วันศุกร์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

ฉลาดในการใช้สื่อโซเชียล

 


ฉลาดในการใช้สื่อโซเชียล

7อย่าหลงเลย ท่านจะล้อเล่นกับพระเจ้าไม่ได้ เพราะว่าใครหว่านอะไรลง ก็จะเก็บเกี่ยวสิ่งนั้น 8คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองเนื้อหนังของตน ก็จะเก็บเกี่ยวความเปื่อยเน่าจากเนื้อหนังนั้น แต่คนที่หว่านสิ่งที่ตอบสนองพระวิญญาณ ก็จะเก็บเกี่ยวชีวิตนิรันดร์จากพระวิญญาณนั้น

กาลาเทีย 6:7-8

เคนชอบคุยกับเพื่อนทางอินเทอร์เน็ต อยู่มาวันหนึ่ง เคนอารมณ์เสียกับเพื่อนคนหนึ่งของเขา ดังนั้นเขาจึงโพสต์คำหยาบคายมากมายเพื่อระบายอารมณ์ จากนั้นก็มีเพื่อนบางคนเข้ามาลงความเห็น ซึ่งมีทั้งคนที่เห็นด้วย และไม่เห็นด้วยกับเคน  เคนยิ่งโกรธจัด เขาพูดจาแย่หนักเข้าไปอีกจนทำให้เพื่อนคนอื่นแทบคลั่ง!

พระคัมภีร์กล่าวว่าคุณจะได้เก็บเกี่ยวสิ่งที่คุณปลูกเอาไว้ เช่นกัน เคนเลือกที่จะสร้างความโกรธและความแค้น และนั่นคือสิ่งที่เขาจะได้รับตอบแทนกลับมา เมื่อคุณใช้สื่อโซเชียล ขอให้คุณระมัดระวังในสิ่งที่คุณโพสต์ด้วย ต่อให้ตั้งค่าเป็นส่วนตัวไว้แต่อย่าลืมว่าคุณยังมีเพื่อนคนอื่นๆในกลุ่มที่เขายังสามารถมองเห็นโพสต์ของคุณอยู่และมันจะไม่มีอะไรเป็นส่วนตัวอีกเพราะมันอาจจะมีบางคนนำมันออกไปเผยแพร่สู่สารธารณะได้เช่นกัน

การใช้สื่อโซเชียลมีเดียที่ดี คือ ผู้ใช้ทุกคนควรตระหนักถึงจริยธรรมและมารยาทในการใช้ร่วมกัน เพื่อป้องกันการก่อให้เกิดความเสียหายและแตกความสามัคคีในสังคม ที่สำคัญเราควรอ่านควรฟังหรือรับชมให้จบก่อนแชร์ออกไป

มารยาทที่พึงปฏิบัติร่วมกันในการใช้สื่อสังคมออนไลน์

การใช้สติในการรับฟังและแสดงความคิดก่อนจะโพสต์ หรือเผยแพร่ข้อความ ภาพ หรือเสียง ทุกครั้ง ด้วยการลองตั้งคำถามกับตัวเองดูว่า สิ่งต่าง ๆ ที่ทำนั้น ตรงกับคำถามต่อไปนี้อยู่หรือเปล่า  เช่น

ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้อื่นหรือไม่

ละเมิดความคิดทางปัญญาหรือลิขสิทธิ์ของผู้อื่นหรือไม่

ข้อความ ภาพ และเสียง ผิดศีลธรรมหรือผิดกฎหมายหรือไม่

ก่อให้เกิดผลเสียต่อตนเอง ครอบครัว และสังคมหรือไม่

ละเมิดสิทธิ ความเป็นส่วนตัวของผู้อื่นหรือไม่

เป็นการหลอกลวง ล่อลวง ฉ้อโกง หรือไม่

เป็นการล้วงความลับ ข้อมูลของผู้อื่น เพื่อนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่

ก่อให้เกิดความรำคาญ การทะเลาะ การใช้ความรุนแรง หรือไม่

ก่อให้เกิดการแตกความสามัคคีของคนในสังคมหรือไม่

ในยุคของโซเชียลมีเดีย เราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเข้ามามีบทบาทในชีวิตของมนุษย์เราเป็นอย่างมาก มันล่อลวงเราให้มีความต้องการในการโต้ตอบทันที มันทำให้ใจของเราสูญเสีย “สติและสมาธิ” ในการจดจ่อไป ผลกระทบที่เกิดขึ้นก็คือ เราจะสูญเสียความนิ่งที่จะจดจ่อกับการอ่านพระคัมภีร์ การอธิษฐาน หรือแม้แต่การฟังเทศน์ไป

