วันพฤหัสบดีที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2562

ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา


ความโกรธเป็นเรื่องธรรมดา
     ความโกรธเป็นความรู้สึกอย่างหนึ่ง เช่นเดียวกับความเหงา ความเศร้าเสียใจ และความตื่นเต้น จึงไม่เป็นเรื่องแปลกถ้าคุณรู้สึกโกรธ เพราะมันเป็นกิริยาตอบสนองตามปกติของมนุษย์ทั่วไป บางครั้งความโกรธอาจจะเกิดจากความกลัวหรือความเจ็บปวด คุณอาจจะโกรธตัวเองที่หาเรื่องยุ่งยากมาสู่ตนเอง หรือโกรธคนรอบข้างที่ทำร้ายคุณหรือทำให้คุณผิดหวัง โกรธแม้กระทั่งเทพยดาฟ้าดินที่ปล่อยให้ความทุกข์ยากเกิดขึ้นกับคุณ

ให้เรามาดูว่าพระคัมภีร์สอนเราอย่างไรในเรื่องความโกรธ
“แม้ท่านจะโกรธ ก็อย่าให้เป็นบาป จงเลิกโกรธก่อนดวงอาทิตย์ตก อย่าให้โอกาสแก่มาร”
(เอเฟซัส 4:26-27)

บางครั้งความโกรธก็เป็นเรื่องดี
     เชื่อหรือไม่ว่า หากเรามีสติ ความโกรธก็ไม่ใช่เรื่องเสียหายและบางครั้งอาจจะสร้างสรรค์สิ่งดีๆ ให้เกิดขึ้นได้ด้วยซ้ำ แต่ที่สำคัญที่สุด เราต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธนำเราไปสู่ความเกลียดชังหรือการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก พระคัมภีร์บันทึกว่า แม้พระเยซูผู้เป็นพระเจ้าเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์ก็ยังรู้จักโกรธเช่นกัน แต่พระองค์ก็ไม่เคยทำบาปแม้สักครั้งเดียว พระองค์เป็นแบบอย่างของคำสอนที่ว่า “จงเกลียดชังความบาป แต่อย่าเกลียดชังคนทำบาป” เรามักโกรธผู้ที่ทำผิดต่อเรา แต่หากเราคิดด้วยใจเป็นธรรมแล้ว ตัวเราเองก็คงเคยทำผิดต่อผู้อื่นทั้งโดยตั้งใจและไม่ตั้งใจเช่นกัน

ว้าววววว! มีบางคำโดนใจมาก พระองค์ทรงสอนว่า. จงเกลียดชังความบาป แต่อย่าเกลียดชังคนทำบาป

     ช่วงนี้เปิดเจอแต่พระวาจาที่มาตรงกับเหตุการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น มันยากนะที่จะห้ามใจเราไม่ให้เกลียดชังคนบาปคนนั้น ที่เราว่าเขาบาปเพราะเขาทำแล้วทำอีก และไม่เคยสำนึกในสิ่งผิดที่ทำลงไป และทำเป็นไม่รู้ตัว. แต่หากเรามีสติและอ่านพระวาจา และเชื่อในพระองค์. เราเชื่อว่าสิ่งดีๆจะเกิดขึ้นกับชีวิตเราเองอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องคนบาปคนนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระองค์. ( ให้เราถ่อมตนเพราะเราเองก็เป็นคนบาป แต่ที่เราต่างจากเขาคือเรามีสำนึกดี ไม่อยากทำผิดซ้ำซาก เราต้องไม่ปล่อยให้อารมณ์โกรธนำเราไปสู่ความเกลียดชังหรือการทำร้ายผู้อื่น ซึ่งมีแต่จะทำให้สถานการณ์เลวร้ายลงไปอีก )

ความโกรธเป็นเรื่องร้ายถ้าเรายังโกรธแบบไม่เลิกรา
ความโกรธไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้น ความเคียดแค้นและเกลียดชังมีแต่จะนำความวิบัติมาสู่ชีวิตของเรา เพราะความโกรธมีพลังอำนาจอาจทำลายชีวิตทั้งชีวิตหากเราไม่อาจควบคุมอารมณ์โกรธได้ บางครั้งเราลงโทษตัวเองที่ได้ทำผิดต่อคนอื่น เราจึงโกรธและเกลียดตัวเราเองอย่างไม่รู้ตัว ความโกรธทำให้เราคิดอะไรไม่ออก และถึงจะคิดอะไรได้บ้าง ก็ไม่สามารถคิดได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เราจึงยิ่งรู้สึกเจ็บปวดมากขึ้น

