เมื่อท่านทั้งหลายอธิษฐาน อย่าเป็นเหมือนคนหน้าซื่อใจคด เพราะเขาชอบยืนอธิษฐานในธรรมศาลาและตามถนน เพื่อจะให้คนทั้งปวงได้เห็น
เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้รับบำเหน็จของเขาแล้ว ฝ่ายท่านเมื่ออธิษฐานจงเข้าในห้องชั้นใน และเมื่อปิดประตูแล้ว จงอธิษฐานต่อพระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในที่ลี้ลับ และพระบิดาของท่านผู้ทรงเห็นในที่ลี้ลับจะทรงโปรดประทานบำเหน็จแก่ท่าน
แต่เมื่อท่านอธิษฐานอย่าพูดพล่อยๆซ้ำซาก เหมือนคนต่างชาติกระทำเพราะเขาคิดว่าพูดมากหลายคำ พระจึงจะทรงโปรดฟัง อย่าทำเหมือนเขาเลย เพราะว่าสิ่งใดซึ่งท่านต้องการ พระบิดาของท่านทรงทราบก่อนที่ท่านทูลขอแล้ว
ท่านทั้งหลาย จงอธิษฐานตามอย่างนี้ว่า
ข้าแต่พระบิดาแห่งข้าพระองค์ทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์
ขอให้พระนามของพระองค์เป็นที่เคารพสักการะ
ขอให้แผ่นดินของพระองค์มาตั้งอยู่
ขอให้เป็นไปตามพระทัยของพระองค์ ในสวรรค์เป็นอย่างไรก็ให้เป็นไปอย่างนั้นในแผ่นดินโลก
ขอทรงโปรดประทานอาหารประจำวัน แก่ข้าพระองค์ทั้งหลายในกาลวันนี้
ขอทรงโปรดยกบาปผิดของข้าพระองค์ เหมือนข้าพระองค์ยกโทษผู้ที่ทำผิดต่อข้าพระองค์นั้น
และขออย่านำข้าพระองค์เข้าไปในการทดลอง แต่ขอให้พ้นจากซึ่งชั่วร้าย
เหตุว่าราชอำนาจ และฤทธิ์เดช และพระสิริเป็นของพระองค์สืบๆไปเป็นนิตย์ อาเมน
— มัทธิว 6:9-13
เพราะว่าถ้าท่านยกความผิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านผู้ทรงสถิตในสวรรค์จะทรงโปรดยกความผิดของท่านด้วย แต่ถ้าท่านไม่ยกความผิดของเพื่อนมนุษย์ พระบิดาของท่านจะไม่ทรงโปรดยกความผิดของท่านเหมือนกัน[2]
ขุมพลังที่เรามักจะละเลย
เป็นประจำสม่ำเสมอ...
ก็คือขุมพลัง "แห่งการอธิษฐาน"
2 เปโตร 2:9
ทั้งหมดนี้แสดงว่าพระยะโฮวา*รู้วิธีช่วยคนที่เลื่อมใสพระองค์ให้ผ่านการทดสอบ แต่เก็บคนชั่วไว้ทำลายในวันพิพากษา
ดาเนียล ไม่ได้เป็นเช่นนั้น...
แต่ท่านอธิษฐานเสมอ
เมื่อได้ยินว่ากษัตริย์ดาริอัส
ลงชื่อในหนังสือสำคัญ...
ห้ามไม่ให้ใครอธิษฐานต่อพระของตน
เว้นไว้แต่ต่อกษัตริย์
ดาเนียลเปิดหน้าต่างห้อง...
อย่างที่เคยทำและอธิษฐาน
จงให้ความกลัวมนุษย์....
เล็กน้อยกว่าความกลัวพระเจ้า
และจงให้ความเกรงกลัวพระเจ้า
ยิ่งใหญ่กว่าทุกสิ่ง!!!!!
เมื่อดาเนียลถูกนำตัวไป
โยนลงในถ้ำสิงห์...ที่หิวโหย
คนมองว่าที่นั่นท่านคงตาย....
แต่เรารู้ว่าไม่ใช่....
เพราะการช่วยกู้ของพระเจ้า
ไม่จำเป็นต้องมาอย่างที่เรากำหนด
พระเจ้าสามารถทำให้ดาเนียล
ไม่ต้องเข้าถ้ำสิงห์...เลยก็ได้
แต่พระองค์ทรงพอพระทัย
ให้เขาไปสู่สิ่งที่...ยิ่งใหญ่กว่านั้น
เพื่อคนทั่วบาบิโลนจะรู้ว่า
ไม่ใช่ด้วยอำนาจของกษัตริย์ที่กู้ดาเนียล
แต่โดยฤทธานุภาพของพระเจ้า
ผู้ที่ดาเนียลเคารพและยำเกรง....
