control, brutal, not loving good, treacherous, reckless, swollen with conceit, lovers of pleasure rather than lovers of God, having the appearance of godliness, but denying its power. ####Avoid such people!

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...