วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

ชีวิตคือปริศนาจิ๊กซอ

 


ชีวิตคือปริศนาจิ๊กซอ

พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า

เยเรมีย์ 29:11

ชีวิตก็เหมือนภาพจิ๊กซอว์ใหญ่ๆภาพหนึ่งก่อนที่ภาพนั้นจะสมบูรณ์แบบ เราคงต้องใช้เวลาเนิ่นนานในการหาองค์ประกอบของภาพนั้นให้ครบและองค์ประกอบแต่ละชิ้นก็คือ จิ๊กซอว์ตัวจิ๋วที่ต้องหาด้านที่เข้ากันให้ได้

เราแต่ละคนมีภาพที่สมบูรณ์แบบจากการทรงสร้างที่พระเจ้าบรรจงสร้างเราไว้แต่แรกเดิม ตั้งแต่ในครรภ์มารดา มีเพียงพระองค์เท่านั้นที่รู้อย่างสมบูรณ์แบบถึงภาพที่ครบถ้วนนั้น ส่วนเราไม่รู้อะไรเบื้องหน้ามากนัก นอกจากก้าวต่อก้าว และในแต่ละก้าวที่เราเลือกเดินไปกับพระเจ้า ก็เปรียบเสมือนเราได้รับจิ๊กซอว์มา 1 ชิ้น ต่อแต่ละเหตุการณ์ แต่ละช่วงชีวิต เพื่อนำมาประติดประต่อ ดูเหมือนมันเป็นเพียงชิ้นส่วนเล็กๆ ซึ่งอาจไม่มีความหมายสำหรับเราในเวลานั้นก็จริง  ต่ท้ายที่สุดเราจะสามารถค้นพบความหมายและคำตอบได้เมื่อวันเวลาผ่านไป  เมื่อเราโตขึ้น หรือ เมื่ออะไรหลายๆ อย่างกระจ่างมากขึ้น พอนำชิ้นส่วนเล็กๆ นี้ไปต่อเข้ากับส่วนอื่นๆ ที่จะได้มาในอนาคต หรือเคยได้มาแล้วมันก็จะไขปริศนาชีวิตของเราได้

พระคำในวันนี้คือข่าวดี: พระเจ้ามีชิ้นส่วนของจิ๊กซอทั้งหมดอยู่ในพระหัตถ์ของพระองค์! พระองค์มีแผนการดีสำหรับชีวิตคุณ และเพระองค์รู้ว่าคุณต้องการอะไร รู้ว่าเมื่อไหร่คุณต้องการ คุณต้องวางใจว่า “ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหน ไม่ว่าคุณจะทำอะไร พระองค์จะช่วยไขปริศนาชิ้นต่อไปในเวลาที่เหมาะสมและนำคุณไปสู่ขั้นตอนต่อไปแน่นอน”

จงเรียนรู้ที่จะวางใจพระเจ้าเพราะพระองค์คือผู้กำหนดชิ้นส่วนปริศนาของชีวิตคุณ อาจเป็นความท้าทายบ้างในบางครั้ง แต่มันก็คุ้มค่ามาก! จงผ่อนคลาย ปล่อยความวิตกกังวลออกไปจากใจ และให้พระเจ้าเป็นผู้ประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ตามวาระและเวลาของพระองค์ ให้เราไว้วางใจพระองค์ในการทรงนำ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกดีใจมากที่พระองค์เป็นผู้เก็บชิ้นส่วนปริศนาของชีวิตลูกไว้ทั้งหมด! ลูกไม่สามารถรู้ได้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างต่อจากนี้ มีแต่พระองค์เท่านั้นที่รู้! ลูกรู้สึกขอบพระคุณมากที่ได้อยู่ภายใต้ความดูแลของพระองค์ โปรดสอนให้ลูกเชื่อมั่นและวางใจในขณะที่ลูกรอคอยวันและเวลาของพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

Panarat


วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

รักที่ไม่มีข้อแม้ รักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

 




รักที่ไม่มีข้อแม้ รักที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง

38เพราะข้าพเจ้าแน่ใจว่า แม้ความตาย หรือชีวิต หรือบรรดาทูตสวรรค์ หรือเทพเจ้า หรือสิ่งซึ่งมีอยู่ในปัจจุบันนี้ หรือสิ่งซึ่งจะมีในภายหน้า หรือฤทธิ์เดชทั้งหลาย 39หรือซึ่งสูง หรือซึ่งลึก หรือสิ่งใดๆ อื่นที่ได้ทรงสร้างแล้วนั้น จะไม่สามารถทำให้เราขาดจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้

โรม 8:38-39

คุณเคยทำผิดบางอย่าง สร้างเรื่อง ก่อปัญญาบางอย่างจนทำให้คุณคิดสงสัยว่าพ่อแม่ (หรือเพื่อน) ของคุณจะรักคุณ หรือยอมรับคุณได้อย่างสะดวกใจอีกหรือไม่บ้างหรือเปล่า? คุณเคยตื่นขึ้นมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดไม่พอใจ หรือไม่ยากที่จะเข้าใกล้ใครบ้างหรือไม่?  แน่นอน. เราทุกคนต่างต้องเคยมีวันแบบนั้น เราทุกคนต่างเคยผ่านช่วงเวลาเหล่านั้น

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นกับมนุษย์ (และไม่ใช่แค่กับเด็ก):  ความรักของมนุษย์ ไม่ว่าจะเป็นความสัมพันธ์ใดก็ตาม เราคงปฏิเสธไม่ได้ว่า ความรักส่วนใหญ่นั้นล้วนมีข้อแม้กำกับไว้ เป็นในลักษณะที่ว่า ฉันจะรักคุณนะ ถ้าคุณเป็น...ถ้าคุณทำ...ถ้าคุณมี… เช่น กับผู้ปกครอง หรือผู้ใหญ่เราก็ต้องเป็นเด็กดี  เพื่อให้ได้ความรักความเมตตาตา   กับลูก พ่อแม่บางคนยอมตามใจลูกๆเพื่อให้ลูกรัก แต่ละบ้านก็มีวิธีดูแลที่แตกต่างกันไป แต่การให้ความรัก โดยการใส่ใจ และให้เวลากันและกัน พูดคุยกันให้มากๆ ฟังทุกความคิดเห็นจะดีทีสุดทั้งต่อเด็กและผู้ปกครอง กับคู่ครอง เราอาจต้องเป็นผู้ตามบ้าง ผู้นำบ้างแล้วแต่คู่ ต้องพูดให้น้อยฟังให้มาก เพื่อให้ความรักของเราอยู่กันไปยาวนาน กับครูที่โรงเรียน เราก็ต้องเป็นเด็กเรียนดี ตั้งใจเรียน ครูถึงจะชื่นชอบเราพิเศษ กับเพื่อนเราก็ต้องเด่นด้านใดด้านหนึ่งเพื่อให้ดูพิเศษและเป็นที่นิยม ชมชอบ กับคนที่ทำงานนอกจากเก่งแล้ว เราก็ต้องเข้าหาคนเป็นด้วยนี่ก็เพื่อความอยู่รอดในสายงานนั้นๆ  กว่าจะได้มาซึ่งความรัก ความใส่ใจ  ความเอ็นดู ความเห็นอกเห็นใจ ความก้าวหน้า หรือการเป็นที่รัก ที่ยอมรับจากคนรอบข้าง บางครั้งเราก็ต้องทำตามข้อแม้ที่แต่ละบุคคล หรือสังคมได้ตั้งเอาไว้

นี่คือข่าวดี: ความรักของพระเจ้าที่มีให้เรานั้นไม่มีข้อแม้ และพระองค์ไม่เคยเปลี่ยนใจ เมื่อพระองค์บอกว่ารักเรา พระองค์ก็หมายความตามนั้น พระองค์รักเราตลอดไปและตลอดกาล ไม่มีเปลี่ยนแปลง! และไม่มีอะไรสามารถเปลี่ยนแปลงความจริงนี้ได้  ไม่มีเลย.

