วันศุกร์ที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2565

จงใช้เวลากับพระเจ้า แล้วคุณจะมีกำลังมากขึ้น

 


สงบสติลง และมีกำลังใจมากขึ้น

ความสงบเป็นหนึ่งในสิ่งที่มหัศจรรย์ที่สุดในโลก และคุณมีสันติสุขได้ แต่คุณเองก็ต้องตั้งใจที่จะมีสันติสุข เพราะมารมันจะพยายามพรากมันไปจากเราตลอดเวลา มันพยายามเข้ามาสร้างสถานการณ์เพื่อทำให้เราเสียใจ  มันรู้จุดอ่อนของเราแล้วมันก็จะทำให้เราต้องเจอเรื่องนั้น พอนานาๆเข้าในที่สุดก็จะทำให้เราอารมณ์เสีย และท้อใจ

มีคำพูดสองสามประโยคที่ฉันคิดว่ามันดีมาก อันหนึ่งเป็นของ Josiah holland ความสงบเป็นแห่งกำเนิดของพลังอำนาจ ดังนั้นจริงๆแล้ว ยิ่งคุณสงบได้มากเท่าไหร่ คุณก็จะยิ่งมีพลังมากขึ้น เท่านั้น นอกจากนั้น Ryan tracy บอกว่า จงให้จิตใจที่สงบสุขเป็นเป้าหมายสูงสุดของคุณ แล้วค่อยจัดระเบียบ สิ่งที่เหลือในชีวิตของคุณ เราลองมาคิดเรื่องนี้กัน สักหน่อย ถ้าเป้าหมายของเราคือการอยู่อย่างสงบ อย่างงั้น เราก็ต้องเปลี่ยนวิธีการทำบางสิ่งบางอย่าง ปรับตัวและยืดหยุ่นบางอย่างในชีวิตเพื่อรักษาความสงบสุขนั้นไว้

ความสงบสุขไม่ได้มาจากแค่การอธิฐานขอพระเจ้าว่า “โอ้พระเจ้า ขอให้ฉันมีความสงบสุขด้วยเถิด” คุณรู้ไหมเพราะอะไร? เพราะความจริงก็คือ ใน ยอห์น 14 กล่าวไว้ว่า รามอบสันติสุขไว้กับพวกท่าน สันติสุขของเราที่ให้กับท่านนั้น เราไม่ได้ให้อย่างที่โลกให้ อย่าให้ใจของท่านเป็นทุกข์ อย่ากลัวเลย. ดังนั้นเราเองก็มีหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบด้วย เราจะมาอธิษฐานขอสันติสุขเฉยๆโดยที่ไม่ทำอะไรเลยไม่ได้ แน่นอนเราควรอธิษฐานถึงเรื่องนี้บ่อย แต่เราก็ยังคงต้องเฝ้าระวังเรื่องอื่นๆในชีวิตของเราด้วย

เมื่อไหร่ก็ตามที่คุณเริ่มรู้สึกไม่พอใจ หงุดหงิด นั่นคือเวลาที่ดีที่สุด ที่จะพูดว่า “ฉันจะไม่ใจร้อน ฉันต้องใจเย็นลงก่อน” ในอิสยาห์ 30 ข้อ 15 กล่าวว่า เพราะพระยาห์เวห์องค์เจ้านายคือองค์บริสุทธิ์ของอิสราเอลตรัสดังนี้ว่า“ในการหันกลับและหยุดนิ่ง เจ้าทั้งหลายจะรอดการเงียบสงบและการไว้วางใจจะเป็นกำลังของเจ้า แต่เจ้าก็ไม่ยอมทำตาม. กี่ครั้งแล้วที่พระเจ้าได้เปิดเผยไว้ในพระวจนะของพระองค์ให้เราเห็นหรือรู้ว่าต้องทำอย่างไร แต่เราก็ยังไม่ยอมทำ

ถ้าคุณอยากมีชีวิตที่สงบสุข สงบนิ่งทั้งความคิดและจิตใจ คุณอาจจะต้องฝึกทำหลายๆอย่างให้แตกต่างจากเดิม จากที่เคยทำมา พอจะนึกออกไหม เราเองก็อยากให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเสมอ เช่น ก็ถ้าเธอไม่ทำ ฉันก็จะไม่ทำ ถ้าเรื่องมันไม่เป็นแบบนี้ ฉันก็คงไม่ตอบโต้ไปแบบนั้น นี่ไง เพราะเรามัวแต่คาดหวังให้คนอื่นเปลี่ยนก่อน เราถึงจะเปลี่ยน แต่พระเจ้าบอกว่า เราต้องเลิกโยนหน้าที่ความรับผิดชอบเรื่องนี้ให้กับคนอื่น แต่เป็นตัวเราที่ต้องรับผิดชอบสันติสุขของตัวเอง แล้วคุณจะสงบลงได้ ถ้าคุณเลือกที่จะวางใจในพระเจ้ามากขึ้น

