วันที่สามร้อยห้าสิบห้า- เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา
1มีเวลาสำหรับทุกสิ่ง
มีกำหนดเวลาสำหรับกิจกรรมทุกอย่าง ภายใต้ฟ้าสวรรค์นี้
7เวลาฉีกขาด เวลาซ่อมแซม
เวลานิ่งเงียบ เวลาพูดจา
ปัญญาจารณ์ 3:1,7
คุณเคยต้องเก็บกดอารมณ์ของตัวเองเอาไว้บ้างไหม?
ไม่ว่าจะเป็นตอนอารมณ์ดี/ มีความสุขมาก หรือเสียใจมาก หรือตื่นเต้นมาก
คุณอยากจะรีบเล่าเรื่องราวของคุณให้ใครสักคนฟัง
แต่ในสถานการณ์หรือว่าสถานที่ที่คุณอยู่นั้นมันไม่เอื้ออำนวย เช่นในห้องเรียน/
ในห้องประชุม/ ในโบสถ์ หรืออื่น ๆ ก็ว่ากันไป คุณจะทำยังไง?
ในพระคัมภีร์กล่าวไว้มากมายเกี่ยวกับเรื่องของการเป็นคนใจดี
มีเมตตา มีน้ำใจ และการรู้จักให้เกียรติคนอื่น นั่นหมายความว่า
บางครั้งคุณเองก็ต้องมีมารยาท และรู้จักรอคอยเวลาที่เหมาะสม หรือที่เราเรียกกันว่ากาลเทศะ
ต่อให้คุณอยากจะถาม หรืออยากจะบอกเล่าเรื่องราวที่คุณรู้มา หรือเรื่องราวของตัวคุณเอง
คุณจะต้องรอเวลาที่เหมาะสม เพราะบางครั้งหากคุณใจร้อนไม่รู้จักกาลเทศะ แล้วพูดโพล่งออกไป
มันอาจมีผลเสียต่อตัวคุณเอง แต่หากคุณรู้จักอดทนรอสักนิด พอทุกคนพร้อมและตั้งใจฟังในสิ่งที่คุณพูดจนจบ
แล้วคุณจะรู้สึกดีใจมากที่คนอื่น ๆ สนใจในเรื่องที่คุณกำลังพูดและให้เกียรติ โดยการเป็นผู้ฟังที่ดีจนจบ
ดังนั้นในเมื่อตัวเราเองยังต้องการให้คนอื่นเป็นผู้ฟังที่ดีและสนใจกับสิ่งที่เราจะพูด
และต้องการเห็นเขาให้เกียรติเราในการเป็นผู้พูด ทุกอย่างต้องเริ่มต้นจากตัวเราก่อน
ฝึกเรียนรู้เรื่องมารยาทในการพูดขั้นพื้นฐาน และปฏิบัติต่อคนอื่นในแบบที่เราอยากได้จากคนอื่น
แบบนี้ดีที่สุด
ข้อคิดประจำวัน
บางครั้งสิ่งที่ดีที่สุดที่คุณสามารถทำให้กับเพื่อนของคุณ
หรือคนรอบข้างได้ ก็คือการเป็นผู้ฟังที่ดี แค่นั้นก็พอแล้วจริง ๆ ฟังแบบเงียบ ๆ ไม่ต้องพูดเยอะ เพราะบางคนเขาต้องการแค่ใครสักคนที่รับฟังสิ่งที่เขาอัดอั้นอยู่ในใจก็พอแล้ว
เขาไม่ได้ต้องการการแนะนำ หรืออื่นใด
ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาของลูกทั้งหลาย
ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกสามารถรู้ว่าเวลาไหนที่ลูกควรจะพูด
และเวลาไหนที่ลูกควรจะเงียบ เพราะหากปราศจากการนำของพระองค์แล้ว ลูกอาจทำเรื่องผิดพลาดมากมาย
ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์
อาเมน
ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก
พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา
แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้
ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์.
อย่าเก็บพระพรและสิ่งดี
ๆที่พระเจ้าทรงมอบให้เราไว้เพียงคนเดียว แต่จงทำให้พระพรนี้เจริญเติบโต
และเกิดประโยชน์กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน เราทุกคนอาจได้รับพระพรที่แตกต่างกันไป
แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันนั่นคือ การวางใจ ที่พระเจ้าทรงมอบให้เราทุกคน
ถ้าเรารักพระเจ้า
การรับใช้จะไม่เป็นภาระและไม่ใช่การจำใจทำ แต่จะเป็นโอกาสและเป็นความยินดีที่ได้รับใช้
และสายตาของเราจะมองหาหนทางที่จะรับใช้ให้ดีมากยิ่งๆ ขึ้นไปเสมอ
ถ้าเรารักพระองค์
และไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด
อย่าย่อท้อต่อการทำหน้าที่ประกาศข่าวดี จงแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า
ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป
อย่าลืมศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ
เพราะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ
สิ่งที่เกินกำลังมนุษย์
ไม่ได้เกินกำลังพระเจ้า
เมื่อไม่มีเรี่ยวแรงจะลุกเดิน
จงพึ่งในพละกำลังของพระเจ้า
เมื่อไม่เข้าใจว่าอะไรเกิดขึ้นกับชีวิต
จงวางใจในพระสัญญา
ไม่มีครูใดดีกว่า "พระจิตเจ้า"
ไม่มีถ้อยคำใดที่ดีกว่า "พระวาจา"
พระองค์ไม่เคยสาย
พระองค์ไม่เคยช่วยเราช้าเกินไป แต่พระองค์ทรงทันเวลาเสมอ
♥ “ข้าแต่พระเยซูเจ้า
โปรดเปิดตาลูกให้เห็นงานของพระองค์ที่ได้ทำเพื่อลูก พระองค์ไม่เคยทอดทิ้งลูกไปแม้ขณะเดียว
โปรดช่วยลูกให้วางใจในพระองค์
ลูกจะขอรักพระองค์ตลอดไป ลูกขอถวายทุก ๆ กิจการการงานไว้กับพระองค์ด้วยเทอญ
อาเมน
KC
LOVE GOD
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น