วันอังคารที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2561

กายป่วย ใจไม่ป่วย


ไม่แพ้แม้เจ็บป่วย

เมื่อวันที่ชีวิต เดินเข้ามาถึงจุดเปลี่ยน
จนบางครั้งคนเราไม่ทันได้ตระเตรียมหัวใจ
ความสุขความทุกข์ ไม่มีใครรู้ว่าจะมาเมื่อไหร่
จะยอมรับความจริงที่เจอได้แค่ไหน
เพราะชีวิตคือชีวิต เมื่อมีเข้ามาก็มีเลิกไป
มีสุขสมมีผิดหวัง หัวเราะหรือหวั่นไหว เกิดขึ้นได้ทุกวัน
อยู่ที่เรียนรู้ อยู่ที่ยอมรับมัน ตามความคิดสติเราให้ทัน
อยู่กับสิ่งที่มีไม่ใช่สิ่งที่ฝัน และทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด
(เพลง Live & Learn เนื้อร้องและทำนองโดย คุณบอย โกสิยพงษ์)


บทเพลงที่โด่งดังข้างต้นกำลังบอกเราถึงความไม่นอนของชีวิต เราไม่รู้ว่าวันไหนจะพบความสุข วันไหนจะประสบความทุกข์ เราควรจะเตรียมใจเผชิญกับสิ่งที่ไม่คาดฝันอย่างมีสติ
เช่นเดียวกันกับเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นเรื่องไม่แน่นอนที่อยู่เคียงคู่กับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด ยิ่งในยามที่โลกเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โรคร้ายนานาชนิดก็ทวีมากขึ้น มันสามารถทำลายทั้งร่างกายและจิตใจของผู้ป่วย และคนใกล้ชิดอย่างไม่ทันตั้งตัว ในยามนั้น มีคำถามมากมายที่เข้ามาในความคิดของเรา

ทำไมต้องเป็นฉัน?
ฉันกำลังจะตายหรือนี่?
ครอบครัวจะอยู่อย่างไรถ้าไม่มีฉัน?
ใครจะช่วยดูแลฉันเมื่อฉันเจ็บหนัก?
ฉันจะอยู่ในสภาพไหนในวาระสุดท้าย?
คนจะรังเกียจฉันไหม?
ฉันจะไปไหนเมื่อตายไปแล้ว?


ถ้าพระเจ้ารักฉันทำไมต้องให้ฉันเจ็บป่วยเช่นนี้ด้วย
หลายคนอดสงสัยไม่ได้ว่าตนทำอะไรผิดจึงต้องมาเจ็บป่วยอย่างนั้น พระคัมภีร์ได้บันทึกเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ผู้ทรงเป็นพระเจ้า และมาบังเกิดเป็นมนุษย์ พระเยซูทรงเห็นใจคนเจ็บป่วย มีคนจำนวนมากที่ทุกข์ทรมานด้วยความเจ็บป่วยและความพิการได้มาหาพระองค์ ทั้งคนตาบอด คนแขนขาพิการ คนเป็นง่อย ผู้หญิงที่ตกเลือดมาเป็นเวลาถึง 12 ปี คนเป็นโรคลมบ้าหมู เด็กที่เป็นไข้หนัก หรือคนที่เป็นโรคผิวหนังร้ายแรง พระเยซูทรงสงสารเขาเหล่านั้น และให้เวลาเพื่อช่วยเหลือเขา พระองค์จับมือคนที่เดินไม่ได้และพยุงให้เขาลุกขึ้นเดิน พระองค์ปลอบใจเขาเหล่านั้นให้มีความหวังและกำลังใจ ให้เขาเห็นคุณค่าและศักดิ์ศรีของตนเอง แท้จริงแล้วแม้พระองค์เองจะเป็นพระเจ้า พระองค์ก็คุ้นเคยกับความเจ็บปวย และที่ไม้กางเขนนั้น พระองค์ทรงรับความเจ็บปวดทรมานถึงที่สุดดังที่บันทึกไว้ว่า
“ทุกคนดูถูกและเหยียดหยามเขา เขาเป็นคนที่ต้องทนทุกข์และต้องเจ็บปวด เป็นเหมือนคนที่ใครๆ เบือนหน้าหนี เขาถูกสบประมาท ไม่มีผู้ใดสนใจเลย  โดยแท้จริงแล้ว เขาแบกความทุกข์ทรมานของพวกเรา เขารับความเจ็บปวดของพวกเราไว้ แล้วเรากลับคิดว่าเขาถูกพระเจ้าทรงลงโทษ ถูกโบยตีและได้รับความอัปยศ” (อิสยาห์ 53:3-4)


ความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นไม่ได้หมายความว่าพระเจ้าไม่รักเรา หรือถูกพระเจ้าลงโทษ แม้แต่ผู้ที่เชื่อไว้วางใจในพระเจ้าก็ยังพบความเจ็บป่วยร้ายแรงได้ แต่ในเวลาเช่นนั้นกลับเป็นเวลาที่ยืนยันว่าพระเจ้าทรงห่วงใยเราและสำแดงให้เรารู้อย่างแน่ชัดว่าพระองค์ไม่เคยทอดทิ้งเราเลย พระองค์ไม่ได้ปล่อยให้เราเผชิญกับมันเพียงฝ่ายเดียว พระองค์อยู่กับเรา เจ็บป่วยด้วยกันกับเรา หลายคนได้พบว่าท่ามกลางความป่วยไข้ที่เขาประสบอยู่ เขาได้สัมผัสกับการช่วยเหลือพิเศษจากพระเจ้า ทำให้เขามีกำลังใจที่จะต่อสู้ต่อไป ร่างกายที่อ่อนแอเจ็บไข้ของเขากลับทำประโยชน์ให้กับคนรอบข้างและสังคมได้อย่างมากมาย เขาสามารถเข้าใจและให้กำลังใจกับคนที่ต้องเผชิญสิ่งเดียวกับเขา

พระเจ้าให้คำมั่นใจแก่เรา
“แม้ข้าพเจ้าจะต้องเดินไปในหุบเขาที่มืดมิด ข้าพเจ้าก็จะไม่กลัวอันตรายใดๆ เพราะพระองค์ทรงอยู่กับข้าพเจ้า...” (สดุดี 23:4)
“พระยาห์เวห์ทรงค้ำจุนเขาในยามเจ็บไข้ต้องนอนบนเตียง ไม่ว่าเขาจะป่วยด้วยโรคใด พระองค์ก็ทรงช่วยเขาให้พ้น” (สดุดี 41:3)

แล้วฉันจะทำอย่างไรดี
สิ่งแรกคือยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น ตั้งสติของคุณให้มั่นคง แม้การยอมรับความจริงนั้นจะทำให้คุณเจ็บปวดแต่ก็น้อยกว่าการหลอกตัวเอง

ต่อมาต้องรวบรวมกำลังใจ เพื่อตั้งรับกับโรคร้ายที่คุณเผชิญอยู่ อย่าปิดกั้นตนเอง แต่ควรบอกกับญาติสนิท มิตรที่ใกล้ชิดว่าคุณกำลังเผชิญกับอะไรอยู่ การที่คุณเปิดโอกาสให้เชาได้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคุณในช่วงเวลานี้ คุณอาจจะพบว่าญาติและเพื่อนสนิทของคุณเข้าใจและให้กำลังใจคุณได้ดีกว่าที่คุณคิดเสียอีก
ไปพบแพทย์เพื่อรับการรักษาและทราบวิธีดูแลตนเองอย่างถูกต้อง เพื่อจะใช้ชีวิตอย่างรู้เท่าทันโรคนั้น การไปพบแพทย์ตามนัดก็เป็นสิ่งสำคัญด้วยเช่นกัน
หาโอกาสคุยกับคนที่เผชิญปัญหาเช่นเดียวกับคุณ ให้กำลังใจกันและกัน ซึ่งคุณจะพบว่าเมื่อคุณสนใจช่วยเหลือผู้อื่น ความกังวลใจเกี่ยวกับตนเองก็จะลดน้อยลง
นอกจากนี้ คุณสามารถพูดกับพระเจ้าได้แม้คุณจะยังไม่รู้จักพระองค์ก็ตาม พระองค์พร้อมที่จะรับฟังความทุกข์ของคุณ ยิ่งกว่านั้น พระองค์พร้อมที่จะช่วยคุณและจะนำคุณให้ผ่านวันเวลาเหล่านั้นไป คุณสามารถขอให้พระเจ้าประทานกำลังใจที่เข้มแข็ง เปลี่ยนความทุกข์ใจเป็นความหวังใจในชีวิต และเปลี่ยนความคิดในทางลบต่อตนเองเป็นความคิดทางบวก แน่นอนที่ร่างกายของเราจะต้องเสื่อมสลายผุพังไปในวันหนึ่ง แต่จิตวิญญาณของเราจะไม่สูญสลายไปด้วย แม้การมีชีวิตอยู่ในโลกนี้จะสำคัญที่สุดสำหรับเราในเวลานี้ แต่ชีวิตหลังความตายก็มีจริงและเป็นเรื่องสำคัญซึ่งเราไม่ควรละเลย

