วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา


ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา
     ความโกรธเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับความเหงา ความเศร้าเสียใจ และความตื่นเต้น จึงไม่เป็นเรื่องแปลกถ้าคุณรู้สึกโกรธ เพราะมันเป็นกิริยาตอบสนองตามปกติของมนุษย์ทั่วไป บางครั้งความโกรธอาจจะเกิดจากความกลัวหรือความเจ็บปวด คุณอาจจะโกรธตัวเองที่หาเรื่องยุ่งยากมาสู่ตนเอง หรือโกรธคนรอบข้างที่ทำร้ายคุณหรือทำให้คุณผิดหวัง โกรธแม้กระทั่งเทพยดาฟ้าดินที่ปล่อยให้ความทุกข์ยากเกิดขึ้นกับคุณ

ให้เรามาดูว่าพระคัมภีร์สอนเราอย่างไรในเรื่องความโกรธ
“แม้ท่านจะโกรธ ก็อย่าให้เป็นบาป จงเลิกโกรธก่อนดวงอาทิตย์ตก อย่าให้โอกาสแก่มาร”
(เอเฟซัส 4:26-27)

บางครั้งความโกรธก็เป็นเรื่องดี
     เชื่อหรือไม่ว่า หากเรามีสติ ความโกรธก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายและบางครั้งอาจจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญที่สุด เราต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธนำเราไปสู่ความเกลียดชังหรือการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก พระคัมภีร์บันทึกว่า แม้พระเยซูผู้เป็นพระเจ้าเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยังรู้จักโกรธเช่นกัน แต่พระองค์ก็ไม่เคยทำบาปแม้สักครั้งเดียว พระองค์เป็นแบบอย่างของคำสอนที่ว่า “จงเกลียดชังความบาป แต่อย่าเกลียดชังคนทำบาป” เรามักโกรธผู้ที่ทำผิดต่อเรา แต่หากเราคิดด้วยใจเป็นธรรมแล้ว ตัวเราเองก็คงเคยทำผิดต่อผู้อื่นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจเช่นกัน

ว้าววววว! มีบางคำโดนใจมาก พระองค์ทรงสอนว่า. จงเกลียดชังความบาป แต่อย่าเกลียดชังคนทำบาป

     ช่วงนี้เปิดเจอแต่พระวาจาที่มาตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น มันยากนะที่จะห้ามใจเราไม่ให้เกลียดชังคนบาปคนนั้น ที่เราว่าเขาบาปเพราะเขาทำแล้วทำอีก และไม่เคยสำนึกในสิ่งผิดที่ทำลงไป และทำเป็นไม่รู้ตัว. แต่หากเรามีสติและอ่านพระวาจา และเชื่อในพระองค์. เราเชื่อว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับชีวิตเราเองอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องคนบาปคนนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระองค์. ( ให้เราถ่อมตนเพราะเราเองก็เป็นคนบาป แต่ที่เราต่างจากเขาคือเรามีสำนึกดี ไม่อยากทำผิดซ้ำซาก เราต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธนำเราไปสู่ความเกลียดชังหรือการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก )

ความโกรธเป็นเรื่องร้ายถ้าเรายังโกรธแบบไม่เลิกรา
ความโกรธไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ความเคียดแค้นและเกลียดชังมีแต่จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตของเรา เพราะความโกรธมีพลังอำนาจอาจทำลายชีวิตทั้งชีวิตหากเราไม่อาจควบคุมอารมณ์โกรธได้ บางครั้งเราลงโทษตัวเองที่ได้ทำผิดต่อคนอื่น เราจึงโกรธและเกลียดตัวเราเองอย่างไม่รู้ตัว ความโกรธทำให้เราคิดอะไรไม่ออก และถึงจะคิดอะไรได้บ้าง ก็ไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เราจึงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

ให้เรามาดูว่าพระคัมภีร์สอนเราอย่างไรในเรื่องความโกรธ
“...ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (ยก 1:19-20)

“ผู้โกรธช้าย่อมดีกว่านักรบชำนาญศึก ผู้รู้จักบังคับใจตนเองย่อมดีกว่าผู้ที่ยึดเมืองได้”
 (สุภาษิต 16:32)



แล้วการแก้แค้นล่ะ?
     หลายครั้งที่ความโกรธนำมาซึ่งความแค้นและตามมาด้วยการแก้แค้น หยุดสักนิดคิดสักหน่อยว่าเราแก้แค้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้ไหม? ความจริงก็คือ การแก้แค้นไม่เคยช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เลวร้ายให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่เราทุกคนควรทำคือ พยายามให้อภัย และทำใจให้สบาย ด้วยการไม่ยอมเป็นทาสของอารมณ์โกรธหรือเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกต้องการแก้แค้น หากเราไม่ยอมให้อภัยก็หมายความว่าผู้ที่ทำร้ายเรายังคงมีอำนาจเหนือเราอยู่ และจะยิ่งทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม


ถูกต้องเลยคะ. บางครั้งเราอยาก pay back(เอาคืน) คนเหล่านั้นให้สาสมใจ แต่หากเราปล่อยความโกรธครอบงำ ความเกลียดชัง ก็จะตามมา และต่อด้วยความหายนะทั้งสองฝ่าย และนั่นหมายถึงว่าเรายอมปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายเรา มีอำนาจอยู่เหนือเราและมันยิ่งทำให้เราเจ็บปวดมากกว่าเดิม

เราไม่สามารถไปแก้ตัวหรือแก้ไขในสิ่งที่คนชั่วเหล่านั้นสร้างเรื่องขึ้นมาได้ทุกที่ ไม่สามารถไปชี้แจงแถลงไขกับคนได้ทุกคน แต่จงมั่นใจว่าเรามิได้ทำสิ่งผิด และกาลเวลาจะนำมาซึ่งความจริง.จงอวยพรคนจิตชั่วเหล่านั้นด้วยคำภาวนา และที่สำคัญเราจะได้รับมรดกคือพระพร.

     สุดท้ายของเรื่องโกรธๆ ที่ทำให้เราอารมณ์เสีย. และอยากเอาคืน. (จิกหัวตบๆให้สาสม 5555จินตนาการเอาก็พอนะคะ อย่าไปทำจริง เพราะการโกรธใครสักคนนั้นไม่บาป แต่อย่าให้อารมณ์นั้นนำพาเราถึงจุดที่เสี่ยงต่อการต้องลงมือกระทำบาปนะคะ) คือจะบอกว่า. ให้เราพยายามลืมมันเสียเถิด ! อ่านข้อความเหล่านี้แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผลในชีวิตจริงของเราให้ได้นะคะและ ชีวิตของเราจะยิ่งดี๊ดีขึ้น นะ (ทำยากแต่ให้พยายามกันนะคะ)

