คุณไม่ได้อยู่เพียงลำพัง อย่าสิ้นหวังและเป็นกังวลเลย
“อะไรทำให้ฉันอยู่รอดผ่านวันเวลาที่มืดมน
ผ่านความเจ็บปวดเหล่านั้นมาได้” ฉันถามตัวเอง และคำตอบที่ได้คือ “ด้วยศรัทธาของฉัน
ศรัทธาของฉันในพระเจ้าพระเยซูคริสต์ ฉันวางภาระไว้กับพระองค์
จากนั้นดูเหมือนทุกสิ่งอย่างที่ฉันรู้สึกว่ามันหนัก, หนทางดูมืดมน
ทุกสิ่งอย่างมันจะเบาขึ้นมาก” ฉันเลยอยากนำเรื่องราวของฉันมาแบ่งปันสู่พี่น้อง
และมิตรสหายที่รัก ที่กำลังต้องเจอกับมรสุมชีวิต
ฉันขอเป็นกำลังใจให้ผ่านทุกมรสุมไปได้ ด้วยข้อความหนุนใจต่อไปนี้
ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี อย่าวิตก ฉันพูดกับตนเองแบบนี้ทุกเช้า
ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี ถ้าฉันทำดีที่สุด ทุกอย่างจะจบลงด้วยดี
จงวางใจในพระผู้เป็นเจ้า
ก้าวไปข้างหน้าด้วยศรัทธาและด้วยความมั่นใจในอนาคตกับพระเจ้า , พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งเรา พระองค์จะไม่ทรงทอดทิ้งเรา.
ถ้าเรามีศรัทธามากยิ่งขึ้นในพระผู้เป็นเจ้าเราจะทำได้ดีกว่าที่เราทำอยู่ในเวลานี้
ไม่มีอุปสรรคใดใหญ่หลวงเกินไป ไม่มีความท้าทายใดยากเกินไป ถ้าเรามีศรัทธา
ด้วยศรัทธาเราสามารถเอาชนะองค์ประกอบด้านลบเหล่านั้นในชีวิตเราที่คอยแต่จะดึงเราต่ำลง.
เมื่อฉันใช้เวลาและพรสวรรค์ในการรับใช้พระเจ้า
ศรัทธาของทฉันจึงเติบโตและความสงสัยของฉันก็ลดลงตามกาลเวลา.
นี่เป็นคำสวดอ้อนวอนสำหรับเราทุกคน
“ขอพระองค์โปรดให้ ศรัทธา ของพวกข้าพระองค์เพิ่มมากยิ่งขึ้น” [ดู ลูกา
17:5] ขอทรงเพิ่มพูนศรัทธาของพวกลูกเพื่อเชื่อมช่องว่างของความไม่แน่นอนและความสงสัยในชีวิตนี้หมดสิ้นไปจากใจของลูก
ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกลูกมองข้ามปัญหาในชั่วขณะนั้นไปและเห็นปาฏิหาริย์ของอนาคต
ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกลูก และวางใจว่าพระองค์ พระผู้ทรงฤทธานุภาพ
จะทรงเปิดหน้าต่างสวรรค์ตามที่พระองค์ทรงสัญญาไว้ ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกลูกทำสิ่งถูกต้องและปล่อยให้ผลที่ตามมาเป็นไปตามน้ำพระทัย
ขอพระองค์ประทานศรัทธาให้พวกลูกเมื่อมรสุมของความยากลำบากกระหน่ำพวกลูก
ในยามเจ็บป่วยขอให้ความมั่นใจของพวกลูกแข็งแกร่งขึ้น
ลูกขอฝากชีวิตและความหวังของลูกไว้ในความดูแของพระองค์ อาเมน
“ฝากความกังวลทั้งหมดไว้กับพระเจ้า เพราะพระองค์ห่วงใยคุณ”
ความวิตกกังวลเรื่องอนาคต: พระเยซูคริสต์บอกว่า
“ไม่ต้องกังวลถึงวันพรุ่งนี้ เพราะพรุ่งนี้ก็จะมีเรื่องของพรุ่งนี้ให้กังวลอีก”
(มัทธิว 6:25, 34) พระเยซูต้องการบอกอะไร? พระองค์ต้องการให้เราคิดเฉพาะปัญหาที่เกิดขึ้นในวันนี้
อย่าเอาเรื่องที่ยังไม่เกิดขึ้นมาผสมโรงเข้าไป
เพราะมันอาจทำให้คุณประเมินสถานการณ์ผิดได้และทำให้ตัดสินใจแบบที่ไม่รอบคอบ
และอย่าลืมว่า หลายเรื่องที่เรากังวลอาจจะไม่เกิดขึ้นก็ได้
ความวิตกกังวลเรื่องเงิน: ชายคนที่ฉลาดมากคนหนึ่งอธิษฐานกับพระเจ้าว่า
“ขออย่าให้ผมจนหรือรวย” (สุภาษิต 30:8)
แต่เขาขอให้มีความพอใจในสิ่งที่ตัวเองมีอยู่ ซึ่งพระเจ้าก็ชอบคนที่มีความคิดแบบนี้แหละ
ในหนังสือฮีบรู 13:5 บอกว่า “อย่าใช้ชีวิตแบบคนรักเงิน แต่ให้พอใจในสิ่งที่มีอยู่
เพราะพระเจ้าบอกไว้ว่า ‘เราจะไม่มีวันทิ้งเจ้า เราจะไม่ทอดทิ้งเจ้าเลย’”
เงินอาจทำให้เราสมหวังหรือผิดหวังก็ได้ แต่พระเจ้าไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง
ถ้าคนนั้นไว้วางใจพระองค์และใช้ชีวิตแบบพอเพียง.
สิ่งสำคัญที่สุดที่ใคร ๆ ก็ทำได้คือการเชื่อมั่นในพระเจ้า
เมื่อเราทำตามสิ่งที่พระเจ้าบอก พระองค์จะช่วยเรา เมื่อพูดถึงสิ่งจำเป็นในชีวิต
พระเยซูบอกว่า “จงเลิกวิตกกังวล . . .
พระบิดาของเจ้าทั้งหลายทรงทราบว่าพวกเจ้าต้องมีสิ่งเหล่านี้”—ลูกา 12:29-31
“พระเยซูเองก็เคยบอกไว้ว่า ‘อย่าวิตกกังวลกับพรุ่งนี้เลย
เพราะว่าพรุ่งนี้ก็จะมีความวิตกกังวลของพรุ่งนี้ แต่ละวันมีความทุกข์พออยู่แล้ว’
ดังนั้นทุกวันเมื่อฉันอธิษฐาน ฉันไม่ได้ขอความมั่งมีในชีวิต แต่ฉันขอพระเจ้าให้
‘ประทานสิ่งที่จำเป็นแก่พวกเราสำหรับแค่สำหรับวันนี้’ และพระองค์ก็ช่วยเราจริง ๆ
อย่างที่พระเยซูสัญญาไว้ นั่นเพราะเราไม่ได้เลือกว่าเราอยากได้อะไร แต่เราขอให้ทุกสิ่งเป็นไปตามน้ำพระทัย
Crews Love GOD
ขอพระเจ้าอวยพรท่านและสมาชิกในครอบครัวของท่าน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น