วันศุกร์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2564

ทำไมความเรียบง่ายจึงสำคัญต่อชีวิตคริสตชน

 


ทำไมความเรียบง่ายจึงสำคัญต่อชีวิตคริสตชน

ธรรมบัญญัติของพระยาห์เวห์ดีพร้อม

และฟื้นฟูชีวิต

พระโอวาทของพระยาห์เวห์นั้นแน่นอน

ทำให้คนรู้น้อยมีปัญญา

สดุดี 19: 7

บางครั้งเราก็ปล่อยให้ตัวเองใช้ชีวิตจมอยู่ท่ามกลางเสียงดังอึกทึก และกิจกรรมที่วุ่นวายของชีวิต และเสียงต่างๆรอบตัวเราอาจ "ดัง" มากจนคุณไม่ได้ยินอะไรชัดเลยแม้แต่เสียงของพระเจ้า นี่คือเหตุผลว่า ทำไมการทำให้ชีวิตของคุณเรียบง่ายขึ้นจึงสำคัญมาก เพราะยิ่งคุณใช้ชีวิตง่ายขึ้นเท่าไหร่ เสียงรบกวนก็ยิ่งน้อยลงเท่านั้นและยังช่วยป้องกันไม่ให้คุณพลาดจากการได้ยินเสียงของพระเจ้าด้วย  

มีคนจำนวนมากที่เชื่อพระเจ้า แต่มีคนจำนวนน้อยที่เชื่อฟังพระเจ้า •    มีคนจำนวนมากอ่านพระคัมภีร์  แต่มีคนจำนวนน้อยที่ทำตามพระคัมภีร์ •    มีคนจำนวนมากอยากได้รับการอวยพร แต่มีคนจำนวนน้อย ที่ดำเนินชีวิต ให้เข้าเงื่อนไขพระพร •    มีคนจำนวนมากไม่อยากถูกแช่งสาบ แต่มีคนจำนวนน้อยที่ดำเนินชีวิต ไม่เกี่ยวข้องกับคำแช่งสาป การไม่ได้ระวังรักษาชีวิตเป็นอย่างดี การทำสิ่งต่างๆ โดยไม่ได้คิดคำนึงถึงผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น หรือการดำเนินชีวิตโดยขาดการยั้งคิด สิ่งเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อพระพร ทั้งด้านปริมาณ และด้านคุณภาพ

นับจากวันนี้เราต้องแยกตัวเองออกจากเสียงอึกทึกและกิจกรรมที่วุ่นวายในชีวิต และรอฟังการทรงนำอย่างสงบ พระสุรเสียงของพระเจ้าอาจจะมาถึงในเวลาที่คุณไม่คาดฝัน เหมือนโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นท่ามกลางห้องที่มีแต่เสียงดังอึกทึกครึกโครม เสียงรบกวนเหล่านั้นจะกลบเสียงที่แผ่วเบาของพระเจ้า ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่เราควรจะสงบและลดระดับเสียงต่างๆ นั้นลง ไม่ว่าจะเป็นเสียงรบกวนที่ผ่าเข้ามาในความคิด และในจิตใจของเรา อย่าปล่อยให้เสียงเหล่านั้นมารบกวนความเชื่อ อย่าปล่อยให้เสียงเหล่านั้นมากลบเสียงเรียกของพระเจ้า ซึ่งเป็นเสียงที่จะนำพาเราไปสู่ชัยชนะในชีวิต   

วันนี้ให้คุณลองจัดลำดับความสำคัญในชีวิตใหม่ เขียนเป็นรายการว่าในแต่ละวันเราทำอะไรบ้าง หากในรายการนั้นยังไม่มีพื้นที่เวลาสำหรับพระเจ้า จงเปลี่ยนใหม่ ให้คุณลองตัดอะไรที่ไม่สำคัญ หรือไม่จำเป็นต้องทำทันทีออกไปบ้าง ความสุขของคนเราจริงๆแล้วมีอยู่รอบๆตัวเราจริงๆนะ พระเจ้าสร้างเรามาและพระองค์ก็อยากให้เรามีความสุข สุขกับสิ่งที่มี ซึ่งมันก็อยู่ที่ตัวเราเองมากกว่าที่เอาใจไปผูกติดกับอะไรหลายอย่างจนเกินไปแล้วคิดว่ามันคือความสุข อย่าใช้ชีวิตหมดไปแต่ละวันโดยปราศจากพระเจ้า แต่เราต้องทำให้พระองค์มาเป็นที่หนึ่งของวัน ลองใช้ชีวิตแบบเรียบๆ ไม่ต้องเยอะดูบ้าง แล้วคุณจะมีเวลาให้พระเจ้าเพิ่มมากขึ้น

วันนี้ลองนึกดูสิว่า "เสียงดัง" ในชีวิตของคุณคืออะไร มีอะไรบ้างอะไรคือสิ่งที่มารบกวนและขัดขวางทำให้คุณไม่ได้ยินเสียงของพระเจ้า?

คำแนะนำสำหรับทุกๆวันคือ คุณต้องอ่านพระคัมภีร์แล้วคุณจะรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่คุณสามารถทำได้เพื่อช่วยให้ชีวิตของคุณเรียบง่ายขึ้น และอยู่ในทางของพระเจ้าเพ่อที่คุณจะได้ไม่พลาดจากพระพร

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกอยากได้ยินเสียงของพระองค์ชัดเจนกว่าเสียงอื่นใด ขอโปรดช่วยลดระดับเสียงรบกวนต่างๆที่ดังอยู่ในชีวิตของลูกลง อย่าให้ลูกพ่ายแพ้ต่อเสียงรบกวนเหล่านั้น ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 panarat.com

emunahinyeshua.blogspot


วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564

ความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า

 


ความเรียบง่ายในการดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้า

มนุษย์เอ๋ย พระองค์ทรงสำแดงแก่เจ้าแล้วว่าอะไรดี?

และพระยาห์เวห์ทรงประสงค์อะไรจากเจ้า?