ทุกวันนี้มีสิ่งรบกวนมากมายอยู่รอบตัวเรา มันพร้อมเข้ามาทำให้ใจของเราไขว้เขวได้ง่ายอยู่ทุกขณะ จึงเป็นเรื่องยากที่จะทำให้จิตใจของเราสงบ และพร้อมที่จะเชื่อมต่อกับพระเจ้า   เมื่อจิตใจของเราว้าวุ่น เรามักจะไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้าที่ต้องการตรัสกับเรา ความสัมพันธ์ที่เราอยากจะมีกับพระเจ้าจึงกระตุกและ สะดุดลงได้

แนวทางโซเชียลมีเดียสำหรับคริสตชน

ก่อนอื่นเราต้องเข้าใจก่อนว่าบางสิ่งบางอย่างบน Facebook Twitterและแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอื่น ๆ มีทั้งเรื่องจริงและไม่จริง เราจึงต้องอ่านให้จบฟังให้จบหรือรับชมก่อนแชร์ หากสามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมจากอีกหลายๆด้านได้ยิ่งดี ที่สำคัญอีกประการคืออย่าลืมรักเพื่อนบ้านของคุณซึ่งในที่นี้ก็คือคนในโลกออนไลน์ที่คิดต่างจากคุณ อย่าให้ความคิดต่างทำให้เราต้องแตกแยก ทะเลาะกันไปมาจนไม่จบไม่สิ้น  

สุดท้ายนี้อย่าลืมการอธิษฐาน เป็นวิธีที่ได้ผลมากที่สุด  และนี่คือสิทธิพิเศษที่เราคริสตชนมี  พระเจ้าพร้อมจะช่วยเราโดยที่เราไม่ต้องพยายามทำเองไปสะทุกเรื่อง อย่ามองว่าพระเจ้าเป็นแค่ตัวช่วย เพราะพระองค์เป็นผู้เริ่มต้นการดีในชีวิตของเราต่างหาก พระเจ้าไม่ได้สร้างชีวิตเรามาเพื่อให้ติดแหงกอยู่หลังจอคอม และจอมือถือหรอก พระองค์ทรงสร้างเราเพราะอยากสร้างความสัมพันธ์กับเรา และอยากให้เราๆ รู้ถึงจุดดประสงค์ และคุณค่าที่พระองค์ทรงสร้างเรามา  คุณหว่านอะไรคุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากสิ่งนั้น วันนี้ให้เราทูลขอความช่วยเหลือจากพระเจ้า ขอสติปัญญาในการใช้สื่อโซเชียลเพื่อที่เราจะได้ใช้งานมันอย่างถูกต้องเหมาะสม วันนี้ให้เราเริ่มต้นหว่านเมล็ดพันธุ์แห่งพฤติกรรมและท่าทีใหม่ๆ  เพื่อว่าพระวิญญาณบริสุทธิ์จะช่วยทำให้เมล็ดพันธุ์ที่เราหว่านนั้นเติบโตงอกงามขึ้น

ส่วนผลที่จะได้ในชีวิตเราจะดีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับการหว่านในวันนี้ เช่นถ้าคุณเป็นคนชอบพูดจาโผงผาง กระโชกโฮกฮาก และดูเหมือนจะไม่มีความถ่อมใจเอาสะเลย ชอบพูดทุกอย่างที่คิด อย่าเอาแต่พูดว่า ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้ ใครรับได้ก็รับ รับไม่ได้ก็ช่วยไม่ได้  เพราะคุณย่อมรู้ดีแก่ใจว่าสิ่งไหนที่พระเจ้าทรงพอพระทัย และสิ่งไหนที่เคืองพระทัยพระองค์  

ดังนั้นสิ่งที่เราไม่ควรหลงลืมเมื่อต้องอยู่บนโลกโซเชียล คือการสำแดงความรัก ความเห็นอกเห็นใจกัน ยอมที่จะอดทนต่อตัวเอง ฝืนในสิ่งที่ควนฝืน ใช้เหตุผลมากกว่าความพึงพอใจส่วนตัว และรอเก็บเกี่ยวผลเมื่อฤดูกาลแห่งการเก็บเกี่ยวของคุณมาถึงคุณจะได้รับสิ่งดีจากพระเจ้าแน่นอน จงจำไว้ว่าเวลาของพระเจ้าดีต่อเราเสมอ และผลที่จะตามมา มันคุ้มค่าแน่นอน

 คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก โปรดช่วยให้ลูกรู้จักใช้อินเทอร์เน็ต สื่อโซเชียลต่างๆ อย่างชาญฉลาด ที่สำคัญไม่ว่าจะทำอะไรก็แล้วแต่ ขอให้ลูกไม่ลืมว่าสิ่งสำคัญของการกระทำนั้นๆมีจุดประสงค์เพื่อถวายเกียรติแด่พระองค์ ให้พระองค์มาก่อนเหตุผลอื่นใดเสมอ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Choojaiproject


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...