วันอังคารที่ 31 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ - ยกเว้นพระเจ้า

 


ไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ - ยกเว้นพระเจ้า 

23เพราะว่าทุกคนทำบาป และเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า 24แต่พระเจ้าทรงมีพระคุณให้เขาเป็นผู้ชอบธรรมโดยไม่คิดมูลค่า โดยที่พระเยซูคริสต์ทรงไถ่เขาให้พ้นบาปแล้ว

โรม 3:23-24

คุณเคยเจอคนที่ดูเหมือนจะสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านไหม?ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง เกรดเฉลี่ยที่สมบูรณ์แบบ เสื้อผ้าหน้าผมที่สมบูรณ์แบบ หน้าที่การงาน-ครอบครัวที่สมบูรณ์แบบ ฟังแล้วมันดูไม่ค่อยยุติธรรม ใช่ไหม? ทำไมเขาและเธอถึงมีชีวิตที่สมบูรณ์แบบแล้วทำไมคุณและชีวิตของคุณถึงไม่ได้เป็นแบบเขาบ้าง?

อย่ามัวคิดเองไปเลย เพราะความจริงก็คือไม่มีใครและไม่มีอะไรสมบูรณ์แบบ - ยกเว้นพระเจ้า บางคนและชีวิตของพวกเขาอาจดูเหมือนเป็นเช่นนั้น แต่จริงๆ แล้วมันไม่ใช่อย่่างที่ตาเราเห็นเลย และด้วยความที่เราทุกคนเป็นมนุษย์ที่ไม่สมบูรณ์แบบเราจึงต้องการพระเจ้ามาก! ดังนั้นอย่าปล่อยให้ข้อบกพร่องและความวุ่นวายในชีวิตของคุณมาทำให้คุณลืมตระหนักว่าคุณคือสิ่งสร้างของพระเจ้า พระเจ้าสร้างแต่ละคนมาให้แตกต่างกัน พระเจ้ารักคุณ พระองค์มีพระประสงค์สำหรับคุณ พระองค์ไม่ได้คาดหวังว่าคุณต้องสมบูรณ์แบบ  (ฟังแล้วรู้สุกโล่งใจใช่มั้ย)

นั่นหมายความว่าคุณไม่ควรมุ่งสู่ความเป็นเลิศต่อไปใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่ใช่! แต่พระเจ้าต้องการให้คุณทำส่วนของคุณให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ และจำไว้ว่าแม้ว่าคุณจะเคยทำผิดพลาด (เพราะเราทุกคนล้วนเคยทำสิ่งผิดพลาด) คุณสามารถวิ่งกลับไปหาพระองค์และขอการอภัยและขอคำแนะนำได้เสมอ พระองค์จะทรงอภัยบาปทั้งหมดของคุณ แล้วอย่าลืมกระซิบบอกกับตัวเองว่า "ฉันรักเธอนะ พระเจ้ารักฉัน ฉันมีค่าสำหรับพระองค์! นับจากวันนี้จงเรียนรู้ที่จะรักตัวเอง และพัฒนาตนเองอยู่เสมอ เมื่อรู้ว่าทำพลาดไป ขอเพียงคุณกลับใจแล้วให้พระเยซูนำทาง รักษาพระคำของพระองค์ แล้วตั้งใจทำให้พระประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตของเราสำเร็จก็พอแล้ว"

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกขอขอบพระคุณที่ไม่คาดหวังให้ลูกต้องสมบูรณ์แบบ! มันช่วยทำให้รู้ว่าพระองค์จะรักลูกเสมอ โดยไม่มีเงื่อนไข! วันนี้และตลอดไปลูกจะดำเนินชีวิตเพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

วันจันทร์ที่ 30 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อุทิศสามนาทีกับพระเจ้า

 


อุทิศสามนาทีกับพระเจ้า

ชีวิตคนเราทำไมถึงมีอะไรให้ยุ่งวุ่นวายได้มากมายขนาดนี้! แน่นอนคุณต้องมีกิจวัตรประจำวันมากมายในชีวิตไม่ว่าจะเป็น- ที่โรงเรียน- กับเพื่อนๆ-ที่ทำงาน และกับครอบครัว หลายคนคงไม่มีเวลามานั่งอ่านพระคัมภีร์ หรือรำพึงอธิษฐานกันหรอกใช่ไหม? แต่คุณเชื่อไหมว่าการใช้เวลาในการอ่านเพียงแค่สามนาทีเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้จะทำให้คุณได้รับแรงบันดาลใจมากมายที่จำเป็นต่อคุณในการออกไปต่อสู้กับอะไรก็ตามในวันนี้ หรือการทำกิจวัตรประจำวันของคุณในแต่ละวันได้เป็นอย่างดี

คุณจะได้เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับตัวคุณและพระเจ้าในเวลาอันสั้นนี้! การใช้เวลากับพระเจ้าวันละนิดคือสิ่งสำคัญที่จะช่วยทำให้คุณได้ข้อคิดทางวิญญาณได้อย่างสมบูรณ์แบบ  การรำพึง-การอธิษฐานเป็นลักษณะของการอุทิศตนที่เต็มไปด้วยพลังแห่งการจดจ่อไปที่พระเจ้า: โดยการใช้สามนาทีนี้อย่างตั้งใจที่สุด

นาทีที่ 1 : อ่านพระวจนะของพระเจ้า

นาทีที่ 2 ไตร่ตรองและนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตจริง เสริมสร้างกำลังใจให้ตัวเอง

นาทีที่ 3 : อธิษฐาน

แน่นอน การอุทิศตนแค่เพียงสามนาทีนี้ยังไม่เพียงพอสำหรับการใช้เวลากับพระเจ้า และเราไม่ควรทำแทนที่การอ่านพระคัมภีร์ด้วย แต่สามนาทีนี้เป็นเพียงจุดเริ่มต้นที่สนุกที่จะช่วยให้คุณเริ่มต้นในการใช้เวลากับพระเจ้าได้ทุกวัน

นี่เป็นแนวคิดที่เจ๋ง วิเศษจริงๆ ทำไมคุณไม่ลองแบ่งปันสิ่งที่คุณจะได้เรียนรู้จากการอุทิศตนสามนาทีกับพระเจ้าให้คนอื่นบ้างละ?  อย่าลืมแบ่งปันข้อคิดทางวิญญาณนี้กับเพื่อนที่โรงเรียน-ที่ทำงาน สมาชิกในครอบครัว หรือแม้แต่คนที่คุณไม่ค่อยคุยด้วย เพราะทุกคนต้องการแรงบันดาลใจและกำลังใจ คุณว่าจริงไหม?  จะรออะไรละ? มาเริ่มกันเลยดีกว่า ศึกษาให้ลึกลงไปแล้วคุณจะค้นพบว่าสามนาทีต่อวันนับจากนี้จะเปลี่ยนทั้งชีวิตของคุณได้อย่างไรบ้าง! 

