ต่อหน้าอย่าง...ลับหลังอย่าง
พี่น้องเอ๋ย อย่ากล่าวร้ายกันและกัน
คนที่กล่าวร้ายพี่น้องหรือตัดสินพี่น้องของตน
ก็กล่าวร้ายธรรมบัญญัติและตัดสินธรรมบัญญัติ ถ้าท่านตัดสินธรรมบัญญัติ
ท่านก็ไม่ใช่ผู้ประพฤติตามธรรมบัญญัติ แต่เป็นผู้ตัดสิน
ยากอบ 4:11
การพูดถึงผู้อื่นมีหลายระดับ
ตั้งแต่การวิพากษ์วิจารณ์ผู้อื่นไปจนถึงการนินทา กล่าวหา ว่าร้าย...ตามระดับเนื้อหาที่ค่อยๆรุนแรงขึ้น
คนที่ปากหอยปากปูมีเป้าหมายของการยกตัวเองขึ้นด้วยการทำให้คนอื่นดูไม่ดีและยกย่องตัวเองว่าเป็นคนที่มีข้อมูลเรื่องราวคนอื่นเพียบ และไม่เสมอไปที่พวกผู้หญิงเท่านั้นที่ชอบทำผิดเรื่องการนินทา เพราะใครๆก็สามารถร่วมในการนินทาได้ง่ายๆ
โดยการกล่าวซ้ำในสิ่งที่ได้ยินมาด้วยความเชื่อมั่นของตน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงหรือไม่จริงก็ตาม
ลองนึกภาพว่าคุณกำลังพักเที่ยงกับBM (Bad mouth) เพื่อนสนิทที่สุดของคุณ เมื่อมีเพื่อนคนอื่นชื่อ J เดินผ่านมาBMก็เริ่มวิจารณ์เรื่องการแต่งตัวและทรงผมของ J หรืออาจจะเป็นเรื่องส่วนตัวของJ อย่างสนุกปาก คุณอาจจะไม่ได้วงนินทา แต่คุณก็ไม่ได้ห้ามเขาเช่นกัน
ในฐานะลูกของพระเจ้า คุณต้องรู้อยู่แก่ใจว่า คุณไม่ควรปากร้ายกับใคร ไม่ว่าจะเป็นคนที่คุณรู้จักหรือไม่รู้จักก็ตาม แต่ก็มีหลายคนที่คิดว่า "ฉันก็แค่พูดกันในกลุ่มคนสนิทจะเป็นอะไรไปละ!" หลายคนคงคิดว่าพวกเขาเหล่านั้นจะไม่มีวันรู้ใช่ไหม?
ถ้าเป็นอย่างนั้น คุณกำลังคิดผิดนะ
วันนี้พระเจ้าต้องการสอนเราว่า เราต้องปฏิบัติต่อผู้คนด้วยความเมตตา
ไม่ว่าเราจะยืนอยู่ต่อหน้าหรืออยู่ลับหลังพวกเขาก็ตาม
เราต้องระวังคำพูดที่ออกจากปากของเรา พระเจ้าบอกเราในพระคัมภีร์ว่า เราต้องปฏิบัติต่อผู้อื่นในแบบที่เราต้องการได้รับการปฏิบัติ
(นี่เรียกว่า "กฎทอง")
คุณต้องการได้รับการปฏิบัติจากคนอื่นอย่างไร? ก็จงทำอย่างนั้นต่อผู้อื่นเถิด จงระวังคำพูดและท่าทีของตัวเองไว้ให้ดี!
เพราะถ้าคุณทำการพูดนินทา พูดจาไม่ดี หรือด่าคนอื่น คุณก็กำลังบอกพระเจ้าว่านั่นคือคำตอบของคุณ คุณกำลังบอกพระองค์ว่าคุณเองก็ต้องการที่จะได้รับการปฏิบัติแบบนั้นด้วย
อุ๊ย! คิดไปคิดมาแล้ว หากเป็นแบบนั้นจริงๆ คงไม่สนุกหรอกมั้ง? ว่าไหม!