ในวันที่ดีที่สุดของคุณ พระองค์อยู่ที่นั่น และรักคุณ ในวันที่แย่ที่สุดของคุณ พระองค์ก็ทรงอยู่ตรงนั้น ยังคงรักคุณ ไม่มีอะไรสามารถแยกคุณออกจากความรักของพระเจ้าที่อยู่ในพระเยซูคริสต์ได้!

เราอายุมากขึ้น โลกรอบตัวอาจเปลี่ยนไป แต่ความรักของพระเจ้าไม่เปลี่ยนแปลง เราวางใจได้ว่าพระองค์จะทรงดูแลผู้ที่เข้าหาพระองค์เสมอ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาผู้ทรงสัตย์ซื่อ ขอบคุณสำหรับความรักของพระองค์ที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง! ขอทรงช่วยลูกให้รักพระองค์ด้วยการรับใช้พระองค์อย่างสัตย์ซื่อวันนี้ลูกดีใจที่ได้ยินว่าเรื่องยุ่งๆ ของลูกจะไม่ทำให้แผนการแห่งความรักของพระองค์ที่มีต่อลูกนั้นลดน้อยลงไปแต่อย่างใด! ขอบพระคุณที่ทรงอยู่เคียงข้างลูกเสมอ แม้ในวันที่ลูกทำตัวแย่ๆ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

แม่พระยุคใหม่

thaiodb


วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

 


พระเจ้าผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่ง

พระยาห์เวห์ตรัสว่า ‘เพราะเรารู้แผนงานที่เรามีไว้สำหรับพวกเจ้า เป็นแผนงานเพื่อสวัสดิภาพ ไม่ใช่เพื่อทำร้ายเจ้า เพื่อจะให้อนาคตและความหวังแก่เจ้า

เยรามีย์ 29”11

 สำหรับคุณแล้ว พระเจ้ายิ่งใหญ่แค่ไหน? คุณคิดว่าพระองค์ทรงใหญ่กว่าปัญหาที่คุณกำลังเผชิญในชีวิตหรือไม่? ใหญ่กว่าปัญหาที่คุณมีกับเพื่อนร่วมงาน? ใหญ่กว่าความเจ็บป่วยของคุณหรือคนที่คุณรัก? ใหญ่กว่าปัญหาเรื่งการเงิน?ฯลฯ หรือเปล่า?

ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะคิดว่าพระเจ้าทรงรอบรู้ทุกสิ่ง? พระองค์ทรงเข้าใจทุกอย่างดีหมด ทั้ง เมื่อวาน วันนี้ และพรุ่งนี้ และด้วยเหตุนี้ เราจึงวางใจพระองค์ได้ในทุกสิ่งที่เราประสบในชีวิตนี้ ตั้งแต่เรื่องเล็กน้อยไปจนถึงเรื่องใหญ่! ไม่มีวิธีใดที่จะดีไปกว่าการมอบบังเหียนให้กับพระเจ้าผู้รอบรู้ของเราคอยกำกับดูแล!

พระเจ้าไม่เคยย่อท้อ พระองค์ไม่เคยเล็กลงกว่าปัญหาที่ว่ายากๆของคุณเลย พระองค์ยิ่งใหญ่มาก! ทรงพลังมาก! เมื่อคุณคิดเกี่ยวกับพระองค์แบบนั้น คุณจะเห็นว่าการกังวลนั้นไร้ประโยชน์ พระเจ้ารอบรู้ทุกเรื่องของคุณ ไม่ว่าเราจะเผชิญกับปัญหาใดในโลกนี้ พระเจ้าทรงมีพระประสงค์เบื้องหลังปัญหาเหล่านั้นและแผนการของพระเจ้าที่มีต่อชีวิตของเราจะไม่มีวันริบหรี่ลงไปตามปัญหาที่เราเผชิญ! เราสามารถไว้วางใจในพระเจ้าของเราผู้ทรงสัพพัญญู ความเชื่อจะทำให้เราได้เห็นความยิ่งใหญ่เป็นจริงในชีวิต

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก บางครั้งลูกก็เจอกับเรื่องเลวร้าย จนลูกกลัว จนลืมไปว่าพระองค์แข็งแกร่งแค่ไหน! พระองค์ทรงสร้างโลกในเวลาเพียงไม่กี่วัน ลูกแน่ใจว่าพระองค์สามารถดูแลปัญหาทั้งหมดของลูกได้โดยไม่มีปัญหา! ลูกขอวางใจในพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

Gotquestion

thaiodb


วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด!

 

ทำวันนี้ให้ดีที่สุด!

และข้าพเจ้าบากบั่นมุ่งไปสู่หลักชัย เพื่อจะได้รับรางวัลคือการทรงเรียกแห่งเบื้องบนซึ่งมีในพระเยซูคริสต์

ฟิลิปปี 3:14


บางคนอาจเคยมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการเอาชนะสิ่งต่างๆ พวกเขาต้องติดอยู่กับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานนี้ บางทีคุณก็เป็นแบบเดียวกัน ดูเหมือนว่าคุณยังรู้สึกโกรธ เสียใจ และยังไม่ให้อภัยเพื่อนในสิ่งที่พวกเขาเคยพูดเกี่ยวกับคุณ  หรือบางทีคุณอาจจะนึกเสียใจว่าทำไมเพื่อนถึงหักหลังคุณ  เรื่องของเมื่อวานอาจทำร้ายจิตใจคุณก็จริงและนั่นก็คือเหตุผลที่พระเจ้าต้องการให้คุณมีชีวิตอยู่ในวันนี้และมีความสุขกับวันนี้ ไม่ใช่การจมปลักอยู่กับอดีต

วันนี้คุณใช้ชีวิตอย่างไร หากคุณกำลังจมอยู่กับอดีต ให้คุณลองอ่านพระคัมภีร์ข้างต้นซ้ำไปซ้ำมาจนเข้าใจ แล้วตั้งสิ่งนี้เป็นเป้าหมายให้ตนเอง แล้วบอกกับตัวเองว่าคุณกำลังอยู่ในการแข่งขัน คุณจะมองไปที่ข้างหน้าโดยไม่มีการมองเหลียวหลังอีก อดีตคือสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้วให้มันเป็นเพียงบทเรียน อย่ามัวจมปลักอยู่กับความเสียใจเรื่องเมื่อวันวาน หรือมัวชื่นชมกับความสำเร็จหรือชัยชนะของเมื่อวันวาน จนลืมไปว่า...ชีวิตมีวันนี้ และสิ่งที่เราทำในวันนี้ก็จะส่งผลกับชีวิตเราในวันพรุ่งนี้!  หากคิดถึงอดีตก็อย่าลืมใหอภัยผู้ที่ทำให้เราขมขื่นใจและต้องไม่ลืมที่จะให้อภัยตัวเอง แล้วก้าวต่อไป