     ใช่คะ ความโกรธและความเจ็บช้ำน้ำใจไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ แต่การเก็บซ่อนความโกรธไว้ในใจ มันจะกัดกร่อนเราเรื่อยๆ การขจัดอารมณ์โกรธที่พระเจ้าสอนเราคือ “ให้อภัย” จงยกโทษให้ผู้อื่นแล้วชีวิตคุณจะเป็นสุขและมีสุขภาพดีทั้งกายและใจด้วย นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “ให้เราขจัดความเกลียดชังในชีวิตประจำวันเพราะจะช่วยหยุดกิจการของความชั่วร้ายในตัวเรา”

     เราอาจจะคิดว่า “ให้อภัยเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ทำยาก ฉันคงทำไม่ได้” นั่นเป็นเพราะคุณๆ ยังมีอารมณ์โกรธอยู่ แต่ด้วยการขอความช่วยเหลือของพระเจ้า พระบิดาสุดที่รักของเรา คุณจะได้รับการเสริมกำลังที่จะก้าวข้ามอารมณ์และความโกรธไปได้ พระคัมภีร์หลายตอนได้กล่าวถึงผลดีของการให้อภัยไว้ว่า

“สามัญสำนึกทำให้คนโกรธช้า การมองข้ามการถูกรังแกย่อมเป็นเกียรติแก่เขา”
(สุภาษิต 19:11)

“จึงดีกว่าที่ท่านจะให้อภัยและให้กำลังใจเขา เพื่อเขาจะไม่ต้องรับความทุกข์เกินกว่าที่จะทนได้” (2โครินธ์ 2:7)

“จงระงับโทสะและเลิกโกรธ อย่าเดือดร้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด”
(สดุดี 37:8)

“... อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษเถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้ ตรงกันข้าม ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารแก่เขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” (โรม 12:19-21)

😇เดี๋ยวนี้คนเราใจร้อน ใครรู้จักควบคุมตัวเองได้คือยอดคน
เมื่อมีคำไม่ดีมากระทบ อยู่ที่ใจเราจะรับหรือไม่ หรือเพียงนิ่งเฉย 😇

(((2ซมอ16:9-12))) อาบิชัยบุตรของนางเศรุยาห์ทูลกษัตริย์ว่า ‘ทำไมไอ้หมาตายตัวนี้จะต้องแช่งด่าพระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า? โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปตัดหัวของมันเสียเถิด’ แต่กษัตริย์ตรัสตอบว่า ‘บุตรของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน? ถ้าเขาแช่งด่าเราเพราะพระยาห์เวห์ทรงบอกเขาว่า “จงไปแช่งด่าดาวิดเถิด!’ ใครเล่าจะมีสิทธิ์ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้?"’ กษัตริย์ดาวิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชบริพารทั้งปวงว่า ‘ดูซิ แม้กระทั่งลูกที่เกิดจากเรายังพยายามจะฆ่าเรา แล้วสาอะไรกับชาวเบนยามินผู้นี้เล่า ปล่อยเขาเถอะ ปล่อยให้เขาแช่งด่าเรา เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้เขาทำ! บางที พระยาห์เวห์จะทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของเรา แล้วประทานพรให้เราแทนคำแช่งด่าในวันนี้

😊นิ่งสงบ สยบทุกความเคลื่อนไหว ้อความที่ไม่มีผู้รับก็จะถูกส่งคืนกลับไป ใครพูดไม่ดีกับเรา นิ่งเฉยไว้ ผู้ส่งก็จะเป็นทุกข์เป็นร้อนเองว่าทำไมเราถึงไม่สนใจกับคำพูดเขา มันดูยากอยู่นะ มันอาจจะต้อง ฝึกฝนไปตลอดชีวิต แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ จริงไหมคะ?  จงใส่ใจคำพูดที่ควรใส่ใจและมองข้ามคำพูดที่ให้ร้ายเถิด ขอพระเจ้าอวยพร😊

อย่าลืมนะคะว่า ความโกรธ เป็นเรื่อง ธรรมดา 
แต่ ผู้ที่สามารถควบคุม ความโกรธได้ นี่ไม่ธรรมดาแน่นอน  
 ยิ้มเยอะๆ รอยยิ้มไม่มีต้นทุนแต่ยิ้มให้ถูกที่ถูกเวลา คุณจะได้ผลตอบแทนเกินคาด ยิ้มและนิ่งสงบ จะช่วยสยบทุกความเคลื่อนไหว นะคะ




พันธกิจที่ยิ่งใหญ่ของเราคือ การประกาศข่าวดีของพระเจ้า


พันธกิจที่ยิ่งใหญ่ของเราคือ การประกาศข่าวดีของพระเจ้า
อย่ามองว่าการประกาศข่าวดีของพระเจ้าเป็นเรื่องที่ไกลตัวไม่ใช่เรื่องของคนอย่างเราจะทำได้ หากใครที่คิดแบบนี้อยู่ก็จงปรับเปลี่ยนความคิดเสียใหม่และใช้เวลาที่เหลืออยู่บนโลกใบนี้ให้มันคุณค่าให้สมกับที่เราเป็นลูกของพระเจ้าโดยการ แบ่งปันเรื่องราวข่าวดีจาก พระคัมภีร์ โดยเราสามารถแบ่งปันผ่านสื่อออนไลน์ที่กำลังเป็นที่นิยมกันในยุคสมัยนี้

แม้ว่าการหว่านเมล็ดพันธุ์ พระวาจาของพระเจ้าของเราในครั้งนี้หากเปรียบว่าเราได้หว่านออกไป 100 เมล็ดแต่ผลที่ได้รับอาจจะไม่ถึง 10 แต่อย่างน้อยมันก็เป็นการเริ่มต้นที่ดี.

พระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า
“12 เมื่อพระเยซูทรงทราบดังนั้นแล้วก็ตรัสว่า "คนเจ็บต้องการหมอ แต่คนสบายไม่ต้องการ 13ท่านทั้งหลายจงไปเรียนคัมภีร์ข้อนี้ให้เข้าใจ ที่ว่า เราประสงค์ความเมตตา ไม่ประสงค์เครื่องสัตวบูชา ด้วยว่าเรามิได้มาเพื่อจะเรียกคนที่เห็นว่าตัวชอบธรรม แต่มาเรียกคนที่พวกท่านว่านอกรีต"
มธ 9:12-13



ให้เราเริ่มต้นปีใหม่ด้วยความชื่นชมยินดี และขอบคุณพระเจ้า
ให้เราอธิษฐาน สาธุการแด่พระเจ้า พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าผู้เต็มด้วยพระคุณและความรัก ขอบพระคุณสำหรับพระเยซูคริสต์ พระบุตรองค์เดียวที่ได้ทรงเสด็จเข้ามาในโลกตามพระประสงค์ของพระบิดา เพื่อเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของมนุษย์ ขอบพระคุณที่ทรงให้ผู้รับใช้ของพระองค์ได้บันทึกเรื่องราวต่างๆไว้เพื่อให้เราได้รู้จักกับพระผู้ช่วยของเรา ขอพระวิญญาณบริสุทธิ์จะทรงสถิตกับเราในเวลานี้ และให้เราได้มีส่วนร่วมในการแบ่งปันเรื่องราวความจริงจากพระวจนะเพื่อให้ทุกคนรู้จักกับพระเยซูคริสต์มากขึ้น และที่สำคัญคือให้เราได้มีสัมพันธ์สนิทและเติบโตขึ้นจนถึงความไพบูลย์ในพระคริสต์เจ้า.
 อาแมน