“มนุษย์จะได้ประโยชน์ใดในการที่ได้โลกทั้งโลกเป็นกำไร แต่ต้องเสียชีวิต มนุษย์จะต้องให้สิ่งใดเพื่อแลกกับชีวิตที่สูญเสียไปให้กลับคืนมา” (มัทธิว 16:26)

“ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากังวลถึงชีวิตของท่านว่าจะกินอะไร อย่ากังวลถึงร่างกายของท่านว่าจะนุ่งห่มอะไร ชีวิตย่อมสำคัญกว่าอาหาร และร่างกายสำคัญกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ จงดูนกในอากาศเถิด มันมิได้หว่าน มิได้เก็บเกี่ยว มิได้สะสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านผู้สถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงมัน ท่านทั้งหลายมิได้มีค่ามากกว่านกหรือ  ท่านใดบ้างที่กังวลแล้วต่ออายุของตนให้ยาวออกไปอีกสักหนึ่งวันได้” (มัทธิว 6:25-27)

“เพราะฉะนั้น ท่านทั้งหลายอย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะวันพรุ่งนี้จะกังวลสำหรับตนเอง แต่ละวันมีทุกข์พออยู่แล้ว” (มัทธิว 6:34)
ที่มา หนังสือ ดูเหมือนแพ้ ที่แท้คือชนะสมาคมพระคริสตธรรมไทย
kamsonbkk.com

ความเจ็บไข้ของคนเรามีสาเหตุจาก 2 ประการ คือ การได้รับเชื้อโรคจากภายนอก มลภาวะต่างๆ และการที่ร่างกายขาดภูมิต้านทาน ทำให้ร่างกายผิดปกติไป จึงเกิดการเจ็บไข้ขึ้น
      
       หนทางป้องกันและแก้ไข คือ การหลีกเลี่ยงจากการรับเชื้อโรคจากภายนอก และการสร้างภูมิต้านทานภายในร่างกายให้ดี เพื่อปิดโอกาสแก่การเจ็บไข้
      
       จิตใจและร่างกายของคนเรายังมีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกัน เมื่อร่างกายมีความผิดปกติขึ้น บางครั้งก็มีผลทำให้จิตใจพลอยเจ็บไข้ไปด้วย ในทำนองเดียวกัน เมื่อจิตใจห่อเหี่ยวและอ่อนแอ ก็เป็นเหตุให้ร่างกายเจ็บไข้ได้เช่นกัน
      
       ดังนั้น เมื่อร่างกายต้องเจ็บไข้ขึ้นมา พึงพยายามทำจิตใจให้แช่มชื่นเข้มแข็ง และรู้เท่าทันความจริง เพื่อจะได้มีกำลังใจไว้ต่อสู้ต้านทานความเจ็บไข้ทางร่างกาย ตามหลักที่ว่า “ป่วยแต่ร่างกาย จิตใจไม่ป่วยด้วย” ก็จะช่วยให้เกิดภูมิต้านทานภายในขึ้นทางหนึ่ง

ตราบใดที่ความต้านทานยังดีอยู่ เราก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเมื่อไรร่างกายเราอ่อนแอ ไม่มีความต้านทานเพียงพอ เราก็รู้สึกว่าเป็นโรค ไม่สบาย แล้วไปหาหมอ
      