ปัญหาของเมื่อวานอาจจะใหญ่โตก็จริง แต่ตอนนี้มันก็เป็นเพียงสิ่งที่เกิดขึ้นแล้วผ่านมาแล้ว ให้คุณฝึกมองไปข้างหน้า จดจ่อกับวันนี้ที่เป็นอยู่! มีการแข่งขันอีกมากมายที่คุณต้องชนะ และคุณไม่ต้องการที่จะสะดุดล้มเหมือนเมื่อวานอีก ดังนั้นจงมองไปข้างหน้าและทำวันนี้ให้ดีที่สุด! ให้พระคริสต์เป็นเป้าหมายหลักของคุณ

จงดำเนินชีวิตเสมือนว่าพรุ่งนี้อาจจะไม่มีอีกแล้วสำหรับเรา ฉะนั้นอะไรที่ยังไม่ได้ทำก็จงทำให้ดีและเต็มที่  และใครที่เรายังไม่ให้อภัยก็รีบๆทำ  ดีกว่าจะไปนั่งข้างๆรูปโลงศพแล้วบอกว่า "ขออโหสิกรรมด้วยนะ" ซึ่งมันก็ไร้ประโยชน์จริงๆ! อย่าโกรธกันข้ามคืน มีเรื่องอะไรให้รีบเคลียร์ให้จบ เพราะไม่แน่คุณหรือเขาอาจจะไม่มีพรุ่งนี้ไว้ให้กลับมาแก้ไขความผิดพลาดที่เกิดในวันนี้ก็เป็นได้!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอบคุณที่ทรงเตือนลูกว่าลูกต้องมองไปข้างหน้าเสมอลูกไม่ควรถอยหลังหรือจมปลักกับอดีต วันนี้ลูกลือกที่จะให้อภัยคนที่เคยทำร้ายลูกในวันวานที่ได้ผ่านไปแล้ว ลูกขอเลือกที่จะอยู่ในความรักของพระองค์นับจากนี้และตลอดไป    ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

เพจพระวจนะที่มีชีวิต


ให้ความรักเป็นแสงนำทาง

 


จากความมืดสู่แสงสว่าง

9ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด 10ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด

1 ยอห์น 2:9-10

คุณรู้สึกยังไงบ้างเวลาที่ต้องอยู่ในความมืด มืดมิดแบบมองไม่เห็นอะไรเลย? ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอยู่ในห้องนอนตอนดึกและไฟก็ดับ แต่คุณรู้สึกว่าตัวเองลืมทำอะไรบางอย่างแล้วคุณตัดสินใจลุกจากเตียงทั้งๆที่ไฟยังดับ และต้องคอยเดินเขย่งเท้าเพราะกลัวว่าจะเดินไปชนกับอะไรเข้า  และระหว่างทาง คุณก็พลาดไปชนหรือเหยียบกับของบางสิ่งจนบาดเจ็บ  อุ๊ย! การอยู่ในความมืดไม่ใช่แค่การมองไม่เห็นเท่านั้นนะ แต่มันยังเป็นอันตรายต่อคุณได้ด้วย!

ทำไมคนเรามักจะเจอกับอุบิตเหตุเมื่ออยู่ในความมืด? ก็เพราะว่าดวงตาของคุณไม่สามารถปรับระดับให้เข้ากับความมืดได้โดยสิ้นเชิง แสงสว่างน้อยเกินไป จะมีผลเสียต่อตา ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานมากเกินไป โดยบังคับให้ ม่านตาเปิดกว้าง เพราะการมองเห็นนั้นไม่ชัดเจน และต้องใช้เวลาในการมองเห็นรายละเอียดนั้น เมื่อวิสัยทัศน์ของคุณมีข้อจำกัด คุณก็ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆได้ชัดเจน ไม่มีอะไรมาเป็นสัญญาณเตือนให้คุณได้ เพราะว่าคุณมองไม่เห็น คุณจึงเกิดสะดุดกับสิ่งต่าง ๆ และอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้!

ในชีวิตคริสเตียนของคุณก็เหมือนกัน เมื่อคุณเปิดไฟ คุณจะมองเห็นว่าตัวเองกำลังจะไปในทิศทางไหน โอกาสที่จะสะดุดและหกล้มจึงมีน้อยมาก แล้วสวิตช์ไฟของชีวิตคุณคืออะไร? มันคือรัก! คุณต้องเปิดใช้งานทุกวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน ที่ทำงาน ที่โบสถ์ กับเพื่อนๆ หรือการอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่พี่น้องของคุณ ความรักคือสวิตช์ที่จะช่วยส่องทางให้คุณและผู้อื่นไม่สะดุดได้

ที่ใดมีความรัก พระเจ้าประทับอยู่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าลูกไม่ต้องการที่จะเดินสะดุดในความมืด โปรดช่วยให้สวิตช์ไฟในใจของลูกส่องสว่างตลอดการเดินทางเพื่อลูกจะได้มองเห็นหนทางที่พระองค์อยากจะนำพาลูกไปได้อย่างชัดเจน ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันเสาร์ที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2564

ถวายที่ดีที่สุดแด่พระเจ้า

 


ถวายที่ดีที่สุดแด่พระเจ้า

จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

2ทิโมธี2:15

พระเจ้าต้องการให้ลูก ๆ ของพระองค์ทำทุกอย่างอย่างดีที่สุดเพื่อถวายพระองค์ นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้อง "ชอบ" ทำในสิ่งที่พระองค์บอกคุณเสมอไป แต่ขอให้รู้ว่าพระองค์ทรงรักและพอพระทัยเมื่อเห็นคุณพยายามทำมันอย่างเต็มที่เพื่อพระองค์

หากคุณกำลังมองหาวิธีที่ยอดเยี่ยมในการที่จะทำเช่นนั้น นี่คือคำแนะนำบางประการที่คุณจะสามารถทำเพื่อพระองค์ได้ในทุกวัน นั่นก็คือ หนึ่ง การมีทัศนคติที่ดีและถูกต้อง (แม้ว่าจะทำยากในบางสถานการณ์)! สอง การให้เวลาที่ดีที่สุดแก่พระองค์ในแต่ละวัน (อย่ารอจนเหนื่อยเกินกว่าจะอธิษฐานและอ่านพระคัมภีร์ ) สาม การมีส่วนร่วมในการถวายเครื่องบูชาที่โบสถ์ การใส่เงินถุงทาน การช่วยบริจาคสิ่งของ การร่วมแบ่งปันในเขตชุมชนวัดของตนเอง สี่ การถวายความคิด วาจา และพฤติกรรมการกระทำ ของคุณแก่พระองค์ เมื่อเวลาที่คุณอยู่ใกล้พ่อแม่ ครูบาอาจารย์ และเพื่อนๆ ของคุณจงเป็นเด็กดี จงเป็นเพื่อนที่ดี

มีหลายวิธีที่คุณสามารถทำให้ดีที่สุดได้! ตัวอย่างเช่น คุณสามารถรวบรวมสิ่งของเครื่องใช้ ของกิน อาหารสำเร็จรูป ไปบริจาคให้กับคริสตจักรหรือเขตวัดของคุณ  หรือบางทีคุณอาจบริจาคเสื้อผ้าหรือผ้าห่มเพื่อช่วยคนเร่ร่อนหรือคนยากจนก็ได้ มีวิธีช่วยเหลือมากมายนับไม่ถ้วนที่คุณสามารถทำได้โดยไม่ต้องรอให้ตนเองเป็นคนร่ำรวยก่อน! จงชื่นชมยินดีที่จะเป็นผู้ให้  ไม่ว่าจะด้วยพรสวรรค์หรือทรัพย์สมบัติของคุณ เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องตั้งใจทำและมอบสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อถวายให้กับพระบิดาบนสวรรค์ของคุณ!

