วันเสาร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การรู้จักเลืออกคบเพื่อน

 


กล้าที่จะปฏิเสธ

จงไปให้พ้นหน้าคนโง่

เพราะเจ้าจะไม่พบถ้อยคำแห่งความรู้ในเขา

สุภาษิต 14:7

เพื่อนของซีอยากให้เขาลองสูบบุหรี่ แต่เขาปฏิเสธเพื่อนไป เพราะเขาเคยได้เห็นผลเสียและความเจ็บปวดของสมาชิกในครอบครัวที่ต้องเจ็บป่วยทรมานเพราะการติดบุหรี่มาแล้ว

อาจมีหลายคนคิดอยากจะเลิก แต่ก็เลิกไม่ได้สักที  ทั้งที่ก็รู้ว่ามันไม่ดีต่อสุขภาพ แต่พวกเขาก็หยุดทำมันไม่ได้เพราะร่างกายของเขาเคยชินกับมันแล้วและหลงคิดไปว่ามันเป็นความอยากที่ต่อต้านไม่ไหวแล้วจริงๆ เพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่พวกเขาพยายามจะหยุด พวกเขาจะเจ็บป่วยทรมานหนักบ้าง เบาบ้างทันที ดังนั้นพอเป็นแบบนี้ก็มีหลายคนที่ท้อแท้ถอดใจกับการพยายามเลิกสารเสพติด และหันกลับไปหามันอีกเพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกดีขึ้น ไม่ว่าจะเป็น แอลกอฮอล์  บุหรี่ และยาเสพติด นี่เป็นเพียงตัวอย่างบางส่วนของสิ่งเสพติดที่มีผู้คนมากมายไม่สามารถนำพาตนเองออกมาจากวังวนนี้ได้

เมื่อมีคนมาชวนให้คุณทำสิ่งที่คุณเองก็รู้ว่าผิด คุณต้องกล้าที่จะปฏิเสธออกไปว่า"ไม่" อย่างไม่ลังเลใจ พระเจ้าไม่ต้องการให้คุณตกเป็นทาสของสิ่งเหล่านี้ พระเจ้าต้องการให้คุณเป็นอิสระ  พระคำของพระเจ้าต้องการสอนให้ลูกของพระองค์รู้จักเลือกคบเพื่อน เพราะเป็นเรื่องสำคัญ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการถือตัวหรือเรื่องความเย่อหยิ่ง แต่เป็นเรื่องความรอบคอบในการป้องกันไม่ให้อิทธิพลของความชั่วและค่านิยมที่ผิดครอบงำความคิดและจิตใจของเราโดยเฉพาะเด็กและวัยรุ่นต้องระวังเป็นพิเศษในการคบเพื่อน

ข้อคิด

เราจะมีเพื่อนดีได้ เราก็ต้องรู้จักทำตนให้เป็นเพื่อนที่ดี เพื่อนที่น่าคบก่อน   เพื่อนที่ดีต้องไม่เอาเปรียบเพื่อน  ไว้ใจเชื่อใจกันได้  รู้รักรู้อภัยเพื่อน  ไม่หวังร้ายต่อเพื่อน  ให้คำปรึกษากันได้  ตักเตือนกันได้ ให้ความเป็นมิตรแท้  แบ่งปันพระคำของพระเจ้าแก่เพื่อน หนุนใจเพื่อนคอยเสริมใจให้เพื่อนเพื่อพวกเขาจะได้เห็นความรักของพระเจ้าผ่านการดำเนินชีวิตของเรา   หัวใจสำคัญคือ ให้เราเริ่มต้นเป็นเพื่อนที่ดีก่อนแล้วเราจะได้เพื่อนที่ดีกลับมา 

อย่าแค่คบเพื่อน ที่คอยปลอบให้เรา "รู้สึกดีขึ้น"

แต่จงคบเพื่อน ที่คอยเปลี่ยนให้เรา "เป็นคนที่ดีขึ้น”

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

jaisamarnchurch


วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ฉลาดในการใช้สื่อโซเชียล

 


ฉลาดในการใช้สื่อโซเชียล

7อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

กาลาเทีย 6:7-8

เคนชอบคุยกับเพื่อนทางอินเทอร์เน็ต อยู่มาวันหนึ่ง เคนอารมณ์เสียกับเพื่อนคนหนึ่งของเขา ดังนั้นเขาจึงโพสต์คำหยาบคายมากมายเพื่อระบายอารมณ์ จากนั้นก็มีเพื่อนบางคนเข้ามาลงความเห็น ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับเคน  เคนยิ่งโกรธจัด เขาพูดจาแย่หนักเข้าไปอีกจนทำให้เพื่อนคนอื่นแทบคลั่ง!