สดุดี 119:105กล่าวว่า

พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์

และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์

คำอธิษฐาน

พระบิดาที่รัก ข้าพระองค์ขอถวายชีวิตของข้าพระองค์ให้แก่พระองค์ ขอบพระคุณสำหรับความรักของพระองค์ที่มีต่อข้าพระองค์และสำหรับพระสิริของพระองค์ในชีวิตของข้าพระองค์! วันนี้และตลอดไปข้าพระองค์ดำเนินชีวิตเพื่อถวายพระสิริแด่พระองค์ รับใช้พระองค์ด้วยความทุ่มเทสุดหัวใจ รักษาพระคำของพระองค์ ทำให้วัตถุประสงค์ของพระองค์สำหรับชีวิตของข้าพระองค์สำเร็จ และผลิตผลงานแห่งความชอบธรรม ในพระนามของพระเยซู อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

 

วันอาทิตย์ที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเยซูทรงเชื่อในการเริ่มต้นใหม่

 


พระเยซูทรงเชื่อในการเริ่มต้นใหม่

เมื่อรับประทานอาหารเสร็จแล้ว พระเยซูตรัสกับซีโมนเปโตรว่า “ซีโมนบุตรยอห์นเอ๋ย ท่านรักเรามากกว่าพวกนี้หรือ?” เขาทูลพระองค์ว่า “ใช่ องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงทราบว่าข้าพระองค์รักพระองค์” พระองค์ตรัสสั่งเขาว่า “จงเลี้ยงดูลูกแกะของเราเถิด”

ยอห์น 21:15

หลังจากที่พระเยซูสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนและฟื้นคืนพระชนม์อีกครั้ง พระองค์ทรงเสด็จออกไปหาบรรดาผู้ที่ทิ้งพระองค์ไปในยามยากที่สุดของพระองค์ พระองค์ได้เตรียมอาหารเช้าที่ชายหาดให้กับสาวกทั้งสิบเอ็ดคน จากนั้นพระองค์ก็ได้สนทนาเป็นพิเศษกับเปโตรผู้ซึ่งเคยปฏิเสธพระองค์ถึงสามครั้ง พระเยซูทรงให้อภัยเปโตร และเปโตรก็ได้กลายเป็นหนึ่งในผู้นำหลักของคริสตจักรยุคแรกหลังจากที่พระเยซูเสด็จกลับสู่สวรรค์ พระเยซูทรงให้อภัยเปโตรเพราะพระเยซูเทรงชื่อในการเริ่มต้นใหม่ เมื่อคุณติดตามพระเยซู คุณจะได้รับการเริ่มต้นใหม่เสมอหากคุณต้องการ 

คุณคงเคยได้ยินคำพูดที่ว่า “เดี๋ยววันพรุ่งนี้ก็เป็นวันใหม่แล้วคนเราเริ่มต้นกันใหม่ได้” จริงอยู่ที่เราทุกคนต่างก็ต้องเคยทำผิดพลาด และเริ่มต้นใหม่กันได้ แต่ถ้าเป็นเรื่องความบาป การให้อภัยของพระเจ้าเท่านั้นที่จะทำให้เราเริ่มวันใหม่อย่างขาวสะอาด นั่นก็คือเมื่อเรากลับใจ พระองค์ทรงเลือกที่จะไม่จดจำความผิดของเราอีก (เยเรมีย์ 31:34; ฮีบรู 8:12)

เราบางคนอาจเคยตัดสินใจผิดพลาดในชีวิต แต่คำพูดหรือการกระทำในอดีตไม่ใช่สิ่งกำหนดอนาคตของเราในสายพระเนตรพระเจ้า การเริ่มต้นใหม่มีอยู่เสมอ เมื่อเราทูลขอการอภัยจากพระองค์ เราก็เริ่มก้าวแรกสู่การฟื้นความสัมพันธ์กับพระเจ้าและกับผู้อื่นแล้ว “ถ้าเราสารภาพบาปของเรา พระองค์ทรงสัตย์ซื่อและเที่ยงธรรม ก็จะทรงโปรดยกบาปของเรา และจะทรงชำระเราให้พ้นจากการอธรรมทั้งสิ้น” (1 ยอห์น 1:9)

พระเมตตาและความเที่ยงตรงของพระเจ้าเป็นของใหม่ทุกเช้า (บทเพลงคร่ำครวญ 3:23) เราทุกคนจึงเริ่มต้นใหม่ได้ทุกวัน และในทุกวันใหม่มีเหตุผลใหม่ๆ ให้เราสรรเสริญพระเจ้าเสมอ

เมื่อปีเก่ากำลังจะสิ้นสุดลงและปีใหม่กำลังจะเกิดขึ้นมา คุณสามารถตั้งตารอการเริ่มต้นใหม่เมื่อปีใหม่นั้นมาถึง แต่ถ้าปีนี้ยังไม่ดีที่สุดเท่าที่คาดหวังไว้ ก็จงทูลขอให้พระเจ้าช่วยคุณในการเริ่มต้นใหม่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณพระองค์สำหรับวันใหม่ ขอทรงอภัยในสิ่งที่ข้าพระองค์ทำในอดีตซึ่งไม่สมควรทำ และสิ่งที่ข้าพระองค์ควรทำแต่ไม่ได้ทำ ขอนำย่างเท้าข้าพระองค์ในทางของพระองค์วันนี้ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

thaiodb


วันเสาร์ที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2564

คุณจะไม่โดดเดี่ยว พระเยซูจะอยู่ที่นั่นเพื่อคุณเสมอ

 


คุณจะไม่โดดเดี่ยว พระเยซูจะอยู่ที่นั่นเพื่อคุณเสมอ

เวลานั้นพระเยซูตรัสกับเขาทั้งหลายว่า “ในคืนวันนี้พวกท่านทุกคนจะทิ้งเรา เพราะมีคำเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