ถ้าพระเจ้าตรัสห้าม
ใครก็ไม่อาจอนุญาตได้...
ถ้าพระเจ้าอนุญาต
ใครก็ไม่อาจขัดขวางได้...
ไม่ว่า "คน" หรือ "สิงห์"
ไม่ว่าสิ่งใดๆ หรือใครๆ!!!!
ภาระที่แสนหนัก...
พักบ้างนะ....อย่าแบกนาน
ไม่มีใครเคยผ่อนคลาย
ด้วยการแบกภาระหนักไว้บนบ่า
พระเยซูคริสต์เจ้าเรียกร้องให้.....
"ผู้ลำบากและเหน็ดเหนื่อยจงมาหาเรา"
เพราะในพระองค์เท่านั้น...
มีการหยุดพักอย่างแท้จริง
เมื่อท่านเอลียาห์ลำธารเครีธ
สู่บ้านของหญิงม่ายชาวเศราฟัท...
ท่านไม่ได้ถูกใช้ให้ไปหาคนร่ำรวย...
เพื่อให้ช่วยเลี้ยงดูแล
แต่ไปหาหญิงหม้าย
ที่กำลังรอความตาย
พร้อมกับลูกชายของนาง
แป้งกำมือหนึ่ง
น้ำมันเพียงเล็กน้อยที่เขาเก็บไว้...
กินก่อนตาย
แต่ท่านสั่งนางว่า.....
"ให้เอามาให้ฉันกินก่อน
แล้วเจ้ากับลูกค่อยกินทีหลัง"
เช่นกัน....
กับความยากลำบากที่เราแบก
นำมาให้พระเจ้าก่อน
เพราะพระองค์เท่านั้น ที่จะรู้ว่า...
จะทำอย่างไรกับมัน..
ถ้าพยายามแก้ปัญหาด้วยตัวเอง
เธอจะเหนื่อยเกินกำลังจะทำไหว
หญิงม่ายชาวเศราฟัทและลูกชาย
ไม่ได้ตาย...แต่เขาทั้งสองเป็นอยู่
เพราะปัญหาใดๆ
ไม่ว่าจะหนักหนาสักเพียงไหน...
ถ้ามอบไว้ในพระหัตถ์ของพระเจ้า...
สิ่งที่เราเห็นและได้รับ...ก็คือ "พระพร"
เพราะนั่นคือสิ่งที่พระเจ้า
เตรียมไว้ให้ผู้ที่รักพระองค์
หลายครั้ง...
ที่ปัญหามาหาเรา
เพียงเพื่อจะให้เราได้พิสูจน์ตัวเราเอง
ถึงความแข็งแกร่งภายใน
ถึงสติปัญญา ถึงความเชื่อ...
เมื่อเธอยอมให้ปัญหาข่ม
เธอก็จะจมอยู่ในความทุกข์
แต่เมื่อไรที่ลุกขึ้นต่อสู้กับมัน
เธอจะรู้ถึงพละกำลังในตัวเธอ
พระเยซูตรัสถึง...
"ผู้ที่อยู่ในโลก
หรือจะสู้...ผู้ที่อยู่ในท่าน"
ดังนั้น
เมื่อพระองค์บอกว่า "อย่ากลัวเลย"
ก็จงอย่ากลัว...
เมื่อบรรดาสาวกคิดว่า
"พวกเขากำลังจะจมน้ำตายอยู่แล้ว"
พระเยซูทรงบรรทมหลับอยู่ที่ท้ายเรือ..
ไม่ใช่ไม่ทรงห่วงใย
แต่เพราะทรงรอให้พวกเขา
ใช้ความสงบสยบความฟุ้งซ่าน
ด้วยความกลัวใช่ไหม
ที่ทำให้เราจิตใจว้าวุ่น...วิ่งไปทั่ว
ด้วยความกลัวใช่ไหม
ที่ทำให้เราหวั่นไหวแคลงใจในพระเจ้า
ด้วยความกลัวใช่ไหม
ที่ทำให้ลืมไปว่าพระองค์อยู่ในเรือกับเรา
จำไว้นะว่า ปัญหามาหาเรา
เพียงเพื่อให้เราพิสูจน์ตัวเราเอง...
และอย่าลืมนะว่า....
พระองค์ผู้ทรงอยู่ในเรา
เป็นใหญ่ยิ่งกว่าผู้นั้นที่อยู่ในโลก
เมื่อไม่ยอมออกกำลังกาย....