นอกจากให้ทำความยุติธรรมและให้รักความเมตตา

และให้ดำเนินชีวิตไปกับพระเจ้าของเจ้าด้วยความถ่อมใจ

มีคาห์ 6: 8

แท้จริงแล้ว การดำเนินชีวิตแต่ละวันของเรา เป็นเรื่องของความเรียบง่ายบนความสัมพันธ์กับพระเจ้า แบบวันต่อวัน ก้าวต่อก้าาว ส่วนเรื่องความล้ำลึกนั้น เป็นเรื่องของความโปรดปรานพิเศษ ที่จะทรงสำแดงอย่างเจาะจง กับบางคน ในบางเรื่อง บางเวลา (ซึ่งบางคนอาจพัฒนาสู่ของประทานที่ล้ำลึก) แต่เรื่องของความรอด เป็นเรื่องของการดำเนินชีวิตที่เรียบง่าย ไม่ใช่เรื่องของการรู้ถึงความล้ำลึก ดังนั้น แม้ไม่รู้อะไรมาก แต่เดินตามพระคำอย่างสุดใจ ก็รอดแน่ๆ

การดำเนินไปกับพระเจ้าอย่างมีพลัง...

และความรักคือการที่เราดำเนินชีวิตตามบัญญัติของพระองค์ด้วยความเชื่อฟัง ตามที่ท่านได้ยินมาแล้วตั้งแต่ต้น บัญญัติของพระองค์นั้นคือให้ท่านดำเนินชีวิตในความรัก” (TNCV 2ยอห์น1:6)

รู้หรือไม่ว่าความเชื่อของเรา “เดินได้”?  นั่นคือ “เดินด้วยความรัก” ด้วยการเชื่อฟังในพระบัญญัติของพระคริสต์ (2ยน.1:6)

แต่น่าเสียดายที่การลากเท้าออกจากเส้นทางที่เราควรเดินไป และการอ้อยอิ่งอยู่จุดที่ไม่สมควรอยู่นั้นนั้นช่างง่ายกว่าเหลือเกิน  และนั่นก็ทำให้เราไม่ได้ “เดิน” (ดำเนิน) ตามพระบัญญัติพระเจ้าด้วยการเชื่อฟัง

และนี่เป็นแนวความคิดบางประการที่จะช่วยให้เราจดจ่ออยู่กับพระเจ้า

1.  เขียนคำอธิษฐานติดตามที่ต่างๆ ที่เราสามารถเห็นได้ในแต่ละวัน

2.  อย่านอนจนกว่าจะได้อ่านพระคัมภีร์อย่างน้อยสัก 5 นาที

3.  ใส่หัวข้ออธิษฐานลงให้แอพพลิเคชั่นแจ้งเตือนในโทรศัพท์

4.  ทำความสะอาดสภาพแวดล้อมทางด้านฝ่ายจิตวิญญาณของเราด้วยการกำจัดหนังสือ, นิตยสาร, เพลง, หนัง และรายการโทรทัศน์ที่ไม่เป็นที่พอพระทัยพระเจ้า

5.  เขียนรายชื่อเพื่อนๆ หรือญาติพี่น้องที่ยังไม่รู้จักกับพระเจ้าสำหรับอธิษฐานในแต่ละวัน

6.  เขียนคำพยานชีวิตเพื่อเตรียมพร้อมที่จะแบ่งปันให้กับผู้อื่นเมื่อพระเจ้าทรงเปิดโอกาส

และวิธีอื่นๆ ที่เราคิดออก หรือกำลังทำอยู่ก็ขอให้เราทำต่อไปเพื่อจะช่วยให้การดำเนินชีวิตคริสเตียนของเราจะมีชีวิตชีวา และจะช่วยให้เราดำเนินอยู่ในทางของพระเจ้าอยู่เสมอ

สิ่งที่เราควรให้น้ำหนักมากที่สุด และ เป็นอันดับแรก คือ การดำเนินชีวิตกับพระเจ้า   อธิบายง่ายๆ ก็คือ เดินตามพระคัมภีร์ หากเรารู้มาก เราเข้าใจมาก เราก็เดินตามมาก หากเรารู้น้อย ก็จะเข้าใจน้อย แต่ถึงอย่างไรก็ขอให้ทำตามให้ครบถ้วน ตามขนาดของตนเอง แล้วค่อยๆ เพิ่มพูนมากขึ้นตามการเติบโตในความสัมพันธ์กับพระเจ้า

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้าขอโปรดสำแดงให้ลูกเห็นว่าลูกจะเดินไปกับพระองค์ได้อย่างไร โดยอาศัยความถูกต้อง-ความรัก-ความเมตตา และความนอบน้อม ถ่อมใจเพื่อลูกจะได้เติบโตในความสัมพันธ์กับพระองค์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

เฟสบุคคริสตจักรพระกรุณาธิคุณ


วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

ทำไมต้องศึกษาพระคัมภีร์

 


ศึกษาพระคัมภีร์

จงอุตส่าห์ถวายตัวท่านเองที่พระเจ้าทรงรับรองแล้วแด่พระองค์ เป็นคนงานที่ไม่อับอาย สอนพระวจนะแห่งความจริงอย่างถูกต้อง

2 ทิโมธี 2:15

เราอาจเคยได้ยินได้เห็นผู้คนตัดพ้อหรือเลิกเชื่อ เมื่อคำอธิษฐานที่ทูลขอไปแล้วยังไม่ได้รับคำตอบ บ้างก็คิดสงสัยว่าพระเจ้าไม่รักเขา แต่ฉันว่าเชื่อพวกเขากำลังคิดผิด บางคนอาจเคยตั้งคำถามว่า? ถ้ารักจริงก็ช่วยพิสูจน์ให้เห็นหน่อยสิ? หากเป็นเมื่อก่อน ฉันคงให้คำตอบอะไรได้ไม่มาก และรู้สึกเสียใจที่ไม่สามารถอธิบายหรือบอกคนอื่นได้เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าได้มากพอ เพราะฉันเองก็ยังไม่ได้ศึกษาพระคัมภีร์และเข้าใจมากพอที่จะแบ่งปันคนอื่นได้ หรืออาจเรียกว่าในตอนนั้นฉันยังให้ความสนใจและให้ความสำคัญกับพระคัมภีร์น้อยเกินไป  ฉันจึงยังไม่มีความรู้แท้จริงที่จะบอกพวกเขาได้ว่าพระคัมภีร์พูดถึงพระเจ้าอย่างไรบ้าง?และพระองค์ก็ทรงรักลูกๆของพระองค์มากเพียงใด  

