จากความมืดสู่แสงสว่าง
9ผู้ที่กล่าวว่าตนอยู่ในความสว่าง
ขณะที่ยังเกลียดชังพี่น้องของตน ผู้นั้นก็ยังอยู่ในความมืด 10ผู้ที่รักพี่น้องของตนก็อยู่ในความสว่าง
และในตัวเขานั้นไม่มีอะไรทำให้สะดุด
1 ยอห์น 2:9-10
คุณรู้สึกยังไงบ้างเวลาที่ต้องอยู่ในความมืด
มืดมิดแบบมองไม่เห็นอะไรเลย? ลองนึกภาพว่าคุณกำลังอยู่ในห้องนอนตอนดึกและไฟก็ดับ
แต่คุณรู้สึกว่าตัวเองลืมทำอะไรบางอย่างแล้วคุณตัดสินใจลุกจากเตียงทั้งๆที่ไฟยังดับ และต้องคอยเดินเขย่งเท้าเพราะกลัวว่าจะเดินไปชนกับอะไรเข้า
และระหว่างทาง คุณก็พลาดไปชนหรือเหยียบกับของบางสิ่งจนบาดเจ็บ
อุ๊ย!
การอยู่ในความมืดไม่ใช่แค่การมองไม่เห็นเท่านั้นนะ แต่มันยังเป็นอันตรายต่อคุณได้ด้วย!
ทำไมคนเรามักจะเจอกับอุบิตเหตุเมื่ออยู่ในความมืด? ก็เพราะว่าดวงตาของคุณไม่สามารถปรับระดับให้เข้ากับความมืดได้โดยสิ้นเชิง แสงสว่างน้อยเกินไป
จะมีผลเสียต่อตา ทำให้กล้ามเนื้อตาทำงานมากเกินไป โดยบังคับให้ ม่านตาเปิดกว้าง
เพราะการมองเห็นนั้นไม่ชัดเจน และต้องใช้เวลาในการมองเห็นรายละเอียดนั้น เมื่อวิสัยทัศน์ของคุณมีข้อจำกัด คุณก็ไม่สามารถมองเห็นรายละเอียดอื่นๆได้ชัดเจน
ไม่มีอะไรมาเป็นสัญญาณเตือนให้คุณได้ เพราะว่าคุณมองไม่เห็น คุณจึงเกิดสะดุดกับสิ่งต่าง
ๆ และอาจทำให้คุณบาดเจ็บได้!
ในชีวิตคริสเตียนของคุณก็เหมือนกัน เมื่อคุณเปิดไฟ
คุณจะมองเห็นว่าตัวเองกำลังจะไปในทิศทางไหน โอกาสที่จะสะดุดและหกล้มจึงมีน้อยมาก แล้วสวิตช์ไฟของชีวิตคุณคืออะไร? มันคือรัก! คุณต้องเปิดใช้งานทุกวัน ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่บ้าน ที่โรงเรียน
ที่ทำงาน ที่โบสถ์ กับเพื่อนๆ หรือการอยู่ที่บ้านกับพ่อแม่พี่น้องของคุณ
ความรักคือสวิตช์ที่จะช่วยส่องทางให้คุณและผู้อื่นไม่สะดุดได้
ที่ใดมีความรัก พระเจ้าประทับอยู่
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้าลูกไม่ต้องการที่จะเดินสะดุดในความมืด
โปรดช่วยให้สวิตช์ไฟในใจของลูกส่องสว่างตลอดการเดินทางเพื่อลูกจะได้มองเห็นหนทางที่พระองค์อยากจะนำพาลูกไปได้อย่างชัดเจน
ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น