กำลังของเราทั้งฝ่ายร่างกายและจิตวิญญาณล้วนขึ้นอยู่กับเรื่องนี้  คุณรู้ไหมว่าเวลาที่คนเราอารมณ์เสีย อารมณ์เสียมากๆ เราต้องใช้พลังงานเยอะมาก แน่นอน มันทำให้คุณหมดแรง มันจึงง่ายกว่าเยอะเลยที่เราจะไม่อารมณ์เสีย มากกว่านั้นคือเราต้องพยายามควบคุมสติอารมณ์ให้สงบลง  และตอนที่เราอารมณ์เสีย ก็ไม่ช่วงเวลาที่ดีที่เราจะทำการตัดสินใจหรือพูดอะไรออกไปเลย เพราะเราจะพูดสิ่งที่เราไม่ควรพูด เราจะทำในสิ่งที่เราไม่ควรทำ มันจึงไม่ใช่เวลาที่ควรจะตัดสินใจสิ่งใดๆเลย

พระคัมภีร์บอกเราว่า อย่าให้มีอะไรมาทำให้เรากลัว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องไหน แต่ถ้าเราสงบนิ่งได้ นั่นคือสัญญาณที่บอกให้มารรู้ว่า มันควบคุมเราไม่ได้ แล้วมันต้องเป็นฝ่ายแพ้การต่อสู้ครั้งนี้ และเป็นสัญญาณว่าพระเจ้าได้เข้ามาช่วยปลดปล่อยเราแล้ว ในพระคัมภีร์ ฟีลิปปี 1ข้อ 28 กล่าวว่า และท่านไม่เกรงกลัวพวกที่ขัดขวางเลย สิ่งนี้เป็นหลักฐานแห่งความพินาศต่อพวกเขา(ศัตรูของคุณหรือมารซาตาน) แต่เป็นหลักฐานแห่งความรอดของพวกท่าน และการดังกล่าวมาจากพระเจ้า.

คุณเห็นไหมว่า เวลาคนเราเจอเรื่องที่ทำให้ไม่พอใจ แต่ถ้าเขาอยู่นิ่งๆได้ มันก็เป็นสัญญาณให้มารรู้ว่า มันควบคุมเราไม่ได้ และมันจะเป็นฝ่ายแพ้ในการต่อสู้ครั้งนี้  

พระคัมภีร์ฟีลิปปี 1ข้อ  29 กล่าวว่า เพราะพระเจ้าทรงให้พระคุณแก่ท่านเพราะเห็นแก่พระคริสต์ ไม่ใช่ให้ท่านทั้งหลายเชื่อในพระองค์เท่านั้น แต่ให้ทนทุกข์ยากเพราะเห็นแก่พระองค์ด้วย. ในทุกการโต้แย้งบางครั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องเป็นคนสุดท้ายที่จะต้องพูด หรือ โต้เถียงเพื่ออธิบายแม้จะมั่นใจว่าเกือบเก้าสิบเก้าเปอร์เซนต์เราเป็นฝ่ายถูก เพราะถ้าเราพูดมากไป มันยิ่งจะทำให้เรื่องบานปลายได้ และมันจะดีกว่าไหม ถ้าเราจะปล่อยให้เขาคิดไปตามที่ใจของเขาอยากจะคิด แล้วให้เราเลือกที่จะวางใจในพระเจ้า ว่าถ้ามันจำเป็นที่คนอื่นจะต้องเห็นว่าคุณเป็นฝ่ายถูก พระเจ้าจะจัดการเรื่องนี้เอง แบบนี้คุณจะสงบนิ่งได้ แต่ว่าในระหว่างนั้นคุณอาจจะรู้สึกเจ็บอยู่บ้าง เจ็บในที่นี้คือ ในฝ่ายเนื้อหนัง (เพราะเราไม่ได้โต้ตอบออกไปตามใจต้องการ) บางครั้งเราก็ต้องยอมเจ็บฝ่ายเนื้อหนังเพื่อได้ทำในสิ่งที่พระเจ้าอยากให้เราทำ