ไม่ว่าจะด้วยเหตุอันใด ลูกจะไม่ย่อท้อต่อการทำหน้าที่ปรากาศข่าวดี ลูกจะแบ่งปันและบอกเล่าถึงความรักของพระองค์ให้โลกได้รู้ว่า ความรักของพระองค์นั่นยิ่งใหญ่ มั่นคงและจะคงอยู่ตลอดไป  ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอ่านและศึกษาพระคัมภีร์กันไปวันละนิดวันละหน่อยนะคะ ไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับพระเจ้านะคะ

KC Love God















สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ




วันที่สิบ-สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ
พระเยซูทอดพระเนตรที่พวกเขาและตรัสว่า “สำหรับมนุษย์ก็เป็นไปไม่ได้ แต่สำหรับพระเจ้าทุกสิ่งเป็นไปได้”
มาระโก 10:27

     ในพระคัมภีร์ไบเบิลมีเรื่องราวมากมาหลายเหตุการณ์ที่หลายๆผู้นำได้ทำสิ่งมหัศจรรย์ภายใต้การนำของพระเจ้า ซึ่งหากมองด้วยสายตาของมนุษย์แล้ว สิ่งเหล่านั้นไม่น่าเกิดขึ้นได้ ไม่น่าจะเป็นจริงได้ แต่สำหรับพระเจ้าแล้วทุกสิ่งเป็นไปได้เสมอ  ยกตัวอย่าง เช่น โนอาร์สร้างเรือลำใหญ่และใหญ่มากพอที่จะบรรจุสัตว์นานาชนิดได้, พระนางเอสเธอร์สามารถโน้มน้าวให้พระราชาผู้มีอำนาจช่วยเหลือประชาชนของนางให้ปลอดภัย, นักบุญเปโตรสามารถเดินบนน้ำได้! เห็นไหมละคะว่า? ไม่มีสิ่งใดยาก หรือเป็นไปไม่ได้ สำหรับพระเจ้า แม้สักเรื่องเดียว

     วันนี้ก็เช่นเดียวกัน  หากเรากำลังตกอยู่ในปัญหาที่ยากเกินกำลังของเราและสติปัญญาของเราจะแก้ไข ได้ มองไปทางไหนก็ดูมืดมนไปหมด อย่าลืมที่จะพึ่งพาพระเจ้านะคะ ถึงแม้ใครหลายๆคนอาจจะคิดว่าการพึ่งพาพระเจ้า ไม่ได้ช่วยทำให้ปัญหานั้นจบลง หรือมีทางออกที่ดีได้ แต่ให้เราจงเชื่อมั่นและวางใจในพระองค์นะคะ ให้เราเชื่อมั่นในความรักของพระองค์ เช่นเดียวกันกับท่านผู้นำต่างๆในพระคัมภีร์ที่ได้ทำเป็นแบบอย่างให้เราดูแล้ว. ไม่ต้องอายที่จะบอกเล่าทุกปัญหาที่เรากังวลอยู่ในใจ ให้เราบอกพระองค์ เล่าบอกพระองค์ทุกเรื่อง และทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ ข้าพเจ้าเชื่อว่าทุกคนจะได้พบกับคำตอบและทางออกที่ดีอย่างแน่นอน

     แต่ในขณะที่เรารอคำตอบหรือการช่วยเหลือจากพระเจ้า เราต้องทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีด้วยนะคะ ไม่ใช่สวดแล้วก็นั่งรอให้เกิดผล เพราะแผนการที่พระเจ้ามีไว้สำหรับเรานั้น ก็ยังต้องมีตัวเรานี่แหละเป็นผู้ดำเนินการให้เกิดผล ในสายตาของเราอาจดูยากและไร้หนทางแก้ แต่หากเรามีใจถ่อมตน และสำนึกในความรักของพระองค์ มีใจที่รู้จักขอบพระคุณในทุกๆ สถานการณ์  เราก็จะสามารถมองเห็นหนทางในการแก้ปัญหา หรือไม่ พระองค์ก็จะทรงส่งผ่านความรัก ความช่วยเหลือของพระองค์ ผ่านทางบุคคลรอบข้างเราก็เป็นได้

ข้อคิดระหว่างวัน
วันนี้! เราอยากจะทูลขอความช่วยเหลือจากพระองค์ เรื่องใดบ้าง?

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รัก ลูกเชื่อว่าพระองค์สามารถทำทุกสิ่งได้ ลูกขอขอบพระคุณพระองค์ และขอพระองค์ทรงช่วยสอนให้ลูกมีความเชื่อและวางใจในแผนการของพระองค์ ไม่ว่ามันจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่ ก็ขอให้ลูกมีสติปัญญามากพอที่จะเข้าใจสิ่งนั้นได้
In Jesus name we pray เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์

วันพุธที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2562

กาใช้เวลากับพระเจ้า


การพูดคุยกับพระเจ้า
ข้าพระองค์เงยหน้าขึ้นดูพระองค์
พระองค์ผู้ประทับในฟ้าสวรรค์
สดุดี 123:1

     พระวจนะของพระเจ้าเตือนให้เราหันไปหาพระองค์ตลอดเวลา.แม้ในช่วงเวลาแห่งความสุขหรือช่วงเวลาแห่งการทดลอง. บางครั้งเมือเรามีความทุกข์หรือมีความวิตกกังวล, มันอาจไม่ใช่เรื่องแรกที่เราจะเอาแต่นั่งภาวนาอย่างเดียว เพราะเมื่อเกิดปัญหา ส่วนใหญ่สัญชาตญาณการเป็นมนุษย์ ก็คือ กลุ้มอก กลุ้มใจ กลัวไปต่างๆนาๆ คิดไปก่อน ว่ามันจะเลวร้าย โน่น นี่ นั่น ฯลฯ จนลืมใส่ใจการอธิษฐานภาวนาเป็นสิ่งแรก ถึงแม้เราจะรู้ดีว่าการสวดอธิษฐานภาวนา การวิงวอนขอพระเจ้า จะทำให้เราได้รับการปลอบโยน มีความเข้มแข็ง มีกำลังใจเพิ่มขึ้นจากการทูลขอความช่วยเหลือจากพระผู้สร้างของเราก็ตาม แต่หลายครั้ง เราก็ยังเลือกที่จะแก้ปัญหาด้วยตัวเองก่อนเสมอ คือยึดตนเป็นที่ตั้งก่อน จากนั้นค่อยคิดถึงพระองค์

