วันจันทร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2564

สังคมใส่หน้ากาก

 


สังคมใส่หน้ากาก

แต่ไม่มีอะไรที่ปิดบังไว้ที่จะไม่เปิดเผย หรือความลับที่จะไม่เผยให้ประจักษ์

ลูกา 12:2

คุณเคยได้ยินคพูดที่ว่า “สังคมใส่หน้ากาก” บ้างไหม  ในสังคมปัจจุบันเราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าคนทุกคนล้วนแล้วแต่สวมหน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น แต่ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลหรือเจตนาที่แตกต่างกันออกไป แต่ก็ไม่ใช่ว่าการสวมหน้ากากของคนในสังคมจะมีเจตนาที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียวนะ บางคนสวมหน้ากากเพียงเพื่อปกป้องตนเองหรือบางคนก็สวมไว้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก ต่างคนก็ต่างเหตุผลกันออกไป

คุณเคยต้องเสแสร้งแกล้งทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของคุณหรือต้องแกล้งแสดงเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าใครบางคนบ้างไหม ? การใส่หน้ากากเข้าหากันนั้นถือเป็นการปกปิดตัวตนเพื่อมิให้คนอื่นได้รับรู้ แต่หากวันใดหน้ากากนั้นถูกเปิดออกมาเราก็จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้น มันอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นก็จริง แต่ตัวคุณย่อมรู้ดี!  มีคำพูที่ว่า ธรรมชาติของ “ตา” อาจมองไม่เห็นถึง “จิตใจ”   เราจึงไม่ควรเชื่อใจใคร เพียงแค่มองด้วย “สายตา เพราะคนบางคนสามารถปกปิดสิ่งชั่วที่อยู่ภายใต้หน้ากากได้ดีมากๆ คำว่า รู้หน้าแต่ไม่อาจรู้ใจจึงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ

แล้วทำไมเราต้องสวมหน้ากากเหล่านั้นด้วยล่ะ? แค่เป็นตัวของตัวเองทำไมมันถึงยากจัง บางครั้งเราก็ต้องทำเพื่อปกปิดความเจ็บปวด เราอาจต้องแสร้งทำเป็นมีความสุขทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่ บางครั้งเราก็ต้องทำเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง เราอาจต้องทำตัวให้เหมือนเพื่อนคนอื่นเพื่อว่าพวกเขาจะได้ชอบและยอมรับเรา หรือทำเพื่อให้คนอีกหลายๆคนสบายใจ แต่พระคัมภีร์วันนี้ต้องการสอนว่า อย่าพยายามหาเหตุผลเพื่อจะทำสิ่งผิด เพราะมันไม่มีเหตุผลใดที่ดีพอที่เราจะต้องมาสวมหน้ากากเข้าหากัน พระเจ้าต้องการให้เราสวมความรัก สวมความจริงใจ สวมความซื่อสัตย์ สวมความอ่อนน้อม มีใจเชื่อฟังพระองค์ ยึดถือความถูกต้อง หากคุณมีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต คุณก็ไม่จำเป็นต้องปกปิด เพราะไม่มีอะไรที่ปิดบังไว้แล้วจะไม่เปิดเผย   

บางครั้งหน้ากากที่ดีที่สุดที่เราสามารถใส่ออกไปได้ทุกวันนั่นก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มและ ท่าทีที่เป็นมิตรของเรานั่นเอง แต่มันจะแสดงออกมาได้ดีก็ต่อเมื่อภายในจิตใจของเราเต็มไปด้วยสิ่งดี พระคัมภีร์ ลูกา 6:45 กล่าวว่า คน​ดี​จะ​เอา​แต่​สิ่ง​ดี ๆ ที่​อยู่​ใน​ใจ​ออก​มา ส่วน​คน​ชั่ว​ก็​จะ​เอา​แต่​สิ่ง​ชั่ว ๆ ที่​อยู่​ใน​ใจ​ออก​มา​เหมือน​กัน ใจ​เต็ม​ไป​ด้วย​อะไร ปาก​ก็​พูด​อย่าง​นั้น คนดีมักจะพูดแต่สิ่งดี เน้นการเสริมสร้างแก่ผู้อื่น ในทางตรงกันข้ามคนที่จิตใจไม่ดีก็จะมีคำพูด ท่าที และทัศนคติ ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งดี และเน้นการทำลายมากกว่าการเสริมสร้าง

วันนี้เราต้องลองสำรวจตัวเองแล้วละว่า จิตใจของเราเต็มไปด้วยสิ่งดี มีแต่ความรัก หรือเต็มไปด้วยสิ่งชั่ว  ที่สะสมแต่ของเน่าเหม็น  หากเต็มไปด้วยสิ่งดีและมีความรัก มันก็คงไม่ยากเกินไปที่เราจะโยนหน้ากากต่างๆทิ้งไป และสวมแค่หน้ากากแห่งรักและความจริงใจเอาไว้แทน

ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จงทำส่วนของคุณให้ดี หากเป็นลูกก็ทำหน้าที่ลูกให้ดี หากเป็นพ่อแม่ ก็ทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดี หากเป็นผู้ใหญ่ก็ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี หากเป็นเพื่อนก็จงเป็นเพื่อนที่ดี  : หลีกเลี่ยงการสวมหน้ากากเพื่อซ่อนอัตลักษณ์ของตน แต่จงดำเนินชีวิตตามความเชื่อ และเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ 

ตอนนี้ “คุณกำลังสวมหน้ากากแบบไหนอยู่”  จงทำให้มันเป็นสิ่งดี เพราะมันเป็นสิ่งที่สังคมเราต้องการ เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้ากากหรือหน้าจริงเราก็ควรทำให้มันเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอสารภาพว่าบางครั้งลูกก็เบื่อการเสแสร้งแกล้งทำเป็น เมื่อต้องอยู่กับใครบางคน บางกลุ่ม บางสถานการณ์ ที่ผ่านมาลูกพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตนเองสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นได้อย่างสบายใจ บ้างก็ว่า ต้องทำไปก็เพื่อความอยู่รอด บ้างก็ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม บ้างก็ว่าทำเพื่อความสบายใจของตนเองและคนอื่น วันนี้ลูกเหนื่อยเหลือเกิน เพราะมันทำให้จิตใจของลูกไม่สงบสุข  ลูกอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างซื่อสัตย์  ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกเชื่อมั่นในความรัก ความดี ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความตรงไปตรงมา เพราะลูกเชื่อว่าถ้าลูกสามารถปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ได้ดีครบ การสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นก็จะไม่มีความจำเป็นสำหรับลูกอีกต่อไป  ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...