สังคมใส่หน้ากาก
แต่ไม่มีอะไรที่ปิดบังไว้ที่จะไม่เปิดเผย
หรือความลับที่จะไม่เผยให้ประจักษ์
ลูกา 12:2
คุณเคยได้ยินคพูดที่ว่า “สังคมใส่หน้ากาก” บ้างไหม ในสังคมปัจจุบันเราอาจปฏิเสธไม่ได้ว่าคนทุกคนล้วนแล้วแต่สวมหน้ากากเข้าหากันทั้งนั้น แต่ต่างคนก็ต่างมีเหตุผลหรือเจตนาที่แตกต่างกันออกไป
แต่ก็ไม่ใช่ว่าการสวมหน้ากากของคนในสังคมจะมีเจตนาที่ไม่ดีเพียงอย่างเดียวนะ
บางคนสวมหน้ากากเพียงเพื่อปกป้องตนเองหรือบางคนก็สวมไว้เพื่อปกป้องคนที่เขารัก
ต่างคนก็ต่างเหตุผลกันออกไป
คุณเคยต้องเสแสร้งแกล้งทำในสิ่งที่ไม่ใช่ตัวตนของคุณหรือต้องแกล้งแสดงเมื่อต้องอยู่ต่อหน้าใครบางคนบ้างไหม
? การใส่หน้ากากเข้าหากันนั้นถือเป็นการปกปิดตัวตนเพื่อมิให้คนอื่นได้รับรู้
แต่หากวันใดหน้ากากนั้นถูกเปิดออกมาเราก็จะได้เห็นตัวตนที่แท้จริงของคนๆนั้น มันอาจเป็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็นก็จริง แต่ตัวคุณย่อมรู้ดี! มีคำพูที่ว่า
ธรรมชาติของ “ตา” อาจมองไม่เห็นถึง “จิตใจ” เราจึงไม่ควรเชื่อใจใคร เพียงแค่มองด้วย
“สายตา” เพราะคนบางคนสามารถปกปิดสิ่งชั่วที่อยู่ภายใต้หน้ากากได้ดีมากๆ
คำว่า รู้หน้าแต่ไม่อาจรู้ใจจึงมีให้เห็นอยู่บ่อยๆ
แล้วทำไมเราต้องสวมหน้ากากเหล่านั้นด้วยล่ะ? แค่เป็นตัวของตัวเองทำไมมันถึงยากจัง บางครั้งเราก็ต้องทำเพื่อปกปิดความเจ็บปวด เราอาจต้องแสร้งทำเป็นมีความสุขทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่ บางครั้งเราก็ต้องทำเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของคนรอบข้าง เราอาจต้องทำตัวให้เหมือนเพื่อนคนอื่นเพื่อว่าพวกเขาจะได้ชอบและยอมรับเรา หรือทำเพื่อให้คนอีกหลายๆคนสบายใจ แต่พระคัมภีร์วันนี้ต้องการสอนว่า อย่าพยายามหาเหตุผลเพื่อจะทำสิ่งผิด เพราะมันไม่มีเหตุผลใดที่ดีพอที่เราจะต้องมาสวมหน้ากากเข้าหากัน พระเจ้าต้องการให้เราสวมความรัก สวมความจริงใจ สวมความซื่อสัตย์ สวมความอ่อนน้อม มีใจเชื่อฟังพระองค์ ยึดถือความถูกต้อง หากคุณมีสิ่งเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการใช้ชีวิต คุณก็ไม่จำเป็นต้องปกปิด เพราะไม่มีอะไรที่ปิดบังไว้แล้วจะไม่เปิดเผย
บางครั้งหน้ากากที่ดีที่สุดที่เราสามารถใส่ออกไปได้ทุกวันนั่นก็คือใบหน้าที่ยิ้มแย้มและ ท่าทีที่เป็นมิตรของเรานั่นเอง แต่มันจะแสดงออกมาได้ดีก็ต่อเมื่อภายในจิตใจของเราเต็มไปด้วยสิ่งดี พระคัมภีร์ ลูกา 6:45 กล่าวว่า คนดีจะเอาแต่สิ่งดี ๆ ที่อยู่ในใจออกมา ส่วนคนชั่วก็จะเอาแต่สิ่งชั่ว ๆ ที่อยู่ในใจออกมาเหมือนกัน ใจเต็มไปด้วยอะไร ปากก็พูดอย่างนั้น คนดีมักจะพูดแต่สิ่งดี เน้นการเสริมสร้างแก่ผู้อื่น ในทางตรงกันข้ามคนที่จิตใจไม่ดีก็จะมีคำพูด ท่าที และทัศนคติ ที่ตรงกันข้ามกับสิ่งดี และเน้นการทำลายมากกว่าการเสริมสร้าง
วันนี้เราต้องลองสำรวจตัวเองแล้วละว่า จิตใจของเราเต็มไปด้วยสิ่งดี มีแต่ความรัก หรือเต็มไปด้วยสิ่งชั่ว ที่สะสมแต่ของเน่าเหม็น หากเต็มไปด้วยสิ่งดีและมีความรัก มันก็คงไม่ยากเกินไปที่เราจะโยนหน้ากากต่างๆทิ้งไป และสวมแค่หน้ากากแห่งรักและความจริงใจเอาไว้แทน
ไม่ว่าคุณจะเป็นใคร จงทำส่วนของคุณให้ดี หากเป็นลูกก็ทำหน้าที่ลูกให้ดี หากเป็นพ่อแม่ ก็ทำหน้าที่พ่อแม่ให้ดี หากเป็นผู้ใหญ่ก็ทำตนให้เป็นแบบอย่างที่ดี หากเป็นเพื่อนก็จงเป็นเพื่อนที่ดี : หลีกเลี่ยงการสวมหน้ากากเพื่อซ่อนอัตลักษณ์ของตน แต่จงดำเนินชีวิตตามความเชื่อ และเชื่อฟังพระเจ้าอย่างสัตย์ซื่อ
ตอนนี้ “คุณกำลังสวมหน้ากากแบบไหนอยู่” จงทำให้มันเป็นสิ่งดี เพราะมันเป็นสิ่งที่สังคมเราต้องการ เพราะไม่ว่าจะเป็นหน้ากากหรือหน้าจริงเราก็ควรทำให้มันเป็นใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอสารภาพว่าบางครั้งลูกก็เบื่อการเสแสร้งแกล้งทำเป็น เมื่อต้องอยู่กับใครบางคน บางกลุ่ม บางสถานการณ์ ที่ผ่านมาลูกพยายามหาเหตุผลเพื่อให้ตนเองสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นได้อย่างสบายใจ บ้างก็ว่า ต้องทำไปก็เพื่อความอยู่รอด บ้างก็ว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม บ้างก็ว่าทำเพื่อความสบายใจของตนเองและคนอื่น วันนี้ลูกเหนื่อยเหลือเกิน เพราะมันทำให้จิตใจของลูกไม่สงบสุข ลูกอยากใช้ชีวิตที่เหลืออยู่อย่างซื่อสัตย์ ขอพระองค์โปรดช่วยให้ลูกเชื่อมั่นในความรัก ความดี
ความซื่อสัตย์ ความจริงใจ ความตรงไปตรงมา เพราะลูกเชื่อว่าถ้าลูกสามารถปฏิบัติสิ่งเหล่านี้ได้ดีครบ การสวมหน้ากากเข้าหาคนอื่นก็จะไม่มีความจำเป็นสำหรับลูกอีกต่อไป ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น