       บางทีเมื่อไปหาหมอ หมอบอกว่า แหม มันมากเสียแล้ว ไม่สามารถรักษาได้ เช่น โรคมะเร็ง มันมาแอบซุ่มทำร้ายร่างกายเราอยู่ตั้งนาน พอเกิดเจ็บปวดก็อาการหนักเต็มทีแล้ว พอไปหาหมอก็เรียกว่าเข้าขั้นโคม่า ไม่สามารถจะรักษาได้แล้ว เราก็ถึงแก่กรรมตายไปตามๆ กัน อันนี้มันเป็นเรื่องที่จะเกิดขึ้นแก่ใครเมื่อใด ก็ได้
      
       เพราะฉะนั้น เราจึงควรจะได้คิดไว้ล่วงหน้าในเรื่องอย่างนี้ ว่างๆ ก็พูดกับตัวเองเสียบ้างว่า “เออ! อย่าประมาทนะ อย่าเพลิดเพลินนักนะ ร่างกายนี่มันเป็นของเปราะ”

พระคัมภีร์ไม่ได้โยงการหายดีฝ่ายร่างกายกับฝ่ายวิญญาณเข้าด้วยกันอย่างเจาะจง หลายครั้งผู้คนหายโรคเมื่อเขามีความเชื่อในพระคริสต์ – แต่มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นเสมอไป บางครั้งมันเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะทรงรักษาแต่บางครั้งก็ไม่ใช่ อัครทูตยอห์นได้ให้มุมมองที่เหมาะสมไว้ว่า “และนี่คือความมั่นใจที่เรามีต่อพระองค์ คือถ้าเราทูลขอสิ่งใดที่เป็นพระประสงค์ของพระองค์ พระองค์ก็ทรงโปรดฟังเรา และถ้าเรารู้ว่า พระองค์ทรงโปรดฟังเรา เมื่อเราทูลขอสิ่งใดๆ เราก็รู้ว่าเราได้รับสิ่งที่เราทูลขอจากพระองค์นั้น” (1 ยอห์น 5:14-15) พระเจ้ายังคงสำแดงการอัศจรรย์อยู่ พระเจ้ายังคงทรงรักษาผู้คนอยู่ โรคภัยไข้เจ็บ, ความเจ็บปวด, และความตายยังคงเป็นความจริงในโลกนี้ นอกจากว่าพระเจ้าจะเสด็จกลับมาภายใน 50 ปีข้างหน้า เกือบทุกคนที่ยังมีชีวิตอยู่ในขณะนี้จะเสียชีวิตไปแล้ว และส่วนใหญ่ (รวมถึงคริสเตียนด้วย) ก็จะเสียชีวิตด้วยปัญหาฝ่ายร่างกาย (โรคภัย, ไข้เจ็บ, ความบาดเจ็บ) มันไม่ใช่น้ำพระทัยของพระเจ้าเสมอไป ที่จะรักษาเราฝ่ายร่างกาย

การหายดีอย่างบริบูรณ์ของเรารอคอยเราแล้วบนสวรรค์ บนสวรรค์จะไม่มีความเจ็บปวด, โรคภัย, ไข้เจ็บ, ความทุกข์ทรมาน หรือความตายอีกต่อไป (วิวรณ์บทที่ 21) เราควรหมกมุ่นอยู่สุขภาพทางร่างกายในโลกนี้ให้น้อยลง และหมกมุ่นอยู่กับสุขภาพฝ่ายวิญญาณของเราให้มากขึ้น (โรม 12:1-2) เพื่อที่เราจะได้ทำใจให้จดจ่ออยู่บนสวรรค์และไม่สนใจปัญหาฝ่ายร่างกายอีกต่อไป และเมื่อนั้นหนังสือวิวรณ์ 21:4 กล่าวว่า “พระเจ้าจะทรงเช็ดน้ำตาทุกๆหยดจากตาของเขา ความตายจะไม่มีอีกต่อไป ความคร่ำครวญ การร้องไห้ และการเจ็บปวดจะไม่มีอีกต่อไป เพราะยุคเดิมนั้นได้ผ่านพ้นไปแล้ว”
jw.org

พระสัญญาแห่งการรักษา
1เปโตร 2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้นเพื่อ
ว่าเราทั้งหลายซึ่งตายจากบาปแล้ว จะได้ดําเนินชีวิตตามความชอบธรรม ด้วยรอยเฆี่ยนของ
พระองค์ ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย

สุภาษิต 4:20 บุตรชายของเราเอ๋ย จงตั้งใจต่อถ้อยคําของเรา จงเอียงหูของเจ้าเข้าหาคําพูดของ
เรา

สุภาษิต 4:21 อย่าให้มันหนีไปจากสายตาของเจ้า จงรักษามันไว้ภายในใจของเจ้า

สุภาษิต 4:22 เพราะมันเป็นชีวิตแก่ผู้ที่ค้นพบ และมันเป็นสุขภาพแก่เนื้อหนังของผู้นั้นทั้งสิ้น

การรักษาจากพระเจ้าเกิดขึ้นเสมอเมื่อเรากล่าวพระวจนะของพระเจ้าพึ่งพาในพระนามของพระเยซู
คริสต์ และพระวิญญาณบริสุทธ์ให้ทำลายแอกแห่งพันธนาการ-ความบาป,ความเจ็บป่ วย, โรคภัยและ
ความตาย

พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าพร้อมอยู่เสมอที่จะรักษาในทุกที่ทุกเวลาไม่ว่าท่านจะอยู่ในสภาพ
ใดการหายโรคเป็นของท่านทุกคร้ังที่ท่านต้องการ แต่ว่า เพื่อจะให้การเยียวยารักษาแห่งพระเจ้าเกิดขึ้นได้
พระองค์ต้องการความเชื่อ –จากท่าน

‘พระสัญญาแห่งการรักษา" จะช่วยนำ ความจริงเรื่องการเยียวยารักษาของพระเจ้าให้ตระหนักแน่ใน
หัวใจท่าน และช่วยให้พระวจนะของพระเจ้าอยู่ต่อหน้าท่านตลอดเวลา

ให้อ่าน’พระสัญญาแห่งการรักษานี้ จงอ่านแล้วอ่านอีก พระวจนะจะเพิ่มพูน ความเชื่อและลบล้าง
ความสงสัยให้ออกไปจากหัวใจและให้รับพระสัญญาเหล่านี้ดว้ยความเชื่อ พระวจนะนี้จะกลายเป็นชีวิตแก่
ท่าน และเป็นสุขภาพแก่เนื้อหนังของท่าน

พระวจนะของพระเจ้าคือยาของพระเจ้าท่านไม่ตอ้งกังวลว่า จะกินยานี้เกินขนาดยิ่ง ท่านกินยาของ
พระเจ้านี้มากเท่าไหร่ ท่านก็จะดีขึ้นเท่าน้น

การรักษาให้หายเป็นน้ำพระทัยพระเจ้า
พระเจ้าทรงเป็ นพระเจ้าที่ดี และการรักษาให้หายเป็นธรรมชาติของพระองค์พระคัมภีร์ตั้งแต่ต้นจน
จบไดก้ล่าวไว้อย่างชัดเจนว่าเป็นน้ำ พระทัยของพระเจ้าที่จะรักษาประชากรของพระองค์ให้หายจากการ
เจ็บป่ วย

อพยพ 15:26 พระองค์ตรัสว่า "ถ้าเจ้าทั้งหลายฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้าอย่าง
ขะมักเขม้น และกระทําสิ่งที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระองค์ เงี่ยหูฟังพระบัญญัติของพระองค์ และ
รักษากฎเกณฑ์ของพระองค์ทุกประการ แล้วโรคต่างๆซึ่งเราบันดาลให้เกิดแก่ชาวอียิปต์นั้น เราจะไม่ให้
บังเกิดแก่พวกเจ้าเลย เพราะเราคือพระเยโฮวาห์เป็นผู้รักษาเจ้าให้หาย"

อพยพ 23:25 จงปรนนิบัติพระเยโฮวาห์พระเจ้าของเจ้า แล้วพระองค์จะทรงอวยพรแก่อาหารและน้ำของเจ้า
เราจะบันดาลให้โรคต่างๆหายไปจากท่ามกลางพวกเจ้า

ฉธบ 7:14 ท่านทั้งหลายจะได้รับพระพรเหนือชนชาติทั้งหลายหมด จะไม่มีชายหรือหญิงเป็นหมันท่ามกลางท่าน หรือในหมู่สัตว์เลี้ยงของท่านด้วย