คุณหลายคนอาจกำลังอยู่ในวัยเรียนอยู่ตอนนี้ และคิดว่ามีหลายคนที่ทุ่มเทเวลาไปกับการศึกษาวิชาในชั้นเรียนจนลืมที่จะศึกษาพระคัมภีร์ แต่อยากให้คุณรู้ว่าพระคัมภีร์เป็นหนังสือที่สำคัญที่สุดที่คุณควรจะเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจตั้งแต่เยาว์วัยได้แล้ว จงเริ่มหิวกระหายพระคำของพระเจ้าตั้งแต่วันนี้  อย่ารอจนกว่าคุณอายุมากก่อนแล้วค่อยอ่าน หรือต้องเจอปัญหาก่อนแล้วค่อยอ่าน อย่าคิดว่าพระคำของพระเจ้าไม่สำคัญ เพราะเมื่อคุณได้เริ่มอ่านพระคัมภีร์ คุณจะรู้ความจริงโดยตรงจากพระเจ้า รู้พระประสงค์ของพระองค์ มันเหมือนมีเข็มทิศนำทางชีวิต เป็นภูมิคุมกันอย่างดีในการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ หรือแม้แต่ในยามเจ็บป่วยทางกาย-ใจ ก็เหมือนคุณมียารักษาดีๆติดบ้านไว้ ช่วยให้อบอุ่นใจไร้กังวล แถมยังเป็นเกราะป้องกันคุณจากการถูกมารซาตานล่อลวง  การรู้พระคำของพระเจ้าช่วยกล่อมเกลาจิตใจของเรา ช่วยขัดเกลาเราให้เป็นคนที่ดีขึ้น และช่วยให้คุณเข้าใจมากขึ้นว่าชีวิตบนโลกนี้เป็นเพียงชั่วคราว เราจะอยู่ที่นี่เพียงระยะสั้นๆ จงใช้เวลาที่เรายังมีเหลืออยู่เตรียมตัวให้พร้อมเพื่อชีวิตนิรันดร  

ตัวตนของเราอยู่ในนิรันดรกาล  และบ้านเมืองของเราอยู่ในสวรรค์ เมื่อเราเข้าใจความจริงข้อนี้ เราจะเลิกวิตกกังวลเรื่องอยากจะ “มีทุกสิ่ง” ในโลกนี้ พระเจ้าตรัสอย่างตรงไปตรงมามากที่สุดเกียวกับอันตรายของการดำเนินชีวิตเพื่อที่นี่และเดี๋ยวนี้ รวมทั้งการที่เรายอมรับเอาค่านิยม -ลำดับความสำคัญ และวิถีชีวิตของโลกรอบตัวเรา มานำชีวิต เพราะเมื่อเราเล่นสนุกกับการล่อลวงของโลกนี้ พระเจ้าทรงเรียกมันว่า การล่วงประเวณีฝ่ายวิญญาณ พระคัมภีร์กล่าวว่า “ท่านกำลังไม่ซื่อต่อพระเจ้า ถ้าท่านต้องการแต่ทำตามใจตัวเอง เล่นสนุกกับโลกทุกครั้งที่มีโอกาส ในที่สุด ท่านก็จะกลายเป็นศัตรูกับพระเจ้าและหนทางของพระองค์”  ยากอบ 4:4 

ดังนั้นแม้ว่าคุณจะมีเวลาเพียงไม่กี่นาที ก็จงใช้มันอย่างคุ้มค่าและหาเวลาอ่านพระคัมภีร์และอธิษฐานทุกวัน เพื่อคุณจะได้รู้จักพระเจ้ามากขึ้น เข้าใจพระองค์มากขึ้น รู้พระประสงค์ชัดเจนขึ้น หวังว่าวันนี้คุณๆทั้งหลายคงจะไม่รอช้า และพลัดวันประกันพรุ่ง อย่าพลาดโอกาสที่จะนำพาตัวเองไปในเส้นทางแห่งพระพรนะคะ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นใหม่กับพระเจ้า พระบิดาที่รักเรามากที่สุด 

พระวจนะของพระองค์เป็นตะเกียงแก่เท้าของข้าพระองค์

และเป็นความสว่างแก่ทางของข้าพระองค์

สดุดี 119:105

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ลูกหิวกระหายพระคำของพระองค์ในทุกวัน  ลูกรู้ตัวว่าลูกไม่ควรรอช้าที่จะอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ เพื่อที่ลูกจะได้มีมุมมองในแบบของพระองค์ มากว่ามุมมองแบบโลก  ดังนั้นขอพระองค์โปรดมอบสติปัญญาเพื่อที่ลูกจะได้เข้าใจพระคำของพระองค์เวลาที่ลูกอ่านและศึกษาพระคัมภีร์ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

เป้าหมายในการอธิษฐานระหว่างการอดอาหาร

 


 เป้าหมายในการอธิษฐานระหว่างการอดอาหาร 

2ระหว่างที่เขาทั้งหลายกำลังนมัสการองค์พระผู้เป็นเจ้าและถืออดอาหารอยู่นั้น พระวิญญาณบริสุทธิ์ตรัสสั่งว่า “จงตั้งบารนาบัสกับเซาโลไว้สำหรับงานที่เราเรียกให้พวกเขาทำนั้น” 3หลังจากถืออดอาหารและอธิษฐานแล้ว เขาทั้งหลายวางมือบนตัวบารนาบัสกับเซาโล แล้วส่งท่านทั้งสองไป

กิจการ 13: 3

แม้ว่าคุณจะไม่กินอาหาร หรืองดอาหารที่คุณชอบ นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าคุณกำลังอดอาหารอธิษฐาน ดังนั้นคุณต้องแน่ใจว่าคุณอดอาหารอย่างมีจุดมุ่งหมาย จงมีเป้าหมายในสิ่งที่คุณจะอธิษฐานระหว่างการอดอาหาร 

