วันจันทร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2564

อนิจจัง สารพัดอนิจจัง

 



เคยได้ยินอยู่บ่อยว่า

ทำดีต้องได้ดี
ทำบุญต้องได้บุญ

แต่ที่จริงแล้ว
ทำดี อาจไม่ได้ดีมีถมไป
อาจจะได้แค่ละกิเลสของตน
ส่วนทำบุญ ก็เพื่อให้ตนสบายใจ

เคยคิดในบางครั้งว่า
ดีกับใคร คนนั้นจะดีตอบ

แต่แท้จริงแล้ว
เรามีหน้าที่ทำดี จงทำต่อไป
ส่วนใครจะดีกับเราหรือไม่นั้น มันก็ไม่ใช่เรื่องของเรา

เคยเผลอคิดกับบางคนว่า
ให้อะไรออกไป
มีแอบหวังว่าจะได้บางสิ่งตอบกลับมา

แท้จริงแล้ว
การ ให้ คือ การยินดีเสียสละ
ถ้าเราให้ แล้ว คาดหวัง
นั่นก็ไม่นับว่าเป็นการให้
จะไปอ้างบุญคุณก็คงไม่ใช่เรื่อง

หลายคนคิดว่า
แก่แล้ว จะทำอะไรก็คงไม่มีใครว่า

แท้จริงแล้ว
แก่แล้ว เรายิ่งต้องมีสำนึกดีให้มากขึ้น
ทำชั่ว ทำบาปไม่ได้
เพราะเวลาบนโลกนี้เราเหลือน้อยแล้ว

ตอนทำงานเคยคิดว่า
ต้องทำทุกอย่างเพื่อสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง
ให้กับชีวิตในอนาคตข้างหน้า

แท้จริงแล้ว
ความมั่นคง ไม่มีในโลกนี้
เพราะ มีโอกาสตายได้ทุกเมื่อ
เมื่อเราเข้าใจและดำเนินชีวิตในโลกนี้ตามพันธสัญญา
เราจะได้รับชีวิตนิรันดร์เป็นมรดก

หลายคนชอบคิดว่า
ความต้องการของตัวเองนั้นสำคัญที่สุด ยิ่งใหญ่สุด
ตัวฉัน ของฉัน สำคัญที่สุด ต้องมาก่อนคนอื่น

แท้จริงแล้ว
การที่ไม่มีความต้องการใดๆเลย นั่นแหละสำคัญที่สุด
การไม่เอาเราเป็นที่ตั้ง ต่างหากที่สำคัญที่สุด

หลายคนชอบพูดว่า
เข้าวัด แล้วใจสงบ

แท้จริงแล้ว
วัดอยู่ที่ใจเรา หากเราให้พระธรรมคำสอนนำชีวิต
เมื่อปฎิบัติได้อยู่ที่ไหนใจเราก็สงบได้
ถ้าไม่รู้เราก็ต้องแสวงหาพระคำของพระเจ้า

หลายคนบอกว่า
ถ้าเกิดมารวย ชีวิตคงจะดี

แท้จริงแล้ว
แค่เกิดมาก็ทุกข์เหมือนกันแล้ว
มันเลือกเกิดกันไม่ได้
และไม่มีใครสบายไปตลอดชาติ
จะจน หรือรวย มันก็มีทุกข์กันไปคนละแบบ
ในพระธรรมปัญญาจารย์ - บท 2 ข้อ21 กล่าวว่า ด้วยว่ามีคนที่ทำงานโดยใช้สติปัญญา ความรู้ และความชำนาญ แต่แล้วก็ละการนั้นให้เป็นส่วนของอีกคนหนึ่งที่หาได้ออกแรงทำเพื่อการนั้นไม่ นี่ก็อนิจจังด้วยและสามานย์ยิ่ง
22 เพราะว่าเขาได้อะไรจากบรรดาการงานและความเคร่งเครียดในใจที่เขาต้องตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์เล่า
23 ด้วยว่าวันเวลาทั้งหมดของเขามีแต่ความเจ็บปวด และกิจธุระของเขาก่อความสลดใจ ถึงกลางคืนจิตใจของเขาก็ไม่หยุดพักสงบ นี่ก็อนิจจังด้วย
24 สำหรับมนุษย์นั้นไม่มีอะไรดีไปกว่ากินและดื่ม กับการให้จิตใจของเขายินดีในการงานของเขา นี่แหละข้าพเจ้าเห็นว่าเป็นมาจากพระหัตถ์ของพระเจ้า

