ความขมขื่น
31จงเอาความขมขื่น ความฉุนเฉียว ความโกรธ การทุ่มเถียง การพูดจาดูหมิ่น รวมทั้งการร้ายทุกอย่างออกไปจากพวกท่าน 32แต่จงมีใจกรุณา ใจสงสาร และใจให้อภัยแก่กันและกัน เหมือนอย่างที่พระเจ้าทรงให้อภัยพวกท่านในพระคริสต์
เอเฟซัส 4:31-32
คุณเคยลองกินส้มสักชิ้นแล้วพบว่ามันมีรสขมบ้างไหม? ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าเวลาที่เรานึกอยากจะกินอะไรหวาน ๆ ตั้งใจแบบสุดๆ แต่ดันกัดไปเจอชื้นที่เปรี้ยวจี๊ดหรือมีรสออกขมๆคอ!
สิ่งเดียวกันนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับชีวิตคริสตชน
มีคนภายนอกที่กำลังเฝ้าดูว่าเราดำเนินชีวิตอย่างไรในฐานะคริสตชน แน่นอนว่าพวกเราหลายคนพยายามที่จะดำเนินชีวิตด้วยความนบนอบอ่อนหวาน
แต่บางครั้งก็อาจเผลอปล่อยความขมขื่น ความดุเด็ดเผ็ดร้อนออกไปได้บ้างเช่นกัน จนทำให้เพื่อนๆที่กำลังดูคุณอยู่คิดได้ว่า ว้าว! เธอไม่ได้หวานอย่างที่คิดเลย! อันที่จริงเธอค่อนข้างแรง!(ข้างในไม่ตรงกับปก)
รากแห่งความขมขื่นเกิดจากประสบการณ์ในอดีตหรือปัจจุบันที่มีความรุนแรง
ทารุณกรรม การไม่ได้รับบความยุติธรรม ถูกเอารัดเอาเปรียบ และเก็บฝังลึกในใจ
ความขมขื่นใจอาจเกิดจากความผิดหวังในคน ในงานที่ทำอยู่ จนสร้างความขุ่นเคืองใจและพาลไปสู่ความแตกแยก มักมองคนในแง่ร้ายและแง่ลบอีกทั้งระบายพิษแห่งความขมขื่นด้วยการแก้แค้น
ทั้งในรูปของคำพูดและการกระทำ
พระเจ้าต้องการให้เราขจัดความขมขื่นของเราออกไป
จะไม่มีผลแห่งความขมขื่นอยู่ในชีวิตเราอีกต่อไป! พระองค์ต้องการเพียงผลที่มีรสหวานห้อยติดอยู่บนเถาองุ่นของพระองค์!
หากคุณให้ผลที่มีรสหวาน แสดงว่าคุณเลือกที่จะปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างอ่อนโยน คุณเลือกที่จะให้อภัยแทนที่จะถือความขุ่นเคือง
คุณแสดงความเมตตาต่อพวกเขาเช่นเดียวกับที่พระเจ้าได้แสดงให้คุณเห็น
คุณไม่เคยพูดถึงพวกคนอื่นลับหลัง กล่าวอีกนัยหนึ่งคุณไม่ใช่คนเปรี้ยวอีกต่อไป (คนที่ใครคิดถึงเมื่อไหร่ก็รู้สึกขมขื่นใจไม่มีใครอยากอยู่ใกล้ๆ)
พี่น้องที่รัก
เราไม่มีข้อแก้ตัวว่าเราจะถอนรากขมขื่นไม่ได้ ไม่ว่ามันจะมีมานานเท่าใด
ใหญ่ขนาดไหน แต่ด้วยประสบการณ์ความรักที่เราได้รับจากพระเจ้า
พระองค์อภัยความบาปของเรา เราก็ควรมีใจเมตตาผู้อื่นเช่นกัน เพราะผู้ที่ติดสนิทกับพระคริสต์ พระองค์จะทรงประทานพลังที่เราขาดอยู่นั้นเพียง ขอเพียงเรามีใจที่กระหายหา
อยากจะเปลี่ยนแลงตัวเองให้เป็นคนที่ดีขึ้นก็พอ พระเจ้าทรงมีทางให้เราเสมอ
พระเยซูทรงบอกสาวกของพระองค์ว่า “เราเป็นเถาองุ่น
ท่านทั้งหลายเป็นแขนง ผู้ที่เข้าสนิทอยู่ในเราและเราเข้าสนิทอยู่ในเขา
ผู้นั้นก็จะเกิดผลมาก เพราะถ้าแยกจากเราแล้วท่านจะทำสิ่งใดไม่ได้เลย” (ยน.15:5)
เมื่อเราดำรงอยู่ในพระเยซูและยอมให้พระคำของพระองค์อยู่ในเรา
เราก็ได้เชื่อมต่อกับแหล่งชีวิต คือ พระเยซูคริสต์ พระองค์ตรัสว่า
“พระบิดาของเราทรงได้รับเกียรติเพราะเหตุนี้
คือเมื่อท่านทั้งหลายเกิดผลมากท่านก็เป็นสาวกของเรา” (ข้อ 8)
แต่การเกิดผลมากเป็นผลของการได้รับสารอาหารบำรุงทุกวัน พระเจ้าทรงจัดเตรียมอาหารที่มีคุณค่าให้แก่เราผ่านทางพระวจนะ
และความรักของพระองค์ วันนี้คุณแสวงหาและให้เวลากับพระวจนะของพระเจ้าหรือยัง
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระเจ้า ลูกไม่อยากเป็นผลไม้ที่ให้รสขมหรือเปรี้ยวอีกแล้ว!
ลูกต้องการที่จะเป็นผลผลิตที่ให้รสหวาน เมื่อเพื่อนๆได้ใช้เวลาอยู่กับลูก ลูกก็อยากให้พวกเขารู้สึกว่าลูกเป็นลูกของพระองค์
เป็นผลจากเถาองุ่นของพระองค์ที่เต็มไปด้วยความหวาน ความรัก ความจริงใจ ขอให้ลูกเป็นภาพสะท้อนของพระองค์ต่อผู้อื่นด้วยเถิดพระเจ้าข้า
ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น