“ดีที่สุด” ของแต่ละคน ไม่สามารถที่จะนำมาวัดหรือเปรียบเทียบระหว่างกันและกันได้ เพราะทุกคนย่อมมีแตกต่าง หลากหลาย ทั้งรสนิยม สไตล์ ความสามารถ ของประทาน และระยะเวลาการเติบโตของชีวิต ในรูปแบบของตนเองที่พระเจ้าทรงเริ่มต้นและทรงนำ แต่เมื่อเราทุกคนนำสิ่งที่ดีที่สุด มารวมกันมอบให้กับพระเจ้า นั่นคือ สิ่งที่สวยงามที่สุดและดีที่สุด สำหรับพระองค์

พระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียว คือ สิ่งที่ดีสุดที่พระเจ้าทรงประทานให้กับเราทุกคน นี่เป็นเหตุผล เป็นแรงจูงใจ และแรงผลักดันให้เราก้าวต่อไป เพราะว่าเราทุกคนอยากจะขอบคุณพระองค์ ในทุกสิ่ง ทุกอย่าง ที่ทรงกระทำในชีวิตของเรา เราจึงอยากที่จะมอบสิ่งที่สามารถเป็นไปได้ หรือทำได้ และจะทำให้ดีขึ้นในทุกๆ วัน เพื่อมอบถวายด้วยความรัก จากหัวใจ จากวิญญาณ จากทั้งหมดที่เรามี ยกขึ้นต่อพระองค์ เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เรามีได้ในทุกวันนี้ ก็เพราะพระองค์  โดยพระองค์ เพื่อพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกอยากจะเติบโตขึ้นไปอีกขั้น! ลูกต้องการจะถวายสิ่งที่ดีที่สุดแด่พระองค์ในทุกวันของชีวิตลูก โปรดเสริมกำลังเพื่อที่ลูกจะได้สามารถทำมันได้ดี โดยอาศัยพระองค์ และอยู่เพื่อพระองค์! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

library.ichurch

actsdaily


วันศุกร์ที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2564

อย่าลืมคำสอนของพระเจ้า

 


อย่าลืมบทเรียนที่ได้เรียนมา!

แต่ท่านจงดำเนินต่อไปในสิ่งที่ได้เรียนรู้แล้วและเชื่ออย่างมั่นคง และท่านก็รู้ว่าท่านเรียนมาจากใคร

2ทิโมธี 3:14

ให้คุณคิดถึงทุกสิ่งที่คุณได้เรียนรู้จากพ่อแม่ จากการเรียนพระคัมภีร์ และจากผู้ใหญ่ผู้ที่มีความเชื่อท่านอื่นๆ ในชีวิตของคุณ พวกเขามีความกระตือรือร้นในการสอนคุณเกี่ยวกับพระคัมภีร์? และคุณเป็นนักเรียนที่ดี? พระเจ้าทรงพอพระทัยมากเมื่อคุณซึมซับ จดจำและเรียนรู้คำสอนของพระองค์จากคนรอบข้างและจากพระคัมภีร์ได้  แต่ในความเป็นจริง.. มันง่ายมากที่จะเราจะลืมข้อคำสอนต่างๆเหล่านั้นใช่ไหม?

ยกตัวอย่าง: คุณอยู่ในห้องเรียนคำสอน ครูของคุณสอนคุณเกี่ยวกับผลของพระวิญญาณ ครูได้อธิบายว่าพระเจ้าต้องการให้คุณเป็นคนดี ใจดีมีเมตตา อ่อนโยน ซื่อสัตย์ และอื่นๆ พอจบคาบเรียนคุณเดินออกมาจากห้องเรียนแล้วรู้สึกดีกับสิ่งที่คุณได้เรียนรู้มาก็จริง แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันต่อมา คุณเกิดไปมีเรื่องทะเลาะกับพี่น้องหรือเพื่อนฝูงของคุณ และคุณก็เลือกปฏิบัติต่อพวกเขาอย่างไม่ดี(ทำสิ่งที่ตรงข้ามกับบทบัญญัติของพระเจ้า) โดยลืมข้อคำสอนที่ได้เรียนมาไปหมดเลย

นี่คือสิ่งที่เราต้องทำให้ได้: ถ้าเราเติบโตขึ้นมาในพระคริสต์จริงๆ เราต้องยึดติดกับสิ่งที่เราได้เรียนรู้มา หากเราฝึกตนเองและสามารถอดทนต่ออารมณ์ที่กำลังเกิดขึ้นในใจของเราได้หนึ่งนาที เราก็จะสามารถเอาชนะใจตนเองได้อีกในนาทีต่อๆไป แล้วถ้าต้องอดทนไปมากกว่านั้นอีกสักหน่อยมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องยาก

เพื่อให้แน่ใจว่าเราจดได้จำคำสอนและมีความตั้งใจจริงที่จะนำมันมาใช้ให้เกิดผลดีในชีวิต เราต้องฝึกเข้าหาพระเจ้าโดยการอธิษฐานและขอความช่วยเหลือจากพระองค์เพื่อที่เราจะได้ทำตัดสินใจทำในสิ่งที่ถูกต้อง และต่อไป ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น หายใจเข้าลึกๆ อธิษฐานขอการทรงนำจากพระองค์ นึกถึงข้อคำสอนของพระองค์ไว้นะ!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกต้องการเรียนรู้คำสอนของพระองค์ ทั้งจากพระคัมภีร์และจากคนอื่นๆ ให้ดีและให้ได้มากที่สุด! ลูกไม่ต้องการที่จะแค่เรียนเพื่อประดับความรู้เฉยๆ แต่กลับไม่ได้เอามาใช้ให้เกิดผลดีกับการดำเนินชีวิตจริงๆ ได้โปรดทำให้บทเรียนและคำสอนทั้งหมดของพระองค์ติดอยู่ในใจลูกเหมือนกาวตราช้างที่ไม่มีวันแกะออกด้วยเถิดพระเจ้าข้า! ลูกอธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันพฤหัสบดีที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2564

การปฏิเสธพระเยซู

 


อย่าปฏิเสธ

ขณะนั้นซีโมนเปโตรกำลังยืนผิงไฟอยู่ คนพวกนั้นถามเปโตรว่า “เจ้าก็เป็นสาวกของคนนั้นด้วยไม่ใช่หรือ?” เปโตรปฏิเสธว่า “ไม่ใช่”