หลายคนคิดว่า
สิ่งของ-คนของเรา-ตัวตนของเรา
เราต้องยึดไว้ รักษาไว้ให้มั่น

แท้จริงแล้ว
ในโลกนี้ ไม่มีสิ่งของ ทรัพย์สินใด คนใด
ให้เรายึดได้ ทุกอย่างไม่ใช่ของเรา
สารพัดอนิจจัง ชีวิตก็เปรียบเหมือนวงล้อที่เคลื่อนไป
ซ้ำซากจำเจ วนเวียนไม่หยุดและก็ไม่ได้ออกจากวงจรของชีวิต
ชีวิตมนุษย์ที่ต้องตรากตรำทำงานหนัก สุดท้ายก็ไม่ได้อะไรไป
ชีวิตมนุษย์ของแต่ละชาติพันธุ์ก็หมุนเวียน ล่วงลับไป

ชีวิตมนุษย์ที่ไม่มีอะไรใหม่ สิ่งที่เข้าใจว่าใหม่ในวันนี้ แท้จริงคือสิ่งที่ได้เกิดมาแล้วในอดีต และสิ่งใหม่ที่มีในวันนี้ก็จะเป็นสิ่งเก่าในวันพรุ่งนี้ แล้วจะมีสิ่งใหม่ใดภายใต้ดวงอาทิตย์นี้

ข้อพระคัมภีร์หนุนใจ จากปัญญาจารย์ - บท 1
ถ้อยคำของปัญญาจารย์ ผู้เป็นบุตรชายของดาวิด กษัตริย์ในเยรูซาเล็ม
ข้อ2 ปัญญาจารย์กล่าวว่า อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง อนิจจัง สารพัดอนิจจัง
ข้อ3 ที่มนุษย์ทำงานตรากตรำภายใต้ดวงอาทิตย์ เขาได้ประโยชน์อะไรจากงานทั้งสิ้นที่เขาทำนั้น
ข้อ4 ชั่วอายุหนึ่งล่วงไป และอีกชั่วอายุหนึ่งก็มา แต่แผ่นดินโลกคงเดิมอยู่เป็นนิตย์
ข้อ5 ดวงอาทิตย์ขึ้น และดวงอาทิตย์ตก แล้วรีบไปถึงที่ซึ่งขึ้นมานั้น
ข้อ6 ลมพัดไปทางใต้ แล้วเวียนกลับไปทางเหนือ ลมพัดเวียนไปเวียนมา แล้วลมพัดกลับตามทางเวียนของมัน
ข้อ7 แม่น้ำทั้งหลายไหลไปสู่ทะเล แต่ทะเลก็ไม่เต็ม แม่น้ำไหลไปสู่ที่ใดก็ไหลไปสู่ที่นั่นอีก
ข้อ8 สารพัดเหนื่อยกันหมด คนใดๆก็พูดไม่ออก นัยน์ตาก็ดูไม่อิ่มหรือหูก็ฟังไม่เต็ม
ข้อ9 สิ่งที่เป็นขึ้นแล้วคือสิ่งที่จะเป็นขึ้นอีก สิ่งที่ทำกันแล้วคือสิ่งที่จะต้องทำกันอีก และไม่มีสิ่งใดใหม่ภายใต้ดวงอาทิตย์
ข้อ10 มีสักสิ่งหนึ่งหรือที่เขาจะพูดได้ว่า "ดูซี สิ่งนี้ใหม่" สิ่งนั้นมีอยู่แล้วในสมัยก่อนเราทั้งหลาย
ข้อ11 ไม่มีการจดจำถึงสมัยก่อนและจะไม่มีการจดจำสิ่งหลังๆที่จะเกิดมาในท่ามกลางบรรดาผู้ที่มาภายหลัง
ข้อ12 ข้าพเจ้า ปัญญาจารย์ เคยเป็นกษัตริย์เหนืออิสราเอลในกรุงเยรูซาเล็ม
ข้อ13 และข้าพเจ้าตั้งใจเสาะและแสวงหาโดยสติปัญญาถึงสิ่งสารพัดที่กระทำกันภายใต้ฟ้าสวรรค์ เป็นเรื่องยากลำบากซึ่งพระเจ้าประทานให้บุตรของมนุษย์ทำกันอยู่นั้น
ข้อ14 ข้าพเจ้าเคยเห็นการทั้งปวงซึ่งเขากระทำกันภายใต้ดวงอาทิตย์ และดูเถิด สารพัดก็เป็นความว่างเปล่าและความวุ่นวายใจ
ข้อ15 อะไรที่คดจะทำให้ตรงไม่ได้ และอะไรที่ขาดอยู่จะนับให้ครบไม่ได้
ข้อ16 ข้าพเจ้ารำพึงในใจของข้าพเจ้าว่า "ดูเถิด ข้าพเจ้าได้มาถึงฐานะที่สูงส่ง และได้มีสติปัญญามากกว่าใครๆที่เคยอยู่ในกรุงเยรูซาเล็มก่อนข้าพเจ้า เออ ใจข้าพเจ้าก็เจนจัดในสติปัญญาและความรู้อย่างยิ่ง"
ข้อ17 ข้าพเจ้าก็ตั้งใจรู้สติปัญญา รู้ความบ้าบอ และความเขลา ข้าพเจ้าสังเกตเห็นว่าเรื่องนี้ก็เป็นแต่กินลมกินแล้งด้วย
ข้อ18 เพราะในสติปัญญามากๆก็มีความทุกข์ระทมมาก และบุคคลที่เพิ่มความรู้ก็เพิ่มความเศร้าโศก