การอธิษฐานควรเป็นส่วนหนึ่งของการอดอาหารของคุณเพราะเป็นการบอกพระเจ้าว่าทำไมคุณถึงอดอาหาร? เพื่อเป็นการบอกว่าคุณกำลังอธิษฐานเพื่อครอบครัวของคุณ หรืออธิษฐานเพื่อประเทศของคุณ หรือเพื่อขอบพระคุณพระเจ้า หรือแม้แต่อธิษฐานขอปาฏิหาริย์ จงแน่ใจว่าคุณรู้ว่าตัวคุณเองกำลังมุ่งเน้นไปที่อะไรในการอธิษฐาน? การอดอาหารอธิฐานจำเป็นต้องมีวัตถุประสงค์ในใจเสมอ

“ การถือศีลอดให้กำเนิดผู้เผยพระวจนะและเสริมสร้างผู้มีอำนาจ การอดอาหารทำให้ผู้ผู้รักษากฎหมายมีปัญญา การถือศีลอดเป็นเครื่องป้องกันที่ดีสำหรับจิตวิญญาณ เป็นสหายที่แน่วแน่ของร่างกาย เป็นอาวุธสำหรับผู้กล้าหาญ และเป็นโรงยิมสำหรับนักกีฬา การอดอาหารช่วยขับไล่การล่อลวง ช่วยเจิมความน่านับถือ เป็นสหายของการเฝ้าระวังและผู้แสดงความบริสุทธิ์ใจ ในสงครามมันต่อสู้อย่างกล้าหาญ ในสันติภาพมันช่วยสอนความนิ่งสงบให้กับเรา” (St. Basil the Great)

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอให้ข้าพระองค์มีกำลังที่จะอดอาหาร  โปรดช่วยข้าพระองค์จดจ่อและให้ความสำคัญกับพระองค์มาเป็นที่หนึ่งของชีวิตในทุกๆวัน  ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2564

การอดอาหารอธิษฐาน

 


การอดอาหารอธิษฐาน

ไปเถิด ให้รวบรวมพวกยิวทั้งสิ้นที่หาพบในสุสา และถืออดอาหารเพื่อฉัน อย่ารับประทานและอย่าดื่มเป็นเวลาสามวัน ทั้งกลางวันและกลางคืน ฉันและสาวใช้ของฉันจะอดอาหารอย่างท่านด้วย แล้วฉันจะเข้าเฝ้ากษัตริย์แม้ว่าเป็นการฝืนกฎ ถ้าฉันพินาศ ฉันก็พินาศ

เอสเธอร์ 4:16

ประชาชนชาวยิวของเอสเธอร์กำลังจะถูกฆ่าเพราะมีคนชั่วร้ายใส่ร้ายพวกเขา ราชินีเอสเธอร์ต้องการให้กษัตริย์ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น แต่ในวังมีกฎอยู่ว่าถ้ามีใครมาขอเข้าเฝ้ากษัตริย์หากกษัตริย์ปฏิเสธที่จะเห็นคนคนนั้นเขาหรือเธอจะต้องถูกฆ่า ดังนั้นเอสเธอร์จึงอดอาหารเป็นเวลาสามวันและขอให้ประชาชนชาวยิวในเมืองทำเช่นเดียวกันกับเธอ

การอดอาหารก็เพื่อทำให้คุณสามารถมุ่งเน้นไปที่การอธิษฐานเกี่ยวกับความต้องการพิเศษๆ เป็นวิธีแสดงวินัยและการเสียสละต่อพระเจ้า พระเจ้าโปรดปรานเอสเธอร์และผู้คนของพระนางก็ได้รับความรอด  การอดอาหารจึงเป็นก้าวสำคัญในการติดตามพระเยซู

การอดอาหารอธิษฐาน มีความหมายว่า การละเว้นจากอาหารในช่วงระยะเวลาหนึ่ง เป็นชั่วครั้งชั่วคราวตามที่ได้ตั้งใจไว้ เป็นการปฏิเสธเนื้อหนัง เป็นการแสดงให้เห็นว่า เราสามารถควบคุมตัวเองได้โดยพึ่งพาพระเจ้า

เหตุผลการถืออดอาหารอธิษฐาน

 1 เพื่อทำให้เกิดความเชื่อเพิ่มมากขึ้น

2 เพื่อดำเนินในชีวิตในฝ่ายวิญญาณ

3 เพื่อปัญหาต่างๆ ได้รับการปลดปล่อย

4 เพื่อที่เราจะได้รับการเปลี่ยนแปลงชีวิต เพื่อพระเจ้าทำงานผ่านเราได้

5 เพื่อมีความเชื่อมั่นในการอธิษฐานให้คนเจ็บป่วย

ท่าทีที่ผิดในการถืออดอาหารอธิษฐาน

-         ถืออดอาหารเพื่อโอ้อวด หรือต้องการให้ผู้อื่นสนใจ หรือใช้วัดระดับการเติบโตฝ่ายวิญญาณ หรือทำเพื่อเป็นธรรมเนียมเท่านั้น  ต้องมีแรงจูงใจที่ถูกต้อง การที่เข้าหาพระเจ้าอย่างถูกต้อง ต้องปฏิเสธตัวเองอย่างสิ้นเชิง ยอมกับพระเจ้า มธ.6:16-18

-         บ่นต่อว่า เมื่อถืออดอาหารอธิษฐานแล้ว พระเจ้ายังไม่ตอบ เป็นท่าทีที่แสดงถึงความไม่ไว้วางจริง ถ้าเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง พระเจ้าจะไม่ฟังคำอธิษฐาน อสย.58:3-4

รูปแบบการอดอาหารอธิษฐาน

ในพระคัมภีร์มีการอธิษฐานอดอาหารที่หลากหลายรูปแบบ ท่านสามารถที่จะอดแบบไหนและอย่างไรก็ได้ ขึ้นอยู่กับการทรงนำของพระวิญญาณ ตามกำลัง และความพร้อมของร่างกายต่อไปนี้เป็นวิธีที่ท่านสามารถเลือกได้

1 อดอาหารทุกอย่าง หมายถึง อดอาหารทุกชนิด ไม่กินดื่มอะไรเลย แบบเดียวกับเอสราและเอสเธอร์ (อสร.8:21,10:6 อสธ.4:16 ) การอดแบบนี้  อย่าให้เกิน 3 วัน ถ้าเกินต้อง ดื่มน้ำให้มากๆ…