พระคัมภีร์กล่าวว่าคุณจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณปลูกเอาไว้ เช่นกัน เคนเลือกที่จะสร้างความโกรธและความแค้น และนั่นคือสิ่งที่เขาจะได้รับตอบแทนกลับมา เมื่อคุณใช้สื่อโซเชียล ขอให้คุณระมัดระวังในสิ่งที่คุณโพสต์ด้วย ต่อให้ตั้งค่าเป็นส่วนตัวไว้แต่อย่าลืมว่าคุณยังมีเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มที่เขายังสามารถมองเห็นโพสต์ของคุณอยู่และมันจะไม่มีอะไรเป็นส่วนตัวอีกเพราะมันอาจจะมีบางคนนำมันออกไปเผยแพร่สู่สารธารณะได้เช่นกัน

การใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่ดี คือ ผู้ใช้ทุกคนควรตระหนักถึงจริยธรรมและมารยาทในการใช้ร่วมกัน เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดความเสียหายและแตกความสามัคคีในสังคม ที่สำคัญเราควรอ่านควรฟังหรือรับชมให้จบก่อนแชร์ออกไป

มารยาทที่พึงปฏิบัติร่วมกันในการใช้สื่อสังคมออนไลน์

การใช้สติในการรับฟังและแสดงความคิดก่อนจะโพสต์ หรือเผยแพร่ข้อความ ภาพ หรือเสียง ทุกครั้ง ด้วยการลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ทำนั้น ตรงกับคำถามต่อไปนี้อยู่หรือเปล่า  เช่น

ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือไม่

ละเมิดความคิดทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์ของผู้อื่นหรือไม่

ข้อความ ภาพ และเสียง ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายหรือไม่

ก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมหรือไม่

ละเมิดสิทธิ ความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่

เป็นการหลอกลวง ล่อลวง ฉ้อโกง หรือไม่

เป็นการล้วงความลับ ข้อมูลของผู้อื่น เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่

ก่อให้เกิดความรำคาญ การทะเลาะ การใช้ความรุนแรง หรือไม่

ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีของคนในสังคมหรือไม่

ในยุคของโซเชียลมีเดีย เราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก มันล่อลวงเราให้มีความต้องการในการโต้ตอบทันที มันทำให้ใจของเราสูญเสีย “สติและสมาธิ” ในการจดจ่อไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะสูญเสียความนิ่งที่จะจดจ่อกับการอ่านพระคัมภีร์ การอธิษฐาน หรือแม้แต่การฟังเทศน์ไป

ทุกวันนี้มีสิ่งรบกวนมากมายอยู่รอบตัวเรา มันพร้อมเข้ามาทำให้ใจของเราไขว้เขวได้ง่ายอยู่ทุกขณะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้จิตใจของเราสงบ และพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับพระเจ้า   เมื่อจิตใจของเราว้าวุ่น เรามักจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ต้องการตรัสกับเรา ความสัมพันธ์ที่เราอยากจะมีกับพระเจ้าจึงกระตุกและ สะดุดลงได้

แนวทางโซเชียลมีเดียสำหรับคริสตชน

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าบางสิ่งบางอย่างบน Facebook Twitterและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง เราจึงต้องอ่านให้จบฟังให้จบหรือรับชมก่อนแชร์ หากสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอีกหลายๆด้านได้ยิ่งดี ที่สำคัญอีกประการคืออย่าลืมรักเพื่อนบ้านของคุณซึ่งในที่นี้ก็คือคนในโลกออนไลน์ที่คิดต่างจากคุณ อย่าให้ความคิดต่างทำให้เราต้องแตกแยก ทะเลาะกันไปมาจนไม่จบไม่สิ้น  

สุดท้ายนี้อย่าลืมการอธิษฐาน เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด  และนี่คือสิทธิพิเศษที่เราคริสตชนมี  พระเจ้าพร้อมจะช่วยเราโดยที่เราไม่ต้องพยายามทำเองไปสะทุกเรื่อง อย่ามองว่าพระเจ้าเป็นแค่ตัวช่วย เพราะพระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีในชีวิตของเราต่างหาก พระเจ้าไม่ได้สร้างชีวิตเรามาเพื่อให้ติดแหงกอยู่หลังจอคอม และจอมือถือหรอก พระองค์ทรงสร้างเราเพราะอยากสร้างความสัมพันธ์กับเรา และอยากให้เราๆ รู้ถึงจุดดประสงค์ และคุณค่าที่พระองค์ทรงสร้างเรามา  คุณหว่านอะไรคุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น วันนี้ให้เราทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอสติปัญญาในการใช้สื่อโซเชียลเพื่อที่เราจะได้ใช้งานมันอย่างถูกต้องเหมาะสม วันนี้ให้เราเริ่มต้นหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพฤติกรรมและท่าทีใหม่ๆ  เพื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยทำให้เมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านนั้นเติบโตงอกงามขึ้น

ส่วนผลที่จะได้ในชีวิตเราจะดีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการหว่านในวันนี้ เช่นถ้าคุณเป็นคนชอบพูดจาโผงผาง กระโชกโฮกฮาก และดูเหมือนจะไม่มีความถ่อมใจเอาสะเลย ชอบพูดทุกอย่างที่คิด อย่าเอาแต่พูดว่า ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ใครรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้  เพราะคุณย่อมรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งไหนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และสิ่งไหนที่เคืองพระทัยพระองค์  

ดังนั้นสิ่งที่เราไม่ควรหลงลืมเมื่อต้องอยู่บนโลกโซเชียล คือการสำแดงความรัก ความเห็นอกเห็นใจกัน ยอมที่จะอดทนต่อตัวเอง ฝืนในสิ่งที่ควนฝืน ใช้เหตุผลมากกว่าความพึงพอใจส่วนตัว และรอเก็บเกี่ยวผลเมื่อฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวของคุณมาถึงคุณจะได้รับสิ่งดีจากพระเจ้าแน่นอน จงจำไว้ว่าเวลาของพระเจ้าดีต่อเราเสมอ และผลที่จะตามมา มันคุ้มค่าแน่นอน

 คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก โปรดช่วยให้ลูกรู้จักใช้อินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียลต่างๆ อย่างชาญฉลาด ที่สำคัญไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ลูกไม่ลืมว่าสิ่งสำคัญของการกระทำนั้นๆมีจุดประสงค์เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ให้พระองค์มาก่อนเหตุผลอื่นใดเสมอ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Choojaiproject


วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การทำงานเป็นทีม

 


การทำงานเป็นทีม

เพราะว่าเราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์

1โครินธ์3:9

มีชายคนหนึ่งพยายามจะแบกกล่องหนักๆ คนเดียวแต่ตัวเขาเองก็ทำไม่ได้ สักพักก็มีชายอีกคนเข้ามาแบกช่วย  แม้พวกเขาสองคนสามารถเคลื่อนย้ายกล้องได้ก็จริง แต่มันก็ยังถือว่าหนักอยู่มากจึงทำให้เคลื่อนย้ายได้ช้า แต่สักพักก็มีชายคนที่สามเข้ามาช่วยพวกเขาแบก และแล้วชายทั้งสามก็สามารถยกกล่องนั้นไปได้อย่างง่ายดาย การทำงานเป็นทีมจะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

พระเจ้าทรงเชื่อในการทำงานเป็นทีม พระองค์ไม่ได้เลือกศิษย์เพียงคนหนึ่งแต่พระองค์ทรงเลือกศิษย์ถึงสิบสองคน พระเยซูทรงสอนสาวกให้ทำงานเป็นทีม สาวกที่เดินตามพระเยซู มี 12 คน บางครั้งเมื่อพระองค์ไปในที่ต้องการความเชื่อมั่นเป็นเป็นพิเศษ พระองค์เลือกสาวกไปด้วย 3 คน คือเปโตร ยากอบ และยอห์น ทรงสอนเขาเป็นกลุ่ม ให้เขาช่วยพระองค์เป็นทีม ให้เขาร่วมมือกันทำงานเป็นทีม เวลาพระเยซูส่งสาวกออกไปประกาศข่าวประเสริฐ พระองค์จะส่งเขาออกไปเป็นคู่ๆ ( ลูกา 10:1 )

ทำไมการร่วมกันทำงาน เป็นทีมจึงเป็นวิธีการของพระเยซู

(1)   จะได้ช่วยเหลือกัน เมื่อมีคนหนึ่งล้มอีกคนจะได้ช่วยพยุง เมื่อคนหนึ่งท้ออีกคนจะได้หนุนใจ เมื่อคนหนึ่งสร้างอีกคนจะได้เสริม

(2)   มีพลังในการทำงาน เพราะเชือกสามเกลียวขาดยาก

(3)   ชดเชยส่วนที่ขาด เวลาเราทำงานเป็นทีม ประการหนึ่งที่เราต้องยอมรับ คือเรามีความสามารถต่างกัน ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง นี่เป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์เปรียบเทียบคริสตจักรว่าเป็นเหมือนร่างกาย และเราแต่ละคนเป็นอวัยวะแห่งพระกาย คนหนึ่งเป็นปากอีกคนเป็นตา ทำไมตาต้องแข่งกับปาก เพราะทั้งสองอวัยวะไม่เหมือนกัน พระเจ้าทรงสร้างให้ต่างกันเพื่อชดเชยส่วนที่เรามิได้มีมิใช่หรือ แม้แต่มือขวาที่เข้มแข็ง ถ้าขาดมือซ้าย ความเข้มแข็งของมือขวาก็คือความอ่อนแอของร่างกายไปทันที

(4)   ช่วยปกป้องคุ้มครองกันและกัน

(5)   ทำให้อุ่นใจ พระคัมภีร์ว่า นอนคนเดียวไม่อุ่น สองคนถึงจะอุ่น พระคัมภีร์ข้อนี้พูดถึงสามีภรรยา แต่ก็อาจหมายถึงความอบอุ่นในทีมงานได้ด้วย  เปาโลกับทิโมธีก็เหมือนกัน เปาโลมารอทีมงานอยู่ทีเอเธนส์ ทำไรไม่ได้มาก แต่พอทิโมธีมาถึงท่านก็เริ่มงานอย่างกระฉับกระเฉง เพราะอุ่นใจไงล่ะ

(6)   ทำให้คำอธิษฐานของเรามีพลัง นี่เป็นพระดำรัสของพระเยซูไม่ใช่หรือ ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้ (มัทธิว 18:19)

(7)   ทำให้สังคมเห็นความรัก พระเยซูตรัสกับสวกของพระองค์ว่าถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:35) คนเดียวจะรักกับใคร หรือทำให้ใครดู แต่พอมีสองคน คนก็จับตาดูว่าทั้งสองจะเป็นอย่างไร

สรุป ก็คือ ให้เราทำงานเป็นทีม ร่วมมือกันแล้วพระเจ้าจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ

ใน 1 โครินธ์ เปาโลเขียนเกี่ยวกับวิธีการทำงานเป็นทีมที่มีคนบางคนทำหน้าที่หว่านเมล็ดพืช นั่นคือการประกาศบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระเยซู และมีบางคนช่วยส่งเสริมให้ความเชื่อนั้นมันเติบโต โดยการทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี ยึดมั่นในความเชื่อของพวกเขาและเป็นตัวอย่างที่ดี  และมีบางคนนำการเก็บเกี่ยวมาสู่ โดยการอธิษฐานร่วมกัน  แต่สิ่งสำคัญคืองานนั้นจะสำเร็จลุล่วงด้วยดีหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเต็มใจทำส่วนของตนให้ดีพอหรือยัง  หากวันนี้คุณกำลังร่วมแรงร่วมใจในการทำงานของพระเจ้าอยู่ก็เท่ากับว่าคุณกำลังถวายเกียรติแด่พระองค์แล้ว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา โปรดช่วยลูกให้รู้จักทำงานเป็นทีม ลูกอยากจะทำงานที่พระองค์มอบหมายให้สำเร็จลุลาวง  และลูกอยากจะทำมันให้ดีที่สุด ! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Bangkokfellowship

วันพุธที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จงกระทำเพื่อเป็นการถวายพระเกียรติแด่พระเจ้า

 


ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง

ข้าพเจ้าได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง ข้าพเจ้าได้วิ่งแข่งจนครบถ้วน ข้าพเจ้าได้รักษาความเชื่อไว้แล้ว

2 ทิโมธี 4:7

พระราชาทรงรับสั่งกับคนงานว่าจะมีงานเลี้ยงพิเศษสำหรับแขกคนพิเศษในค่ำคืนนี้ ดังนั้นเมื่อทำงานเสร็จก็จะมีการเฉลิมฉลองกัน คนงานส่วนใหญ่ตื่นเต้นมากกับงานเลี้ยงนี้  พวกเขาจึงทิ้งงานแล้วรีบออกจากงานเร็วกว่าปกติเพื่อที่จะได้ไปสนุกในงานเลี้ยง แต่นิโคลัสเลือกที่จะอยู่ต่อจนกว่างานของเขาจะเสร็จลง เมื่อพระราชาประกาศรับเชิญแขกคนพิเศษ คนงานอื่นๆก็ต้องแปลกใจที่เห็นนิโคลัสเดินเข้ามา! งานเลี้ยงค่ำคืนนี้ พระราชาทรงประสงค์จะให้เกียรติคนที่ทำงานหนัก คนที่มีความมุ่งมั่นทำงานจนเสร็จ

คุณกำลังถวายเกียรติแด่พระเจ้าเมื่อคุณได้ทำงานที่คุณได้เริ่มต้นไว้จนเสร็จลุล่วง เมื่ออัครสาวกเปาโลเขียนจดหมายฉบับสุดท้ายของเขา เขาบอกทิโมธีอย่างมั่นใจว่าเขาได้ต่อสู้อย่างเต็มกำลัง และเมื่อจบการแข่งขัน เขาได้รักษาความเชื่อเอาไว้ พระเจ้าจะได้รับเกียรติเมื่อคุณพยายามอดทนต่อจากนี้ไปจนตลอดชีวิต

สิ่งที่เราทำก็สำคัญ แต่ที่สำคัญยิ่งกว่าคือ เราทำอย่างไร เพราะอะไร และเพื่อใคร ในแต่ละวันเราเลือกได้ว่าจะทำงานแบบมีความเครียด หรือทำแบบที่พระเจ้าได้รับเกียรติและแสวงหาความหมายที่พระเยซูทรงเพิ่มเติมให้กับการงานของเรา เมื่อเราทำเพื่อให้พระเจ้าได้รับเกียรติ เราจะพบความพึงพอใจ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา โปรดช่วยลูกให้แสวงหาความสำเร็จเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์  ลูกอยากเป็นคนที่มีความรับผิดชอบในหน้าที่ของตนเอง ถึงแม้จะต้องพบเจอกับความยากลำบากระหว่างทางลูกก็อยากจะต่อสู้อย่างเต็มกำลังเพื่อรักษาความเชื่อของลูกไว้ตลอดชีวิตที่เหลืออยู่  ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

odbth

วันอังคารที่ 27 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

คนสุขุมพิเคราะห์ดูย่างก้าวของตน

 


 อย่าทำอะไรแบบรีบเร่ง แต่ให้เราวางใจพระเจ้า

คนรู้น้อยเชื่อทุกอย่าง

แต่คนสุขุมพิเคราะห์ดูย่างก้าวของตน

สุภาษิต 14:15

เพ็ญเป็นคนที่หากเธอชอบอะไรแล้วเธอจะชอบตัดสินใจแบบรวดเร็วและหากเธออยากได้อะไรเธอจะกระโจนเข้าหาสิ่งนั้นๆทันที เธอจะไม่เสียเวลาคิดนานหรือพิเคราะห์จนตัวเองเข้าใจมันอย่างถ่องแท้เสียก่อน อยู่มาวันหนึ่ง เพ็ญเห็นของบางอย่างลดราคา สีสันของมันสวยสดงดงาม ถูกตาถูกใจ รูปลักษณ์ภายนอกดูดี  และเธอก็ตัดสินใจซื้อทันที โดยที่ไม่ได้ตรวจสอบดูตัวสินค้าหรือศึกษาวิธีการใช้งานของมันให้ดีก่อน เมื่อเธอกลับมาบ้าน เธอก็พบว่าสิ่งที่เธอซื้อมานั้นไม่สามารถใช้งานได้กับคอมพิวเตอร์ของเธอ และที่น่าเสียใจกว่านั้นก็คือทางร้านไม่รับคืนสินค้าด้วย