‘เราจะประหารผู้เลี้ยงแกะ

และแกะฝูงนั้นจะกระจัดกระจายไป’

มัทธิว 26:31

แม้ว่าพระเยซูจะมีผู้ติดตามจำนวนมากก็จริง แต่ในคืนที่พระองค์ถูกจับไม่มีใครคอยอยู่กับพระองค์เลยแม้สักคนเดียว ยูดาสสาวกของพระองค์คนหนึ่งได้ทรยศพระองค์ต่อบรรดาผู้นำศาสนา  ในคืนนั้นเขาทำทีเข้ามาจุมพิตที่แก้มพระองค์เพื่อเป็นการชี้ตัวให้กับพวกทหารที่รอจะเข้ามาจับกุมพระองค์ ส่วนสาวกที่เหลือก็วิ่งหนีและทิ้งพระองค์ไป แม้แต่เปโตรสาวกคนสนิทของพระองค์ก็ยังแสร้งทำเป็นไม่รู้จักพระองค์ด้วยซ้ำ  ในคืนนั้นพระเยซูทรงถูกทอดทิ้ง

คุณเองก็อาจเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในชีวิต  อาจมีช่วงมีเวลาที่คุณต้องเดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยขวากหนามและความยากลำบาก อาจมีบางเวลาที่คุณรู้สึกโดดเดี่ยว หรือแม้กระทั่งรู้สึกว่าถูกแยกออกจากพระผู้ประทานของประทานอันดีทุกอย่าง คุณอาจกังวลว่าตัวเองกำลังเดินตามลำพังอยู่หรือเปล่า ความกลัวเข้ามาแทนที่ความศรัทธา เมื่อใดก็ตามที่คุณรู้สึกตัวว่าตกอยู่ในสภาวการณ์เช่นนั้น ขอให้นึกถึงการสวดอ้อนวอน เพราะการสวดอ้อนวอนเป็นบ่อเกิดอันคงที่ของพลัง ในการสวดอ้อนวอนเราจะพบความมั่นใจใหม่ เพราะพระเจ้าจะมอบความสงบแก่จิตวิญญาณของเรา

ไม่ใช่คุณคนเดียวที่เคยโดดเดี่ยว พระเยซูก็มีช่วงเวลาที่ยากลำบากเช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่คุณสงสัยว่าจะมีใครอยู่เคียงข้างคุณหรือไม่ ขอเพียงจำไว้ว่าพระเยซูจะอยู่ที่นั่นเพื่อคุณเสมอ และพระองค์รู้ดีว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไร

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซู ขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงอยู่เคียงข้างข้าพระองค์ในเวลานี้ ข้าพระองค์ขอบพระคุณในความสัตย์ซื่อของพระองค์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันศุกร์ที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเยซูทรงเชื่อในการให้อภัย

 


พระเยซูทรงเชื่อในการให้อภัย

21ขณะนั้นเปโตรมาทูลพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ควรยกโทษให้พี่น้องที่ทำผิดต่อข้าพระองค์สักกี่ครั้ง? ถึงเจ็ดครั้งเชียวหรือ?” 22พระเยซูตรัสตอบเขาว่า “เราไม่ได้บอกท่านว่าเจ็ดครั้งแต่เจ็ดสิบครั้งคูณเจ็ด

มัทธิว 18:21-22

กี่ครั้งแล้วที่คุณเคยทำผิดพลาด? ความจริงก็คือคุณอาจทำผิดพลาดมากมายในชีวิตของคุณ สาวกของพระเยซูถามพระองค์ว่าพวกเขาต้องยกโทษให้คนที่ทำบาปต่อพวกเขากี่ครั้ง บางคนคิดว่าเจ็ดครั้งก็เพียงพอแล้ว แต่พระเยซูบอกพวกเขาว่าคุณควรเต็มใจให้อภัยอยู่เสมอ โดยพูดว่า "เจ็ดครั้งคูณเจ็ดสิบ" โดยพื้นฐานแล้วที่พระเยซูตรัสนั้นหมายความว่า 'อย่าพยายามนับเลยว่าเคยให้อภัยกี่ครั้งมาแล้ว  ขอเพียงแค่คุณรู้จักให้อภัยอยู่เสมอก็พอ "ทำไมนะหรือ? เพราะว่าพระเยซูทรงให้อภัยคุณครั้งแล้วครั้งเล่า ดังนั้นพระองค์จึงต้องการเห็นคุณให้อภัยผู้อื่นได้โดยที่ไม่ต้องไปนับหรือไปจำว่าเคยทำมาแล้วเท่าไหร่

เรื่องการให้อภัยผู้อื่นนับเป็นสิ่งที่ใกล้ตัวคนเรามากที่สุด เพราะในทุกๆความสัมพันธ์ไม่ว่าจะในครอบครัว ในหมู่เพื่อน หรือแม้แต่กับคนที่เราไม่รู้จักก็อาจเกิดปัญหาขึ้นจนต้องมีการให้อภัยกัน เมื่อคุณขุ่นเคืองใจ อย่าตอบสนองอย่างที่ได้รับแต่จงสนองตอบด้วยความเมตตา

เหตุผลหนึ่งที่พระเยซูให้อภัยอยู่เสมอก็เพื่อที่คุณจะได้สามารถให้อภัยผู้อื่นได้เช่นเดียวกันกับที่พระองค์ทำ เราทุกคนต่างก็ต้องการได้รับการอภัย เราทุกคนจึงต้องระลึกอยู่เสมอว่า เราเป็นผู้ที่ไม่สมควรจะได้รับพระเมตตาจากพระเจ้า นั่นจะทำให้เรามีความเมตตาต่อคนอื่นได้ ไม่ว่าเขาจะปฏิบัติกับเราอย่างไร

เมื่อใดที่ดูเหมือนจะให้อภัยไม่ได้จงระลึกว่าคุณเองก็ได้รับการอภัยมาแล้ว เมื่อเราได้รับการอภัยมาเปล่าๆ เราจึงควรอภัยให้ผู้อื่นเปล่าๆด้วยเช่นกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูเจ้า ขอโปรดทรงสวมใจที่เมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนให้กับข้าพระองค์ เพื่อที่ข้าพระองค์จะได้ยกโทษให้ผู้อื่นได้เช่นเดียวกับที่พระองค์ทรงยกโทษให้ข้าพระองค์เสมอมา ขอขอบพระคุณที่ทรงให้อภัยข้าพระองค์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

thaiodb


วันพฤหัสบดีที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2564

การแบกกางเขนของตนเองและติดตามพระองค์

 


