ชิงดีหรือถือดี
อย่าทำสิ่งใดด้วยการชิงดีหรือถือดี
แต่จงถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวด้วยใจถ่อม
ฟิลิปปี 2:3
ไม่มีใครชอบเมื่อถูกบอกว่าพวกเขาเป็นพวกนึกถึงแต่ตัวเอง
คนที่คิดถึงแต่ตัวเองจะสนใจแต่เรื่องของตัวเองเป็นอันดับแรกและสนใจเรื่องของคนอื่นน้อยมาก
พวกเราทุกคนอยากคิดว่าเราเป็นคนที่มีความเห็นอกเห็นใจและเอื้ออาทรต่อคนอื่น
และเราเป็นผู้คิดถึงความรู้สึกของผู้อื่นมากเท่ากับคิดถึงความรู้สึกของเราเอง แต่มีหลายคนที่ติดนิสัยสนใจแต่เรื่องของตัวเองแทนที่จะคิดถึงคนอื่น
จริง ๆ
แล้วการเป็นคนที่คำนึงถึงแต่ตัวเองนั้นล้วนพาให้มองเห็นถึงการมีพื้นฐานมาจากความเห็นแก่ตัว
และคนที่เห็นแก่ตัวก็ย่อมไม่สามารถทำให้คนอื่นมีความสุขหรือแม้แต่จะทำให้ตัวเองมีความสุขได้ก็ยังยากเลย เช่นการ การใช้ชีวิต การอยู่ร่วมกับคนในสังคม ฉันต้องได้ คนอื่นจะยังไงฉันไม่สน
เอาล่ะ! คุณรู้ว่ามันเกิดขึ้นได้ทั้ง ในกลุ่มเด็ก-ผู้ใหญ่
วัยเรียน วัยทำงาน หรือแม้แต่กลุ่มคริสเตียนด้วยกัน พวกเขามีท่าทีอวดดี
หรือสนใจแต่เรื่องของตัวเองแทนที่จะคิดถึงคนอื่น บางครั้งหลงคิดไปว่าตัวเองมีดีกว่าคนอื่นๆ
(ในกลุ่มของตน) บางทีคุณอาจเคยเจอกับคนแบบนั้น หรือบางทีก็อาจเป็นคุณเองที่เป็นแบบนั้น
หากคุณกำลังดิ้นรนอยากจะเปลี่ยนพฤติกรรมเหล่านี้
นี่ก็ถึงเวลาสำหรับการเปลี่ยนแปลง! เพราะว่าพระคัมภีร์วันนี้ต้องการสอนให้เราถือว่าคนอื่นดีกว่าตัวเราด้วยใจถ่อม
ซึ่งมันตรงกันข้ามกับความถือดีที่คุณเป็นอยู่ มันยากที่จะแปลี่ยนก็จริง! แต่เราจะต้องกำจัดความเห็นแก่ตัวออกไป
ซึ่งคุณอาจเริ่มต้นด้วยวิธีง่าย ๆ
โดยการเปลี่ยนแปลงความคิดในแง่ลบและแทนที่ด้วยความคิดที่ว่า "ฉันจะทำเพื่อความสุขของคนอื่น" ฉันจะคิดถึงส่วนรวมมากกว่าส่วนตน
การบอกลานิสัยที่คิดถึงแต่ตัวเอง มีดังนี้
-เลิกอยากได้หรือคาดหวังคำยกย่องชมเชย คนที่คิดถึงแต่ตัวเองมักจะรอให้คนอื่นชมพวกเขา
ถ้าคุณไม่เพียงแต่ชอบคำชมแต่คุณใช้ชีวิตเพื่อให้ได้รับคำชมด้วยนั่นก็อาจหมายความว่าคุณเป็นคนคิดถึงแต่ตัวเอง
เป็นเรื่องปกติถ้าคุณถือว่าคำชมเป็นเหมือนความสุขที่คาดไม่ถึงหรือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์
แต่ถ้าคุณรู้สึกว่าคนอื่นติดค้างคำชมให้คุณอยู่เพราะคุณยอดเยี่ยมมากล่ะก็
คุณก็เข้าข่ายคนนึกถึงแต่ตัวเองแล้วล่ะ คำชมควรจะเป็นความสุข
"พิเศษ" ที่ช่วยเติมพลังให้คุณ ไม่ใช่ความคาดหวังว่าจะต้องได้รับอยู่เสมอ
-หัดยืดหยุ่นเกี่ยวกับวิธีการทำสิ่งต่างๆ
