วันพฤหัสบดีที่ 30 ธันวาคม พ.ศ. 2564

ความขมขื่น

 


ความขมขื่น

31จงเอาความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น รวมทั้งการร้ายทุกอย่างออกไปจากพวกท่าน 32แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์

เอเฟซัส 4:31-32

คุณเคยลองกินส้มสักชิ้นแล้วพบว่ามันมีรสขมบ้างไหม? ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเวลาที่เรานึกอยากจะกินอะไรหวาน ๆ ตั้งใจแบบสุดๆ แต่ดันกัดไปเจอชื้นที่เปรี้ยวจี๊ดหรือมีรสออกขมๆคอ!

สิ่งเดียวกันนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับชีวิตคริสตชน มีคนภายนอกที่กำลังเฝ้าดูว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไรในฐานะคริสตชน แน่นอนว่าพวกเราหลายคนพยายามที่จะดำเนินชีวิตด้วยความนบนอบอ่อนหวาน แต่บางครั้งก็อาจเผลอปล่อยความขมขื่น ความดุเด็ดเผ็ดร้อนออกไปได้บ้างเช่นกัน  จนทำให้เพื่อนๆที่กำลังดูคุณอยู่คิดได้ว่า ว้าว! เธอไม่ได้หวานอย่างที่คิดเลย! อันที่จริงเธอค่อนข้างแรง!(ข้างในไม่ตรงกับปก)

รากแห่งความขมขื่นเกิดจากประสบการณ์ในอดีตหรือปัจจุบันที่มีความรุนแรง ทารุณกรรม การไม่ได้รับบความยุติธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเก็บฝังลึกในใจ ความขมขื่นใจอาจเกิดจากความผิดหวังในคน ในงานที่ทำอยู่ จนสร้างความขุ่นเคืองใจและพาลไปสู่ความแตกแยก มักมองคนในแง่ร้ายและแง่ลบอีกทั้งระบายพิษแห่งความขมขื่นด้วยการแก้แค้น ทั้งในรูปของคำพูดและการกระทำ

พระเจ้าต้องการให้เราขจัดความขมขื่นของเราออกไป จะไม่มีผลแห่งความขมขื่นอยู่ในชีวิตเราอีกต่อไป! พระองค์ต้องการเพียงผลที่มีรสหวานห้อยติดอยู่บนเถาองุ่นของพระองค์! หากคุณให้ผลที่มีรสหวาน แสดงว่าคุณเลือกที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยน คุณเลือกที่จะให้อภัยแทนที่จะถือความขุ่นเคือง คุณแสดงความเมตตาต่อพวกเขาเช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้แสดงให้คุณเห็น คุณไม่เคยพูดถึงพวกคนอื่นลับหลัง กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณไม่ใช่คนเปรี้ยวอีกต่อไป (คนที่ใครคิดถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกขมขื่นใจไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ)   

พี่น้องที่รัก เราไม่มีข้อแก้ตัวว่าเราจะถอนรากขมขื่นไม่ได้ ไม่ว่ามันจะมีมานานเท่าใด ใหญ่ขนาดไหน แต่ด้วยประสบการณ์ความรักที่เราได้รับจากพระเจ้า พระองค์อภัยความบาปของเรา เราก็ควรมีใจเมตตาผู้อื่นเช่นกัน เพราะผู้ที่ติดสนิทกับพระคริสต์ พระองค์จะทรงประทานพลังที่เราขาดอยู่นั้นเพียง ขอเพียงเรามีใจที่กระหายหา อยากจะเปลี่ยนแลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นก็พอ พระเจ้าทรงมีทางให้เราเสมอ

พระเยซูทรงบอกสาวกของพระองค์ว่า “เราเป็นเถาองุ่น ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” (ยน.15:5)

เมื่อเราดำรงอยู่ในพระเยซูและยอมให้พระคำของพระองค์อยู่ในเรา เราก็ได้เชื่อมต่อกับแหล่งชีวิต คือ พระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสว่า “พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้ คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมากท่านก็เป็นสาวกของเรา” (ข้อ 8) แต่การเกิดผลมากเป็นผลของการได้รับสารอาหารบำรุงทุกวัน พระเจ้าทรงจัดเตรียมอาหารที่มีคุณค่าให้แก่เราผ่านทางพระวจนะ และความรักของพระองค์ วันนี้คุณแสวงหาและให้เวลากับพระวจนะของพระเจ้าหรือยัง

คำอธิษฐาน

ข้าแต่พระเจ้า ลูกไม่อยากเป็นผลไม้ที่ให้รสขมหรือเปรี้ยวอีกแล้ว! ลูกต้องการที่จะเป็นผลผลิตที่ให้รสหวาน เมื่อเพื่อนๆได้ใช้เวลาอยู่กับลูก ลูกก็อยากให้พวกเขารู้สึกว่าลูกเป็นลูกของพระองค์ เป็นผลจากเถาองุ่นของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความหวาน ความรัก ความจริงใจ ขอให้ลูกเป็นภาพสะท้อนของพระองค์ต่อผู้อื่นด้วยเถิดพระเจ้าข้า ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน

ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก

หนังสือ 3 minute devotions


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...