พระเยซูต้องการให้เราติดตามพระองค์

พระเยซูจึงตรัสกับบรรดาสาวกของพระองค์ว่า “ถ้าใครต้องการจะติดตามเรา ให้คนนั้นปฏิเสธตนเอง รับกางเขนของตนแบกและตามเรามา

มัทธิว 16:24

รถไฟ เป็นกลุ่มของยานพาหนะที่เคลื่อนที่ไปตามราง รถไฟจะขับเคลื่อนด้วยหัวรถจักรหรือขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์หลายๆตัวที่ติดอยู่ใต้ท้องรถ องค์ประกอบหนึ่งของการเดินขบวนรถไฟที่สำคัญคือ รถจักรมันทำหน้าที่ลากจูงรถไฟคันอื่นๆ ให้เคลื่อนที่ไปได้

พระเยซูเปรียบเสมือนเป็นเครื่องยนต์ของคุณเช่นกัน พระองค์ทรงเป็นผู้นำ และสิ่งที่คุณต้องทำคือ ทำตามพระองค์ หากคุณตามพระองค์ไป คุณจะไม่เดินหลงทาง พระเยซูต้องการให้คุณทำตามคำสอนของพระองค์มากกว่าสิ่งอื่นใด เพราะพระองค์รู้ว่าถ้าคุณทำได้ คุณจะมีชีวิตที่ดีขึ้นบนโลกนี้ พระองค์จึงขอให้คุณแบกกางเขนของคุณเอง และนั่นหมายถึงการเต็มใจที่จะเสียสละทุกอย่างเพื่อพระองค์

การแบกกางเขนของตนเองและติดตามพระองค์หมายถึงการดำเนินบนเส้นทางของพระเจ้าด้วยศรัทธาต่อไปและไม่หมกมุ่นกับนิสัยทางโลก เป็นการยอมตายเพื่อติดตามพระเยซู ซึ่งสิ่งนี้เรียกว่า “การตายต่อตัวเอง” เป็นการทรงเรียกเพื่อการยอมจำนนถึงที่สุด และโดยผ่านพระคุณของพระองค์ พระเจ้าจะทรงช่วยเราแต่ละคนแบกกางเขนของเราและทำให้ภาระของเราเบาลง

เมื่อคุณติดตามพระองค์ ไม่เพียงแต่คุณจะค้นพบว่าชีวิตที่พระเจ้าได้วางแผนไว้สำหรับคุณบนโลกนี้คืออะไร แต่คุณยังจะได้สัมผัสกับอนาคตที่พระองค์ได้วางแผนไว้สำหรับคุณในบ้านสวรรค์อีกด้วย และที่นั่นช่างเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมจริงๆ!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงเป็นเครื่องยนต์ของข้าพระองค์และโปรดทรงป้องกันไม่ให้ข้าพระองค์เดินออกนอกเส้นทางของพระองค์ ข้าพระองค์อยากจะเป็นส่วนหนึ่งของแผ่นดินสวรรค์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันพุธที่ 25 สิงหาคม พ.ศ. 2564

จงฟังเสียงของพระเจ้า

 


พระเยซูทรงฟังพระเจ้า

พระองค์จึงหันพระพักตร์มาตรัสกับเปโตรว่า “จงไปให้พ้น เจ้าซาตาน เจ้าเป็นเครื่องกีดขวางเราเพราะเจ้าไม่ได้คิดอย่างพระเจ้า แต่เจ้าคิดอย่างมนุษย์”

มัทธิว 16:23

ทิมกำลังอยู่ในลู่วิ่งระยะหนึ่งไมล์ และโค้ชของเขาบอกเขาว่าอย่าวิ่งเร็วเกินไปในตอนแรก เพื่อประหยัดพลังงานของเขาไว้ก่อน แต่เพื่อนๆของทิมกลับเชียร์และบอกให้เขาวิ่งเร็วขึ้นและเร็วขึ้น ดังนั้นทิมจึงเพิกเฉยต่อคำแนะนำของโค้ช มันจึงทำให้เขาก็ไม่มีกำลังพอที่จะวิ่งจนจบการแข่งขัน ถ้าเขาเชื่อฟังคำแนะนำโค้ชของเขา เขาก็อาจจะชนะ พระเจ้าก็เป็นเช่นเดียวกับโค้ชของทิม พระเจ้ารู้หลายสิ่งหลายอย่างมากกว่าที่คุณคิด คิด พระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง ดังนั้นการฟังเสียงของพระองค์จึงเป็นเรื่องสำคัญ

เพื่อนของคุณอาจจะเป็นเพื่อนที่ดีก็จริงอยู่ แต่พวกเขาก็ยังเด็กและอาจยังไม่รู้ทุกเรื่อง แม้แต่พระเยซูก็ยังไม่ได้ฟังสิ่งที่เปโตรแนะนำ  เพราะพระเยซูรู้ว่าพระเจ้ามีแผนอื่นที่ตรงข้าม  เพื่อประโยชน์ของเราทุกคน พระเจ้าได้ทรงประทานพระคัมภีร์ไว้ให้เราได้ศึกษา หากเปรียบชีวิตนี้เป็นลู่วิ่ง พระองค์ได้มอบคำแนะนำที่สมบูรณ์ที่สุดไว้ในพระคัมภีร์เพื่อให้คุณได้เรียนรู้ว่าคุณต้องวิ่งแข่งอย่างไรจึงจะชนะ และทำอย่างไรจึงจะไปถึงเส้นชัยได้ วันนี้ให้คุณยึดติดกับแผนการเล่นและฟังเสียงโค้ชของคุณ  คือ พระเจ้า

สุดท้าย ไม่มีสิ่งใดที่ยากเกินไปสำหรับพระเจ้าผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง และอยู่บนพื้นฐานของความเชื่อของเราในพระเจ้า ว่าเราสามารถพักสงบได้อย่างปลอดภัยในพระองค์ โดยรู้ว่าพระสัญญาของพระองค์ไม่เคยทำให้เราผิดหวัง ตราบใดที่เรายังคงอยู่ในพระองค์

ในชีวิตนี้มีมากมายหลายเสียงที่อยู่รอบ ๆ ตัวเรา

แต่พระคัมภีร์จะช่วยให้เรารู้ว่าเสียงไหนที่มาจากพระเจ้า

อ่านพระคัมภีร์วันละนิด แล้วนำมาใช้ในชีวิตให้เกิดผล 

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกเข้าใจว่าพระองค์ทรงรู้ในทุกสิ่งไม่มีใครรู้ พระองค์ทรงรู้ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต ขอโปรดสวมใจที่เชื่อฟังอย่างพระเยซูคริสต์ให้กับลูก และอย่าให้ลูกหลงไปเชื่อฟังสิ่งอื่นใดนอกจากพระองค์  ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

gotquestions

วันอังคารที่ 24 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเจ้าอยู่ที่ไหนเวลาที่เราอกหัก?