2 การอดอาหารอย่างดาเนียล หมายถึง งดทานเนื้อสัตว์ และอาหารจานโปรด รับประทาน แต่ผัก ผลไม้ หรือ น้ำผลไม้ (ในปริมาณที่น้อย) และน้ำดื่มเปล่าที่สะอาด( ตัวอย่างใน ดนอ.1:12 ) เมื่อเลือกแบบนี้ ให้ระวังและหลีกเลี่ยงน้ำผลไม้ที่เป็นกรด เช่นน้ำส้ม น้ำองุ่น

3 อดอาหารแบบพระเยซู หมายถึง งดอาหารทั้งหมด ดื่มแต่น้ำเปล่า ถ้าหากอดต่อเนื่อง หลายวัน ให้ใช้น้ำผึ้ง 1 ช้อนชาหยดลงไปผสมน้ำดื่มบ้าง หรือดื่มน้ำชาที่ทำจากสมุนไพรด้วยก็ได้ แต่ไม่ควรดื่มสิ่งที่มีส่วนผสมของคาเฟอีน เช่น ชา กาแฟ

4 อดอาหารแบบทางเลือก หมายถึง อดทุกมื้อ ดื่มแต่น้ำ ในบางช่วงของวัน เช่น ตั้งแต่ ดวงอาทิตย์ขึ้นไปจนถึงดวงอาทิตย์ตกดิน หรือจะอดบางมื้อเท่านั้น เช่น งดเว้นที่จะรับประทานอาหารบางมื้อในแต่ละวัน เช่นมื้อเช้า มื้อเที่ยง หรือมื้อเย็น เป็นต้น

5 อดอาหารแบบกลุ่มหรือมีแนวร่วม การอดอาหารแบบเป็นหมู่คณะจะทำให้สำเร็จและสัมฤทธิ์ผลได้ง่ายกว่าอธิษฐานถืออดเพียงลำพัง ดังที่เคยมีใน ( 2พศด.20.3 / ดน.10:2-3) ดังนั้น ให้ทำความตกลงกับคนใน “ครอบครัว” โดยชักชวนให้อธิษฐานร่วมกัน (แบบหนึ่ง แบบใดก็ได้) ตามการทรงนำตามกำลัง และความตั้งใจ

สรุป การถืออดอาหารหาไม่ได้ทำให้เกิดความชอบธรรมมากขึ้น    แต่เป็นการฝึกฝนฝ่ายจิตวิญญาณและเป็นการอุทิศตัว และใจ เพื่ออธิษฐานต่อพระเจ้าสำหรับเรื่องต่างๆ โดยไม่ให้การกินการดื่มมาเป็นอุปสรรค แต่คาดหวังจะเป็นการได้รับคำตอบ และเข้าใจน้ำพระทัยพระเจ้า

ข้อพระคัมภีร์ท่องจำ มธ.6.16 เมื่อท่านถืออดอาหาร อย่าทำหน้าเศร้าหมอง เหมือนคนหน้าซื่อใจคด ด้วยเขาทำหน้าให้มอมแมม เพื่อจะให้คนเห็นว่าเขาถืออดอาหาร เราบอกความจริงแก่ท่านว่าเขาได้บำเหน็จของเขาแล้ว

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกเต็มใจที่จะเสียสละทำการอดอาหารเพื่อเป็นการถวายเกียรติแด่พระองค์ ลูกขอสรรเสริญพระองค์เพราะพระองค์อวยพรและทำให้ลูกจำเริญขึ้นในทุกสิ่ง และรักษาจิตใจของลูกที่จะเห็นและชื่นชมกับความดีของพระองค์ พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าที่เปี่ยมด้วยพระคุณและความอัศจรรย์สำหรับลูก ลูกขอขอบพระคุณพระองค์สำหรับทุกสิ่งที่พระองค์ได้ทรงเตรียมไว้สำหรับลูก ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

Abodahblessings


วันอาทิตย์ที่ 25 เมษายน พ.ศ. 2564

คำอธิษฐาน

 


คำอธิษฐาน

เพราะพระเจ้าผู้ซึ่งข้าพเจ้าได้รับใช้ด้วยชีวิตจิตใจของข้าพเจ้า ในการประกาศข่าวประเสริฐเรื่องพระบุตรของพระองค์นั้น ทรงเป็นพยานของข้าพเจ้าว่า เมื่ออธิษฐานนั้น ข้าพเจ้าระลึกถึงพวกท่านเสมอ

โรม 1: 9

คุณคงเคยได้ยินหรือเห็นคนอื่น ๆ อธิษฐานหรือคุณเองก็อาจทำอยู่บ่อยๆ  สิ่งสำคัญที่คุณควรจำไว้ก็คือการอธิษฐานไม่ใช่แค่สิ่งที่คุณทำเพราะแค่คุณคิดว่าคุณควรจะทำ แต่คุณทำก็เพื่อให้ตัวคุณเองติดสนิทกับพระเจ้าและมีความสัมพันธ์กับพระองค์ สรุปคือคุณทำเพราะความต้องการส่วนตัวที่จะได้สนิทใกล้ชิดกับพระองค์มากขึ้น  สมมุติว่าเพื่อนสนิทของคุณแสดงอาการเพิกเฉยเหมือนไม่อยากคุยกับคุณและทำเป็นไม่สนใจคุณทุกครั้งที่คุณพยายามคุยกับเขาหรือโทรหาเขา เขาก็จะอ้างว่ายุ่งอยู่ ติดธุระอยู่ การแสดงเหล่านั้นอาจทำให้คุณเจ็บปวดหรือเสียใจ หลังจากไม่ได้คุยกันสักพักความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองก็อาจไม่ได้ไปต่อ คุณอาจจะไม่ได้เป็นเพื่อนกันอีกต่อไปเลยก็ได้

พระเจ้าจะเป็นเพื่อนทีดีของคุณอยู่เสมอ ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง แต่พระองค์อาจเจ็บปวดและสียใจถ้าหากคุณไม่สนใจไม่มีเวลา และลืมที่จะอธิษฐานถึงพระองค์ การอธิษฐานคือการที่คุณกำลังพูดกับพระเจ้า ดังนั้นอย่าเพิกเฉยต่อพระองค์ เพราะตัวคุณเองก็ยังไม่ชอบการถูกเพิกเฉยจากคนอื่น

