คำอธิษฐานของนางฮันนาห์
นางขมขื่นใจมากจึงอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์และร้องไห้อย่างหนัก 11นางบนไว้ว่า “ข้าแต่พระยาห์เวห์จอมทัพ
ถ้าพระองค์จะทอดพระเนตรความทุกข์ใจของผู้รับใช้ของพระองค์จริงๆ
ทรงระลึกถึงข้าพระองค์ และไม่ทรงลืมผู้รับใช้ของพระองค์ แต่จะประทานบุตรชายแก่ผู้รับใช้ของพระองค์สักคน
แล้วข้าพระองค์จะถวายเขาแด่พระยาห์เวห์ตลอดชีวิตของเขา
และมีดโกนจะไม่แตะต้องศีรษะของเขาเลย”
1 ซามูเอล 1:11
พระวรสารในวันนี้ได้กล่าวถึงเรื่องราวของนางฮันนาห์ ซึ่งเป็นภรรยาของชายที่มีเมียสองคน
นางเป็นหมันไม่สามารถมีบุตรได้ พระคัมภีร์บันทึกไว้ว่าพระเจ้าทรงปิดครรภ์ของนาง
ส่วนเมียอีกคนหนึ่งกลับมีบุตรหลายคน และมักเยาะเย้ยถากถางนางฮันนาห์อยู่เป็นประจำ นางฮันนาห์เป็นคนอ่อนโยน
ไม่ขี้วีนโวยวาย นางเก็บความอึดอัดคับข้องใจเอาไว้ และร้องไห้เป็นอย่างเดียว
บางครั้งก็กินไม่ได้ สามีของฮันนาห์ก็รักนางมากกว่าเมียอีกคน เพราะเวลาที่เขามีของดีๆเขาก็มักจะนำมาแบ่งให้นาง
และคอยปลอบใจนางอยู่เสมอ
ขณะที่นางกำลังทุกข์ทรมานใจ แม้จะต้องเจ็บปวดเพียงไรที่ต้องถูกเยาะเย้ยโดยไม่มีเหตุผล
นางไม่เคยโต้ตอบ นางฮันนาห์ได้วางแบบอย่างที่ยอดเยี่ยมให้กับพวกเราในด้านความเชื่อ.
นั่นคือนางไม่ปล่อยให้ความไม่สมบูรณ์ของมนุษย์มาขัดขวางการนมัสการพระเจ้าได้
เมื่อเรารู้สึกหดหู่ท้อใจหรือเป็นทุกข์ นับว่าดีถ้าเราจะทำตามตัวอย่างของฮันนาห์
และทูลทุกสิ่งต่อพระเจ้า “ผู้สดับคำอธิษฐาน.” (เพลง. 65:2)
ถ้าเราทำเช่นนั้นด้วยความเชื่อ เราจะประสบเช่นกันว่า
“สันติสุขของพระเจ้าซึ่งเหนือกว่าความคิดทุกอย่าง”
จะเข้ามาแทนที่ความทุกข์ใจของเรา.—ฟิลิปปี. 4:6, 7
หลายเดือนผ่านไป
สันติสุขในใจของฮันนาเปลี่ยนไปเป็นความยินดีอย่างเหลือล้น.
นางตั้งครรภ์! แม้นางจะปีติยินดี แต่นางไม่เคยลืมว่าได้พระพรนี้มาอย่างไร.
เมื่อคลอดบุตร นางให้กำเนิดบุตรที่รักหลังการเป็นหมันมาหลายปี
หลังการทนทุกข์จากการถูกเหยียดหยามจากภรรยาร่วม เมื่อนางให้กำเนิดบุตรคนนี้
นางตั้งชื่อบุตรว่า ซามูเอล ซึ่งมีความหมายว่า “พระนามของพระเจ้า” นางหาได้ลืมคำมั่นที่มีต่อองค์พระผู้เป็นเจ้าของนาง
หรือละเลยไม่
แต่นางกล้าที่จะมอบคนที่รักและห่วงใย มอบถวายเลือดเนื้อเชื้อไขให้กับพระเจ้า
ด้วยการตระหนักว่าพระพรการมีบุตรในครั้งนี้มาจากพระหัตถ์พระเจ้า นางอยู่ที่บ้านกับลูกน้อยเป็นเวลาสามปีจนเขาหย่านม.
การทำเช่นนั้นช่วยให้นางมีจิตใจเข้มแข็งเพื่อจะรับมือได้ในวันที่ต้องจากลูกชายสุดที่รัก.
ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ต้องแยกจากกันกับลูกชาย. จริงอยู่ ฮันนาห์
รู้ว่าซามูเอลจะได้รับการดูแลอย่างดีที่ชีโลห์
อาจโดยผู้หญิงที่รับใช้อยู่ที่พลับพลา. แต่เขายังเด็กมาก และมีแม่คนไหนบ้างที่ไม่อยากอยู่กับลูกน้อยของตน? ไม่ว่าจะอย่างไร ฮันนากับเอ็ลคานาก็พาลูกชายไปที่นั่น
ไม่ใช่ด้วยฝืนใจแต่ด้วยความสำนึกบุญคุณที่มีต่อพระเจ้า. พวกเขาถวายเครื่องบูชาที่พระนิเวศของพระเจ้า
มอบซามูเอลให้เอลีและบอกเขาเกี่ยวกับคำปฏิญาณที่ฮันนาให้ไว้เมื่อสามปีก่อน.