 



พระเจ้าอยู่ที่ไหนเวลาที่เราอกหัก?

เราอาจจะไม่เข้าใจพระประสงค์ทั้งหมดของพระเจ้าในเรื่องความเจ็บปวดและการทนทุกข์ของเรา แต่เราสามารถรับการปลอบประโลมใจได้จากความจริงที่ว่า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงเห็นอกเห็นใจในสิ่งที่เรากำลังเผชิญอยู่ เรามีพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์ทรงมีประสบการณ์การบังเกิดเป็นมนุษย์และทรงผ่านความโศกเศร้าและความสุขสันต์ในชีวิตมนุษย์มาแล้ว เรามีพระผู้ช่วยให้รอดผู้ทรงแบกรับความบาปของเราไว้ โดยพระองค์ทรงยอมทนทุกข์ทรมานและสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน พระเจ้าไม่ได้ทรงเป็นพระเจ้าที่ทรงห่างเหินอยู่ไกลที่ไม่รู้จักความเจ็บปวด
โดยพระคุณพระเจ้า ฤดูกาลแห่งความโสดครั้งนี้ก็เป็นโอกาสดีที่ฉันได้ใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้นและเรียนรู้ที่จะเชื่อวางใจในพระองค์ ถึงแม้เพื่อนรอบข้างจะเห็นว่า ฉันโง่ที่ไม่ทำตามแบบวิถีของโลกก็ตาม
พวกเราจำเป็นต้องไว้วางใจและเชื่อในพระเจ้าผู้ทรงเปี่ยมด้วยความรักพระองค์นี้ แม้จะฟังดูเหลือเชื่อมากที่พระเจ้าซึ่งเป็นองค์พระบิดาบนสวรรค์ของเรา ทรงมีแผนการและจุดประสงค์ในชีวิตของเราทุกคน ในความจำกัดของมนุษย์ เราอาจจะไม่เข้าใจการทรงงานของพระเจ้าผู้ไม่มีขีดจำกัด แต่ตราบเท่าที่เราเข้าใจว่าพระองค์ทรงคำนึงถึงประโยชน์สูงสุดของเราเสมอ เราก็สามารถจะไว้วางใจพระองค์ได้ ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดที่เรากำลังเผชิญก็ตาม ความจริงแล้ว หลายครั้งที่เราเผชิญความทุกข์ยาก มันกลับเป็นช่วงเวลาที่ทำให้เราเติบโต มีสติปัญญาและประสบการณ์มากขึ้น พวกเราจำเป็นที่จะต้องเชื่อวางใจและเชื่อฟังพระองค์เมื่อมีความยากลำบากเกิดขึ้นในชีวิต
วันนี้คุณกำลังรู้สึกเศร้าหรืออกหักอยู่หรือเปล่า? ขอให้อุ่นใจและรู้ว่า เรามีพระบิดาบนฟ้าสวรรค์ที่ทรงเปี่ยมด้วยความรัก พระองค์จะไม่มีวันทอดทิ้งหรือละเลยเรา จงร้องหาและเชื่อวางใจในพระองค์ เพราะอนาคตของเราอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์
ในเวลาที่ยากลำบากของอาการอกหักรักคุด พระเจ้าจะทำให้คุณรู้ว่าการทรงสถิตของพระองค์เป็นสิ่งกำหนดชีวิตที่ได้รับพระพรอย่างแท้จริง คุณจะซาบซึ้งใจที่ได้รับรู้ถึงการดูแลและจัดเตรียมของพระเจ้า พระองค์จะนำพาผู้ที่มีความเชื่อเดียวกันเข้ามาสู่ชีวิตของคุณหลังจากนี้ แต่ที่สำคัญที่สุดคือ ขอให้คุณรู้สึกขอบพระคุณที่พระเจ้าทรงสอนให้คุณรู้จักฝากความหวังสูงสุดของคุณไว้กับพระองค์เท่านั้น แทนที่จะฝากไว้กับมนุษย์หรือสถานการณ์
เครดิต mustardseed

พระเยซูทรงห่วงใยความต้องการประจำวันของคุณ

 


พระเยซูทรงเรียกสาวกทั้งหลายของพระองค์มา ตรัสว่า “เราสงสารฝูงชนนี้ เพราะเขาทั้งหลายค้างอยู่กับเราได้สามวันแล้ว และไม่มีอาหารจะกิน เราไม่ต้องการส่งพวกเขาไปเมื่อยังอดโซอยู่ กลัวว่าพวกเขาจะสิ้นแรงลงตามทาง”

มัทธิว 15:32

พระเยซูทรงรักษาผู้คนจากโรคร้าย ขับผีออก และแม้กระทั่งชุบชีวิตผู้คนให้ฟื้นจากความตาย พระองค์สามารถทำปาฏิหาริย์มากมาย แต่พระองค์ก็ทรงใส่ใจกับความต้องการขั้นพื้นฐานของชีวิตด้วย เพราะพระองค์ก็เป็นมนุษย์ พระองค์มีความรู้สึกเหนื่อยและหิว ดังนั้นพระองค์จึงรู้ว่าคนที่มาฟังพระองค์ทุกคนที่ติดตามพระองค์จะต้องหิว   และแน่นอนว่าพระองค์ได้ทรงจัดหาอาหารให้กับทุกคน!

