วันศุกร์ที่ 9 เมษายน พ.ศ. 2564

ความเมตตา กรุณา

 


ความเมตตา กรุณา

คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข

เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ

มัทธิว 5: 7

พระเยซูเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนรับใช้ที่เป็นหนี้กษัตริย์ แต่เขาไม่สามารถจ่ายคืนได้ ชายคนนั้นจึงร้องวิงวอนขอ กษัตริย์จึงแสดงความเมตตาและยกหนี้ให้เขา แต่คนรับใช้นายนั้นกลับไปหาเพื่อนรับใช้คนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้เขาและเรียกร้องให้เขาจ่ายหนี้คืน แต่เพื่อนรับใช้ของเขาไม่สามารถชำระหนี้ของเขาได้ คนรับใช้นานนั้นจึงจับเขาเข้าคุก พระราชาทรงทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเรียกผู้รับใช้คนแรกของเขากลับมา กษัตริย์ตรัสว่าเนื่องจากพระองค์ทรงแสดงความเมตตาต่อเขา เขาเองก็ควรจะแสดงความเมตตาต่อเพื่อนรับใช้ของเขาด้วยเช่นกัน  แล้วกษัตริย์ก็จับเขาเข้าคุกจนกว่าเขาจะชำระหนี้ได้ (มัทธิว 18: 23-30)

การหยิบยื่นความช่วยเหลือ หรือแสดงความเมตตา

ไม่เกี่ยวกับ ‘ขนาดของสิ่งของ’ แต่เกี่ยวกับ ‘ขนาดของใจ’

“อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า ‘ไปเถอะ แล้วค่อยมาใหม่ พรุ่งนี้ฉันจะให้’ ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว” (สภษ.3:28)

ความเมตตา กรุณา งอกเงยต่อยอดมาจาก ‘ความรัก’

ความเมตตา กรุณา เป็นการ ‘ให้’ ที่ไม่หวังผล เพราะไม่มี ‘สุข’ ใดยิ่งใหญ่เท่ากับการเป็น ‘ผู้ให้’ และมือของผู้ให้อยู่สูงกว่ามือของผู้รับเสมอ (กจ.20:35)

ความเมตตา กรุณา จึงมิใช่แค่การให้สิ่งของเท่านั้น แต่เป็นการแบ่งปันในสิ่งที่เราสามารถให้ได้ เช่น การให้เวลา การให้ความรัก การให้ความเข้าใจ การให้ความรู้ การให้คำตักเตือน ฯลฯ เมื่อไรที่เรามีโอกาสอย่าบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” แต่จงทำตลอดเวลาที่เรียกว่า “วันนี้”

หากเราทำให้ใครเจ็บปวด จงเข้มแข็งพอที่จะกล้า “ขอโทษ”

หากใครทำให้เราเจ็บปวด จงเข้มแข็งพอที่จะกล้า “ให้อภัย”

“แต่จงหนุนใจกันและกันในทุกๆวัน ตลอดเวลาที่เราเรียกกันว่า ‘วันนี้’ ตอนนี้

เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรันไป เพราะการล่อลวงของบาป” (ฮีบรู 3:13)

พระเจ้าของเรา เป็นพระเจ้าแห่งการตอบแทน  ใครที่เชื่อฟังพระเจ้า และกระทำตาม ก็จะได้รับการตอบแทน  แต่สิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา กฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทรงบัญชาก็เพื่อที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับและพระเจ้า และอีกส่วนหนึ่งคือเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเพื่อนบ้าน(คนอื่น)ด้วย

ผู้ที่เชื่อฟัง พระเจ้าทรงตอบแทนเสมอ และพระเจ้าจะทรงรับประกันความพอใจของเรา การที่พระเจ้าสั่งให้รักผู้อื่น ก็คือให้เรามีใจเมตตากรุณาต่อเขาเหล่านั้นนั่นเอง

พระเจ้าสั่งให้เรารักพระเจ้า และให้รักเพื่อนบ้าน  ดังนั้นเราจะต้องรักผู้อื่นเสมอ ต้องช่วยเหลือเพื่อนบ้าน และมีความเมตตา กรุณาต่อผู้นั้น แม้กระทั่งศัตรูเอง เราก็ต้องรักเขา  ถึงแม้มันอาจดูเป็นไปได้ยาก  แต่ว่าถ้าเราลองเริ่มที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเขาเหล่านั้น แม้ว่าเขาจะไม่ดีกับเรา เราจะสามารถรักเขาได้ และเราจะได้รู้ว่ามันเป็นความปิติยินดีเพียงใด ซึ่งมีแต่คนที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ และผู้ที่อยู่ในแผ่นดินสวรรค์เท่านั้นที่จะทำได้ เราจึงต้องเปิดใจให้กว้าง ๆ และยอมเชื่อฟัง

ในชีวิตอาจมีช่วงเวลาที่คุณต้องการความเมตตาด้วยเช่นกัน ดังนั้นจงจำคำสัญญาของพระเจ้าและแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ One minute devotions

เฟสบุคพระวจนะที่มีชีวิต

followhissteps.com


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...