     หากในชีวิตของเรา ไม่ว่าเราจะคิด จะทำอะไร ให้เรายกพระเจ้ามาเป็นที่หนึ่งของวันนั้นๆ  ให้พระองค์เป็นที่หนึ่งของทุกกิจการงานที่ทำ นั่นคือให้เราสวดขอ การนำทางจากพระจิต เพื่อที่เราจะได้มีสติปัญญา สามารถคิดและตัดสินใจทำในทุกกิจการได้อย่างถูกต้อง และเป็นที่พอพระทัยของพระองค์ เพราะการที่เรามีความเชื่อและไว้ใจในพระเจ้า มันทำให้เรามีความหวังมากขึ้นและมันยังเป็นเครื่องมือช่วยให้เราสามารถพูดคุยกับพระเจ้าได้มากขึ้น ทุกที่ ทุกเวลา อีกด้วย

     ความกลัว ความลำบากและอุปสรรคทั่วไปในชีวิตของเราเป็นตัวการที่จะแยกเราออกจากความรักของพระเจ้า หากเรายอมให้มันนำพาชีวิตเราออกห่างจากพระเจ้า ก็เท่ากับเรายอมให้มารซาตานเป็นผู้นำชีวิตของเรา ในทางกลับกัน หากเราเลือกที่เชื่อมั่น และวางใจ หมั่นภาวนาอธิษฐาน ศึกษาพระวจนะของพระเจ้าแล้วนำมาปฏิบัติให้เกิดผลในชีวิตของเรา ข้าพเจ้าเชื่อว่า เราทุกคนจะได้พบกับแผนการณ์ที่น่าอัศจรรย์ใจที่พระเจ้าทรงเตรียมไว้ให้เราอย่างแน่นอน

     การใช้เวลากับพระเจ้า เราสามารถทำได้ทุกๆวัน หามุมเงียบสงบ ที่ที่ เราสามารถอยู่กับพระเจ้าได้อย่างสงบนิ่ง. อ่านพระคัมภีร์ ซึ่งในแต่ละบทเราอาจจะอ่านไป พิจารณาไป ไตร่ตรองดูว่า เราได้ข้อคิดที่จะนำไปใช้ในการดำเนินชีวิตอะไรได้บ้าง จากนั้นใช้เวลาสักครู่สงบนิ่งอธิษฐานขอพระเจ้าโปรดมอบสติปัญญาให้กับเรา  เพื่อที่เราจะได้มีความเข้าใจในพระวจนะที่เราได้อ่านในวันนี้ และสามารถนำไปใช้ให้เกิดผลจริงในชีวิตของเรา

     พระวจนะของพระเจ้า เป็นเข็มทิศนำชีวิตที่ดีเยี่ยมที่สุดแล้ว ไม่ต้องไปขวนขวายหาจากตำราใด เพียงแค่เราสละเวลาในช่วงเช้า ตื่นให้เร็วกว่าทุกวันแล้วเพิ่มกิจกรรมการสนทนากับพระเจ้ามาไว้เป็นอันดับแรกของวัน แล้วคุณจะได้พบกับความเปลี่ยนแปลงที่น่ายินดีอย่างแน่นอน  การสนทนากับพระเจ้าไม่จำเป็นต้องทำครั้งเดียว แต่เราสามารถทำได้ตลอดเวลา และอย่าลืมให้เรามีใจที่รู้จักขอบพระคุณพระเจ้าไม่ว่าจะเกิดเหตุการณ์ใดๆขึ้นกับเรา หรือกับครอบครัวของเรา จงขอบพระคุณ และจงเชื่อว่าในทุกๆเหตุการณ์นั่นมีพระพรแฝงอยู่ด้วยเสมอนะคะ มองหาให้เจอนะคะ

ขอองค์พระผู้เป็นเจ้าทรงโปรดปรานท่าน
และประทานสันติสุขแก่ท่าน”
กันดารวิธี 6:26

ชัยชนะเหนือความกลัว


ชัยชนะเหนือความกลัว

     คนทั่วไปมีความกลัวหลายสิ่ง กลัวโชคร้าย กลัวเคราะห์กรรมต่างๆ กลัวการเจ็บไข้ได้ป่วย กลัวการพลัดพราก กลัวความตาย กลัวการสูญเสียทรัพย์สินหรือคนที่เรารัก กลัวภัยพิบัติที่จะมาถึงเราอย่างไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้จะระวังเท่าไรก็ป้องกันไม่ได้ กลัวอุบัติเหตุที่คาดไม่ถึง กลัวอนาคตอันไม่แน่นอน หรือแม้กระทั่งกลัวว่าตายไปแล้ววิญญาณจะไปไหน นรกหรือสวรรค์? กลัว กลัว และกลัวไปหมด เราช่างช่วยตัวเองไม่ได้เลย ทำดีก็แล้ว ไม่ทำบาปก็แล้ว แต่ทำไมชีวิตยังคงตกอยู่ในบ่วงแห่งความกลัวอยู่อีก

     แต่เราทุกคนคงจะอุ่นใจหากมีใครสักคนช่วยให้เราเอาชนะความกลัวได้ คุณรู้ไหมว่าพระคัมภีร์ได้บันทึกชีวประวัติคนจำนวนมากที่เคยรู้สึกกลัว และได้พูดกับพระเจ้าเพื่อขอให้พระองค์ช่วยเขาในสิ่งที่เขากลัว แล้วเขาเหล่านั้นก็ได้พบว่าพระเจ้าช่วยรับเอาความรู้สึกนั้นไปจากเขาได้ แม้ความรู้สึกนั้นจะไม่หายวับไปทันทีเหมือนเราดูมายากล บางครั้งก็ต้องใช้เวลาค่อยเป็นค่อยไปทีละก้าว และบางครั้งเราก็จะรู้สึกว่าเราผ่านมันไปได้อย่างช้าๆ แต่อย่างไรก็ดี พระเจ้าจะช่วยให้เราไม่รู้สึกกลัวอีกต่อไป

     เมื่อพระเยซูใช้ชีวิตอยู่ในโลก พระองค์ประสบความยากลำบากหลายอย่าง และพระองค์ก็รู้สึกกลัวคนทั่วๆ ไปเช่นกัน พระองค์ถูกทอดทิ้ง เป็นที่รังเกียจ ถูกกลั่นแกล้ง เยาะเย้ย ไม่ได้รับความยุติธรรม ถูกปฏิเสธจากคนที่ใกล้ชิด และในที่สุดยังถูกนำไปประหารชีวิต ทั้งที่พระองค์บริสุทธิ์ปราศจากความผิดใดๆ ทั้งสิ้น พระองค์ทรงอธิษฐานขอให้พระเจ้าช่วยให้ความรู้สึกทุกข์ทรมานนี้ผ่านพ้นไป พระองค์เคยอธิษฐานขอด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าจนเหงื่อไหลท่วมกายเหมือนกับเลือดทีเดียว แต่พระองค์สามารถก้าวผ่านและมีชัยชนะเหนือสิ่งเหล่านี้ เพราะพระเจ้าประทานกำลังและสถิตอยู่ด้วย เมื่อพระเยซูเจ้าเองเคยผ่านความรู้สึกกลัวมาก่อน พระองค์จึงเข้าใจความกลัวในจิตใจของคุณ และที่สำคัญพระองค์สามารถช่วยคุณให้มีชัยชนะเหนือความกลัวได้ เพราะพระองค์ทรงได้รับชัยชนะนั้นแล้ว