วันนี้ให้เราใช้พระคัมภีร์ในการค้นหาวัตถุประสงค์ของการมีชีวิตอยู่ในโลกนี้ เนื่องจากว่าเราไม่ใช่ผลพวงที่เกิดขึ้นโดยบังเอิญของการเปลี่ยนแปลงของจักรวาล แต่เราเกิดจากการทรงสร้างของพระเจ้า พระองต์ต้องการให้เรามีสามัคคีธรรมกับพระองค์, มีความสัมพันธ์กับคนอื่น, พระคำของพระเจ้าจะช่วยให้เราเข้มแข็ง เหมือนมีภูมิคุ้มกันในการดำเนินชีวิต ดังนั้นอย่าเผลอปล่อยตัวปล่อยใจของเราล้มลงในความบาป เพราะมันจะทำให้การมีสามัคคีธรรมกับพระเจ้ากับเราถูกตัดขาดออกไป

พระคริสตธรรมคัมภีร์เต็มไปด้วยภาพเปรียบเทียบที่สอนว่าชีวิตในโลกนี้สั้น ชั่วคราว ไม่จีรัง ถ้าคุณอยากใช้ชีวิตให้คุ้มค่าที่สุด คุณต้องไม่ลืมความจริงสองประการ คือ ประการแรก ชีวิตนั้นสั้นมากเมื่อเทียบกับนิรันดร์กาล ประการที่สอง โลกเป็นเพียงที่อยู่ชั่วคราว คุณจะไม่อยู่ที่นี่นาน ดังนั้นอย่ายึดติดกับมันมากเกินไป จงทูลขอให้พระเจ้าช่วยให้คุณมองชีวิตในโลกอย่างที่พระองค์ทรงมอง

ทุกสิ่งดำรงอยู่เพื่อพระเจ้า เพื่อแสดงถึงพระสิริของพระเจ้าที่อยู่รอบข้างเรา เราเห็นได้ทุกแห่งหน ตั้งแต่สิ่งมีชีวิตที่เล็กที่สุดจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น ไปจนถึงทางช้างเผือกอันกว้างใหญ่ไพศาล แต่ความบาปที่มนุษย์มีคือ การไม่ยอมถวายพระสิริแด่พระเจ้า นั่นคือการรักสิ่งอื่นยิ่งกว่ารักพระเจ้า ใช้ชีวิตเพื่อเกียรติของเราเองไม่ใช่ของพระเจ้า

ในโรม 3:23 กล่าวว่า
“เพราะว่าทุกคนทำบาปและเสื่อมจากพระสิริของพระเจ้า”
เมื่อเราทำผิดกฎหมาย เราก็ต้องถูกลงโทษ การทำบาปก็เช่นเดียวกัน โทษของบาปก็คือความตายฝ่ายวิญญาณ หรือการถูกตัดขาดจากพระเจ้า และเมื่อจากโลกนี้ไป เราต้องไปอยู่ในนรกเป็นนิจนิรันดร์

หากคุณเชื่อและปราถนาที่จะต้อนรับพระเยซูเข้ามาในชีวิต ขอให้คุณก้มศีรษะเพื่ออธิษฐานรับเชื่อและกล่าวดังนี้

“ข้าแต่พระเยซูคริสต์ ข้าพระองค์รู้แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าสูงสุดเพียงผู้เดียวและพระองค์ทรงลงมาบนโลกนี้เพื่อสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขนเพื่อข้าพระองค์และวันที่สามพระองค์ทรงเป็นขึ้นมาจากความตาย เพื่อพิสูจน์แล้วว่าพระองค์ทรงเป็นพระเจ้า เพื่อคนบาปอย่างข้าพระองค์จะได้รับความรอดและไม่ถูกพิพากษา

ข้าพระองค์ยอมจำนนต่อพระองค์ พร้อมยอมรับว่าข้าพระองค์เป็นคนบาปและขอสารภาพบาปผิดทั้งสิ้นของข้าพระองค์ด้วยใจ และขอขอบคุณพระองค์ที่ได้ทรงอภัยบาปผิดของข้าพระองค์แล้ว นับจากวันนี้ไปขอพระองค์ทรงโปรดครอบครองชีวิตของข้าพระองค์ และให้ชีวิตของข้าพระองค์เป็นไปตามแผนงานที่พระองค์ได้ทรงวางไว้

ข้าพระองค์อธิษฐานขอในพระนามพระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่าน
KCLOVEGOD


ขอขอบคุณบทความหนุนใจจาก

wordproject

theology

lifepointbangkok

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...