พระเยซูทรงห่วงใยความต้องการประจำวันของคุณ พระองค์สนใจว่าคุณจะมีเสื้อผ้าและอาหารหรือเปล่า พระเยซูจะช่วยคุณหากคุณยังไม่มีสิ่งที่จำเป็นจริงๆ ดังนั้นเมื่อคุณอธิษฐานถึงพระเยซู จงทูลขอสิ่งจำเป็นที่คุณต้องการจากพระองค์   เราไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องใดๆอีกแล้ว ดังใน 1ปต. 5:7 กล่าวว่า “จงละความกระวนกระวายของท่านไว้กับพระองค์ เพราะว่าพระองค์ทรงห่วงใยท่านทั้งหลาย”

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซูเจ้า  โปรดประทานสิ่งจำเป็นสำหรับความต้องการในชีวิตประจำวันของข้าพระองค์ ขอขอบพระคุณที่พระองค์ทรงรักและห่วงใยชีวิตของข้าพระองค์เสมอมา อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

gracezone

วันจันทร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2564

วันนี้คุณได้ทำอะไรเพื่อพระเยซูบ้าง?

 


พระเยซูประสูติในคอกสัตว์

6ขณะเขาทั้งสองอยู่ที่นั่น ก็ถึงเวลาที่มารีย์จะคลอดบุตร 7นางจึงคลอดบุตรชายหัวปี เอาผ้าอ้อมพันและวางไว้ในรางหญ้า เพราะว่าไม่มีที่ว่างในโรงแรมสำหรับพวกเขา

คนเลี้ยงแกะและทูตสวรรค์

ลูกา 2:7

พระเยซูทรงประทับอยู่ในสวรรค์ก่อนที่พระองค์จะเสด็จมายังโลกเพื่อสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของคุณ พระองค์ทรงบังเกิดมาเป็นมนุษย์ทารกตัวเล็กๆ พระองค์ไม่ได้เกิดมาเป็นเจ้าชายในเมืองใหญ่ใดๆเลย แต่พระองค์เกิดมาในครอบครัวคู่สามีภรรยาที่ยากจนและมาประสูติอยู่ในเมืองที่ไม่คุ้นเคยซึ่งไม่มีแม้แต่ที่ว่างในโรงแรมให้กับครอบครัวของพระองค์ พระเยซูทรงประสูติในคอกสัตว์ และพระนางมารีย์ใช้รางหญ้าทำเป็นเปล พระคัมภีร์กล่าวว่า " ถึงแม้พระองค์ 6ผู้ทรงสภาพเป็นพระเจ้า ไม่ทรงถือว่าความทัดเทียมกับพระเจ้าเป็นสิ่งที่จะต้องยึดไว้ 7แต่ทรงสละพระองค์เองและทรงรับสภาพทาส ทรงถือกำเนิดเป็นมนุษย์ และทรงปรากฏอยู่ในสภาพมนุษย์ " ( ฟิลิปปี 2:6-7)

คุณเต็มใจที่จะสละทุกสิ่งที่มีเพื่อช่วยคนอื่นหรือไม่? พระเยซูทรงสละทุกสิ่งเพื่อมายังแผ่นดินโลกเพื่อคุณเท่านั้น แล้วคุณล่ะ คุณยินดีที่จะให้บางสิ่งกับพระองค์เป็นการตอบแทนบ้างหรือยัง? คุณทูลถวายความคิด วาจา กิจการของคุณให้พระองค์ทั้งหมดแล้วหรือยัง?

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซู โปรดทรงยกโทษให้ข้าพระองค์ที่ไม่ได้จดจำในสิ่งที่พระองค์ทรงทำเพื่อข้าพระองค์ ขอขอบพระคุณที่มาทรงมาบังเกิดเป็นมนุษย์เพื่อที่พระองค์จะได้เติบโตและสิ้นพระชนม์เพื่อไถ่บาปของข้าพระองค์ ขอโปรดช่วยให้ข้าพระองค์ดำเนินชีวิตที่เหลืออยู่อย่างรู้พระคุณ รู้จักเลือกคิดและทำแต่การดีเพื่อเป็นการตอบแทนพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่  อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2564

เราจำเป็นต้องรู้พระวจนะของพระเป็นเจ้าเพื่ออะไร?

 


พระเยซูทรงรู้พระคัมภีร์

พระองค์จึงตรัสตอบเขาทั้งหลายว่า “เพราะเหตุใดท่านทั้งหลายจึงละเมิดพระบัญญัติของพระเจ้า เพราะคำสอนสืบทอดของท่าน?

มัทธิว 15:3

พวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์บางคนถามพระเยซูว่าทำไมพระองค์ถึงฝ่าฝืนประเพณี เพราะว่าสาวกของพระองค์ไม่ได้ล้างมือเมื่อรับประทานอาหาร” แต่พระเยซูทรงชี้ให้เห็นว่าผู้นำศาสนาเหล่านั้นเป็นคนหน้าซื่อใจคด ซึ่งหมายความว่าพวกเขาได้สร้างกฎสำหรับคนอื่น ๆ ทั้ง ๆที่พวกเขาเองก็ไม่ได้ปฏิบัติตาม นอกจากนี้ พวกเขากำลังฝ่าฝืนพระบัญญัติของพระเจ้าเพียงเพื่อจะรักษาประเพณีของพวกเขาไว้

พระวรสารในวันนี้ต้องการบอกเราว่า การนำพระวาจาอันทรงชีวิตมาใช้กับชีวิตของเราเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก  พระบัญญัติของพระเจ้ามีอำนาจมากกว่าคำสอนที่สืบทอดกันมา ในพระธรรมมัทธิว 15 พระเยซูตรัสได้ถามพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์เกี่ยวกับข้อพระคัมภีร์เรื่องการให้เกียรติบิดามารดาที่พระเจ้าทรงบัญญัติไว้และทรงตรัสว่าพวกฟาริสีและพวกธรรมาจารย์ได้ทำให้พระวจนะของพระเจ้าเป็นโมฆะไป เพราะคำสอนสืบทอดของพวกเขาได้สอนว่า ‘ใครกล่าวกับบิดามารดาว่า “สิ่งใดของข้าพเจ้าซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อท่าน สิ่งนั้นเป็นของที่ถวายแด่พระเจ้าแล้ว”  คนนั้นก็ไม่ต้องให้เกียรติบิดาของตน’  นี่ก็ขัดต่อพระบัญชาของพระเจ้าแล้ว พระองค์จึงเรียกพวกเขาว่าพวกหน้าซื่อใจคด