การฝึกตัวเองเพื่อไม่ให้กล่าววิพากษ์วิจารณ์จนถึงนินทาผู้อื่น
ล้วนต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมาก...เพราะในบางครั้งอารมณ์ความสนุกของเรามักจะทำให้เราเผลอพูดวิจารณ์ถึงบุคคลที่ไม่ได้อยู่ในวงสนทนาด้วย...ซึ่งเป็นการไม่ยุติธรรมเลยกับบุคคลที่ถูกกล่าวถึงและที่สำคัญหากมีเพื่อนที่ฟังอยู่หลายคนเค้าก็รู้สึกว่า
คุณเป็นคนที่ไม่น่าคบเอาเสียเลย
ความเป็นจริง ก็คือ
ไม่มีใคร สามารถหลีกเลี่ยงการถูกนินทาลับหลัง ได้
สิ่งที่คุณทำได้ เปลี่ยนแปลงได้ก็คือ
คุณต้องตั้งใจว่าต่อไปนี้ จะไม่วิพากษ์วิจารณ์ นินทา ว่าร้ายผู้อื่น หรือทำผิดต่อกฏทองของพระเจ้าอีกเป็นอันขาด
และเมื่อเวลาผ่านไป หากคุณทำมันได้ดี
คุณก็จะได้รับการยอมรับจากคนรอบข้างว่า "คุณเป็นคนที่ไม่นินทาใครลับหลัง"...ซึ่งทำให้ทุกคนต่างก็ชื่นชอบและนับถือมากที่สุด
ถึงแม้ว่าคนส่วนใหญ่จะรู้สึกผิด
กับการนินทาว่าร้ายผู้อื่น แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ในชีวิตของพวกเขาอยู่อย่างขาดการนินทาไม่ได้
อาจเป็นเพราะเหตุผลทางจิตใจดังนี้
1) การกระทำที่ผิดพลาดของผู้อื่น ช่วยทำให้พวกเขารู้สึกดีกับพฤติกรรมแย่ๆของตนเองมากขึ้น
2) หลงผิดคิดไปว่าการได้พูดนินทาถึงชีวิตของผู้อื่น
ช่วยให้พวกเขาหลบเลี่ยงจากปัญหาต่างๆ ในชีวิตของตนเองได้ ในระดับหนึ่ง
3) การซุบซิบนินทา ทำให้พวกเขารู้สึกมีอำนาจในการควบคุม
เพราะหลงคิดว่าตนเองรู้ในสิ่งที่คนอื่นไม่รู้ และคนอื่นๆจะต้องเข้ามาหา
ทำให้รู้สึกว่าตนเองเป็นคนสำคัญ และมีคุณค่า
ดังนั้นหากคุณต้องเจอคนประเภทนี้โดยหลีกเลี่ยงไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงานหรือคนใกล้ชิด คนสนิท คนรอบข้างที่เราต้องมีปฏิสัมพันธ์ด้วย คุณสามารถเอาเทคนิค ดังต่อไปนี้ไปใช้ได้ คือ ทำให้เขาเหล่านั้นหมดความภูมิใจในการนินทาคนอื่ืนลับหลัง ทำให้คนที่ชอบนินทาคนอื่นได้เข้าใจว่า คนที่เก็บความลับได้ คือคนที่คนอื่นชื่นชม ส่วนคนที่ชอบวิพากษ์วิจารณ์ นินทาคนอื่นลับหลัง เป็นคนที่มีปมชีวิตบางอย่าง เป็นคนที่ใครๆไม่อยากอยากคบหาอยู่ใกล้ด้วย เพราะมันเป็นมลพิษต่อชีวิตและสังคม จากนั้นให้คุณใช้เวลากับคนที่คิดบวก เพราะคำพูดของพวกเขาจะช่วยเสริมสร้งและให้กำลังใจผู้อื่น เป็นคำพูดที่เสริมสร้าง นั่นคือ ก่อประโยชน์, เป็นความจริง, และเป็นคำพูดที่กรุณา
และสุดท้ายคือการอธิษฐานเผื่อคนที่ชอบนินทาคนอื่น
แล้วยกให้พระเจ้าเป็นผู้ทำงานในจิตใจของเขา เราไม่อาจหยุดหรือเปลี่ยนนิสัย
ท่าทีของคนอื่นได้ แต่เราสามารถเปลี่ยนแปลง ปรับปรุงทัศนคติ และท่าทีของเราได้ โดยการยึดหลักคำสอนที่ว่า
อย่ากล่าวร้ายกันและกัน แต่จงปฏิบัติต่อกันและกันอย่างที่เราต้องการให้เขาปฏิบัติกับเรา
และมีใจเมตตากรุณาต่อกัน
ดังนั้นจากวันนี้เป็นต้นไป เราต้องระวังลิ้นของเรา และถอยห่างจากการชอบนินทาอันเป็นบาป ถ้าเรายอมถวายความปรารถนาตามธรรมชาติของเราต่อพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยให้เรายังคงเป็นคนชอบธรรม ขอให้เราทุกคนปฏิบัติตามคำสอนของพระคัมภีร์เรื่องซุบซิบนินทา อย่ากล่าวร้ายกันและกัน โดยการปิดปากของเราไว้จนกว่าจะมีความจำเป็นและมีความเหมาะสมที่จะพูดออกมา
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ลูกขอสารภาพจากใจจริงเลยว่า บางครั้งลูกก็พูดถึงคนอื่นลับหลัง
ทั้งด้วยความตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ ซึ่งเป็นการผิดต่อกฎทองที่พระองค์ได้มอบใว้ให้ ขอพระองค์โปรดทรงยกโทษให้ลูกด้วย
โปรดช่วยให้ลูกเฝ้าระวังและรักษาลิ้นของตัวเองให้ดี นับจากนี้ลูกอยากให้วาจาและการกระทำของลูกเป็นพรและเสริมสร้างคนอื่น เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์ พระเจ้าข้า ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
Gotquestion
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น