พระคัมภีร์บันทึกคำอธิษฐานของนางฮันนาห์หลังจากส่งมอบบุตรชาย
เป็นคำอธิษฐานที่มีแต่ความขอบคุณพระเจ้าและสรรเสริญพระองค์
จิตใจของนางยอมปล่อยมือกับสิ่งที่นางรักมากที่สุดคืนกลับให้แก่พระเจ้า ด้วยใจเปรมปรีดิ์
ปราศจากความขมขื่น
ฮันนาห์ยังคงไปวิหารของพระเจ้าในทุกๆ ปีดังเช่นเดิม นั่นหมายถึง
นางได้พบกับลูกเพียงปีละครั้ง นางต้องใช้ความวางใจมากเพียงใด? เพื่อจะเชื่อและวางใจว่าพระเจ้าทรงดูแลบุตรของตนได้ดียิ่งกว่ามือของนางเอง
สะท้อนถึงความเชื่อที่นางมีต่อพระเจ้าของตน
นางไม่ได้ละทิ้งบุตรของนาง
โดยปราศจากความรับผิดชอบแห่งผู้เป็นแม่
ซึ่งตามธรรมชาตินี้เอง ความรัก ห่วงหา คิดถึง การอยากครอบครอง อยากอยู่ใกล้
อยากเห็นหน้า ย่อมมีเป็นปกติธรรมดา …
แต่นางถวายซามูเอลไว้ในวิหารของพระเจ้าด้วยความเต็มใจ มอบสิทธิต่างๆ
ที่พึงมีให้กับพระเจ้าอย่างแท้จริง ยิ่งคิดถึงสักเพียงใด นางยิ่งต้องวางใจในพระเจ้ามากเพียงนั้น นางมีความกล้าในการมอบถวายให้แด่พระเจ้า
สะท้อนถึงความวางใจพระเจ้าในชีวิตนาง
ถามใจตนเอง เรายอมปล่อยมือกับสิ่งที่รักที่สุดมั๊ย
เมื่อพระเจ้าเรียกหา? ยามสูญเสียหรือขาดแคลนเราขมขื่น
ชี้นิ้วไปที่พระองค์หรือเปล่า? ใจของแม่ที่ต้องปล่อยลูกที่เพิ่งหย่านมหลุดมือไป
ต้องเข้มแข็งมากขนาดไหน? และต้องวางใจพระองค์ขนาดไหนถึงได้มีความเข้มแข็งขนาดนี้ได้?
ทุกอย่างมาจากความเข้าใจว่าเราเป็นใคร พระเจ้าเป็นใคร
ความถ่อมใจเป็นพื้นฐานของความรักและความวางใจในพระองค์
ส่วนพระเจ้าจะเรียกอะไรจากคุณ แต่ละคนจะรู้ตัวเองดีที่สุด
คำอธิษฐานของนางฮันนาห์ 1 ซามูเอล 2:1-10
1นางฮันนาห์อธิษฐานว่า
“จิตใจของข้าพเจ้าชื่นชมในพระยาห์เวห์
ในพระยาห์เวห์ กำลังของข้าพเจ้าก็เข้มแข็ง
ปากของข้าพเจ้าหัวเราะพวกศัตรูของข้าพเจ้า
เพราะข้าพเจ้ายินดีในความรอดของพระองค์
2“ไม่มีใครบริสุทธิ์ดังพระยาห์เวห์
ไม่มีใครเปรียบเหมือนพระองค์
ไม่มีใครปกป้องเหมือนพระเจ้าของพวกเรา
3อย่าพร่ำพูดเย่อหยิ่งโอหังอีกต่อไป
อย่าให้ความจองหองออกมาจากปากของพวกเจ้า
เพราะพระยาห์เวห์ทรงเป็นพระเจ้าผู้ทรงรู้
ผู้ตรวจการกระทำทั้งหลาย
4คันธนูของนักรบก็หัก
แต่คนอ่อนแอก็ได้รับการเสริมกำลัง
5บรรดาคนที่เคยกินอิ่มก็ต้องออกรับจ้างหากิน
แต่บรรดาคนที่หิวก็หยุดหิว
คนที่เป็นหมันมีบุตรเจ็ดคน
แต่นางที่มีบุตรมากก็ร่วงโรยไป
6พระยาห์เวห์ทรงประหารและทรงให้มีชีวิต
พระองค์ทรงนำลงไปถึงแดนคนตายและทรงนำขึ้นมา
7พระยาห์เวห์ทรงทำให้ยากจนและทรงทำให้มั่งคั่ง
ทรงทำให้ต่ำลงและทรงยกขึ้น
8ทรงยกคนยากจนขึ้นจากผงคลี
ทรงยกคนขัดสนขึ้นจากกองขี้เถ้า
ทรงทำให้พวกเขานั่งร่วมกับพวกเจ้านาย
และได้ที่นั่งอันมีเกียรติเป็นมรดก
เพราะว่าบรรดาเสาแห่งพิภพเป็นของพระยาห์เวห์
พระองค์ทรงวางพิภพไว้บนเสาเหล่านั้น
9“พระองค์จะทรงดูแลย่างเท้าของธรรมิกชนของพระองค์
แต่คนอธรรมจะต้องถูกทำลายในความมืด
เพราะว่ามนุษย์จะชนะด้วยกำลังของเขาก็หาไม่
10บรรดาผู้ต่อสู้พระยาห์เวห์จะถูกทำลาย
พระองค์จะทรงส่งฟ้าร้องจากสวรรค์ต่อสู้เขา
พระยาห์เวห์จะทรงพิพากษาจนสุดปลายพิภพ
พระองค์จะประทานกำลังแก่พระราชาของพระองค์
และจะทรงเสริมอำนาจของผู้ที่พระองค์ทรงเจิมไว้”
อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ One minute
devotions
panarat.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น