วันพฤหัสบดีที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2564

การทำงานเป็นทีม

 


การทำงานเป็นทีม

เพราะว่าเราร่วมกันทำงานเพื่อพระเจ้า ท่านทั้งหลายเป็นไร่นาของพระเจ้า และเป็นตึกของพระองค์

1โครินธ์3:9

มีชายคนหนึ่งพยายามจะแบกกล่องหนักๆ คนเดียวแต่ตัวเขาเองก็ทำไม่ได้ สักพักก็มีชายอีกคนเข้ามาแบกช่วย  แม้พวกเขาสองคนสามารถเคลื่อนย้ายกล้องได้ก็จริง แต่มันก็ยังถือว่าหนักอยู่มากจึงทำให้เคลื่อนย้ายได้ช้า แต่สักพักก็มีชายคนที่สามเข้ามาช่วยพวกเขาแบก และแล้วชายทั้งสามก็สามารถยกกล่องนั้นไปได้อย่างง่ายดาย การทำงานเป็นทีมจะช่วยให้คุณทำสิ่งต่างๆ ได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้น

พระเจ้าทรงเชื่อในการทำงานเป็นทีม พระองค์ไม่ได้เลือกศิษย์เพียงคนหนึ่งแต่พระองค์ทรงเลือกศิษย์ถึงสิบสองคน พระเยซูทรงสอนสาวกให้ทำงานเป็นทีม สาวกที่เดินตามพระเยซู มี 12 คน บางครั้งเมื่อพระองค์ไปในที่ต้องการความเชื่อมั่นเป็นเป็นพิเศษ พระองค์เลือกสาวกไปด้วย 3 คน คือเปโตร ยากอบ และยอห์น ทรงสอนเขาเป็นกลุ่ม ให้เขาช่วยพระองค์เป็นทีม ให้เขาร่วมมือกันทำงานเป็นทีม เวลาพระเยซูส่งสาวกออกไปประกาศข่าวประเสริฐ พระองค์จะส่งเขาออกไปเป็นคู่ๆ ( ลูกา 10:1 )

ทำไมการร่วมกันทำงาน เป็นทีมจึงเป็นวิธีการของพระเยซู

(1)   จะได้ช่วยเหลือกัน เมื่อมีคนหนึ่งล้มอีกคนจะได้ช่วยพยุง เมื่อคนหนึ่งท้ออีกคนจะได้หนุนใจ เมื่อคนหนึ่งสร้างอีกคนจะได้เสริม

(2)   มีพลังในการทำงาน เพราะเชือกสามเกลียวขาดยาก

(3)   ชดเชยส่วนที่ขาด เวลาเราทำงานเป็นทีม ประการหนึ่งที่เราต้องยอมรับ คือเรามีความสามารถต่างกัน ไม่มีใครเก่งทุกอย่าง นี่เป็นเหตุผลที่พระคัมภีร์เปรียบเทียบคริสตจักรว่าเป็นเหมือนร่างกาย และเราแต่ละคนเป็นอวัยวะแห่งพระกาย คนหนึ่งเป็นปากอีกคนเป็นตา ทำไมตาต้องแข่งกับปาก เพราะทั้งสองอวัยวะไม่เหมือนกัน พระเจ้าทรงสร้างให้ต่างกันเพื่อชดเชยส่วนที่เรามิได้มีมิใช่หรือ แม้แต่มือขวาที่เข้มแข็ง ถ้าขาดมือซ้าย ความเข้มแข็งของมือขวาก็คือความอ่อนแอของร่างกายไปทันที

(4)   ช่วยปกป้องคุ้มครองกันและกัน

(5)   ทำให้อุ่นใจ พระคัมภีร์ว่า นอนคนเดียวไม่อุ่น สองคนถึงจะอุ่น พระคัมภีร์ข้อนี้พูดถึงสามีภรรยา แต่ก็อาจหมายถึงความอบอุ่นในทีมงานได้ด้วย  เปาโลกับทิโมธีก็เหมือนกัน เปาโลมารอทีมงานอยู่ทีเอเธนส์ ทำไรไม่ได้มาก แต่พอทิโมธีมาถึงท่านก็เริ่มงานอย่างกระฉับกระเฉง เพราะอุ่นใจไงล่ะ

(6)   ทำให้คำอธิษฐานของเรามีพลัง นี่เป็นพระดำรัสของพระเยซูไม่ใช่หรือ ถ้าในพวกท่านที่อยู่ในโลกสองคนจะร่วมใจกันขอสิ่งใด พระบิดาของเราผู้ทรงสถิตในสวรรค์ก็จะทรงกระทำให้ (มัทธิว 18:19)

(7)   ทำให้สังคมเห็นความรัก พระเยซูตรัสกับสวกของพระองค์ว่าถ้าท่านรักกันและกัน ดังนี้แหละทุกคนก็จะรู้ว่าท่านเป็นสาวกของเรา” (ยอห์น 13:35) คนเดียวจะรักกับใคร หรือทำให้ใครดู แต่พอมีสองคน คนก็จับตาดูว่าทั้งสองจะเป็นอย่างไร

สรุป ก็คือ ให้เราทำงานเป็นทีม ร่วมมือกันแล้วพระเจ้าจะนำเราไปสู่ความสำเร็จ

ใน 1 โครินธ์ เปาโลเขียนเกี่ยวกับวิธีการทำงานเป็นทีมที่มีคนบางคนทำหน้าที่หว่านเมล็ดพืช นั่นคือการประกาศบอกคนอื่นเกี่ยวกับพระเยซู และมีบางคนช่วยส่งเสริมให้ความเชื่อนั้นมันเติบโต โดยการทำตัวเป็นเพื่อนที่ดี ยึดมั่นในความเชื่อของพวกเขาและเป็นตัวอย่างที่ดี  และมีบางคนนำการเก็บเกี่ยวมาสู่ โดยการอธิษฐานร่วมกัน  แต่สิ่งสำคัญคืองานนั้นจะสำเร็จลุล่วงด้วยดีหรือไม่ก็ต้องขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะเต็มใจทำส่วนของตนให้ดีพอหรือยัง  หากวันนี้คุณกำลังร่วมแรงร่วมใจในการทำงานของพระเจ้าอยู่ก็เท่ากับว่าคุณกำลังถวายเกียรติแด่พระองค์แล้ว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา โปรดช่วยลูกให้รู้จักทำงานเป็นทีม ลูกอยากจะทำงานที่พระองค์มอบหมายให้สำเร็จลุลาวง  และลูกอยากจะทำมันให้ดีที่สุด ! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Bangkokfellowship

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...