ฉธบ 7:15 และพระเยโฮวาห์จะทรงยกความเจ็บไข้ทั้งสิ้นไปเสียจากพวกท่าน และโรคร้ายอย่างในอียิปต์ซึ่ง
ท่านได้ทราบนั้น พระองค์จะไม่ทรงให้เกิดแก่ท่าน แต่จะทรงให้เกิดแก่ทุกคนที่เกลียดชังพวกท่าน

ฉธบ 28:1 "ต่อมาถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน และระวังที่จะ
กระทําตามบรรดาพระบัญญัติของพระองค์ซึ่งข้าพเจ้าบัญชาท่านในวันนี้ พระเยโฮวาห์พระเจ้าของท่าน
จะทรงตั้งท่านไว้ให้สูงกว่าบรรดาประชาชาติทั้งหลายทั่วโลก

ฉธบ 28:2 บรรดาพระพรเหล่านี้จะตามมาทันท่าน ถ้าท่านทั้งหลายเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระเยโฮวาห์พระ
เจ้าของท่าน

ฉธบ 28:3 ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในเมือง ท่านทั้งหลายจะรับพระพรในทุ่งนา

ฉธบ 28:4 ผลแห่งตัวของท่าน ผลแห่งพื้นดินของท่านและผลแห่งสัตว์ของท่านจะรับพระพร คือฝูงวัวของ
ท่านที่เพิ่มขึ้น ฝูงแกะของท่านที่เพิ่มลูกขึ้น

ฉธบ 28:5 กระจาดของท่าน และรางนวดแป้งของท่านจะรับพระพร

ฉธบ 28:6 ท่านจะรับพระพรเมื่อท่านเข้ามา และท่านจะรับพระพรเมื่อท่านออกไป

ฉธบ 28:7 พระเยโฮวาห์จะทรงกระทําให้ศัตรูผู้ลุกขึ้นต่อสู้ท่านพ่ายแพ้ต่อหน้าท่าน เขาจะออกมาต่อสู้ท่าน
ทางหนึ่ง และหนีให้พ้นหน้าท่านเจ็ดทาง

การหายโรคคือการไถ่
การรักษาให้หายเป็นมากกว่าน้ำพระทัยพระเจ้ามันคือสิ่งซึ่งพระเจ้าได้จัดเตรียมไว้ให้ ราคาแห่งการ
หายโรคของท่านนั้น พระเยซูได้จ่ายให้เท่านแล้วบนไมก้างเขน –( การหายจากการเจบ็ ป่วยเป็นส่วนหนึ่งของการรับการไถ่ของท่าน)

ยอห์น 10:10 ขโมยนั้นย่อมมาเพื่อจะลักและฆ่าและทําลายเสีย เราได้มาเพื่อเขาทั้งหลายจะได้ชีวิต และจะ
ได้อย่างครบบริบูรณ์

อิสยาห์53:4 แน่ทีเดียวท่านได้แบกความระทมทุกข์ของเราทั้งหลาย และหอบความเศร้าโศกของเราไป
กระนั้นเราทั้งหลายก็ยังถือว่าท่านถูกตี คือพระเจ้าทรงโบยตีและข่มใจ

อิสยาห์53:5 แต่ท่านถูกบาดเจ็บเพราะความละเมิดของเราทั้งงหลาย ท่านฟกช้ำเพราะความชั่วช้าของเรา
การตีสอนอันทําให้เราทั้งหลายปลอดภัยนั้นตกแก่ท่าน ที่ต้องฟกช้ำนั้นก็ให้เราหายดี

1เปโตร 2:24 พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์ที่ต้นไม้นั้น เพื่อว่าเรา
ทั้งหลายซึ่งตายจากบาปแล้ว จะได้ดําเนินชีวิตตามความชอบธรรม ด้วยรอยเฆี่ยนของพระองค์ ท่าน
ทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย
godlovesmeministries.com

ความจริงคือ  พระเยซูทรงรักษาทุกคน  ทุกโรคและทุกเวลา  เพราะคนเหล่านี้ “ล้วนถูกมารเบียดเบียน” (กจ. ๑๐:๓๘)  จากข้อนี้  พระคัมภีร์ชี้ให้เห็นว่าความเจ็บป่วยมาจากไหน