การอธิฐานเป็นสิ่งที่คริสตชนทุกคนคุ้นเคยเป็นอย่างดี เป็นกิจวัตรที่ทุกคนต้องทำเป็นประ จำ และเป็นการแสดงออกถึงความสัมพันธ์ของตัวเราเองกับพระเจ้า  แต่ก็ยังมี คริสตชนจำนวนมากเข้าใจการอธิษฐานผิดไปจากวัตถุประสงค์ของพระเจ้า   โดยคิดว่าการอธิษฐานเป็นเพียงการ ขอความช่วยเหลือจากพระเจ้าเท่านั้น ซึ่งมันก็ถูกต้องแต่มันไม้ได้เป็นเป้าหมายที่แท้จริงของการอธิฐาน 

การอธิษฐานเป็นพระประสงค์ของพระเจ้าที่มีต่อคริสตชนและเป็นสิ่งที่พระเจ้าต้องการให้เกิดขึ้นในชีวิตของเราทุกคน เพราะว่าการอธิษฐานเป็นสิ่งที่ยืนยันถึงความสัมพันธ์ของเรากับพระเจ้าได้เป็นอย่างดีว่า ความสัมพันธ์ตอนนี้อยู่ในลักษณะไหน?  แค่รู้จัก -  คุ้นเคย -สนิท-  หรือใกล้ชิด   การอธิษฐานเป็นวิธีการที่เราสามารถสื่อความรู้สึกนึกคิดระหว่างเรากับพระเจ้าได้

การอธิษฐานเป็นการสื่อความสัมพันธ์ ที่เราแสดงออกโดยตรงกับพระเจ้า เป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถทำได้ทั้งแบบส่วนตัวและส่วนรวม  ในทุกเวลาและสามารถ อธิษฐานได้ในทุกสถานที่ คริสตชน ไม่ควรละเลยหรือหยุดในการอธิษฐาน แม้ว่าเรื่องที่กำลังอธิษฐานขออยู่นั้นยังไม่ได้รับคำตอบจากพระเจ้า เพราะการที่พระเจ้าจะตอบคำอธิษฐาน ของเราหรือไม่? จะช้าหรือเร็ว? ล้วนเป็นสิทธิของพระเจ้า เพราะพระเจ้าเป็นผู้เดียวที่ทราบว่าสิ่งไหนที่ดียอดเยี่ยมสำหรับลูกของพระองค์ เวลาของพระองค์ดี เหมาะสมเสมอ และพระองค์มาทันเวลาเสมอ

เราทุกคนควรยึดเอาการอธิษฐานเป็นส่วนหนึ่งของการนำเนินชีวิตเพื่อเป็นการพัฒนาความสัมพันธ์ส่วนตัวกับพระเจ้า เพื่อที่เราทุกคนจะเติบโตขึ้น เป็นผู้ใหญ่ และมีสุขภาพ ฝ่ายวิญญาณที่แข็งแรง และเป็นผู้รับใช้ที่เกิดผล  ผู้ที่อธิษฐานเป็นประจำจะประสบความสำเร็จทั้งในชีวิตส่วนตัว และการับใช้พระเจ้า  และยังเป็นผู้ที่สามารถ ขับเคลื่อนและสร้างอิทธิพลต่อชีวิตของผู้อื่น   การอธิษฐานเป็นพระพรที่พิเศษที่พระเจ้าประทานแก่ผู้เชื่อทุกคน ฉะนั้นเราควรที่จะเอาพระพรนี้มาใช้ให้เป็นประโยชน์ ทั้งต่อตัวเราเอง และผู้อื่น  อย่าให้การอธิษฐาน เป็นเหมือนตะลันต์ที่ฝังดินไว้โดยที่ไม่เกิดประโยชน์อะไรเลย

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระบิดา ขอโปรดยกโทษให้ลูกถ้าลูกเคยเพิกเฉย ไม่สนใจ ไม่มีเวลาในการพูดคุยกับพระองค์เป็นการส่วนตัว นับจากนี้ลูกอยากเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดเหมือนที่พระองค์ทรงทำ โปรดสอนวิธี เพื่อให้ลูกรู้จักภาวนา และโปรดเสริมกำลังเพื่อลูกจะได้เข้มแข็งและเรียกหาพระองค์เป็นทีหนึ่งในชีวิต ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 religionandbelief-marine.blogspot.com


วันเสาร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2564

ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา

 


ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา

เพื่อเจ้าทั้งหลายจะมองดูพู่นั้น และจดจำพระบัญญัติทั้งหมดของพระยาห์เวห์แล้วปฏิบัติตาม เพื่อเจ้าจะไม่ทำอะไรตามความพอใจของเจ้า หรือตามที่ตาของพวกเจ้าอยากเห็น ซึ่งนำให้เจ้าหลงไปเล่นชู้ตามนั้น

กันดารวิถี 15:39

มารซาตานไม่ต้องการให้คุณมุ่งเน้นหรือจดจ่อไปที่พระเจ้าดังนั้นมันจะพยายามทำให้คุณคิดถึงสิ่งอื่น ๆ อีกมากมายของชีวิตที่ไม่เกี่ยวกับพระเจ้า มันเป็นผู้เชี่ยวชาญในการทำให้คุณไขว้เขวไปนอกทางของพระเจ้าและทำให้คุณเลือกที่จะทำตามความปรารถนาของตัวเองมากกว่าความถูกต้อง นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณจึงต้องมีเวลาจดจ่ออยู่กับพระเจ้าและพระสัญญาที่พระองค์มีให้คุณไงละ

พระเจ้าบอกให้ชาวอิสราเอลเย็บพู่บนเสื้อผ้าเพื่อช่วยให้พวกเขาระลึกถึงพระองค์ ทุกครั้งที่เห็นพู่พวกเขาจะได้คิดถึงและจดจำพระบัญญัติของพระเจ้าและระลึกถึงความรักที่พระองค์มีต่อพวกเขา ลองนึกดูสิว่า มีอะไรบ้างที่คุณจะสามารถพกพาติดตัวใส่ในกระเป๋าหรือในกระเป๋าสตางค์ของคุณได้ ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามให้ใช้มันเพื่อเตือนความสัมพันธ์ของคุณกับพระเจ้าอยู่ตลอดเวลา และไม่ลืมว่าพระองค์ต้องการให้คุณดำเนินชีวิตอย่างไร ที่จะช่วยให้คุณไม่คิดฟุ้งซ่านออกนอกทางของพระองค์