ก็อย่าคาดหวังว่าตัวเองจะแข็งแรง
เมื่อไม่ออกแรงผลัก....
ก็อย่าคาดหวังว่ามันจะเคลื่อน
สิ่งใดๆ...
ย่อมมีเงื่อนไขในตัวของมันเอง
ฉันใดก็ฉันนั้น...
เมื่อหว่านก็จะได้เก็บเกี่ยว
อย่ากลัวความยากลำบาก....
เพราะโดยความยากลำบาก
จึงมีความสำเร็จ
อย่ากลัวการลงทุนลงแรง....
เพราะนั่นจะนำพาคุณไปสู่...
ผลกำไร
เมื่อคุณทูลขอ "แรง"
พระเจ้าทรงให้คุณต้อง "ผลัก"
เมื่อคุณทูลขอ "ปัญญา"
พระเจ้าให้ "ปัญหา" มาให้คิดแก้
(ขอขอบคุณ บทความหนุนใจจากเพจคุณเจิม
ซัม)
พระเจ้าทรงทำบางสิ่ง เพื่อให้เราถ่อมใจ
และทรงทำอย่างอื่นอีก เพื่อรักษาเราไว้ในความถ่อมใจ
และทรงทำบางสิ่งบางอย่างอีก…
เพื่อให้แน่ใจว่า…เรายังคงนอบน้อมถ่อมใจ
ขอพระเจ้าอวยพรทุกๆดวงใจที่สละเวลามาอ่านบทความหนุนใจดีๆนี้และได้นำไปปฏิบัติให้เกิดผลจริงในชีวิต
อย่าลืมใช้เวลาในแต่ละวันอธิญฐานกันบ่อยๆนะคะ
วิธีการอธิษฐาน
การอธิษฐานไม่ใช่การสวดมนต์หรือพูดซ้ำ ๆ แต่เป็นการพูดคุยกับพระเจ้า
เหมือนลูกคุยกับพ่อ เป็นการทูลขอสิ่งที่เรามีความจำเป็นต่อพระเจ้า
คริสตชนจะขึ้นต้นคำอธิษฐานด้วยคำว่า "ข้าแต่พระบิดาเจ้า"
และลงท้ายด้วยคำว่า "ขอในพระนามของพระเยซูคริสต์ อาเมน"
ส่วนเนื้อความตรงกลางผู้อธิษฐานสามารถเปลี่ยนแปลงได้ในแต่ละครั้ง
การเริ่มต้นคำอธิษฐานว่า พระบิดาเจ้า
ก็เพราะเชื่อว่าพระเจ้าทรงฟังผู้อธิษฐาน จบลงด้วยคำว่า ขอในพระนามของพระเยซูคริสต์
หมายความว่า ผู้อธิษฐานเป็นคนบาปซึ่งไม่มีสิทธิ์คุยกับพระเจ้า
แต่เพราะพระคุณของพระเยซูคริสต์ จึงกล้าทูลหรือพูดกับพระเจ้าได้ ส่วนคำว่า อาเมน
หมายความว่า ขอให้เป็นดังนั้น
ส่วนท่าทางในการอธิษฐานนั้น มีได้หลายแบบ
แต่ต้องมีท่าทีหรือท่าทางที่เหมาะสมกับสถานที่ ถ้าอยู่ในที่ประชุมหรือคริสตจักร
คริสตชนจะนั่งอธิษฐานเหมือนกับคนอื่น ๆ ถ้าอยู้ห้องนอน
จะนอนหรือคุกเข่าอธิษฐานก็ได้[3]
ข้อความในพระคุมภีร์ที่เกี่ยวข้องกับการอธิษฐานของ ดาเนียล
ดาเนียล 9 Thai New Contemporary Bible (TNCV)
คำอธิษฐานของดาเนียล
9 ในปีที่หนึ่งแห่งรัชกาลกษัตริย์ดาริอัสโอรสของเซอร์ซีส[a] (ทรงมีเชื้อสายมีเดีย) ซึ่งได้ครองอาณาจักรบาบิโลน[b] 2 ในปีแรกแห่งรัชกาล ข้าพเจ้าดาเนียลเข้าใจจากพระคัมภีร์เกี่ยวกับพระดำรัสขององค์พระผู้เป็นเจ้าซึ่งตรัสกับผู้เผยพระวจนะเยเรมีย์ว่ากรุงเยรูซาเล็มจะเริศร้างอยู่เจ็ดสิบปี
3
ข้าพเจ้าจึงขะมักเขม้นอธิษฐานวิงวอนต่อพระเจ้าองค์พระผู้เป็นเจ้าด้วยการถืออดอาหาร
สวมเสื้อผ้ากระสอบ และคลุกขี้เถ้า
4 ข้าพเจ้าอธิษฐานต่อพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าและทูลสารภาพบาปว่า
“ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระเจ้าผู้ทรงยิ่งใหญ่และน่าครั่นคร้าม
ผู้ทรงรักษาพันธสัญญาแห่งความรักต่อบรรดาผู้ที่รักพระองค์และเชื่อฟังพระบัญชาของพระองค์
5 ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาป ทำชั่วและกบฏต่อพระองค์ หันหนีจากบทบัญญัติและพระบัญชาของพระองค์
6 ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังเหล่าผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์
ซึ่งกล่าวในพระนามของพระองค์แก่บรรดากษัตริย์ เจ้านาย
บรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนประชากรของแผ่นดิน
7 “ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า พระองค์ทรงชอบธรรม แต่ทุกวันนี้ข้าพระองค์ทั้งหลายต้องอับอายขายหน้า