พระเยซูทรงรู้พระคัมภีร์เป็นอย่างดี เมื่อพระองค์ถูกโจมตีในที่สาธารณะ พระเยซูได้พึ่งพาพระวจนะของพระเจ้าแสดงความจริงต่อฝูงชนได้อยากถูกต้องและชัดเจน คุณเองก็ควรจำไว้ว่าการอ่านพระคัมภีร์เป็นเรื่องสำคัญ และการท่องจำส่วนสำคัญของพระคัมภีร์ก็สำคัญมากเช่นกัน เพราะด้วยวิธีนี้ หากต้องตกอยู่ในสถานการณ์ที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นคุณก็จะสามารถจำข้อพระคัมภีร์ได้ดีและนำมาใช้ได้ทันทีแม้ว่าคุณจะไม่มีพระคัมภีร์อยู่ใกล้ๆก็ตาม

พระคัมภีร์คือพระวจนะของพระเจ้า ดังนั้นพระคัมภีร์จึงผูกพันเสมือนหนึ่งกฎแห่งธรรมชาติ คุณอาจไม่สนใจธรรมชาติได้ แต่การทำเช่นนั้นก็เหมือนกับการทำร้ายตัวเอง เหมือนกับว่าคุณไม่สนใจกฎแห่งการโน้มถ่วง การเน้นแล้วเน้นอีกก็ยังไม่เพียงพอว่าพระคัมภีร์สำคัญต่อชีวิตเรามากแค่ไหน  การศึกษาพระคัมภีร์เปรียบเสมือนการขุดทอง หากคุณพยายามเพียงแค่เล็กๆ น้อยๆ แค่ “ร่อนตะแกรงไปมาผ่านก้อนหินในลำธาร” คุณก็จะได้แค่เศษทองเล็ก  น้อย  แต่หากคุณ‘ขุดอย่างเอาจริงเอาจัง” คุณก็จะได้รับรางวัลคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน

อย่าเป็นคนที่ถวายเกียรติพระเจ้าแต่ปาก  แต่ปล่อยให้การกระทำและจิตใจอยู่ห่างไกลจากพระองค์ เพราะมันจะเป็นการนมัสการที่เปล่าประโยชน์  ในพระธรรมยากอบ2:26 กล่าวว่า กายที่ปราศจากจิตวิญญาณนั้นตายแล้วอย่างไร ความเชื่อที่ปราศจากการประพฤติก็ตายแล้วอย่างนั้น  การอ่านพระคัมภีร์วันละนิดช่วยให้ชีวิตของเราสดใสและมีพระพร ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านนะคะ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอขอบคุณสำหรับพระคำของพระองค์ที่มอบไว้ในพระคัมภีร์ ลูกจะพยายามท่องจำทีละบทเพื่อที่ลูกจะได้รู้จักพระคำของพระองค์มากขึ้นในทุกวัน ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Gotquestions


วันเสาร์ที่ 21 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเยซูทรงเดินบนน้ำ

 


พระเยซูทรงเดินบนน้ำ

25เมื่อเวลาใกล้รุ่งเช้า พระองค์ทรงดำเนินบนทะเลไปยังพวกสาวก 26เมื่อสาวกเห็นพระองค์ทรงดำเนินมาบนทะเล เขาทั้งหลายก็แตกตื่นพูดกันว่าต้องเป็นผี และร้องด้วยความกลัว

มัทธิว 14:25-26

พลังแห่งศรัทธา  เมื่อคุณมีศรัทธาในบางสิ่ง คุณก็จะสามารถทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ ศรัทธาของพระเยซูนั้นยิ่งใหญ่มากจนพระองค์สามารถเดินบนน้ำได้ ส่วนเปโตรเองเมื่อเริ่มแรกเขาก็เดินบนน้ำได้แต่พอผ่านไปสักพักความเชื่อของเขาก็อ่อนแอลงอาจเพราะเจอลมพัดแรง เปโตรจึงเกิดความกลัว เขาเริ่มจมน้ำและร้องให้พระเยซูช่วย ส่วนสาวกคนอื่นๆ ยังไม่มีใครกล้าลงจากเรือเลย!

เมื่อคุณมีศรัทธาในพระเจ้า พระองค์จะทรงใช้ให้คุณทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ได้ แต่ถ้าคุณปล่อยให้ความสงสัยเข้ามารบกวน มันก็จะทำให้คุณล่าช้าลง วันนี้ศรัทธาของคุณแข็งแกร่งหรือไม่? จงค้นหาว่าส่วนใดของพระคัมภีร์ที่คุณพบว่ายากต่อการไว้วางใจและขอให้พระเจ้าสร้างคุณขึ้นมาใหม่และเปลี่ยนให้คุณเป็นคริสตชนแห่งศรัทธา

การที่ความเชื่อของเราไม่คงเส้นคงวาในบางสถานการณ์ ไม่ใช่เป็นสิ่งแปลก จำไว้เสมอว่าเดินโดยความเชื่อและพลาดพลั้งดีกว่าคนที่อ้างว่าไม่พลั้งแต่ขลาดกลัว ไม่กล้าแสดงความเชื่อ จงมีใจกล้าเดินบนพระคำ (ปฏิบัติตามพระคำ) และถ้าเวลาใดความกลัว ความสงสัยเกิดขึ้นจงร้องหาพระองค์ พระองค์จะช่วยทันที

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดสร้างศรัทธาของลูก โปรดชี้ให้เห็นว่าศรัทธาของลูกยังอ่อนแอด้านไหนบ้างและโปรดช่วยให้ลูกรู้ว่าลูกจะเข้มแข็งขึ้นในด้านนั้นได้อย่างไร ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

romyenchurch

วันศุกร์ที่ 20 สิงหาคม พ.ศ. 2564

พระเยซูทรงใช้เรื่องอุปมาในการสอน

 


พระเยซูทรงใช้เรื่องอุปมาในการสอน

ข้อความทั้งหมดนี้ พระองค์ตรัสกับฝูงชนเป็นอุปมา และนอกจากอุปมา พระองค์ไม่ได้ตรัสกับพวกเขาเลย

