ชาวสะมาเรียผู้ใจดี
แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น
เห็นแล้วก็มีใจสงสาร
ลูกา 10:33
คุณเคยอ่านเรื่องราวในพระคัมภีร์เกี่ยวกับชาวสะมาเรียผู้ใจดีหรือไม่? มีชายคนหนึ่งถูกโจรทุบตีจนบาดเจ็บสาหัส เขาถูกทิ้งให้ตายอยู่ข้างถนน เผอิญมีปุโรหิตคนหนึ่งเดินมาตามทางนั้น
เมื่อเขาเห็นคนนั้นแล้วก็ทำเป็นเดินเลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง คนเลวีก็เหมือนกัน
เมื่อมาถึงที่นั่นและเห็นแล้วก็เลยไปเสียอีกฟากหนึ่ง (คุณพอจะนึกออกไหม? แบบทำเป็นไม่เห็นคนเจ็บ) แต่เมื่อชาวสะมาเรียคนหนึ่งเดินทางผ่านมาใกล้คนนั้น
เขาเห็นแล้วก็มีใจสงสาร (ชาวสะมาเรียในสมัยนั้นเท่าที่รู้กันคือ ผู้คนไม่ชอบ) แต่ชายคนนี้เป็นคนเดียวที่หยุดช่วยชายยากจนคนนั้น
ชาวสะมาเรียยินดีจ่ายเงินค่าที่พักให้กับโรงแรมเพื่อให้ชายบาดเจ็บได้นอนพักรักษาตัวจนหายดี
และเขาแสดงเจตจำนงค์ที่จะจ่ายเพิ่มหากมีค่าใช้จ่ายอะไรเพิ่มเติม
ชาวสะมาเรีย ซึ่งเป็นที่เกลียดชังของชาวยิว ทั้งๆ ที่แต่เดิมเป็นชนชาติเดียวกัน หลังสิ้นกษัตริย์ซาโลมอน
อาณาจักรอิสราแอลได้แตกแยกออกเป็น 2 อาณาจักรคือ อาณาจักรเหนือ
มีเมืองหลวงอยู่ที่สะมาเรีย และอาณาจักรใต้มีเมืองหลวงคือ เยรูซาเล็ม
คำว่า “ชาวสะมาเรีย”
ในที่นี้จึงเป็นคำที่ใช้แสดงความเกลียดชังและเหยียดหยามคนที่ละเมิดบทบัญญัติและคนนอกศาสนา ใครที่ไม่รักษาธรรมบัญญัติจะถูกตราหน้าว่าเป็น
“ชาวสะมาเรีย” คำอุปมานี้ได้วาดภาพคนเคร่งศาสนาว่าเดินผ่านไปยังถนนอีกฟากหนึ่ง
ขณะที่คนนอกรีตที่คนเขาชิงชังว่าเป็นคนบาป กลับเป็นคนเดียวที่ช่วยชายบาดเจ็บไว้
บางครั้งเราตัดสินคนอื่นก่อนที่เราจะได้รู้จักพวกเขา
คนที่เราคิดว่าเลวบางครั้งก็ดี และคนที่เราคิดว่าดีบางครั้งก็กลับกลายเป็นคนเลวได้เช่นกัน!
นั่นคือเหตุผลที่เราต้องให้โอกาสคนทุกคน
อย่าด่วนตัดสินว่าใครดีหรือไม่ดี มันไม่ใช่หน้าที่ของคุณที่จะไปตัดสินใจไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามเพราะมีพระเจ้าเท่านั้นที่มองเห็นภายในจิตใจมนุษย์!
และสิ่งที่พระองค์เห็นอาจทำให้คุณประหลาดใจ!
สารสำคัญจากเรื่องของชาวสะมาเรียผู้ใจดีคืออะไร?