ยอห์น 18:25

มีเรื่องที่น่าเศร้าเกิดขึ้นในพันธสัญญาใหม่ เกี่ยวกับสาวกคนหนึ่งของพระเยซู ชายคนหนึ่งชื่อเปโตร เขารักพระเยซูมาก แต่เมื่อต้องเจอกับสถานการณ์ที่คับขันและน่าหวาดกลัว เปโตรตัดสินใจได้แย่มาก เขาตัดสินใจปฏิเสธว่าตัวเขารู้จักกับพระเยซู การปฏิเสธบางสิ่งบางอย่างหมายถึงการอ้างว่าสิ่งนั้นไม่เป็นความจริง แม้ว่ามันจะเป็นความจริงก็ตาม  

การปฏิเสธพระเยซูคือการบอกเพื่อนของคุณว่า "คุณไม่เคยรู้จักพระองค์" คุณเองก็ไม่อยากเชื่อใช่ไหมว่าเปโตรทำอย่างนั้น แต่บางครั้งตัวเราก็เผลอทำแบบเดียวกันโดยไม่ทันรู้ตัวเได้หมือนกัน ในฐานะที่เราเป็นลูกของพระเจ้าเราได้มอบหัวใจของเราให้พระเยซูไปแล้ว แต่บางครั้งเราก็เพลิดเพลินไปกับชีวิต กับเพื่อน พอมีเพื่อนหรือใครมาขอให้เราทำในสิ่งที่เราเองก็รู้ว่าไม่ควรทำ แต่เราก็อือออไปกับพวกเขาโดยหลงลืมคำสัญญาที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อพระเยซูโดยสิ้นเชิง เราอาจพูดว่าเราไม่ได้ปฏิเสธพระองค์โดยเจตนา แต่เราก็ได้ทำลายหัวใจของพระองค์ด้วยการลืมสัญญาของเราไปแล้ว 

นับจากนี้เราต้องตัดสินใจแน่วแน่ว่าจะไม่เผลอทำการใดที่จะเป็นการปฏิเสธพระองค์อีก เราจะต้องดำเนินชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ในทุกวันต่อจากนี้ไป !

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ลูกไม่ต้องการที่จะปฏิเสธพระองค์เลย! ขอให้ลูกจำคำมั่นสัญญาที่ว่าจะเดินไปกับพระองค์ในทุกวันของชีวิตลูกที่เหลืออยู่อย่างแน่วแน่และสัตย์ซื่อด้วยเถิดพระเข้าข้า ! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

gracezone

วันพุธที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2564

จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

 


จงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด

แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด ความรักผูกพันทุกสิ่งไว้อย่างสมบูรณ์

โคโลสี3:14

คุณเคยมีช่วงเวลาตอนเช้าๆที่คุณไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าคุณจะใส่ชุดไหนดีบ้างไหม? บางทีคุณอาจเลือกชุดหนึ่งไว้แล้ว แต่พอจะออกจากบ้านจริงๆคุณก็เปลี่ยนใจไปใส่ชุดอื่น แต่พอคุณแต่งตัวใหม่และส่องกระจกดูอีกครั้ง คุณก็ไม่พอใจกับชุดนั้นเช่นกัน ไม่นานทุกอย่างก็จบลงด้วยการกองไว้บนพื้น ผ่านไปหลายชุดแล้วคุณเองก็ยังไม่แน่ใจว่าใส่อะไรแล้วจะดูดีที่สุด ชุดไหนดีนะ? ชุดแล้วชุดเล่า!

สิ่งที่คุณสวมใส่อาจดูมีความสำคัญต่อคุณมากมาย แต่มีเพียงสิ่งเดียวในตู้เสื้อผ้าของคุณมีความสำคัญต่อพระเจ้าเป็นพิเศษ ลองกลับเข้าไปมองในตู้เสื้อผ้าของคุณสิหรือมองเข้าไปในลิ้นชักแล้วดึงมันออกมาสวมสะ...มันก็คือ “ความรัก”  ความรักก็เหมือนเสื้อผ้า มันเป็นสิ่งที่คุณสวมใส่ได้ คุณสามารถสวมใส่ได้ตลอดทั้งวัน เด็กๆอาจสงสัยว่า มันไม่ได้ทำมาจากผ้านะแล้วจะให้ฉันสวมมันยังไงละ?. ความรัก ไม่ใช่สิ่งที่ผู้คนสามารถจับต้อง หรือมองเห็นได้ด้วยตา แต่ความรักเปรียบเป็นไอเท็มที่สำคัญที่สุดที่คุณควรหยิบมาใส่ในทุกๆวัน

นับจากวันนี้ ไม่ว่าคุณจะเลือกชุดไหนก็ตาม อย่าลืมสวมความรักออกไปด้วยทุกครั้งเพราะว่ามันสำคัญกว่ารูปลักษณ์ภายนอก จงพันมันรอบหัวใจของคุณก่อนออกจากบ้าน   ความรัก เป็นสิ่งที่น่าดึงดูดที่สุดที่คุณสามารถสวมใส่ได้ทุกที่ ทุกเวลา!

หลายคนอาจคิดว่ามันดูเหมือนเรื่องงี่เง่า! แต่มันไม่ใช่นะ. การใส่ความรักเหมือนใส่เสื้อแจ็กเก็ตที่อบอุ่น ปล่อยให้มันโอบล้อมรอบคุณทุกด้านเพื่อว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่คุณพบเจอกับผู้คน เขาจะได้สัมผัสถึงความรักของพระเจ้าผ่านความรักที่คุณแสดงออกต่อเขา  จงสวมมันไว้บนหัวเหมือนหมวกกันหนาว เพื่อให้ความคิดของคุณเป็นดั่งความคิดของพระองค์เสมอ การสวมความรักจึงเป็นชุดที่มีเสน่ห์อย่างหนึ่ง!

การเดินในความรักสำหรับคริสเตียนแล้วนั้นไม่ใช่ทางเลือก แต่ควรเป็นชีวิตของเรา คุณถูกสร้างขึ้นเพื่อรัก พระเจ้าทรงเป็นความรัก และพระคัมภีร์กล่าวว่าวิญญาณของเราถูกสร้างขึ้นตามพระฉายาของผู้ที่สร้างเราขึ้นมา ดังนั้นเราคือผู้ที่สำแดงออกของความรักของพระองค์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ลูกขอขอบพระคุณที่คอยเตือนลูกว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดที่ลูกสามารถสวมใส่ได้ทุกวันคือความรักของพระองค์ นับจากนี้โปรดช่วยให้ลูกไม่หลงลืมที่จะใส่มันทุกวัน! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันอังคารที่ 21 กันยายน พ.ศ. 2564

ความหยิ่งผยอง(หลงตนเอง)

 


ความหยิ่งผยอง(หลงตนเอง)

เมื่อความโอหังมาถึง ความอัปยศก็มาด้วย

แต่ปัญญาอยู่กับคนถ่อมตัว

สุภาษิต 11:2

หยิ่งผยองหมายความว่าอย่างไร? การทะนงตัว,ถือตัว,เย่อหยิ่ง ,อวดดี, จองหองยโสโอหัง เพราะถือว่าตัวมียศ มีปัญญา มีความรู้ มีกำลัง มีทรัพย์ มีดีเหนือคนอื่น แล้วความภาคภูมิใจในตนเองเป็นสิ่งที่ไม่ดีหรือ? บางคนชื่นชมและภาคภูมิใจในทีมฟุตบอล หรือทีมเบสบอลท้องถิ่นของพวกเขามาก บางคนภูมิใจในลูกๆ หลานๆของพวกเขา หรือบางคนภูมิใจในบ้านเกิดของพวกเขา แบบนี้ผิดไหม?  คำตอบคือความภูมิใจแบบนี้ไม่ผิดนะ.