ชีวิตของคนเราก็เช่นกัน บางครั้งคุณอาจต้องการให้สิ่งต่าง ๆ เกิดขึ้นรวดเร็วในขณะนั้น เดี๋ยวนั้น ทันทีทันใดทันใจคุณ  คุณจึงตัดสินใจทำสิ่งต่าง ๆ อย่างเร่งรีบ เร่งด่วน ขาดการพิเคราะห์ ไม่ใช่แค่เรื่องการซื้อของ แต่ยังรวมถึงการตัดสินใจในการเลือกเส้นทางเดินของชีวิตคุณด้วย หลายครั้งที่เราเอาแต่ตามใจตัวเองจนลืมพิจารณาถึงความถูกต้องเหมาะสม ปัญหาของการรีบเร่งเกินไปก็คือคุณกำลังเร่งความเร็วของตนเองเพื่อให้แซงหน้าเวลาของพระเจ้า ทั้งที่คุณเองก็รู้ว่าพระองค์จะทรงทำสิ่งที่ถูกต้องและดีที่สุดให้แก่คุณและพระองค์มีช่วงเวลาที่เหมาะสมเสมอ พระคัมภีร์กล่าวว่าคนฉลาดมักพิเคราะห์ดูย่างก้าวของตน  นั่นหมายถึงพวกเขาจะสวดอ้อนวอนเกี่ยวกับเรื่องนั้นๆ พิเคราะห์เกี่ยวกับมัน และรับฟังคำแนะนำก่อนจะตัดสินใจ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ลูกอย่าเป็นคนใจเร็วด่วนได้ อย่าเร่งรีบในการตัดสินใจ แต่โปรดช่วยให้ลูกมีสติในทุกเรื่องและเรียนรู้ที่จะวางใจ รู้จักรอคอยเวลาของพระองค์ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอะไรก็ตาม ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันจันทร์ที่ 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การมีใจขอบพระคุณ

 


การมีใจขอบพระคุณ

จงขอบพระคุณในทุกกรณี เพราะนี่แหละเป็นพระประสงค์ของพระเจ้า สำหรับพวกท่านในพระเยซูคริสต์

1 เธสะโลนิกา 5:18

ความสุขแท้จริงในชีวิตเป็นเรื่องที่อยู่เหนือการมีเงินทองมากมาย หลายคนมีเงินมากมายและมีวัตถุมากมายที่เงินซื้อได้ แต่กลับซึมเศร้า ไม่มีความสุข และจบลงด้วยการทำลายตัวเอง ใน ลูกา 12:15 พระเยซูตรัสว่า “…จงระวังและเว้นเสียจากการโลภทุกประการ เพราะว่าชีวิตของคนมิได้อยู่ในการที่มีของฟุ่มเฟือย”

คุณจะไม่มีวันพอใจเพราะมีสิ่งของมากมายไว้ครอบครอง ดังนั้นจงเรียนรู้ที่จะเพียงพอ และจงมีใจขอบพระคุณพระเจ้าในสิ่งที่พระองค์ทรงเป็นเพื่อคุณ ในการที่ทรงสร้างคุณและมีเวลาให้กับคุณ จงรับใช้พระองค์ด้วยใจชื่นชมยินดี ให้พระองค์เป็นอันดับแรกในชีวิตของคุณ จงขอบพระคุณและตื่นเต้นกับชีวิตในพระคริสต์ สง่าราศี ความชอบธรรม พร้อมทั้งฤทธิ์เดช สติปัญญา และพระคุณที่ได้รับซึ่งทำให้คุณมีชัยชนะในชีวิตทุกวัน

พระเจ้าทรงพอพระทัยที่จะมอบสิ่งดีๆให้กับคุณ และพระองค์จะชอบมันมากขึ้นไปอีกเมื่อคุณไม่ลืมที่จะขอบคุณ  เมื่อคุณมีใจขอบพระคุณอยางจริงใจ พระเจ้าพร้อมที่จะอวยพรคุณในครั้งต่อๆไป  จงใช้เวลาในวันนี้เพื่อขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่งที่คุณมี ไม่ต้องกังวลกับสิ่งที่คุณไม่มี หรือสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น ขอเพียงแค่คุณมุ่งเน้นไปที่สิ่งที่พระเจ้าอวยพรคุณในวันนี้ ตอนนี้ นั่นก็แสดงว่าคุณรู้สึกขอบคุณด้วยใจจริงแล้ว 

จงมีใจขอบพระคุณพระเจ้าในทุกกรณี  รู้คุณค่ากับสิ่งที่มีอยู่ในตอนนี้ รู้ดูแลรักษา-ทำให้จำเริญงอกงามให้เป็น และเรียนรู้ที่จะแบ่งปันผู้อื่น