คุณที่รัก พระเจ้าสัญญาว่าจะอยู่กับคุณในยามที่คุณรู้สึกลัว ดังปรากฏในพระคัมภีร์มากมายหลายข้อ เช่น

อสย. 41:10 อย่ากลัวเลย เพราะเราอยู่กับท่าน อย่ากังวลใจ เพราะเราเป็นพระเจ้าของท่าน เราจะทำให้ท่านมีกำลังเข้มแข็งและจะมาช่วยเหลือท่านด้วย จริงซิ เราจะยึดท่านไว้ด้วยมือขวาให้ท่านมีชัยชนะ

ยชว. 1:9 เราไม่ได้บอกท่านหรือว่า จงเข้มแข็งและหนักแน่น? ดังนั้น จงกล้าหาญและอย่ากลัวสิ่งใด เพราะไม่ว่าท่านจะไปไหน พระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านจะสถิตอยู่กับท่าน’

สดด. 34:6 คนยากจนร้องทูล พระยาห์เวห์ก็ทรงฟัง ทรงช่วยเขาให้รอดพ้นจากความคับแค้นทั้งหลาย

สดด. 56:3 ยามที่ข้าพเจ้าหวาดกลัว ข้าพเจ้าก็วางใจในพระองค์

“อย่ากลัวเลย”
     “อย่ากลัวเลย” พระเยซูพูดประโยคนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า พระองค์คงมีเหตุผลที่ดีอย่างแน่นอนจึงได้พูดประโยคนี้บ่อยมาก เพราะโลกนี้มีหลายสิ่งที่น่ากลัว และมนุษย์ก็รู้สึกกลัวไปหมด แต่เราจะต้องไม่ปล่อยให้ความกลัวมีอำนาจเหนือเรา เราจะไม่ปล่อยให้ความกลัวทำลายชีวิตหรือทำให้เราทนทุกขเวทนาอย่างไร้เหตุผล ขอให้ระลึกเสมอว่าเราคือผู้ที่พระเจ้าทรงรัก และพระเจ้าองค์นี้สัญญาว่าจะอยู่กับเราเสมอ และจะนำชีวิตเราให้มีชัยชนะ

ฉธบ. 31:6 จงเข้มแข็งและกล้าหาญเถิด อย่ากลัวเลย อย่าครั่นคร้ามเขาเลย เพราะพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่านจะเสด็จไปกับท่าน พระองค์จะไม่ทรงทำให้ท่านผิดหวังหรือทอดทิ้งท่าน”

ลก. 12:6 นกกระจอกห้าตัวราคาขายสองบาทมิใช่หรือ แม้กระนั้นไม่มีนกสักตัวเดียวที่พระเจ้าทรงลืม
ลก. 12:7 ผมทุกเส้นบนศีรษะของท่านถูกนับไว้หมดแล้ว อย่าเกรงกลัวเลย ท่านมีค่ามากกว่านกกระจอกจำนวนมาก

สดด. 56:11 ข้าพเจ้าวางใจในพระเจ้า และไม่หวั่นกลัว มนุษย์ที่ต้องตายจะทำอะไรข้าพเจ้าได้?

อสย. 41:13 เพราะเราคือพระยาห์เวห์ พระเจ้าของท่าน เราจับมือขวาของท่านไว้ให้มั่นคง บอกท่านว่า “อย่ากลัวเลย เราจะช่วยท่าน”

บอกพระเจ้าว่าคุณกลัว
     แม้คุณจะมองไม่เห็นพระเจ้า แต่พระเจ้าอยู่ใกล้คุณ คุณจึงสามารถระบายความกลัวของคุณ บอกให้พระเจ้ารู้ บอกพระองค์อย่างตรงไปตรงมาในสิ่งที่ทำให้คุณรู้สึกกลัว พระเจ้าผู้เมตตาจะฟังคุณเหมือนพ่อฟังลูก และพระองค์จะนำพาคุณให้ผ่านพ้นความรู้สึกอันเลวร้ายนั้นไปสู่ความรู้สึกที่มีสันติสุข ขอคุณอย่าได้หมดหวัง ขณะที่กำลังรอคอยเวลานั้น ขอให้คุณวางใจในพระเจ้า พระองค์จะทรงช่วยเหลือคุณอย่างแน่นอน เมื่อคุณตกอยู่ในความยากลำบากและความกลัว

     ให้เราบอกเล่าทุกเรื่องราว เหมือนการเล่าเรื่องของเราให้ใครสักคนที่เรารู้สึกได้ว่าเขาคือคนที่รักเราฟังเรามากที่สุด ไม่ต้องอายที่จะเล่าแต่ให้เรารู้จักละอายต่อบาปและอย่ากลับไปทำมันอีก มีพระเจ้าเพียงพอ

การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์. ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ


การดูแลสุขภาพให้สมบูรณ์แข็งแรงเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า




วันที่เก้า-การมีสุขภาพดี และสมบูรณ์แข็งแรง
พระเจ้าทรงซื้อท่านไว้ด้วยราคาสูง เหตุฉะนั้นจงถวายเกียรติแด่พระเจ้าด้วยร่างกายของท่านเถิด
1โครินธ์ 6:20

     วันนี้ให้เราถามตัวเองว่า เราดูแล และใส่ใจสุขภาพของตัวเองอย่างไรบ้าง? และดีแค่ไหนแล้ว? การที่เรามีสุขภาพดี และสมบูรณ์แข็งแรง เป็นสิ่งสำคัญสำหรับพระเจ้ามาก ทำไมนะเหรอ? ก็เพราะว่า หากเราเลือกสิ่งที่ดีที่สุด และดูแลสุขภาพอย่างดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเรื่อง อาหารการกิน การเลือกกินของดีมีประโยชน์ต่อร่างกาย และการออกกำลังกายสม่ำเสมอ สิ่งเหล่านี้จะส่งผลให้เรามีสุขภาพดี และมีศักยภาพพอ ที่จะช่วยให้เราสามารถทำหน้าที่และบรรลุทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงวางแผนไว้สำหรับเรา

     การออกกำลังกาย เป็นเรื่องที่สำคัญอย่างมากเลยทีเดียว เพราะเป็นทางเดียวที่จะช่วยให้ร่างกายของเราแข็งแรงและปราศจากโรคภัยไข้เจ็บ คุณชอบกีฬาประเภทไหนบ้างล่ะ? การวิ่ง การเดินรอบๆ บ้าน ก็ทำได้เป็นประจำเหมาะสำหรับคนที่ไม่มีโอกาสได้ออกไปใช้บริการในสถานที่ที่ให้บริการเกี่ยวกับการออกกำลังกาย ยิม เป็นต้น และที่สำคัญ ต้องห้ามตัวเองกินแล้วก็นอน นั่นแหละคือการนำพาตัวเองไปอยู่ในจุดเสี่ยงต่อการเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย คนส่วนใหญ่กินแล้วก็อยากจะเอนหลังพักเลยทันที แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ดีต่อร่างกายนะคะ.