ระลึกถึงพระองค์ตลอดเวลา ในทุกเวลา ทุกสิ่ง และทุกแห่งที่เราจะอยู่

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดช่วยลูกให้มีใจจดจ่อเพ่งมองและคิดถึงแต่พระองค์  อย่าให้ลูกแพ้ต่อการผจญล่อลวงของมารซาตาน โปรดช่วยให้ใจของลูกระลึกถึพระองค์อยู่เสมอในทุกช่วงขณะที่ลูกกำลังดำเนินชีวิตไปในแต่ละวัน ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions


วันศุกร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2564

การมุ่งเน้นไปที่พระเจ้า

 


การมุ่งเน้นไปที่พระเจ้า

ขอทรงทำให้ข้าพระองค์เข้าใจทางแห่งข้อบังคับของพระองค์

และข้าพระองค์จะตรึกตรองถึงการอัศจรรย์ต่างๆ ของพระองค์

เพลงสดุดี 119: 27

อาจปฏิเสธไม่ได้ว่า ในแต่ละวันเรามีเรื่องมากมายที่ต้องคิด ต้องวางแผน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน เรื่องเรียน เรื่องแฟน เรื่องลูก เรื่องครอบครัว เรื่องการหาเลี้ยงชีวิต เรื่องเพื่อนร่วมงาน เรื่องอดีต เรื่องของอนาคต เรื่องของทรัพย์สิน เรื่องของหนี้สิน และเรื่องอื่นอีกๆมากมาย ใจของคุณกำลังคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากมายในแต่ละวันใช่ไหม?

เมื่อคุณทุ่มเทความคิดและหัวใจให้กับสิ่งต่างๆตลอดทั้งวัน หลายครั้งเราเองก็ลืมคิดถึงพระเจ้า ลืมการจดจ่อไปที่พระองค์ นี่เป็นสิ่งที่หลายคนลืมไป  มันเป็นเรื่องง่ายมากที่จะยุ่งกับงาน-การเรียน-งานเลี้ยงและกิจกรรมต่างๆในชีวิต แม้แต่บางครั้งการไปโบสถ์หลายคนเองก็ปล่อยให้ใจตัวเองจดจ่อไปกับสิ่งอื่น จนคุณเองก็หลงลืมนึกถึงพระเจ้าและสิ่งมหัศจรรย์ของพระองค์อย่างแท้จริง

หากคุณต้องการมุ่งเน้นไปที่พระเจ้า คุณก็ต้องให้ความสำคัญพระองค์เป็นอันดับแรก นั่นไม่ได้หมายความว่าคุณต้องเลิกคิดถึงเรื่องอื่น ๆ แต่การเดินกับพระเจ้าหมายถึงการอยู่เคียงข้างพระองค์ด้วยศรัทธาและความเป็นหนึ่งเดียวในขณะที่คุณดำเนินชีวิต เวลาส่วนใหญ่การมุ่งเน้นไปที่พระเจ้าและการทำตามการนำของพระองค์จะทำให้คุณติดตามพระองค์ได้ดีขึ้น ไม่ว่าคุณจะกำลังศึกษาการเรียนการบ้านของคุณหรือคิดถึงอนาคต คุณก็ยังคงตระหนักอยู่เสมอว่าพระเจ้านั้นรักคุณและในที่สุดคุณก็อยู่ในการควบคุม

วิธีที่จะช่วยให้เรามุ่งเน้นไปที่พระเจ้าได้  คือ

1.การอ่านพระคัมภีร์ ศาสนาคริสต์เชื่อว่าพระคัมภีร์เป็นพระวจนะของพระเจ้า มันอาจไม่ได้ให้คำแนะนำที่เฉพาะเจาะจงเกี่ยวกับทิศทางชีวิตของคุณเพียงอย่างเดียว แต่ยังเป็นตัวอย่างที่ดีของสิ่งที่พระเจ้าต้องการและมีเพื่อมนุษยชาติ  เนื่องจากพระเจ้าจะไม่เรียกใครให้ทำสิ่งใด ๆ ที่ท้าทายพระคัมภีร์  การมีความเข้าใจอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับสิ่งที่พระคัมภีร์กล่าวไว้จึงสามารถช่วยนำทางคุณให้ห่างไกลจากเหตุการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตและจิตวิญญาณได้

2.การอธิษฐาน จะช่วยให้ผู้เชื่อยังคงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดและเป็นส่วนตัวกับพระเจ้า ให้เรารู้จักขอบคุณพระเจ้าทุกสถานการณ์ คำวิงวอนของทุกคนมีเวลาที่เหมาะสมเสมอ ทุกสิ่งมีวาระของมัน สิ่งสำคัญคือให้เราอธิษฐานทูลพระองค์เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ในใจและจงมีท่าทีที่เชื่อฟังต่อพระองค์ การอธิษฐานคือสิ่งที่ทำให้ผู้เชื่อสามารถพูดคุย-หัวเราะและร้องไห้กับพระเจ้าได้ แม้ว่าบางครั้งพระเจ้าจะดูห่างเหินหรือเงียบเป็นครั้งคราว และก็อาจมีบางครั้งที่พระเจ้าขัดขวางการไหลเวียนของสิ่งต่าง ๆ ในรูปแบบที่สำคัญมากพอที่จะเปลี่ยนเส้นทางของบุคคลได้ สัญญาณของความรอบคอบเหล่านี้อาจเป็นเรื่องละเอียดอ่อนมาก  ดังนั้นคุณจะต้องเปิดตาและเปิดใจเพื่อที่จะมองเห็นสิ่งเหล่านี้ ด้วยความเชื่อและวางใจ