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ลูกขอขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ทรงมอบให้กับลูกตลอดมา ขอบคุณสำหรับครอบครัว เพื่อน อาหาร บ้านที่พักอาศัย  สุขภาพที่แข็งแรง อาชีพการงาน และที่พิเศษสุดคือพระเยซู! ลูกตระหนักถึงพระคุณ พระเมตตา สติปัญญาและฤทธิ์เดชของพระองค์ ซึ่งทำให้ลูกมีชีวิตแห่งชัยชนะในวันนี้ รุ่งเรืองในทุกสิ่งที่ทำ ลูกนมัสการพระองค์ที่ทรงทำให้ชีวิตของลูกมีสง่าราศี เต็มเต็มลูกด้วยพระวิญญาณของพระองค์ ผู้ซึ่งทำให้ชีวิตของลูกได้รับในทุกสิ่งที่จำเป็น ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Rorthai

christlike

วันอาทิตย์ที่ 25 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การมีวิจารณญาณในการรับชม

 


การมีวิจารณญาณในการรับชม

21จงพิสูจน์ทุกสิ่ง สิ่งที่ดีนั้นจงยึดถือไว้ให้มั่น

22จงเว้นเสียจากสิ่งที่ชั่วทุกอย่าง

1 เธสะโลนิกา 5:21-22

พิมชอบดูหนัง ดูละครมาก แต่เธอไม่เคยเลือกเลยว่าละคร/หนังเรื่องไหนควรดูและเรื่องไหนที่ไม่ควรดู เพราะเธอดูทุกเรื่อง มีอยู่คืนหนึ่งเธอเลือกดูหนังสยองขวัญที่น่ากลัวมากจนเธอจำภาพติดตาแบบลืมไม่ลง ดังนั้นในตลอดทั้งสัปดาห์เธอไม่กล้านอนคนเดียว เธอนอนไม่หลับเพราะยังมีความรู้สึกกลัวฝังอยู่ในใจ

สังคมปัจจุบันช่องทางการนำเสนอข้อมูลให้ดูและฟังจะมีมากมาย  ดังนั้นคุณควรรู้จักเลือกที่จะดูและฟัง  เมื่อได้รับรู้ข้อมูลแล้ว  การรู้จักวิเคราะห์ วิจารณ์ เพื่อนำไปใช้ในทางสร้างสรรค์  เป็นสิ่งจำเป็นเพราะผลที่ตามมาจากการดูและฟังจะเป็นผลบวกหรือลบแก่สังคม  ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้นี่เอง  นั่นคือผลดีจะเกิดแก่สังคมก็เมื่อผู้ดูและฟังนำผลที่ได้นั้นไปใช้อย่างสร้างสรรค์

คุณต้องมีวิจารณญาณในการรับชมในที่นี้หมายถึงความฉลาดและมีความระมัดระวัง หากคุณคิดว่าสิ่งนั้นดีสำหรับคุณ คุณก็จงยึดถือไว้ให้มั่น แต่ถ้าไม่ใช่ คุณก็ควรหลีกเลี่ยงหรือกำจัดมันออกไป คุณต้องระมัดระวังเกี่ยวกับสิ่งที่คุณอนุญาตให้ตาของตัวเองมองดู และพ่อแม่ผู้ปกครองของคุณอาจช่วยคุณได้ แต่ถ้าพวกเขาไม่ได้อยู่เคียงข้างคุณตลอดเวลา คุณก็ต้องเรียนรู้ที่จะเลือกแต่สิ่งดี ๆ ด้วยตัวเอง แต่ถ้ามีอะไรที่คุณคิดว่าพระเจ้าจะไม่พอพระทัยก็อย่าดูเลยดีกว่า แล้วคุณจะปลอดภัยและไม่ต้องมาเสียใจทีหลัง

คำอธิษฐาน

พระบิดาเจ้าข้า ขอโปรดประทานสติปัญญาเพื่อให้ลูกมีวิจารณญาณในการเลือกชมเพื่อให้รู้ว่าสิ่งใดควรดู ไม่ควรดู  เพราะลูกไม่อยากทำสิ่งใดที่เคืองพระทัยพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันเสาร์ที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

จิตอาสา

 


จิตอาสา

เพราะข้าช่วยคนยากจนที่ร้องให้ช่วย

และเด็กกำพร้าที่ไม่มีผู้ใดอุปถัมภ์

โยบ 29:12

จิตอาสา (Volunteer Spirit) คือ ผู้ที่มีจิตใจที่เป็นผู้ให้ เช่น ให้สิ่งของ ให้เงิน ให้ความช่วยเหลือด้วยกำลังแรงกาย แรงสมอง ซึ่งเป็นการเสียสละ สิ่งที่ตนเองมี แม้กระทั่งเวลา เพื่อเผื่อแผ่ ให้กับส่วนรวม...อีกทั้งยังช่วยลด ความเป็นตัว เป็นตน ของตนเองลงได้บ้าง

     จิตอาสา คือ จิตแห่งการให้ความดีงามทั้งปวงแก่เพื่อนมนุษย์ โดยเต็มใจ สมัครใจ อิ่มใจ ซาบซึ้งใจ ปีติสุข ที่พร้อมจะเสียสละเวลา แรงกาย และสติปัญญา เพื่อสาธารณประโยชน์ ในการทำกิจกรรม หรือสิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ผู้อื่นโดยไม่หวังผลตอบแทน และมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่น เป็นจิตที่ไม่นิ่งดูดาย เมื่อพบเห็นปัญหา หรือความทุกข์ยากที่เกิดขึ้นกับผู้คน เป็นจิตที่มีความสุขเมื่อได้ทำความดี และเห็นน้ำตาเปลี่ยนเป็นรอยยิ้ม เป็นจิตที่เปี่ยมด้วย "บุญ" คือความสงบเย็น และพลังแห่งความดี  