 การออกกำลังกายที่บ้านทำได้หลายอย่างมากมาย แค่เราพยายามทำกิจกรรมภายในบ้านบ่อยๆ ก็เป็นการออกกำลังกายได้แล้ว เช่น กวาดบ้าน ถูบ้าน ตัดต้นไม้ จัดบ้าน ฯลฯ  ไม่ใช่เอาแต่นั่งเฉยๆดูทีวี เล่นเกมส์ กดดูมือถือทั้งวัน ซึ่งมีกิจกรรมง่ายๆ ที่อาจทำได้กันได้ทุกบ้าน เช่น การปั่นจักรยาน ตีปิงปอง ตีแบต กระโดดเชือก เปิดเพลงเต้นแอโรบิก  หรือทำอะไรก็ได้ที่ทำให้เราสนุกเพลิดเพลินเป็นเวลานานๆได้ ก็ทำไปเลย. ทุกอย่างที่ทำให้ร่างกายของเราได้ขยับเขยื้อน อย่างต่อเนื่องถือว่าเป็นการออกกำลังกายแล้ว ยิ่งในยุคสมัยนี้ มีคลิปมากมายที่ช่วยสอนเทคนิคการออกกำลังกายแบบง่ายๆ สำหรับคนที่มีเวลาน้อย หรือคนที่เพิ่งหัดเริ่มต้น

     ให้เราเริ่มต้นตั้งแต่วันนี้กันเลยนะคะ หากรู้ว่าตัวเองขี้เกียจจนเป็นนิสัย เราต้องปรับเปลี่ยนตัวเองใหม่ ไม่ใช่เพื่อใครแต่เพื่อตัวเราเอง ท่องไว้ว่า “ กีฬา กีฬา เป็นยาวิเศษ “ และตั้งเป้าว่า ฉันจะดูแลสุขภาพตัวเองอย่างดี เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระเจ้า และเพื่อเป็นการเตรียมตัวเองให้พร้อมอยู่เสมอสำหรับแผนการของพระองค์

ข้อคิดระหว่างวัน
ถ้าตอนนี้คุณยังไม่รู้ว่าตัวเองจะออกกำลังกายอะไรดี ? ไม่ต้องคิดให้ยุ่งยากนะคะ การเดิน การวิ่ง กระโดดตบ จากที่นั่งๆนอนๆ ก็เปลี่ยนมาลุกทำโน่นทำนี่ให้บ่อยๆ ก็เป็นการเริ่มต้นที่ดีแล้วคะ ของแบบนี้ค่อยๆเป็น ค่อยๆไป  แต่อย่าหยุดนะคะ

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รักของลูก ลูกอยากจะดูแลสุขภาพร่างกายของตัวเองให้สมบูรณ์ แข็งแรงอยู่เสมอ เพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์. ขอพระองค์โปรดทรงช่วยให้ลูกเลือกสิ่งที่ดีที่สุดในการดูแลสุขภาพนับจากวันนี้ด้วยเทอญ
In Jesus name we pray เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์



วันอังคารที่ 29 มกราคม พ.ศ. 2562

การประกาศข่าวดีเป็นหน้าที่ของทุกคน ทุกหัวใจที่มีความเชื่อ ความศรัทธาในพระเจ้า



เป็นคนที่มีความทุกข์ แต่ยังมีความยินดีอยู่เสมอ เป็นคนยากจน แต่ยังทำให้คนเป็นอันมากมั่งมี เป็นคนไม่มีอะไรเลย แต่ยังมีสิ่งสารพัดบริบูรณ์ 2 โครินธ์ 6:10

ในโลกใบนี้ไม่มีใครที่ดีพร้อมไปหมด ทุกคนต้องเคยทำสิ่งผิดพลาดกันมาบ้าง ขึ้นอยู่กับว่าพลาดแล้วยังคิดกลับไปทำซ้ำ หรือเมื่อรู้ว่าผิดพลาดแล้ว เรียนรู้จากความผิดพลาดนั้นและอยากปรับปรุงแก้ไข ให้เป็นคนที่ดี มีคุณภาพกว่าแต่ก่อน

ข้าพเจ้าเชื่อว่า เราทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้ เราทุกคนมีต้นทุนชีวิตที่แตกต่างกันไป แต่สิ่งหนึ่งที่เราทุกคนเหมือนกัน นั่นก็คือ "เราเป็นสิ่งสร้างของพระเจ้า เราเป็นลูกของพระองค์ เรามีพระบิดาองค์เดียวกัน."
ไม่ว่าเราจะทำผิดซ้ำซากกี่ครั้ง พระเจ้าไม่เคยทอดทิ้งเราเลย หากมองดูดีๆ คิดดีๆ ในช่วงเวลาที่เราต้องเผชิญกับปัญหาที่ถาโถมเข้ามาใส่เรา แต่ชีวิตก็ยังมีพระพรที่พระเจ้าทรงมอบให้เราอยู่เสมอ. ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีแอปแฝงมาด้วยเสมอ

ในชีวิตคนเราบางครั้งเราอาจเคยเดินผิดทางเพราะเราเลือกเอาที่เราชอบและตามกระแสโลก แต่ไม่มีคำว่าสายเกินไปที่จะกลับใจ เราต้องเรียนรู้ที่จะให้อภัยตัวเองก่อน และหันมาใส่ใจ หันมาทำความเข้าใจกับคำสอนในพระคัมภีร์ ที่สอนเราและให้หลักในการใช้ชีวิตแบบง่ายๆที่ว่า "รู้จักรักและรับใช้, จงรักคนอื่นเหมือนรักตัวเราเอง" โดยมีพระเยซูคริสต์ทรงเป็นแบบอย่างในเรื่องนี้ได้ดีที่สุด

อย่ารอให้มีพร้อมทุกอย่างแล้วค่อยรับใช้พระเจ้า เพราะถ้าทำอย่างนั้น เราจะไม่มีโอกาสเลย. นับจากนี้หากมีโอกาสที่จะแบ่งปันข่าวดีของพระองค์ จงรีบทำออกไปเลยโดยไม่ต้องลังเลใจ. การประกาศข่าวดีของพระเจ้าไม่จำเป็นต้องมาจากนักบวชเพียงอย่างเดียว แต่การประกาศข่าวดีสามารถทำได้จากทุกคนทุกหัวใจที่มีความเชื่อ ความศรัทธาในพระเจ้า. ความเชื่อคือพระพรอย่างหนึ่งที่หากเราได้รับมาแล้วนั้นเราต้องแบ่งปันออกไปให้กับคนอื่นๆด้วยนะคะ เพราะเป็นการส่งต่อความรักของพระเจ้าไปยังเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน.