3.การเชื่อฟัง คือการทำตามพระประสงค์ของพระเจ้า วันนี้ให้คุณลองพิจารณาว่าคุณใช้ชีวิตอย่างไรในปัจจุบัน? ถามตัวเองว่า ส่วนประกอบใดบ้างในชีวิตของคุณที่ติดตามพระเจ้าและมีส่วนใดบ้างที่เบี่ยงเบนไปจากเส้นทางนั้น? การเชื่อฟังคำสั่งของพระเจ้าในการดำเนินกับพระเจ้าคุณจำเป็นต้องก้าวไปพร้อมกับพระองค์ ซึ่งการก้าวเดินตามพระองค์คุณต้องกำหนดรูปแบบการกระทำของคุณตามแบบของพระองค์และปฏิบัติตามคำแนะนำที่พระเจ้าทรงจัดเตรียมไว้แล้วสำหรับมวลมนุษยชาติ ลักษณะสำคัญอื่น ๆ ของการปฏิบัติตามคำสั่งของพระเจ้าคือการปฏิบัติตามพระบัญชาของพระองค์ที่ว่าด้วยความรัก ให้เรารักพระเจ้า-รักผู้อื่นเหมือนรักตัวเอง ให้จำลองชีวิตของคุณตามความรักที่พระเจ้าทรงแสดงและยังคงแสดงต่อเราเสมอมา

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า โปรดช่วยให้ลูกเรียนรู้วิธีการให้ความสำคัญกับพระองค์และเติบโตในฐานะผู้รับใช้ที่พร้อมเพื่อที่พระองค์จะได้ทรงเรียกใช้ลูกด้วยเทอญ ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

 ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 th.10steps.org


วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564

จิตวิญญาณที่เข้มแข็ง

 


ทำอย่างไรจิตวิญญาณของเราจึงจะเข้มแข็ง

เพื่อรับการสั่งสอนให้ฉลาด

ในเรื่องความชอบธรรม ความยุติธรรมและความเที่ยงธรรม

 ความยำเกรงพระยาห์เวห์เป็นจุดเริ่มต้นของความรู้

คนโง่ย่อมดูหมิ่นปัญญาและการสั่งสอน

สุภาษิต 1: 3,7

เพื่อฝึกร่างกายให้แข็งแรงคุณก็ต้องออกกำลังกายบ้าง วิ่งบ้าง หรือยกน้ำหนักบ้าง เพื่อฝึกสมองและความคิดของคุณคุณก็ต้องไปโรงเรียนและเรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์-คณิตศาสตร์และภาษาอังกฤษและอื่นๆ

เมื่อคุณอายุมากขึ้นการออกกำลังกายและการเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ก็เป็นสิ่งจำเป็น แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดกว่านั้นก็คือ การมีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง เมื่อร่างกายต้องการการบำรุงและฝึกฝนฉันใด จิตวิญญาณของเราก็ต้องการการบำรุงและฝึกฝนเช่นกันฉันนั้น  

แล้วจะทำอย่างไรเพื่อให้เรามีจิตวิญญาณที่เข้มแข็ง คำตอบคือ การหยั่งรากแห่งความเชื่อลงในพระเยซูคริสต์ โดยการสวดอธิษฐานภาวนา การอ่านพระคัมภีร์และการเรียนรู้ที่จะเชื่อฟังพระเจ้า นี่เป็นหัวใจหลักสำคัญในการทำให้จิตวิญญาณของคุณแข็งแกร่งขึ้น สิ่งที่คุณต้องมีในการเริ่มต้นคือความเต็มใจที่จะเติบโตในพระเจ้า  การมีสามัคคีธรรม (ไม่ขาดโบสถ์ในวันอาทิตย์) มีคริสตชนหลายคนอยากจะเข้มแข็งฝ่ายวิญญาณแต่ไม่สนใจในเรื่องเหล่านี้ หากเราไม่ได้ติดสนิทกับพระคริสต์ สักวันหนึ่งเราต้องล่มสลายอย่างแน่นอน

การวางรากฐานชีวิตของเรา  (ท่าทีของเรา) ต่อการดำเนินชีวิตให้มั่นคง คือการยึดมั่นในพระเยซูคริสตเจ้า การยึดแบบอย่างของพระองค์ พระคัมภีร์หนุนใจให้เราทั้งหลายเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน  ต้องรู้จักให้อภัยกันและการมีใจถ่อม  สังคมเราสมัยนี้การไม่ชอบหน้ากัน หรือไม่กินเส้นกัน นั้นเกิดขึ้นได้ง่ายดายนัก แต่เราต้องรู้ไว้ว่านั่นเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง นี่แหละคือเหตุผลว่าทำไมเราต้องติดสนิทกับพระคริสต์ เพราะมันจะทำให้เราเติบและเข้มแข็งขึ้น  ดังนั้นอย่าใช้ชีวิตจมอยู่กับความรู้สึก โกรธ เกลียด เคียดแค้น ชิงชัง เลยเพราะมันทำให้เราสูญเสียพลังงานไปโดยเปล่าประโยชน์

พระคัมภีร์ยังหนุนใจให้เรายินดีในพระเจ้าอยู่เสมอ เพราะว่าทุกสิ่งนั้นเป็นน้ำพระทัยของพระเจ้า แต่ก็มีคริสตชนหลายคนชอบยึดติดอยู่กับบรรยากาศ สิ่งแวดล้อม  และหลายคนก็ดำเนินชีวิตตามความรู้สึก แต่นี่ไม่ใช่ลักษณะของคริสตชนที่พระเจ้าต้องการให้เราเป็นเลย  เราควรจะดำเนินชีวิตด้วยความสำนึกในพระคุณของพระเจ้า และทั้งหมดนี้ก็เป็นวิธีและเคล็ดลับที่จะช่วยเสริมสร้างจิตวิญญาณของคุณให้เข้มแข็งขึ้นได้

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกต้องการที่จะเติบโตและเข้มแข็งขึ้นทางจิตวิญญาณ โปรดช่วยลูกและสอนลูกในสิ่งที่ลูกจำเป็นต้องรู้ด้วยเทอญ  ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูคริสต์ อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

 thaicrc.info


พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ พระเจ้ายิ่งใหญ่กว่าพายุของคุณ อ่านมัทธิว 8:1 ถึง 11:1 ​    25 และพวกสาวกมาปลุกพระองค์ ทูลว่า “องค์พร...