แต่ว่าเมื่อไหร่ก็ตามที่ความภาคภูมิใจ กลายเป็นความเย่อหยิ่งจนทำให้เราหลงทางและเริ่มคิดว่าเรามีดีกว่าคนอื่น (สวยกว่า ฉลาดกว่า เก่งกว่า รวยกว่า มีความสามารถมากกว่า ดูดีกว่า ยศสูงกว่า มีกำลังมากกว่าและอื่นๆ) ความภาคภูมิใจแบบนี้ไม่ดีอย่างแน่นอน พระเจ้าต้องการให้เราดำเนินชีวิตอย่างถ่อมตัวไม่ว่าจะอยู่กับใครก็ตาม  นั่นหมายความว่าเราต้องไม่ได้คิดว่าตัวเราดีกว่าที่พวกเขาเป็นอยู่ เพราะตัวเราเองก็ไม่ได้รู้จักคนอื่นดีพอว่าพวกเขามีพรสวรรค์และความสามารถพิเศษด้านใดบ้าง แต่สิ่งที่เราควรทำนั่นก็คือ เราควรสนับสนุนพวกเขาด้วยการทำให้พวกเขารู้สึกดีกับตัวเอง เราไม่ควรเปรียบเทียบตัวเองกับพวกเขา และห้ามคิดเลยว่า "ฉันมีดีกว่าพวกคุณ ตั้งเยอะ!" ความคิดแบบนี้ให้เราขุดหลุมฝังมันไปได้เลย.

ครั้งต่อไปที่คุณเริ่มรู้สึกและหลงคิดว่าตัวเองมีดีกว่าคนอื่น...จงระวังความคิดนี้ไว้! เพราะพระเจ้าไม่ทรงพอพระทัยกับท่าทีอวดดีแบบนั้น! จงวางความภาคภูมิใจ(หยิ่งผยอง)แบบนั้นลงเถอะ และเราสามารถกำจัดมันได้ด้วยการให้ความสำคัญกับผู้อื่นมากขึ้นและคิดถึงตัวเองให้น้อยลง  การทำเช่นนี้จะทำให้พระเจ้าพอพระทัยมาก!

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกยอมรับว่าลูกเคยหลงไหลไปกับการหยิ่งทะนงในตนเองเป็นครั้งคราว  ลูกหลงคิดไปว่าตัวลูกนั้นมีดีกว่าคนอื่น ขอพระองค์โปรดเตือนลูกว่าทัศนคติแบบนี้ไม่ได้ทำให้พระองค์พอพระทัย แล้วช่วยลูกกำจัดความภาคภูมิใจ(ใจที่เย่อหยิ่ง)แบบนี้ของลูกด้วย ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันจันทร์ที่ 20 กันยายน พ.ศ. 2564

คิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นก่อนตัวเองเสมอ

 


ฉัน ฉัน และก็ฉัน?

ส่วนพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ไม่มีพระบัญญัติอื่นใดที่สำคัญยิ่งกว่าพระบัญญัติเหล่านี้”

มาระโก 12:31

คุณเคยเจอคนที่ชอบเอาแต่ใจตัวเองบ้างไหม? ทั้งหมดที่เขาเป็นคือหมกมุ่นอยู่แต่กับตัวเอง คิดถึงแต่ตัวเอง เรียกว่า "ฉัน ฉัน และก็ฉัน" ประมาณว่าตัวเองต้องมาก่อน สำคัญก่อน ส่วนเรื่องคนอื่นเอาไว้ทีหลังก็ได้ ทุกครั้งที่คุณพยายามจะพูดอะไร เขาจะขัดจังหวะคุณและเล่าเรื่องอื่นเกี่ยวกับสิ่งที่เขากำลังประสบอยู่ หรือคิดอยู่ก่อนเสมอ คนที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเองแบบนี้เป็นคนที่คิดถึงแต่ "เอาแต่ใจ เห็นแก่ตัวเอง" ยากที่จะอยู่ใกล้  คนแบบนี้เขาลืมคิดถึงผู้อื่น ซึ่งมันเป็นสิ่งที่น่าละอาย เราไม่ควรเอาอย่าง

ทำไมคนจำนวนมากจึงคิดถึงแต่ตัวเองกันนัก? ทำไมพวกเขาไม่สังเกตว่าคนอื่นก็มีความต้องการด้วยเหมือนกัน? เหตุผลหนึ่งก็คือมารซาตาน ได้ล่อลวงทำให้พวกเขาตาบอดต่อแผนการของพระเจ้า และพวกเขาไม่ได้เป็นเพียงแค่คนจำนวนน้อย แต่โลกนี้เต็มไปด้วยคนที่เห็นแก่ตัวเองเยอะมาก พวกเขามักจะสนใจแต่เรื่องผลประโยชน์ของตนเอง จนทำให้มองไม่เห็นความต้องการของผู้อื่น

คุณสามารถแตกต่าง ไปจากพวกเขาได้  โดยการมองดู ใส่ใจ คนรอบข้างมากขึ้น คอยสังเกตดูคนรอบข้างที่กำลังเจ็บปวด หิวโหย และเจ็บป่วย ถึงแม้ว่าคุณอาจจะไม่ได้ออกแรงช่วยได้ทุกเรื่อง แต่คุณก็สามารถอธิษฐานเผื่อพวกเขาได้ แทนที่จะพูดถึงแต่เรื่องของตัวเองหรือกังวลเกี่ยวกับความต้องการของตัวเองก่อนเสมอ ให้คุณลองคิดถึงใจของคนอื่นก่อนตนเอง อย่ามองข้ามการเสียสละเรื่องเล็ก  น้อยๆ เพราะทุกอย่างมีคุณค่าในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ 

ใช่แล้ว คุณสามารถแตกต่างได้จากคนอื่นๆ นับจากวันนี้จะไม่มีคำว่า "ฉัน ฉัน และฉัน" อีกต่อไป

พระเยซูเป็นตัวอย่างที่ดีที่สุดที่เคยมี พระองค์เป็นคนที่ไม่เคยคุยโวโอ้อวด ไม่เห็นแก่ตัว และพระองค์จะคิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นก่อนตัวเองเสมอ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกไม่ต้องการที่จะเป็น "คนเห็นแก่ตนเองเลย แต่บางครั้งกับบางเรื่อง บางคนมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสำหรับการเป็นคนอ่อนน้อมถ่อมตน เพราะในความเป็นมนุษย์แล้วลูกก็ยังมีความต้องการเป็นที่หนึ่งอยู่ในกมลสันดาน ดังนั้นลูกจึงมาขอพึ่งการนำพาจากพระองค์ ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกมีใจหนักแน่น และกล้าหาญมากพอที่จะเสียสละให้ผู้อื่นก่อนคิดถึงตัวเอง  ลูกอยากจะดำเนินรอยตามแบบอย่างของพระเยซูคริสต์ ลูกขออธิษฐานในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันอาทิตย์ที่ 19 กันยายน พ.ศ. 2564