ที่แตกต่างกันออกไป คุณก็ต้องเรียนรู้วิธีเป็นคนยืดหยุ่นกว่านี้
คุณเกลียดการเป็นคนที่ไม่สามารถอ้างเครดิตในการทำเรื่องบางอย่างหรือยอมรับว่าคนอื่นทำถูกต้อง
แต่การยอมรับจะช่วยให้คุณเป็นคนใจกว้างมากขึ้น
-หัดปล่อยวางความอิจฉาเรื่องความสำเร็จของคนอื่น
ถ้าคุณไม่ใช่คนที่ได้รับเครดิตของงานนั้น
คุณก็ต้องพยายามให้มากขึ้นเพื่อคุณจะได้คิดถึงตัวเองให้น้อยลง คุณควรจะรู้สึกยินดีไปกับพวกเขา
-ฝึกเป็นมิตรกับทุกคน คนที่คิดถึงแต่ตัวเองมีแนวโน้มที่จะหยาบคายกับคนอื่นเพราะพวกเขาคิดว่าคนเหล่านั้นไม่มีความสำคัญ
คุณกำลังส่งสัญญาณว่าพวกเขาไม่คู่ควรกับเวลาหรือความสนใจของคุณ
ถึงแม้ว่าคุณจะไม่ตั้งใจก็ตาม
แต่ดูเหมือนว่าคุณจะคิดถึงแต่ตัวเองมากกว่าคนอื่นและจะทำให้คุณดูเป็นคนเห็นแก่ตัว
-หัดถามคำถามเวลาที่คุณอยู่กับคนอื่น. การถามผู้อื่นแสดงให้เห็นว่าคุณสนใจที่จะรู้มุมมองของพวกเขาอย่างกระตือรือร้น ถ้าคุณกำลังคุยอยู่กับเพื่อนหรือคนรู้จัก ลองถามพวกเขาว่ารู้สึกอย่างไรในเรื่องที่คุณกำลังพูดคุยกันอยู่ ถามว่าเขาบรรลุเป้าหมายหรือทำงานยากให้สำเร็จลงได้อย่างไร เพราะคนเราชอบที่จะรู้สึกว่าคนอื่นใส่ใจเรื่องของเขาคุณอาจจะแปลกใจว่าคนอื่นพูดเปิดใจกับคุณมากขึ้้น เมื่อคุณเริ่มด้วยคำถามปลายเปิดและถามถูกจังหวะ
ข้อพระคัมภีร์ของวันนี้แสดงให้เราเห็นว่าเราไม่ควรทำสิ่งใดด้วยความชิงดีหรือถือดี หมายความว่าเราไม่ควรอวดดี ไม่ควรอวดตัวเอง เราไม่ต้องไปดูถูกคนอื่นเพื่อทำให้ตัวเองดูดีขึ้น เราต้องจำไว้ว่าพระเจ้าต้องการให้เราคิดถึงคนอื่นก่อน การมีใจถ่อมเป็นบทบัญญัติที่เราควรยึดถือและปฏิบัติ พอเรามีความคิดและท่าทีที่ถูกต้องสอดคล้องกับพระวจนะของพระเจ้า เราก็จะ "ยึดติดกับการคิดถึงใจคนอื่นมากกว่า การยึดติดกับการคิดถึงแต่ตัวเอง! ทำอะไรก็ให้รู้จักนึกถึงใจเขา ใจเรา ถ้าคุณอยากให้คนอื่นปฏิบัติกับคุณแบบไหน คุณก็ควรทำแบบนั้นกับผู้อื่นด้วย
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดา ลูกไม่ต้องการที่จะ
"ติดอยู่" กับตัวเอง ลูกไม่อยากขึ้นชื่อว่าเป็นคนอวดดี เห็นแก่ตัว โปรดสอนลูกให้มองผู้อื่นเหมือนอย่างที่พระองค์มองคือเป็นผู้ที่มีพระฉายของพระองค์
คู่ควรกับความรักของพระองค์และต้องการการเอาใจใส่จากพระองค์
ขอให้หัวใจของข้าพระองค์เป็นภาชนะที่บรรจุความรักของพระองค์และสำแดงออกแก่ผู้อื่น โปรดช่วยให้ลูกทำอย่างนั้นในทุกๆวัน
ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น