มัทธิว 13:34

ไม่ว่าจะดูหนัง อ่านหนังสือ หรือฟังเพลง ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกอย่างต่างก็มีข้อคิดแอบแฝงอยู่ในเรื่องราวที่คุณกำลังรับชมรับฟัง มันอาจช่วยทำให้คุณเรียนรู้บางสิ่งผ่านเรื่องราวนั้นๆ มันอาจจะมีทั้งบทเรียนที่ดี และมันอาจจะมีทั้งบทเรียนที่ไม่ดี หรืออาจเป็นบทเรียนที่โง่เขลาก็ได้

เราจะพบได้บ่อยครั้งว่าพระเยซูทรงใช้เรื่องอุปมาในการสอนสาวกและฝูงชนหลายต่อหลายครั้งนั่นเป็นเพราะพระองค์ทรงรู้และเข้าใจดีว่าเรื่องราวอุปมานั้นสามารถดึงดูดความสนใจของผู้คนได้เป็นอย่างดี

คุณเองก็สามารถช่วยให้ผู้อื่นเรียนรู้เรื่องราวของพระเยซูผ่านทางการดำเนินชีวิตของคุณได้ และมีวิธีหนึ่งที่คุณสามารถแบ่งปันเรื่องของพระเยซูให้กับผู้ที่ยังไม่รู้จักพระองค์ได้ นั่นก็คือการแบ่งปันเรื่องราวของตัวคุณเองว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมาพระองค์ทรงช่วยเหลือคุณอย่างไรบ้าง  และพระองค์มีความหมายต่อชีวิตคุณอย่างไรบ้าง ให้คุณใช้เวลาไตร่ตรองสักครู่และเขียนบรรยายเล่าถึง "เรื่องราวของพระเจ้า" ที่มีต่อชีวิตของคุณว่ามีความเป็นมาอย่างไร แล้วให้แบ่งปันเรื่องราวนี้กับเพื่อนและครอบครัวของคุณ

คำอุปมาของพระเจ้าบรรจุความจริงมหาศาลโดยใช้ถ้อยคำเพียงไม่กี่คำ  คำอุปมาของพระองค์ อุดมไปด้วยมโนภาพ มันจึงไม่ถูกลืมอย่างง่ายดาย ดังนั้นแล้วคำอุปมาจึงเป็นพระพรแก่ผู้ที่เต็มใจเปิดหูรับฟัง แต่สำหรับผู้ที่มีจิตใจโง่เขลา และหูของเขาช้าในการได้ยิน คำอุปมาก็ยังเป็นการแสดงถึงการพิพากษาได้ด้วย

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าโปรดช่วยให้ลูกมีสติปัญญาสามารถเรียนรู้และเข้าใจ "เรื่องราวของพระองค์" อย่างถี่ถ้วน เพื่อที่ลูกจะได้สามารถแบ่งปันข่าวดีได้อย่าวถูกต้องและโปรดสอนให้ลูกรู้ว่าลูกควรจะเล่าและนำเสนอให้คนอื่นฟังได้อย่างไรบ้าง และในโอกาสไหนจึงจะเหมาะสม ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Gotquestions


วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2564

ไม่เห็นแก่ตนเอง

 



พระองค์ทรงเรียกสาวกสิบสองคนของพระองค์มา แล้วประทานสิทธิอำนาจให้พวกเขาขับผีโสโครกออกได้ และทรงให้รักษาโรคและความเจ็บป่วยทุกอย่างให้หายได้

มัทธิว 10:1

เมื่อแดง ทำแต้มให้กับทีมของเธอ เธอจะคุยโม้โอ้อวดว่าตัวเธอเก่งแค่ไหนและทีมต้องการเธอมากแค่ไหน แดงเรืองไม่เคยให้เครดิตกับโค้ชหรือเพื่อนร่วมทีมของเธอเลย เธอต้องการให้ความดีความชอบทั้งหมดแก่ตัวเองเท่านั้น

พระเยซูไม่เหมือนกับแดง เพราะพระเยซูช่วยฝึกฝน สอนงานเพื่อช่วยให้เหล่าสาวกสามารถทำสิ่งที่พระองค์ทำได้ ถ้าพระองค์ทรงเห็นแก่ตัวและต้องการดีความชอบทั้งหมด พระองค์คงไม่ช่วยให้สาวกคนอื่นๆทำปาฏิหาริย์ได้ แต่พระองค์ทรงทราบถึงเหตุการณ์ล่วงหน้าว่าเมื่อพระองค์เสด็จกลับสวรรค์ไปแล้วจะไม่มีใครทำตามพระวจนะของพระองค์ จึงเป็นการดีที่พระเยซูทรงฝึกสาวกให้ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่!

เมื่อคุณมีความสามารถพิเศษหรือมีทักษะเก่งเฉพาะด้าน  ก็อย่ายกตนข่มคนอื่น หรือหลงตนเอง แต่จงใช้ความสามารถที่คุณมีช่วยสอนช่วยพัฒนาให้คนอื่นดีขึ้นเช่นเดียวกันกับที่พระเยซูทรงทำ เพราะพระเจ้าให้ความสามารถต่างๆมาเพื่อให้คุณได้ช่วยเหลือผู้อื่น  ไม่ใช่เพื่อเห็นแก่ตัวเอง

เมื่อเรารับใช้ผู้อื่นโดยไม่นึกถึงตนเอง เราจะมีความเข้มแข็งทางวิญญาณ และมีความสุขมากขึ้น เมื่อเรามีส่วนในการรับใช้เพื่อนมนุษย์ การกระทำของเราไม่เพียงช่วยพวกเขาเท่านั้น แต่เราจะมีมุมมองใหม่ขึ้นในปัญหาของเรา เมื่อเราสนใจผู้อื่นมากขึ้น เราจะมีเวลาสนใจตนเองน้อยลง ท่ามกลางปาฏิหาริย์แห่งการรับใช้ มีคำสัญญาของพระเยซูที่ว่าเมื่อเราเพลินอยู่กับการรับใช้ เราจะพบตัวตนของเรา! [อ่าน มัทธิว 10:39]

ข้อพระคัมภีร์

มัทธิว 10:39 ผู้ที่จะเอาชีวิตของตนรอด จะกลับเสียชีวิต แต่ผู้ที่เสียชีวิตของตนเพราะเห็นแก่เราก็จะได้ชีวิตรอด

 ยอห์น 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลัก ฆ่า และทำลาย เรามาเพื่อพวกเขาจะได้ชีวิตและจะได้อย่างครบบริบูรณ์

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...