เดินในทิศทางที่ถูกต้อง


-เดินในทิศทางที่ถูกต้อง-

เพราะโลกมันร้าย

เราก็ต้องอยู่ให้เป็น

เพราะคนมันร้าย

แต่เราก็ไม่จำเป็นต้องทำการชั่วตอบ

อยู่แบบไม่เอาเปรียบใคร

แต่ก็อย่ายอมให้ใครมาเอาเปรียบ

อย่าอยู่แบบรู้เท่าทันใครไปหมดยกเว้นรู้ทันตนเอง

เพราะการรู้ที่ดีต่อใจที่สุดก็คือการรู้เท่าทันใจของตนเอง

อยู่แบบไม่ต้องแคร์คนทุกคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิตให้เป็น

แล้วเลือกใส่ใจแคร์ให้ถูกคนก็พอ

เพราะคนหวังดีย่อมแนะนำตักเตือน และนำพาแต่สิ่งดีมาให้

ส่วนคนหวังร้าย ก็แค่ผ่านมาเพื่อทิ้งบาดแผลและจากไป

อยู่แบบรู้ว่า ทุกอย่างไม่แน่นอน

เมื่อมีผ่านมา ก็มี ผ่านไป

อยู่อย่างเข้าใจว่าทุกความเปลี่ยนแปลง

อยู่อย่างไม่ยึดติด ไม่ว่าจะหนี้สิน หรือความมั่งมี

อย่าทุกข์หรือสุข มากจนลืมที่จะมีความสุข

ว่า "วันนี้ ฉันคนนี้ยังมีลมหายอยู่นะ"

ให้เราขอบคุณพระเจ้าสำหรับทุกสิ่ง

 

แม้ชีวิตจะไม่สามารถหลีกเลี่ยงความเจ็บปวดและความผิดหวังได้ แต่เรารู้ว่าสิ่งนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น ความทุกข์ที่เกิดขึ้น มันก็แค่วันนี้...ไม่ใช่ตลอดไป - JAL

สิ่งที่จะได้รับในสวรรค์ มีมากเกินพอที่จะชดเชยการสูญเสียในโลกนี้

ข้อพระคัมภีร์สำหรับการนี้

สุภาษิต 30:8-9 THSV11

ขอให้ความเท็จและคำมุสาไกลจากข้าพระองค์ ขออย่าประทานความยากจนหรือความมั่งคั่งแก่ข้าพระองค์ ขอทรงเลี้ยงข้าพระองค์ด้วยอาหารที่จำเป็นแก่ข้าพระองค์ เกรงว่าข้าพระองค์จะอิ่ม และปฏิเสธพระองค์ แล้วพูดว่า “พระยาห์เวห์เป็นใครเล่า?” หรือเกรงว่าข้าพระองค์จะยากจนและขโมย และลบหลู่พระนามพระเจ้าของข้าพระองค์

มีพระเจ้าเพียงพอ

KCLOVEGOD


ความมุ่งมั่นที่จะพึ่งพาพระเจ้า

 


ความมุ่งมั่นที่จะพึ่งพาพระเจ้า

เพราะถ้าเธอเงียบอยู่ในเวลานี้ ความช่วยเหลือและการช่วยกู้จะมาถึงพวกยิวจากที่อื่น แต่เธอและครัวเรือนบิดาของเธอจะพินาศ ที่จริงเธอมารับตำแหน่งราชินีก็เพื่อยามวิกฤตเช่นนี้ก็เป็นได้นะ ใครจะรู้”

เอสเธอร์ 4:14

มีเรื่องราวที่น่าทึ่งในพระคัมภีร์เกี่ยวกับหญิงสาวที่ชื่อเอสเธอร์ซึ่งได้กลายเป็นราชินีในเวลาที่เหมาะสม เธอต้องเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ แต่เธอเลือกที่จะวางใจในพระเจ้า และความสัตย์ซื่อของเธอ ทำให้คนของเธอ (ชาวยิว) ได้รับความรอด แม้เธอจะเป็นแค่หญิงสาวตัวเล็กๆ  แต่เธอยอมให้พระเจ้าใช้เธอ อายุจึงไม่ใช่ข้อจำกัดในการรับใช้พระเจ้า

จุดประสงค์ของพระธรรมเอสเธอร์คือแสดงการทรงจัดเตรียมของพระเจ้าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับชนชาติอิสราเอลที่ทรงเลือก พระราชินีเอสเธอร์ทรงพิสูจน์ให้เห็นว่าทรงมีวิญญาณชอบธรรมและการเชื่อฟังคำสอน ทั้งยังแสดงให้เห็นความเข้มแข็งและการเชื่อฟังด้วยความเต็มใจ ความอ่อนน้อมถ่อมตนของพระราชินีเอสเธอร์ก็โดดเด่นแตกต่างจากคนรอบข้างด้วย

คุณเคยคิดว่าคุณมีพลังศรัทธาหนักแน่นเช่นเดียวกับเอสเธอร์หรือไม่? ตัวคุณเองเท่านั้นที่รู้คำตอบดี  พระเจ้าได้นพาคุณมาอยู่ท่ามกลาง "คน" ที่เหมาะสม ไม่ว่าจะเป็น  เพื่อนและสมาชิกในครอบครัวของคุณ และในเวลาที่เหมาะสม ซึ่งมันเป็นความจริง! ดังนั้นเมื่อคุณอธิษฐานเผื่อสมาชิกในครอบครัว (พี่น้องของคุณ พ่อแม่ ป้า น้าอา และอื่นๆ) และเพื่อน ๆ พระเจ้ากำลังฟังคุณอยู่ คำอธิษฐานของคุณอาจเป็นประตูนำพวกเขาไปสู่ความสัมพันธ์อันดีกับพระเยซูก็ได้

บ่อยครั้งเราถูกตั้งเป็นภาชนะแห่งพระพรสำหรับตนเองและคนอื่น ๆแบบที่ไม่รู้ตัว ในทุกพื้นที่ของชีวิตเราจะต้องประพฤติดีและเลียนแบบท่าทียกย่องนับถือพระเจ้าของพระนาง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่เราถูกทดลอง ให้เรามีท่าทีในแง่บวก ควบคู่ไปกับความอ่อนน้อมถ่อมตนและความมุ่งมั่นที่จะพึ่งพาพระเจ้า

ดังนั้นอย่าหยุดอธิษฐานไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น จงเป็นเช่นเดียวกับเอสเธอร์ คำอธิษฐานของคุณทรงพลัง! จงมีความหวังต่อไป เชื่อมั่นต่อไป เหมือนที่เอสเธอร์ทำ ใครจะรู้? บางที "คน" ของคุณอาจจบลงด้วยการรักพระเจ้าและมีชีวิตอยู่เพื่อพระองค์ก็ได้ คุณสามารถสวดอ้อนวอนทูลขอความช่วยเหลือจากพระบิดาบนสวรรค์ คุณสามารถองอาจกล้าหาญเหมือนเอสเธอร์

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดาที่รัก โปรดช่วยทำให้ลูกเป็นเหมือนพระนางเอสเธอร์  ลูกต้องการอธิษฐานเผื่อคนของลูกและเฝ้าดูพวกเขาทุกคนเข้ามารู้จักกับพระองค์อย่างแท้จริง! ขอให้ลูกมีความอดทนมุ่งมั่น ด้วยเชื่อว่าในทุกวิกฤตที่ผ่านเข้ามาล้วนมีวัตุประสงค์ โปรดช่วยให้ลูกมีท่าทีในแง่บวก ควบคู่ไปกับความอ่อนน้อมถ่อมตนและความมุ่งมั่นที่จะพึ่งพาพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันเสาร์ที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2564