ถึงเวลาที่จะเชื่อพระคัมภีร์  และไล่ทุกความคิดเห็นแบบมนุษย์ออกไป

การที่พระเยซูทรงรักษาทุกโรค  บอกให้เราเห็นถึงน้ำพระทัยของพระเจ้าที่มีต่อคุณ  พระเจ้าทรงประสงค์ที่จะรักษาคุณให้พ้นจากความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของคุณ

ผู้เขียนสดุดีกล่าวว่า “เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย”

พระองค์ไม่ทรงประสงค์ให้คุณป่วยเลย

และความจริงคือ  พระองค์ได้ทรงรักษาคุณให้พ้นจากความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของคุณแล้ว  โดยทรงให้พระเยซู  พระบุตรองค์เดียวของพระองค์มาสิ้นพระชนม์บนไม้กางเขน

พระคัมภีร์กล่าวถึงพระเยซูว่า “ท่านได้แบกความเจ็บไข้ของเราทั้งหลาย  และหอบโรคของเราไป” (มธ. ๘:๑๗)

และกล่าวถึงพระเยซูบนไม้กางเขนว่า “พระองค์เองได้ทรงรับแบกบาปของเราไว้ในพระกายของพระองค์  ที่ต้นไม้นั้น  เพื่อว่าเราทั้งหลายจะได้ตายจากบาปได้  และดำเนินชีวิตตามคลองธรรม  ด้วยบาดแผลของพระองค์  ท่านทั้งหลายจึงได้รับการรักษาให้หาย” (๑ ปต. ๒:๒๔)

บนไม้กางเขน  พระเยซูไม่เพียงแบกรับบาปของคุณไว้ในพระกายของพระองค์เท่านั้น  พระองค์ได้ทรงรับแบกความเจ็บไข้  และหอบโรคของคุณไป

คุณตายจากบาปและดำเนินชีวิตตามคลองธรรมได้โดยเชื่อพระวจนะในหัวใจและกล่าวรับด้วยปาก (รม. ๑๐:๙-๑๐)

คุณได้รับการรักษาให้หายจากความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของคุณได้ด้วยวิธีเดียวกัน

ตัดสินใจวันนี้ที่จะยกพระวจนะไว้สูงกว่าทุกความคิดเห็น  เชื่อในหัวใจและกล่าวรับด้วยปากว่า “พระเยซูเองได้แบกความเจ็บไข้ของข้าพเจ้า  และหอบโรคของข้าพเจ้าไป  ข้าพเจ้าจึงได้รับการรักษาให้หาย”  จงเชื่อและกล่าวทุกวันตลอดชีวิตของคุณ  ไม่ใช่ในยามป่วยเท่านั้น  แต่ในยามสุขภาพดีด้วย  ความเชื่อในด้านสุขภาพจะเข้มแข็งขึ้น  คราวใดที่มารตั้งใจจะเอาโรคเข้ามาเบียดเบียน  แทนที่คุณจะหลงรับไว้เพราะนึกว่าเป็นของดีมีประโยชน์เหมือนเคย  คุณจะยืนต้านมันด้วยใจมั่นคงในความเชื่อในพระวจนะ  และคราวนี้มันจะต้องเป็นฝ่ายหนีคุณไป  การรักษาซึ่งอยู่ในคุณนับตั้งแต่วันที่คุณรับความรอดจะทำงานภายในคุณ  ขับโรคทุกโรคออกไป  คุณจะมีสุขภาพที่ดีและมีประสบการณ์กับชีวิตครบบริบูรณ์ที่พระเยซูได้เสด็จมาเพื่อประทานแด่คุณ

คำอธิษฐานด้วยความเชื่อ: พระบิดาเจ้า  ลูกขอบพระคุณพระองค์  เมื่อลูกนอนเจ็บ  พระเจ้าทรงค้ำจุนลูก  เมื่อลูกป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของลูกให้หาย  ลูกสรรเสริญพระองค์  ในพระนามของพระเยซูคริสต์เจ้า  อาเมน
oknation.nationtv.tv






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...