ไม่ว่าชาวยูดาห์ ชาวกรุงเยรูซาเล็ม และปวงชนอิสราเอลทั้งใกล้และไกลในประเทศต่างๆ
ซึ่งพระองค์ทรงทำให้ข้าพระองค์ทั้งหลายกระจัดกระจายไป
เพราะเราไม่ได้ซื่อสัตย์ต่อพระองค์ 8 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า ข้าพระองค์ทั้งหลายตลอดจนบรรดากษัตริย์
เจ้านาย และบรรพบุรุษต้องอัปยศอดสูเพราะได้ทำบาปต่อพระองค์ 9 องค์พระผู้เป็นเจ้า
พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงเปี่ยมด้วยความเมตตาและทรงให้อภัย
แม้ว่าข้าพระองค์ทั้งหลายกบฏต่อพระองค์ 10
ข้าพระองค์ทั้งหลายไม่ได้เชื่อฟังพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
และไม่ได้ปฏิบัติตามบทบัญญัติที่พระองค์ประทานผ่านทางผู้เผยพระวจนะผู้รับใช้ของพระองค์
11 อิสราเอลทั้งปวงได้ล่วงละเมิดบทบัญญัติของพระองค์ และหลงเตลิดไป
ไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
“ฉะนั้นคำสาปแช่งและโทษทัณฑ์ทั้งปวงซึ่งบันทึกไว้ในบทบัญญัติของโมเสสผู้รับใช้ของพระเจ้าจึงตกแก่ข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำบาปต่อพระองค์
12
พระองค์ทรงทำตามที่ตรัสไว้แล้วว่าจะนำภัยพิบัติยิ่งใหญ่มายังข้าพระองค์ทั้งหลายและผู้ครอบครอง
ทั่วใต้ฟ้าไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นเสมอเหมือนที่เกิดกับเยรูซาเล็ม 13 ภัยพิบัติทั้งปวงนี้เกิดกับข้าพระองค์ทั้งหลาย
ตามที่บันทึกไว้แล้วในบทบัญญัติของโมเสส
ถึงกระนั้นข้าพระองค์ทั้งหลายก็ไม่ได้แสวงหาความเมตตาจากพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายโดยหันกลับจากบาป
และไม่ได้ใส่ใจในความจริงของพระองค์เลย 14 องค์พระผู้เป็นเจ้าไม่ได้ทรงรีรอที่จะนำภัยพิบัตินี้มายังข้าพระองค์ทั้งหลายเพราะพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลายทรงชอบธรรมในทุกสิ่งที่ทรงกระทำ
ถึงเพียงนี้แล้วข้าพระองค์ทั้งหลายยังไม่ยอมเชื่อฟังพระองค์
15 “ข้าแต่พระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพระองค์ทั้งหลาย
ผู้ทรงนำประชากรของพระองค์ออกจากอียิปต์ด้วยพระหัตถ์อันทรงอานุภาพและผู้สถาปนานามของพระองค์ซึ่งยืนยงตราบเท่าทุกวันนี้
ข้าพระองค์ทั้งหลายได้ทำผิดทำบาปไปแล้ว 16 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า
เพื่อให้สอดคล้องกับการกระทำอันชอบธรรมทั้งปวงของพระองค์
ขอโปรดทรงหันเหพระพิโรธจากเยรูซาเล็มเมืองของพระองค์ ภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
เพราะบาปของข้าพระองค์ทั้งหลายและความชั่วช้าของบรรพบุรุษของข้าพระองค์ทั้งหลาย
เป็นเหตุให้เยรูซาเล็มและประชากรของพระองค์กลายเป็นที่เหยียดหยามของคนทั้งปวงที่อยู่โดยรอบ
17 “ข้าแต่พระเจ้า บัดนี้ขอทรงสดับคำอธิษฐานวิงวอนของผู้รับใช้ของพระองค์
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้า เพื่อเห็นแก่พระองค์เอง
โปรดเหลียวแลสถานนมัสการอันเริศร้างของพระองค์ด้วยความโปรดปรานเถิด 18
ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงเอียงพระกรรณสดับฟัง
โปรดทอดพระเนตรความเริศร้างของกรุงซึ่งใช้พระนามของพระองค์
ข้าพระองค์ทั้งหลายทูลวิงวอนต่อพระองค์ ไม่ใช่เพราะข้าพระองค์ทั้งหลายชอบธรรม
แต่เพราะพระเมตตายิ่งใหญ่ของพระองค์ 19 ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับ!
ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงอภัย! ข้าแต่องค์พระผู้เป็นเจ้าขอทรงสดับและทรงช่วย!
ข้าแต่พระเจ้าของข้าพระองค์ ขออย่าทรงล่าช้าเพื่อเห็นแก่พระองค์เอง
เพราะนครของพระองค์และประชากรของพระองค์ใช้พระนามของพระองค์”
เจ็ดสิบของ
20
ขณะข้าพเจ้าอธิษฐานสารภาพบาปของตัวเองและของชนอิสราเอลพี่น้องร่วมชาติและทูลอ้อนวอนพระยาห์เวห์พระเจ้าของข้าพเจ้าเพื่อภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของพระองค์
21 ขณะที่ข้าพเจ้ายังอธิษฐานอยู่นั้น กาเบรียลผู้ซึ่งข้าพเจ้าเห็นในนิมิตครั้งก่อนเหาะมาหาข้าพเจ้าอย่างรวดเร็วในเวลาถวายเครื่องบูชายามเย็น
22 เขากล่าวแก่ข้าพเจ้าว่า “ดาเนียลเอ๋ย เรามาเพื่อให้ท่านประจักษ์แจ้งและเข้าใจ
23 ทันทีที่ท่านเริ่มอธิษฐาน พระเจ้าก็ประทานคำตอบซึ่งเราได้นำมาบอกท่านเพราะท่านเป็นผู้ที่ทรงรักยิ่ง
ฉะนั้นจงใคร่ครวญเนื้อความและเข้าใจนิมิตนั้น
24 “เจ็ดสิบของ ‘เจ็ด’[c] ทรงกำหนดไว้แล้วสำหรับพี่น้องร่วมชาติและนครศักดิ์สิทธิ์ของท่าน
ให้เลิกการล่วงละเมิด เลิกทำบาป ลบล้างความชั่ว
และนำความชอบธรรมอันมั่นคงนิรันดร์มาให้
เพื่อประทับตรานิมิตและคำพยากรณ์และเพื่อเจิมสถานที่บริสุทธิ์ที่สุด[d]
25 “จงรับรู้และเข้าใจข้อนี้เถิด คือตั้งแต่มีพระราชกฤษฎีกา[e]ให้กอบกู้และสร้างเยรูซาเล็มขึ้นใหม่
จวบจนผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งให้เป็นผู้ครอบครองนั้นจะมาถึง จะมีเจ็ดของ ‘เจ็ด’
และหกสิบสองของ ‘เจ็ด’ จะมีการสร้างถนนหนทางและคูเมือง แต่ทำในช่วงทุกข์ยากลำบาก
26 หลังจากหกสิบสองของ ‘เจ็ด’
ผู้ที่พระเจ้าทรงเจิมตั้งไว้จะถูกประหารและจะไม่เหลืออะไร[f] ประชาชนของผู้ครอบครองจะมาทำลายกรุงนั้นและสถานนมัสการ
วาระสุดท้ายจะมาเหมือนน้ำท่วม สงครามจะขับเคี่ยวกันไปจนถึงจุดจบ
และมีวิบัติตามที่กำหนดไว้ 27 ผู้นั้นจะยืนยันคำมั่นสัญญากับคนเป็นอันมากเป็นเวลาหนึ่งของ
‘เจ็ด’ แต่กลางของ ‘เจ็ด’ นั้นเอง เขาจะสั่งยุติการถวายเครื่องบูชาและของถวายต่างๆ
แล้วผู้ที่ก่อให้เกิดวิบัติจะตั้งสิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนอันเป็นต้นเหตุของวิบัติไว้ที่ด้านหนึ่งของพระวิหารซึ่งเป็นเหตุให้เกิดความเริศร้าง
จวบจนวาระสุดท้ายมาถึงเขา[g]ตามที่กำหนดไว้”
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น