สำหรับข้าพเจ้าแล้วไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์ที่สุขหรือทุกข์แค่ไหน ข้าพเจ้าก็มั่นใจว่า จะพบพระพรที่แฝงมากับเหตุการณ์นั้นๆเสมอ และเมื่อข้าพเจ้าได้ใช้เวลากับพระเจ้ามากขึ้น ข้าพเจ้าก็ไม่รู้สึกว่าตัวเองขัดสนสิ่งใด เพราะการมีพระเจ้านั้นเพียงพอแล้วสำหรับชีวิตของข้าพเจ้า ส่วนเรื่องที่เรากังวลใจ พระเจ้าจะมีแผนการที่ดีเตรียมไว้ให้เราแน่นอน. อย่ากังวลว่าคนอื่นจะมองหรือตัดสินเราแบบไหน อย่ากังวลกับสิ่งของที่สามารถครอบครองได้เพียงชั่วคราว และอย่าเอาชีวิตของเราไปเปรียบกับคนอื่น. แต่ให้เรากังวลว่าเราจะทำอะไรได้บ้างในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ เพื่อประกาศข่าวดีของพระองค์.

ขอพระเจ้าอวยพระพรทุกท่านนะคะ



พระวาจาหนุนใจในยามที่ข้าพเจ้าเจ็บป่วย



ชีวิตของข้าพเจ้าเป็นเหมือนลมวูบเดียว"
ในชีวิตของเราแต่ละคนเชื่อเลยว่าทุกคนจะต้องเคยผ่านช่วงเวลาของความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายและความเจ็บป่วยทางด้านร่างกายนี้ก็จะนำมาซึ่งอารมณ์ฉุนเฉียวความหงุดหงิดใจ. ซึ่งเกิดขึ้นในตัวของผู้ป่วยได้ง่ายและส่งผลเสียไปยังบุคคลรอบข้างมากมายเลยทีเดียว.

ในทุกๆเช้าข้าพเจ้าจะอธิษฐานขอพลังและขอการนำทางจากพระเจ้าเพื่อที่ว่าข้าพเจ้าจะได้ดำเนินชีวิตไปในทางที่ถูกต้องเป็นแม่ที่ดีของลูกชาย,เป็นลูกที่ดีของพระเจ้าและเป็นภรรยาที่ดีของสามี. แต่เมื่อความเจ็บป่วยเข้ามาเยี่ยมเยียน. ข้อตั้งใจที่ข้าพเจ้าได้ภาวนาอธิฐานต่อพระเจ้าก็ต้องสิ้นสุดลงเพราะเมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายเกิดความเจ็บปวด. ความยับยั้งชั่งใจความอดทนอดกลั้นก็จะหมดลงทันที. ข้าพเจ้าจะเริ่มส่งเสียงดังเมื่อคนรอบข้างไม่สามารถทำตามที่ข้าพเจ้าร้องขอได้. ซึ่งจริงๆแล้วในบางครั้ง เรื่องต่างๆเหล่านี้อาจเป็นเรื่องเล็กน้อยซึ่งไม่น่าจะอารมณ์เสียได้เลย( นั่นเพราะร่างกายของเราปกติเราจึงสามารถควบคุมมันได้)

และทุกครั้งหลังจากที่ข้าพเจ้าได้เอะอะโวยวายไปแล้วก็จะรู้สึกเสียใจและรู้สึกผิดต่อคนรอบข้างเสมอ. ข้าพเจ้าจึงถามตัวเองว่าทำไมเราถึงไม่ควบคุมปีศาจแห่งอารมณ์ร้ายนั้นทำไมเราถึงให้ปีศาจของอารมณ์มาควบคุมเราและทำให้คนที่เรารักต้องเสียใจกับคำพูดและกริยาที่เราแสดงออกไป

(พระวาจาของพระเจ้าตรัสกับข้าพเจ้าว่า)
อย่าให้ความอ่อนแอและเปราะบางเป็นเหตุให้เกิดความท้อแท้และเสียอารมณ์ หงุดหงิดใจเลย แต่ให้เรามีความไว้วางใจในพระเจ้าดังนั้นข้าพเจ้าจึงเรียนรู้วิธีเจริญชีวิตอย่างดีในทุกสถานการณ์ ไม่ว่าในยามเจ็บป่วย ชราภาพ หรือเวลาประสบภัยพิบัติต่างๆ ในชีวิต
ปัญหาย่อมมีอยู่เสมอ แต่วิธีการแก้ปัญหามีมากมายหลายวิธีและมิใช่โดยการหนี แต่โดยการเผชิญกับความเป็นจริง

ในพระคัมภีร์กล่าวไว้ว่า"เราไม่ปรารถนาความตายของคนบาป แต่ปรารถนาให้เขากลับใจและมีชีวิต" พระวาจาของพระเจ้ายืนยันว่า "ข้าแต่พระยาห์เวห์ พระเจ้าของข้าพเจ้า ข้าพเจ้าร้องขอความช่วยเหลือจากพระองค์ พระองค์ก็ทรงรักษา" (สดด29:2) เพลงสดุดีที่ 37-38-39 ก็กล่าวเช่นนี้

พระวาจาหนุนใจในยามที่ข้าพเจ้าเจ็บป่วย
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงรักษาข้าพระองค์ ข้าพระองค์จะได้หาย ขอทรงช่วยข้าพระองค์ ข้าพระองค์จึงจะรอด เพราะพระองค์เป็นที่สรรเสริญของข้าพระองค์ (เยเรมีย์ 17:14)

เมื่อเขานอนเจ็บ พระเจ้าทรงค้ำจุนเขา เมื่อเขาป่วยไข้พระองค์ทรงรักษาความเจ็บไข้ทั้งสิ้นของเขาให้หาย (สดุดี 41:3)

พระองค์ทรงแบกบาปของเราไว้ในพระวรกายบนไม้กางเขน เพื่อเราจะได้ตายจากบาปและมีชีวิตอยู่เพื่อความชอบธรรม รอยแผลของพระองค์รักษาท่านให้หาย (1เปโตร 2:24)

สุดท้ายนี้ข้าพเจ้าหวังว่าผู้ที่กำลังตกอยู่ในสถานการณ์ความเจ็บป่วยเช่นเดียวกับข้าพเจ้า เมื่อได้อ่านแล้วก็จะมีกำลังใจและมองหาทางออกโดยการเรียนรู้ที่จะวางใจในพระเจ้า เมื่อเราตระหนักถึงการประทับอยู่ของพระเจ้า เราจะไม่รู้สึกโดดเดี่ยวเดียวดาย. แต่เราจะรับรู้ได้ว่าพระองค์ทรงอยู่เคียงข้างพระองค์ทรงรับรู้ถึงความเจ็บปวดที่เกิดขึ้นกับเราให้เราทูลขอพระองค์ด้วยความเชื่อใจไว้ใจด้วยสิ้นสุดจิตใจของเรา. ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านให้มีสุขภาพดีและได้รับการเยียวยาจากพระองค์ให้หายไวๆเช่นกันนะคะ.
🙏🏻


มีหัวใจที่ขอบคุณเสมอ


วันที่แปด-มีหัวใจที่ขอบคุณเสมอ
18จงขอบพระคุณในทุกสถานการณ์เพราะนี่คือพระประสงค์ของพระเจ้าสำหรับท่านทั้งหลายในพระเยซูคริสต์
1เธสะโลนิกา 5:18