ให้เรามาดูว่าพระคัมภีร์สอนเราอย่างไรในเรื่องความโกรธ
“...ทุกคนจงฉับไวที่จะฟัง แต่ช้าที่จะพูด และช้าที่จะโกรธ คนที่โกรธย่อมไม่ปฏิบัติตนชอบธรรมตามพระประสงค์ของพระเจ้า” (ยก 1:19-20)

“ผู้โกรธช้าย่อมดีกว่านักรบชำนาญศึก ผู้รู้จักบังคับใจตนเองย่อมดีกว่าผู้ที่ยึดเมืองได้”
 (สุภาษิต 16:32)



แล้วการแก้แค้นล่ะ?
     หลายครั้งที่ความโกรธนำมาซึ่งความแค้นและตามมาด้วยการแก้แค้น หยุดสักนิดคิดสักหน่อยว่าเราแก้แค้นเพื่อให้เกิดความยุติธรรมได้ไหม? ความจริงก็คือ การแก้แค้นไม่เคยช่วยให้ใครรู้สึกดีขึ้น และไม่สามารถเปลี่ยนแปลงสิ่งที่เลวร้ายให้ดีขึ้นได้ สิ่งที่เราทุกคนควรทำคือ พยายามให้อภัย และทำใจให้สบาย ด้วยการไม่ยอมเป็นทาสของอารมณ์โกรธหรือเกลียดชัง ซึ่งอาจนำไปสู่ความรู้สึกต้องการแก้แค้น หากเราไม่ยอมให้อภัยก็หมายความว่าผู้ที่ทำร้ายเรายังคงมีอำนาจเหนือเราอยู่ และจะยิ่งทำให้เรารู้สึกเจ็บปวดมากกว่าเดิม


ถูกต้องเลยคะ. บางครั้งเราอยาก pay back(เอาคืน) คนเหล่านั้นให้สาสมใจ แต่หากเราปล่อยความโกรธครอบงำ ความเกลียดชัง ก็จะตามมา และต่อด้วยความหายนะทั้งสองฝ่าย และนั่นหมายถึงว่าเรายอมปล่อยให้ผู้ที่ทำร้ายเรา มีอำนาจอยู่เหนือเราและมันยิ่งทำให้เราเจ็บปวดมากกว่าเดิม

เราไม่สามารถไปแก้ตัวหรือแก้ไขในสิ่งที่คนชั่วเหล่านั้นสร้างเรื่องขึ้นมาได้ทุกที่ ไม่สามารถไปชี้แจงแถลงไขกับคนได้ทุกคน แต่จงมั่นใจว่าเรามิได้ทำสิ่งผิด และกาลเวลาจะนำมาซึ่งความจริง.จงอวยพรคนจิตชั่วเหล่านั้นด้วยคำภาวนา และที่สำคัญเราจะได้รับมรดกคือพระพร.

     สุดท้ายของเรื่องโกรธๆ ที่ทำให้เราอารมณ์เสีย. และอยากเอาคืน. (จิกหัวตบๆให้สาสม 5555จินตนาการเอาก็พอนะคะ อย่าไปทำจริง เพราะการโกรธใครสักคนนั้นไม่บาป แต่อย่าให้อารมณ์นั้นนำพาเราถึงจุดที่เสี่ยงต่อการต้องลงมือกระทำบาปนะคะ) คือจะบอกว่า. ให้เราพยายามลืมมันเสียเถิด ! อ่านข้อความเหล่านี้แล้วนำไปปฏิบัติให้เกิดผลในชีวิตจริงของเราให้ได้นะคะและ ชีวิตของเราจะยิ่งดี๊ดีขึ้น นะ (ทำยากแต่ให้พยายามกันนะคะ)

     ใช่คะ ความโกรธและความเจ็บช้ำน้ำใจไม่ใช่เป็นเรื่องที่จะลืมกันได้ง่ายๆ แต่การเก็บซ่อนความโกรธไว้ในใจ มันจะกัดกร่อนเราเรื่อยๆ การขจัดอารมณ์โกรธที่พระเจ้าสอนเราคือ “ให้อภัย” จงยกโทษให้ผู้อื่นแล้วชีวิตคุณจะเป็นสุขและมีสุขภาพดีทั้งกายและใจด้วย นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่พระคัมภีร์กล่าวว่า “ให้เราขจัดความเกลียดชังในชีวิตประจำวันเพราะจะช่วยหยุดกิจการของความชั่วร้ายในตัวเรา”

