ความเมตตา กรุณา
คนที่มีใจเมตตา ก็เป็นสุข
เพราะว่าเขาทั้งหลายจะได้รับพระเมตตาตอบ
มัทธิว 5: 7
พระเยซูเล่าเรื่องเกี่ยวกับคนรับใช้ที่เป็นหนี้กษัตริย์
แต่เขาไม่สามารถจ่ายคืนได้ ชายคนนั้นจึงร้องวิงวอนขอ กษัตริย์จึงแสดงความเมตตาและยกหนี้ให้เขา
แต่คนรับใช้นายนั้นกลับไปหาเพื่อนรับใช้คนหนึ่งซึ่งเป็นหนี้เขาและเรียกร้องให้เขาจ่ายหนี้คืน
แต่เพื่อนรับใช้ของเขาไม่สามารถชำระหนี้ของเขาได้ คนรับใช้นานนั้นจึงจับเขาเข้าคุก
พระราชาทรงทราบเรื่องว่าเกิดอะไรขึ้น จึงเรียกผู้รับใช้คนแรกของเขากลับมา
กษัตริย์ตรัสว่าเนื่องจากพระองค์ทรงแสดงความเมตตาต่อเขา เขาเองก็ควรจะแสดงความเมตตาต่อเพื่อนรับใช้ของเขาด้วยเช่นกัน
แล้วกษัตริย์ก็จับเขาเข้าคุกจนกว่าเขาจะชำระหนี้ได้
(มัทธิว 18: 23-30)
การหยิบยื่นความช่วยเหลือ หรือแสดงความเมตตา
ไม่เกี่ยวกับ ‘ขนาดของสิ่งของ’ แต่เกี่ยวกับ ‘ขนาดของใจ’
“อย่าพูดกับเพื่อนบ้านของเจ้าว่า ‘ไปเถอะ แล้วค่อยมาใหม่
พรุ่งนี้ฉันจะให้’ ในเมื่อเจ้ามีให้อยู่แล้ว” (สภษ.3:28)
ความเมตตา กรุณา งอกเงยต่อยอดมาจาก ‘ความรัก’
ความเมตตา กรุณา เป็นการ ‘ให้’ ที่ไม่หวังผล เพราะไม่มี
‘สุข’ ใดยิ่งใหญ่เท่ากับการเป็น ‘ผู้ให้’ และมือของผู้ให้อยู่สูงกว่ามือของผู้รับเสมอ
(กจ.20:35)
ความเมตตา กรุณา จึงมิใช่แค่การให้สิ่งของเท่านั้น
แต่เป็นการแบ่งปันในสิ่งที่เราสามารถให้ได้ เช่น การให้เวลา การให้ความรัก
การให้ความเข้าใจ การให้ความรู้ การให้คำตักเตือน ฯลฯ
เมื่อไรที่เรามีโอกาสอย่าบอกว่า “เดี๋ยวก่อน” แต่จงทำตลอดเวลาที่เรียกว่า “วันนี้”
หากเราทำให้ใครเจ็บปวด จงเข้มแข็งพอที่จะกล้า “ขอโทษ”
หากใครทำให้เราเจ็บปวด จงเข้มแข็งพอที่จะกล้า “ให้อภัย”
“แต่จงหนุนใจกันและกันในทุกๆวัน ตลอดเวลาที่เราเรียกกันว่า
‘วันนี้’ ตอนนี้
เพื่อจะไม่มีใครในพวกท่านมีใจดื้อรันไป เพราะการล่อลวงของบาป” (ฮีบรู
3:13)
พระเจ้าของเรา เป็นพระเจ้าแห่งการตอบแทน ใครที่เชื่อฟังพระเจ้า และกระทำตาม
ก็จะได้รับการตอบแทน
แต่สิ่งที่พระเจ้าทรงบัญชา กฎเกณฑ์ของพระเจ้า ทรงบัญชาก็เพื่อที่จะเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับและพระเจ้า
และอีกส่วนหนึ่งคือเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเพื่อนบ้าน(คนอื่น)ด้วย
ผู้ที่เชื่อฟัง พระเจ้าทรงตอบแทนเสมอ
และพระเจ้าจะทรงรับประกันความพอใจของเรา การที่พระเจ้าสั่งให้รักผู้อื่น
ก็คือให้เรามีใจเมตตากรุณาต่อเขาเหล่านั้นนั่นเอง
พระเจ้าสั่งให้เรารักพระเจ้า และให้รักเพื่อนบ้าน ดังนั้นเราจะต้องรักผู้อื่นเสมอ ต้องช่วยเหลือเพื่อนบ้าน
และมีความเมตตา กรุณาต่อผู้นั้น แม้กระทั่งศัตรูเอง เราก็ต้องรักเขา ถึงแม้มันอาจดูเป็นไปได้ยาก แต่ว่าถ้าเราลองเริ่มที่จะเป็นเพื่อนบ้านที่ดีของเขาเหล่านั้น
แม้ว่าเขาจะไม่ดีกับเรา เราจะสามารถรักเขาได้ และเราจะได้รู้ว่ามันเป็นความปิติยินดีเพียงใด
ซึ่งมีแต่คนที่อยู่ฝ่ายวิญญาณ และผู้ที่อยู่ในแผ่นดินสวรรค์เท่านั้นที่จะทำได้ เราจึงต้องเปิดใจให้กว้าง
ๆ และยอมเชื่อฟัง
ในชีวิตอาจมีช่วงเวลาที่คุณต้องการความเมตตาด้วยเช่นกัน ดังนั้นจงจำคำสัญญาของพระเจ้าและแสดงความเมตตาต่อผู้อื่น
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ One minute
devotions
เฟสบุคพระวจนะที่มีชีวิต
followhissteps.com
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น