     บางครั้งเราอาจไม่รู้สึกขอบคุณมากนักในบางสถานการณ์ หรือบางเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในชีวิตเรา แถมบางครั้งยังสงสัยว่าทำไม? มันถึงเกิดกับเราอีกต่างหาก ใช่ไหมละคะ? แต่คุณรู้ไหม? เมื่อไหร่ที่เราสามารถขอบคุณได้ในทุกสิ่ง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นกับเรา ก็เท่ากับว่าเราเรียนรู้ที่จะมองเห็นสิ่งดีๆได้ในแต่ละสถานการณ์เช่นเดีวกัน และเมื่อไหร่ที่เรามีหัวใจที่รู้จักขอบพระคุณ นั่นก็หมายความว่า เราได้เริ่มเรียนรู้ ที่จะมองหาความรักของพระเจ้าในทุกๆที่ ในทุกๆสถานการณ์แล้ว

     ถ้าตอนนนี้ฝนกำลังตก ก็จงขอบคุณพระเจ้า ที่พระองค์ทรงมอบความชุ่มชื่นให้กับพืชพันธ์นานาชนิดและรวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ที่อยู่ข้างนอก ไม่ใช่นึกถึงแต่กิจของตัวเองแล้วมานั่งบ่นว่า ฝนจะตกทำไมเนี่ย? ฉันเลย อดทำโน่น นั่น นี่ เลย! หรือ ถ้าวันนี้เรามีนัดกับใครสักคน แล้วเขาไม่สามารถมาได้ ก็อย่าลืมที่จะขอบคุณพระเจ้า เพราะว่านั่นอาจจะเป็นโอกาสที่เราจะสามารถใช้เวลานั้นกับการทำงานอื่น งานที่เราไม่คาดคิดไว้ก่อนก็เป็นได้

     ดังนั้นให้เรามีใจขอบพระคุณในทุกๆ สถานการณ์ให้ได้ ไม่ว่าเหตุการณ์นั้นอาจจะเกิดขึ้นและเป็นไปตามที่เราคาดการไว้ หรืออาจจะไม่ได้เป็นไปตามแผนที่เรากำหนดไว้ แต่อย่าลืมที่จะมองหาสิ่งดีๆ มองหาข้อดีจากทุกเหตุการณ์นั้นๆให้เจอให้ได้. เมื่อเราได้พินิจมองสิ่งต่างๆเหล่านี้อย่างใกล้ชิด พยายามเข้าใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น ในวันที่ยากๆ แต่เราก็ยังสามารถมองเห็นสิ่งดีๆแฝงอยู่ นั่นแหละเป็นเวลาที่พระเจ้าจะสามารถแสดงความรักต่อเราได้ทุกที่ ทุกเวลา และทำให้เราประหลาดใจอย่างแน่นอน วันนี้เรามาฝึกฝนให้ตนเองมีหัวใจที่รู้จักขอบพระคุณกันเลยนะคะ

ข้อคิดระหว่านวัน
วันนี้คุณอยากจะขอบคุณเรื่องอะไรบ้าง?

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รักของลูก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างที่พะองค์ทรงมอบให้กับลูกในวันนี้และทุกๆวัน ขอพระองค์ช่วยสอนให้ลูกรู้จักที่จะขอบคุณกับทุกสิ่งที่เกิดขึ้นตลอดทั้งวันนี้ ด้วยเทอญ
In Jesus name we pray เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์


วันจันทร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2562

เพื่อนที่ดีตลอดไป


วันที่เจ็ด- เพื่อนที่ดีของเราตลอดไป
38เพราะข้าพเจ้าเชื่อมั่นว่า ไม่ว่าความตายหรือชีวิต ไม่ว่าทูตสวรรค์หรือวิญญาณชั่ว ไม่ว่าปัจจุบันหรืออนาคต หรือฤทธิ์อำนาจใดๆ 39ไม่ว่าเบื้องสูงหรือเบื้องลึก หรือสิ่งอื่นใดในสรรพสิ่งที่พระเจ้าทรงสร้างล้วนไม่สามารถพรากเราไปจากความรักของพระเจ้า ซึ่งมีอยู่ในพระเยซูคริสต์องค์พระผู้เป็นเจ้าของเราได้
โรม 8 : 38-39

     คุณรู้หรือเปล่า ว่าพระเจ้าทรงรักเรามากเพียงใด? พระองค์รักเรา ไม่ว่าเราจะเป็นใคร? ทำอะไร? ไม่ว่าเราเองจะรู้สึกอย่างไรต่อพระองค์ในตอนนี้? ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับเรา? พระองค์จะไม่หยุดรักเรา และพระองค์จะทรงเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดในทุกเวลาของเราตลอดไป

     พวกเราสามารถรับรู้ถึงความคิดและความรักของพระเจ้าได้ จากการอ่านและศึกษาเรื่องราวของพระเยซูคริสต์ในพระคัมภีร์ พระเจ้าทรงมอบบุตรสุดที่รัก คือพระเยซู มาบังเกิดเป็นมนุษย์ และพระเยซูทรงเสียสละที่จะออกจากบ้านที่สมบูรณ์ในสวรรค์ เพื่อมาอยู่กับเราบนโลกมนุษย์ และยอมสิ้นพระชนม์บนกางเขนเพื่อไถ่บาปเรา เพื่อให้เราได้มีส่วนในพระราชัยสวรรค์เช่นเดียวกันกับพระองค์ตลอดไป. พวกคุณเคยถาม หรือ เคยขอเป็นเพื่อนกับพระองค์บ้างหรือเปล่า? ถ้าหากยังไม่เคย ก็ลองถามวันนี้ดูซิคะ

ข้อคิดระหว่างวัน
ในพระคัมภีร์มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีต่อชาวเรา. ให้คุณลองบอกมาสักหนึ่งเรื่องสิคะ? หากยังนึกไม่ออก ต้องรีบไปอ่านและศึกษาจากพระคัมภีร์เลยนะคะ

ให้เราอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดาที่รักของลูก ลูกขอขอบพระคุณสำหรับความรักที่พระองค์ทรงมีต่อลูกเสมอมา และขอพระองค์ทรงเป็นเพื่อนและอยู่กับลูกตลอดไปด้วยเทอญ เพื่อที่ลูกจะได้เข้มแข็งและไม่เลือกทางเดินที่ผิดต่อความรักของพระองค์
In Jesus name we pray เอเมน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านที่สละเวลามาอธิษฐานร่วมกันนะคะ
การฝึกฟังเสียงของพระเจ้าและติดตามการทรงนำของพระวิญญาณฯเป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นมาก พระเจ้าอยากจะบอกถึงแผนการของพระองค์ที่มีต่อชีวิตของเรา แผนการของพระเจ้าเป็นแผนการที่ดี แต่เราอาจจะพลาดจากการทรงนำได้ ถ้าเราไม่ฝึกฝนในการฟังเสียงของพระเจ้าหรือไม่เชื่อฟังพระองค์

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...