   "อาสาสมัคร" เป็นงานที่เกิดจากผู้ที่มี จิตอาสา ซึ่งมีความหมายอย่างมาก กับสังคมส่วนรวม เป็นผู้ที่เอื้อเฟื้อ เสียสละ เวลา แรงกาย แรงใจ แรงปัจจัยเพื่อช่วยเหลือผู้อื่น หรือ สังคมให้เกิด ประโยชน์และความสุขมากขึ้น

     การเป็น "อาสาสมัคร"   ไม่ว่าจะเป็นงานใด ๆ ก็แล้วแต่ที่ทำให้เกิดประโยชน์ในทางบวก ล้วนแต่เป็นสิ่งที่เราควรทำทั้งสิ้น  คนที่จะเป็นอาสาสมัครได้นั้น ไม่ได้จำกัดที่ วัย การศึกษา เพศ อาชีพ ฐานะ หรือ ข้อจำกัด ใด ๆ ทั้งสิ้น หากแต่ต้องมีจิตใจ เป็น "จิตอาสา" ที่อยากจะช่วยเหลือผู้อื่น หรือสังคม เท่านั้น    

 บางคนอาจคิดว่าตนเองยังไม่มีเงินมากพอที่จะแบ่งปันและเป็นผู้ให้กับใครได้ แต่หนึ่งในการให้ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่คุณสามารถมอบให้กับพระเจ้าได้ก็คือเวลาของคุณ เวลาของคุณมีค่า ดังนั้นพระเจ้าจึงพอพระทัยเมื่อคุณสละเวลาให้กับทุกงานรับใช้ที่คุณได้ตั้งใจทำเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์

พระเจ้าต้องการให้ประชากรของพระองค์ช่วยคนขัดสน บริจาคเวลาของคุณเป็นอาสาสมัครเพื่อช่วยชุมชนวัด ร่วมทำกิจกรรมเพื่อส่วนรวม การเป็นอาสาสมัครช่วยให้คุณเป็นผู้ให้แก่ผู้อื่น การสร้างจิตสำนึกเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นและส่วนรวม จึงเป็นสิ่งที่สังคมเราต้องการอย่างยิ่ง เมื่อคุณอาสาช่วยเหลือคนที่ขัดสน เท่ากับว่าคุณกำลังคิดถึงความต้องการของผู้อื่น พระเยซูตรัสว่าเมื่อคุณช่วยคนอื่น มันก็กับเหมือนกับว่าคุณกำลังช่วยพระองค์อยู่   

ชุมชนไหนจะเข้มแข็งได้ ก็เพราะคนของเขาเข้มแข็ง มีศักยภาพ มีความรู้ มีความสามัคคี มีน้ำใจ มีจิตสำนึกต่อส่วนรวมมาก ๆ ยอมเสียสละได้ทุกเมื่อ อาสาสมัคร (Volunteer) ถือเป็นหัวใจขององค์กรไม่แสวงหาผลกำไร (Non Profit Organization)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา โปรดมอบหัวใจของการเป็นผู้ให้ให้กับลูก เพื่อว่าลูกจะได้ทำงานรับใช้และช่วยเหลือผู้อื่นเพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ แล้วโปรดแสดงให้ลูกเห็นว่าลูกสามารถจะช่วยอะไรได้บ้าง และมีที่ไหนบ้างที่กำลังต้องการความช่วยเหลือ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

sites


วันศุกร์ที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

อธิษฐานเผื่ออนาคต

 


อธิษฐานเผื่ออนาคต

พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า

เยเรมีย์ 29:11

พระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับชีวิตของคุณ เป็นลิขิตชีวิตที่พระองค์ได้สร้างคุณขึ้นเพื่อทำให้สำเร็จ บางคนไม่ได้ตระหนักในข้อนี้ ผลก็คือดำเนินชีวิตที่ว่างเปล่า บางคนไม่เชื่อว่าพระเจ้าทรงมีแผนการสำหรับพวกเขา แล้วทำไมพระองค์จึงจะไม่มีล่ะ? เพราะพระองค์ทรงสร้างคุณ! จงค้นให้พบแผนการของพระองค์ที่มีสำหรับคุณ และเดินอยู่ในความรู้นั้น

จริงอยู่ที่คุณสามารถวางแผนงานทุกอย่างตามที่คุณต้องการเกี่ยวกับอนาคตได้ แต่ในระหว่างที่รอจนกระทั่งมันเกิดขึ้น คุณเองก็ไม่มีทางรู้จริงๆ ว่ามันจะออกมาเป็นอย่างไร เนื่องจากคุณไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นบ้างระหว่างทางนั้น สิ่งที่คุณควรทำคือการอธิษฐานเผื่ออนาคตของคุณ อธิษฐานขอการทรงนำจากพระเจ้า และคุณจะไม่รู้สึกกลัว พระเจ้าทรงฟังคำอธิษฐาน และการอธิษฐานเพื่ออนาคตของคุณเป็นสิ่งสำคัญที่คุณควรทำอย่างสม่ำเสมอ

