วันจันทร์ที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2562

ครอบครัว คือของขวัญพิเศษจากพระเจ้า


ครอบครัว  คือของขวัญจากพระเจ้า
ครอบครัวในที่นี้ หมายถึงพ่อแม่ พี่น้อง ญาติที่มาจากสายเลือด และสำหรับตัวเราเองแล้วคำว่าครอบครัว ยังหมายถึงคนที่พระเจ้าส่งเขาเข้ามาในชีวิตเรา บางคนอาจผ่านเข้ามาในช่วงเวลาสั้น ๆ หรือบางคนมานานแล้วแต่ยังรักกันยาวนาน ครอบครัวพระเจ้าเป็นมิตรภาพที่หลากหลาย มีทั้งพี่ มีทั้งน้อง มีทั้งเพื่อนที่มาจากต่างสายเลือด ไม่จำกัดอายุ-เพศ ขอเพียงเรามีใจรัก ห่วงใยจริงใจ เมื่อทำผิดกล้ารับผิด รู้ขอโทษ ปรับปรุงแก้ไข และพยายามรักษามิตรภาพนั้นต่อไป นี่ก็คือครอบครัวแล้วสำหรับเรา และครอบครัวของพระเจ้านั้นไม่ว่าเราจะต้องไปอยู่ที่ใด ไกลจากถิ่นที่เคยอาศัยแค่ไหนก็ตาม เราจะได้พบกับพระพรเสมอ พระองค์จะมอบครอบครัวพิเศษที่มีความรัก ความเอาใจใส่ ความหวังดี ความห่วงใย ให้กับเราเสมอ แต่ที่สำคัญก่อนที่เราจะคาดหวังความรัก ความจริงใจ ความเอาใจใส่จากคนอื่น ก่อนอื่นเราต้องรู้จักให้สิ่งเหล่านี้กับคนอื่นก่อนด้วยเช่นเดียวกัน

หากคุณยังมีพ่อแม่คอยดูแลคุณอยู่ หรือถึงเวลาที่คุณจะต้องดูแลท่าน ก็จงชื่นชมยินดีเถิด เพราะคนที่ได้ดูแลพ่อแม่-ได้อยู่ใกล้ท่าน เท่าที่รู้มาเขาว่าเป็นคนมีบุญ และที่สำคัญเวลาที่คุณเจ็บไข้ได้ป่วย คุณก็ยังมีพ่อแม่ อยู่ใกล้ ๆ ไว้คอยอ้อน ต่อให้คุณมีครอบครัวไปแล้ว อายุมากแล้ว แต่คำว่าพ่อแม่ ไม่เคยเปลี่ยน หากท่านยังมีแรง แค่รู้ว่าคุณป่วย ท่านก็จะคอยเอาใจใส่ ห่วงใยใกล้ชิด ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุของท่านหรือว่าของคุณเลย บุญที่คุณได้ทำต่อพ่อแม่ อยู่ในสายพระเนตรของพระเจ้าเสมอ

เป็นบุญแล้ว สำหรับคนที่ได้อยู่ใกล้พ่อใกล้แม่ เพราะความเป็นเด็กขี้อ้อนของเราก็ไม่มีวันหมด เพราะเราจะอ้อน และมีความสุขที่ได้ถูกดูแล โดยเฉพาะยามเจ็บไข้ หากได้กินฝีมือทำกับข้าว โดยเฉพาะข้าวต้มร้อน ๆ จากแม่ เชื่อเลยว่าทุกคนต้องชอบ ดังนั้นอย่าบ่นว่าต่อกันและกันเลย ทำหน้าที่และดูแลท่านให้ได้มากที่สุดเถิด

ส่วนใครที่ต้องอยู่ไกลบ้าน ก็ไม่เป็นไร จงทำหน้าที่ของเราให้ดีที่สุด ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน ขอเพียงคุณเชื่อว่าพระเจ้ารักคุณ คุณก็ไม่ได้โดดเดี่ยวในแดนไกล เพราะพระองค์จะคอยดูแลคุณอย่างแน่นอน

ดังนั้นไม่ว่าเราจะอยู่ไกล้ หรือไกลจากพ่อแม่ หรือจากครอบครัว เราก็ยังสามารถรัก และห่วงใย ใส่ใจ-ดูแลกันและกันได้ตามความสามารถและความเหมาะสมของสภาพหรือสถานะของเราแต่ละคนได้ จงทำทุกวันให้ดีที่สุด ทำสิ่งดี ๆ เพื่อกันและกันให้ได้มากที่สุด พูดสิ่งดี ๆ ที่เสริมกำลังใจกันให้มากที่สุด เพราะเราต่างก็ไม่มีใครรู้เลยว่า เราจะมีพรุ่งนี้ไปอีกสักกี่วัน

ในเมื่อพระองค์ยังมอบเช้าวันใหม่ให้กับเราอยู่ จงมีใจขอบพระคุณ ต่อให้เช้าวันใหม่นี้ จะมีปัญหาที่รอเราอยู่ก็ตาม ขอจงเชื่อและวางใจใจแผนการของพระเจ้า เพราะพระองค์ไม่เคยให้ใครแบกแอกที่เกินความสามารถของเขาจะรับไหว พระองค์รู้ขีดจำกัดของเราแต่ละคนดีกว่าใคร และเมื่อประตูหนึ่งปิด ก็จะมีประตูแห่งพระพรอีกบานหนึ่งเปิดไว้รอระหว่างการเดินทางเสมอ

ช่วงเวลาแห่งชีวิต อาจมีสุขบ้าง ทุกข์บ้าง จงมองให้เห็นพระพรที่แฝงมาในวันที่เราคิดว่ามันทุกข์เหลือเกิน หากเราเลิกจดจ่อกับทุกข์ เราอาจจะมองเห็นพระพรที่ผ่านเข้ามาในช่วงเวลานั้นได้ชัดเจน ดังนั้น ท้อได้ แต่อย่านาน หยุดพักเติมพลังกายพลังใจให้ตัวเองแล้วไปต่อ ให้ดูตัวอย่างมากมายจากพระคัมภีร์ บุคคลสำคัญมากมายต้องเจอปัญหาหนักมากกว่าเราเสียด้วยซ้ำ แต่เพราะทุกคนต่างเชื่อมั่นและวางใจในพระสัญญาของพระเจ้า และที่ปลายทางเขาก็ได้รับบำเหน็จเกินความคาดหมายทุกคน และคนสำคัญที่เป็นแบบอย่างให้กับเราก็คือ พระเยซู พระองค์ต้องอดทนกับปัญหามากมาย ที่เรียกว่าหนักหนาสาหัส แต่พระองค์ก็แบกรับและพระองค์ก็ทำให้เราทุกคนได้เห็นแล้วว่า ความรักของพระเจ้าที่มีต่อเราทุกคนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด แล้วเราจะมามัวนั่งอมทุกข์ บ่นโทษโชคชะตาอยู่ทำไม หากเปรียบเทียบปัญหาของพระองค์กับของเรา ปัญหาเราดูเล็กนิดเดียวจริง ๆ จงเริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยใจขอบพระคุณ และตั้งใจทำหน้าที่ในการเป็นลูกของพระเจ้าให้ดีกว่าเมื่อวาน เท่านี้เราเชื่อว่าทุกคนจะได้พบกับพระพรอย่างที่เราและครอบครัวได้ค้นพบมาแล้วแน่นอน
Crews Love God

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...