     เราอาจจะคิดว่า “ให้อภัยเป็นเรื่องพูดง่ายแต่ทำยาก ฉันคงทำไม่ได้” นั่นเป็นเพราะคุณๆ ยังมีอารมณ์โกรธอยู่ แต่ด้วยการขอความช่วยเหลือของพระเจ้า พระบิดาสุดที่รักของเรา คุณจะได้รับการเสริมกำลังที่จะก้าวข้ามอารมณ์และความโกรธไปได้ พระคัมภีร์หลายตอนได้กล่าวถึงผลดีของการให้อภัยไว้ว่า

“สามัญสำนึกทำให้คนโกรธช้า การมองข้ามการถูกรังแกย่อมเป็นเกียรติแก่เขา”
(สุภาษิต 19:11)

“จึงดีกว่าที่ท่านจะให้อภัยและให้กำลังใจเขา เพื่อเขาจะไม่ต้องรับความทุกข์เกินกว่าที่จะทนได้” (2โครินธ์ 2:7)

“จงระงับโทสะและเลิกโกรธ อย่าเดือดร้อน เพราะไม่เกิดประโยชน์ใด”
(สดุดี 37:8)

“... อย่าแก้แค้นเลย แต่จงให้พระเจ้าทรงตัดสินลงโทษเถิด ดังที่มีเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า การแก้แค้นเป็นของเรา เราจะตอบแทนการกระทำของทุกคน พระเจ้าตรัสดังนี้ ตรงกันข้าม ถ้าศัตรูของท่านหิว จงให้อาหารแก่เขา ถ้าเขากระหาย จงให้เขาดื่ม เพราะเมื่อทำเช่นนี้ ท่านจะทำให้เขาสำนึกและละอายใจ อย่าให้ความชั่วเอาชนะท่าน แต่จงชนะความชั่วด้วยความดี” (โรม 12:19-21)

😇เดี๋ยวนี้คนเราใจร้อน ใครรู้จักควบคุมตัวเองได้คือยอดคน
เมื่อมีคำไม่ดีมากระทบ อยู่ที่ใจเราจะรับหรือไม่ หรือเพียงนิ่งเฉย 😇

(((2ซมอ16:9-12))) อาบิชัยบุตรของนางเศรุยาห์ทูลกษัตริย์ว่า ‘ทำไมไอ้หมาตายตัวนี้จะต้องแช่งด่าพระราชาเจ้านายของข้าพเจ้า? โปรดอนุญาตให้ข้าพเจ้าไปตัดหัวของมันเสียเถิด’ แต่กษัตริย์ตรัสตอบว่า ‘บุตรของนางเศรุยาห์เอ๋ย เรามีความคิดเห็นไม่ตรงกัน? ถ้าเขาแช่งด่าเราเพราะพระยาห์เวห์ทรงบอกเขาว่า “จงไปแช่งด่าดาวิดเถิด!’ ใครเล่าจะมีสิทธิ์ถามเขาว่า “ทำไมท่านจึงทำเช่นนี้?"’ กษัตริย์ดาวิดตรัสกับอาบีชัยและข้าราชบริพารทั้งปวงว่า ‘ดูซิ แม้กระทั่งลูกที่เกิดจากเรายังพยายามจะฆ่าเรา แล้วสาอะไรกับชาวเบนยามินผู้นี้เล่า ปล่อยเขาเถอะ ปล่อยให้เขาแช่งด่าเรา เพราะพระยาห์เวห์ทรงบัญชาให้เขาทำ! บางที พระยาห์เวห์จะทอดพระเนตรเห็นความทุกข์ยากของเรา แล้วประทานพรให้เราแทนคำแช่งด่าในวันนี้

😊นิ่งสงบ สยบทุกความเคลื่อนไหว ้อความที่ไม่มีผู้รับก็จะถูกส่งคืนกลับไป ใครพูดไม่ดีกับเรา นิ่งเฉยไว้ ผู้ส่งก็จะเป็นทุกข์เป็นร้อนเองว่าทำไมเราถึงไม่สนใจกับคำพูดเขา มันดูยากอยู่นะ มันอาจจะต้อง ฝึกฝนไปตลอดชีวิต แต่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ จริงไหมคะ?  จงใส่ใจคำพูดที่ควรใส่ใจและมองข้ามคำพูดที่ให้ร้ายเถิด ขอพระเจ้าอวยพร😊

อย่าลืมนะคะว่า ความโกรธ เป็นเรื่อง ธรรมดา 
แต่ ผู้ที่สามารถควบคุม ความโกรธได้ นี่ไม่ธรรมดาแน่นอน  
 ยิ้มเยอะๆ รอยยิ้มไม่มีต้นทุนแต่ยิ้มให้ถูกที่ถูกเวลา คุณจะได้ผลตอบแทนเกินคาด ยิ้มและนิ่งสงบ จะช่วยสยบทุกความเคลื่อนไหว นะคะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...