พระยาห์เวห์ตรัสว่า พระองค์ทรงรู้แผนการที่พระองค์มีไว้ให้คุณอยู่แล้ว จงอย่ากลัวแผนการของพระเจ้า เพราะมันเป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายคุณ แต่มีเพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่คุณ  จงอธิษฐานขอให้พระองค์เดินไปกับคุณในทุกย่างก้าวของชีวิต และขอพระองค์โปรดแสดงให้คุณเห็นว่าควรเดินไปทางไหน พระองค์ทรงรู้แผนงาน พระองค์จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางที่เป็นของคุณ

บุคคลสำคัญในพระคัมภีร์ต่างพบสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่ในที่สุดเราได้เห็นภาพรวมตั้งแต่ต้นจนจบว่า พระเจ้าทรงมีแผนการและให้บทเรียนชีวิตกับเขา และเราสามารถเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ชีวิตจากพวกเขาได้ โมเสสต้องหนีไปแผ่นดินมีเดียน ดาวิดต้องหนีการตามล่าชีวิต ดาเนียลต้องอยู่ในถ้ำสิงห์ และเพื่อนๆ ของเขาต้องถูกทิ้งในเตาไฟ  พวกเขาทั้งหมดผ่านพ้นวิกฤตเหล่านี้ทั้งหมดได้อย่างไร เหตุผลก็เพราะพระเจ้าทรงมีแผนการที่ดีสำหรับปลายทางแห่งชีวิตในอนาคตของเขา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเยซู ขอพระองค์โปรดทรงนำทางข้าพระองค์ไปและโปรดอวยพรในทุกย่างก้าวที่ข้าพระองค์เดินไป ขอทรงเตือนข้าพระองค์ว่าพระประสงค์และแผนการของพระองค์นั้นอยู่เหนือความเข้าใจของข้าพระองค์ โปรดช่วยให้ข้าพระองค์พักสงบในพระองค์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

rorthai

thaiodb

romyenchurch


วันพฤหัสบดีที่ 22 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การเงียบสงบจะช่วยให้เราสามารถจดจ่ออยู่กับพระเจ้าได้มากขึ้น

 


ตัดสิ่งรบกวน

เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า

“ในการหันกลับและหยุดนิ่ง เจ้าทั้งหลายจะรอด

การเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของเจ้า

แต่เจ้าก็ไม่ยอมทำตาม

อิสยาห์ 30:15

ไม่ว่าจะเป็นมือถือ ไอแพด ไอพอด วิดีโอเกม ทีวี ภาพยนตร์ และสิ่งรบกวนสมาธิอื่นๆ ทั้งหมดนี้สามารถทำให้เด็กๆยุคนี้อยู่ได้ทั้งวันโดยไม่ต้องคุยกับคนข้างกายเลยก็ได้  แต่หลายครั้งที่เด็กๆ ก็หลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องพูดคุยกับพ่อแม่หรือคุณครูของพวกเขาเพราะมีกิจกรรมบางอย่างที่ต้องทำร่วมกันอยู่ และก็เป็นที่น่าเสียดายที่ชีวิตของเด็กๆส่วนใหญ่ถูกห่อหุ้มไปด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จนทำให้พวกเขาลืมคุยกับพระเจ้า

ในพันธสัญญาเดิม สิ่งที่พระเจ้าเรียกร้องประชากรของพระองค์คือ  ให้พวกเขาหันกลับและหยุดนิ่ง เพื่อว่าเขาทั้งหลายจะรอด เพราะการเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของพวกเขา พระองค์บอกให้พวกเขากลับไปหาพระองค์และพักผ่อนในพระองค์  และการเงียบสงบจะช่วยให้พวกเขาสามารถจดจ่ออยู่กับพระองค์ได้มากขึ้น

ในช่วงตลอดสัปดาห์หน้านี้ ให้คุณลองถอดปลั๊กและปิดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดและสิ่งอื่นที่รบกวนเวลาอธิษฐานของคุณ ขอให้คุณพยายามเป็นพิเศษในการอ่านพระคัมภีร์และพูดคุยกับพระเจ้า หลังจากผ่านไปหนึ่งสัปดาห์ ให้คุณกำหนดช่วงเวลาชัดเจนที่คุณจะสามารถใช้เวลากับพระเจ้าทุกวัน ค่อยๆเริ่มฝึกการถอดปลั๊ก(ตัดสิ่งรบกวน)จากสิ่งอื่นๆแล้วให้เหลือปลั๊กเดียวที่คุณควรเสียบไว้ตลอดนั่นก็คือพระเจ้าแต่เพียงผู้เดียว อย่าลืมให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งในชีวิตประจำวันของคุณ ให้พระองค์เป็นแสงส่องนำทางการดำเนินชีวิตของเราในทุกวันเพื่อที่เราจะได้ไม่พลาดเดินหลงออกไปจากเส้นทางแห่งพระพร

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกสามารถถอดปลั๊ก(ตัดสิ่งรบกวนทุกชนิด)จากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมด  เพื่อที่ลูกจะได้โฟกัสที่พระองค์เป็นสิ่งแรก  เพราะลูกไม่ต้องการให้มีอะไรมาสำคัญไปกว่าพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...