คำอุปมานี้ต้องการอธิบายว่า มนุษย์เราควรรักกันและกัน
นั่นรวมถึงการรักศัตรูของพวกเราด้วย การรักเพื่อนและครอบครัวนั้นอาจเป็นเรื่องง่าย
แต่มันจะยากกว่ามากกว่าหากเราจะต้องรักคนที่เราอาจเข้ากันไม่ได้กับเขา
คนที่มีนิสัยไม่น่ารัก หรือแม้แต่คนที่อาจเคยทำร้ายหรือทำลายเรามาก่อน
ในความเป็นจริงไม่ว่ายุคใด คนอย่างชาวสะมาเรียได้กระทำในสิ่งที่น่ายกย่อง
และก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ส่งผลดีต่อสังคม ประเทศชาติ และพระศาสนจักร จึงขอให้กำลังใจพวกเราทั้งหลาย
เป็นต้นคนที่ไม่ได้รับการยอมรับหรือถูกมองว่าไม่ดี อย่าได้ท้อใจ
เพราะพระเจ้าทรงเลือกคนบาปเช่นนี้แหละให้ทำในสิ่งที่คนดีไม่ทำ
เพื่อจะได้เข้าใจคนบาปด้วยกันและชักนำพวกเขาให้กลับมาหาพระเจ้า
บทสรุป
ชาวสะมาเรียผู้ใจดีคือภาพที่ชัดเจของ
“พระเยซูเจ้า ชาวสะมาเรียผู้ยิ่งใหญ่”
ผู้เสด็จมาเพื่อตามหาคนบาป ช่วยเหลือคนทุกข์ยากเดือดร้อน
และยอมรับความตายบนไม้กางเขนเพื่อช่วยทุกคนให้รอด ให้เราก้าวเดินไปพร้อมกับพระองค์
ในเส้นทางแห่งการรับใช้ที่เราได้เลือก ด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้าง โดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง
ให้เรายอมให้หัวใจของเราเต้นในจังหวะเดียวกันกับหัวใจของพระเยซูเจ้า
เพื่อเราจะตัดสินได้ว่ามีสิ่งไหนที่เราสามารถทำได้ เพื่อทำให้คนที่
“เกือบสิ้นชีวิต” ที่เราพบในชีวิตประจำวันได้มีชีวิตอยู่ต่อไป
เรียนรู้ที่จะเป็นผู้ให้ รู้จักแบ่งปัน และช่วยเหลือผู้อื่นที่ลำบากเดือดร้อน
ทั้งนี้เพราะ “หัวใจที่มีความสุขมากที่สุดคือ หัวใจที่เต้นเพื่อผู้อื่น”
ขอให้คำสั่งของพระเยซูเจ้าที่ว่า
“จงไปและทำเช่นเดียวกันเถิด” ปลุกเร้าหัวใจของเรา
ให้ทำเช่นเดียวกัน
เมื่อเป็นเช่นนี้ก็แน่ใจได้ว่า เส้นทางสายชีวิตนิรันดรได้เปิดกว้างอยู่เบื้องหน้าเราแล้ว ปัญหาก็อยู่ตรงที่ว่า
เราจะเลือกเดินตามเส้นทางสายนี้หรือไม่
คำอธิษฐาน
ข้าแต่พระบิดา ลูกรู้ว่าบางครั้งลูกเองก็ได้ตัดสินคนอื่นทั้งที่ไม่ควรจะทำ โปรดช่วยให้ลูกเห็นว่าคนทุกคนสมควรได้รับโอกาส โดยเฉพาะผู้ที่แตกต่างจากลูก โปรดช่วยให้ลูกก้าวเดินไปพร้อมกับพระองค์ ในเส้นทางแห่งการรับ ด้วยดวงตาและหูที่เปิดกว้าง โดยมีเข็มทิศแห่งความเมตตาเป็นเครื่องนำทาง ลูกขออธิษฐานในนามพระเยซูเจ้า อาเมน
ขอขอบคุณข้อความหนุนใจจาก
หนังสือ 3 minute devotions
คุณพ่อขวัญ ถิ่นวัลย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น