เรียนรู้ที่จะรัก

 


เรียนรู้ที่จะรัก

30พวกท่านจงรักองค์พระผู้เป็นเจ้าผู้เป็นพระเจ้าด้วยสุดใจของท่าน ด้วยสุดจิตของท่าน ด้วยสุดความคิดของท่านและด้วยสุดกำลังของท่าน 31ส่วนพระบัญญัติที่สำคัญอันดับสองคือ จงรักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง ไม่มีพระบัญญัติอื่นใดที่สำคัญยิ่งกว่าพระบัญญัติเหล่านี้”

มาระโก 12:30-31

ตอนเป็นเด็กมีใครเคยคิดอยากโตเป็นผู้ใหญ่เร็วๆบ้างไหม  หลายคนอาจเคยแอบคิดถึงการมีความรักดีๆ  คนรักดีๆ ในอนาคตตอนที่ตนเองเติบโตเป็นผู้ใหญ่ แต่ความคิดฝันในเรื่องนี้อาจมีผู้ใหญ่หลายคนไม่ค่อยพอใจนักนั่นก็เพราะว่าคุณยังอยู่ในวัยเรียน !  

นี่เป็นข่าวดีสำหรับคุณ: คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความรักในอนาคตข้างหน้าของคุณเลย!  เพราะตอนนี้รักแท้ที่คุณจะต้องให้ความสำคัญมากที่สุด ก็คือพระเจ้า พระคัมภีร์กล่าวว่าพระเจ้าเป็นรักแรกของคุณ และพระองค์มีแผนการที่ดีที่สุดและยังช่วยให้คุณสามารถรักคนอื่นได้อีกด้วย ที่สำคัญคุณไม่ต้องรอจนถึงตอนโต ถึงจะรักคนอื่นได้  แต่คุณสามารถรักคนอื่นได้ในตอนนี้เลย  ดังนั้นพระเจ้าต้องการให้คุณทำดังนี้:

1.รักพระองค์ให้มากกว่าสิ่งใด คุณอาจจะพูดว่า "โอ้โฮ! จริงอ่ะ! ,ให้รักมากกว่าพ่อแม่ของฉัน? เพื่อนของฉัน? เสื้อผ้าของฉัน? ของเล่นของฉัน? วิดีโอเกมของฉัน?เลยเหรอ! คำตอบคือใช่. คุณต้องเริ่มต้นด้วยการมอบความรักที่มีทั้งหมดต่อพระบิดาบนสวรรค์ให้พระองค์อยู่เหนือสิ่งอื่นใด คุณต้องรักพระองค์สุดหัวใจ สุดวิญญาณ สุดความคิด และสุดกำลัง นี่คือความรักที่ยิ่งใหญ่ที่คุณควรจะทำให้พระองค์!

2.รักตัวเอง. "การรักตัวเองจะดีเหรอ?" คำตอบคือ ดีแน่นอน! เพราะถ้าคุณไม่รู้จักรักตัวเองมันก็ยากที่คุณจะรักคนอื่นเป็น คุณแค่ต้องจำไว้ว่าอย่าทำให้ตัวเองอยู่เหนือพระเจ้า ก็พอ

3. รักคนอื่นเหมือนรักตัวเอง ให้ความสำคัญกับความต้องการของคนอื่นมาก่อนของตนเอง แม้มันจะเป็นเรื่องยากก็ตาม จงจำไว้ว่าพระเจ้าเองก็รักคนอื่นๆมากพอๆ กับที่พระองค์ทรงรักคุณ

เราได้แสดงให้เห็นความรักที่เรามีต่อพระเจ้า ก็ต่อเมื่อเรารักซึ่งกันและกัน

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าที่รัก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับความรักที่พระองค์ประทานให้กับลูกอย่างท่วมท้นในแต่ละวัน โปรดสอนลูกให้ห่วงใยผู้อื่น ขอทรงเปิดตาของลูกให้เห็นความขัดสนของผู้คนและทำสิ่งที่ทรงปรารถนาให้ลูกทำ ลูกขอขอบพระคุณที่พระองค์กำลังสอนลูกว่าการรักผู้อื่นและการรักพระองค์หมายความว่าอย่างไร  พระองค์คือรักแท้เพียงหนึ่งเดียวของลูก ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


วันศุกร์ที่ 17 กันยายน พ.ศ. 2564

คนที่พระเยซูรัก!

 


คนที่พระเยซูรัก!

ก่อนถึงงานเทศกาลปัสกา พระเยซูทรงทราบว่าถึงเวลาแล้วที่พระองค์จะทรงจากโลกนี้ไปหาพระบิดา พระองค์ทรงรักบรรดาคนของพระองค์ที่อยู่ในโลกนี้ พระองค์ทรงรักเขาทั้งหลายจนถึงที่สุด

ยอห์น 13:1

คุณเคยหยุดคิดบ้างไหมว่าพระเยซูรักคุณมากแค่ไหน? ซึ่งในความจริงแล้วมันยิ่งใหญ่มากกว่าเพลงที่คุณเคยเรียนในโบสถ์เสียอีก   "พระเยซูรักฉัน พระคัมภีร์สอนฉัน จึงรู้ดังนั้นแน่นอน" ในเมื่อในใจและความคิดของคุณเองก็รู้ดีว่าพระองค์รักคุณ คุณก็ไม่จำเป็นต้องกังวลว่าพระองค์จะหยุดรักเมื่อคุณทำผิดพลาด จงใช้เวลานี้ทบทวนดูสักครู่ สำนึกในความบาป และหันหลังให้บาป ในโลกนี้เราทุกคนต่างก็เคยทำบาปและเคยล้มเหลวมาก่อนใช่ไหม แต่อย่าให้ความผิดพลาดแยกเราออกจากความรักของพระเจ้า เพราะเมื่อเรามั่นใจโดยสิ้นเชิงว่าพระเยซูทรงรักเรา เราไม่ต้องกังวลว่าความผิดพลาดของเราจะทำให้พระองค์เลิกรัก

สาวกคนหนึ่งของพระเยซูรู้ดีว่าพระองค์ทรงรักมากเพียงใด ชื่อของเขาคือยอห์น เขาเรียกตัวเองว่า "สาวกที่พระเยซูทรงรัก" คุณเองก็เช่นกัน คุณก็รู้ดีว่าพระองค์จะไม่มีวันหยุดรักคุณ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พระองค์จะไม่มีวันหยุดรักคุณแน่นอน และสิ่งดีต่าง ๆ จะเกิดขึ้นมากมายในชีวิตของคุณ เมื่อคุณรู้และมั่นใจในความรักของพระเยซูที่มีต่อคุณเป็นการส่วนตัวจริง ๆ

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกดีใจมากที่ได้เป็นคนที่พระองค์ทรงรัก  แม้ว่าลูกจะเคยทำผิดสักกี่ครั้งกี่หน แต่พระองค์ยังทรงให้อภัยและจะรักลูกต่อๆไป ลูกขอขอบพระคุณสำหรับความรักที่ยิ่งใหญ่ไม่มีใครเหมือนนี้! ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions

christ-themystery


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...