เวลามีปัญหาโดยปกติแล้วเรามักจะต้องทำอะไรสักอย่าง เหมือนมีปีศาจตัวเล็กๆนั่งพูดกรอกหูเราอยู่ตลอดว่า “เธอจะทำยังไงๆๆๆๆ” แล้วทำไมเราจึงถึงคิดว่า เราจะต้องทำอะไรสักอย่างตลอดเวลาด้วยล่ะ? ซึ่งจริงอยู่มีบางอย่างที่เราต้องทำ ใน เอเฟซัส 6 ข้อ 12 กล่าวว่า เพราะเราไม่ได้ต่อสู้กับเนื้อหนังและเลือด แต่ต่อสู้กับพวกภูตผีที่ครอบครอง พวกภูตผีที่มีอำนาจ พวกภูตผีที่ครองพิภพในยุคมืดนี้ ต่อสู้กับพวกวิญญาณชั่วในสวรรคสถาน 13เพราะเหตุนี้จงรับยุทธภัณฑ์ทั้งชุดของพระเจ้าไว้ เพื่อท่านจะสามารถต่อสู้ในวันชั่วร้ายนั้น และเมื่อทำทุกอย่างแล้วจะยังยืนหยัดอยู่ได้.  

ดังนั้นเราจึงต้องรู้ ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก่อนที่เราจะทำอะไรให้มันวุ่นวายไปหมด รู้ไหมคุณอาจจะเคยทำในวิธีที่คนอื่นเขาทำกัน แต่มันก็ยังไม่ได้ผลกับคุณเลย เพราะแท้จริงแล้วคุณต้องการการชี้นำจากพระเจ้าและทางเดียวที่คุณจะได้รับ ก็คือ ใจเย็นๆอยู่นิ่งๆ เพื่อที่คุณจะได้สัมผัสจากข้างในว่าคุณควรไปทางไหนดี

ถ้าเราจะรอคอยพระเจ้า ถ้าเราสงบนิ่ง แล้วเราจะได้เห็นการงานที่อัศจรรย์ที่จะเกิดในชีวิตเรา จงสงบและนิ่งเสีย  ให้พระเจ้าพิสูจน์พระองค์กับเรา โดยการรอคอยพระองค์อย่างเต็มใจ แทนที่จะพยายามจัดการกับปัญหาของคุณด้วยตนเอง เช่น ถ้าตอนนี้คุณกำลังโกรธใครมาก ๆ และกำลังวางแผนเอาคืนเขาให้สาสม ทำไมคุณไม่ตัดสินใจเลยละว่า แทนที่จะทำแบบนั้น คุณเลือกที่จะปล่อยมันไป คุณจะให้อภัยเขา การให้อภัยไม่ใช่ความรู้สึก แต่เป็นการตัดสินใจของคุณว่า จะปฏิบัติกับคนอื่นอย่างไร แล้วคุณจะอธิษฐานเผื่อเขา หลังจากนั้นพระเจ้าก็จะเข้ามาจัดการกับสถานการณ์ที่คุณกำลังเจอ พระเจ้าเป็นผู้แก้ต่างของเรา พระองค์เป็นผู้ที่ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้องในชีวิตเรากลับกลายเป็นผลดี ถ้าวันนี้คุณโกรธตลอดทั้งวัน ถ้าคุณกำลังโกรธ และโกรธอยู่อย่างนั้น มันมีแต่จะทำร้ายคุณ มันไม่ได้ไปทำร้ายคนที่กำลังโกรธ เกลียดอยู่เลย แต่มันจะทำร้ายคุณเอง

ก่อนที่เราจะทำอะไร  เราจึงควรรอก่อน สงบสติอารมณ์ลงก่อน ก่อนที่คุณจะทำการตัดสินใจ จงสงบสติอารมณ์ลงก่อน   เช่น เวลาที่คนเราเถียงกัน อารมณ์คนเราก็มักจะระเบิดออกมา กับแค่การที่คุณเงียบ ทุกอย่างก็จะเริ่มสงบลง คุณอาจจะรู้สึกตื่นเต้นมากเกินไป หรือหดหู่สุดๆ ไม่ว่าจะเป็นอันไหน มันก็สร้างปัญหาให้คุณได้เสมอ

อย่ากลัวเลย ใจเย็นๆก่อน พระเจ้ารักคุณ พระองค์มีแผนการเพื่อจะปลดปล่อยคุณ พระองค์มีเวลาที่เหมาะสมที่จะปลดปล่อยคุณและพระเจ้าจะดูแลคุณเอง ถ้าคุณวางใจให้พระองค์ทำ ถ้าพระเจ้าสำแดงให้คุณเห็นว่าต้องทำอะไรก็ทำเลย แต่อย่าทำอะไรวุ่นวายหรือพูดอะไรเยอะแยะมากมาย แค่เพราะว่าคุณกำลังอารมณ์เสีย ในอพยพ 14 ข้อ 13-14 กล่าวว่า โมเสสกล่าวกับประชากรว่า “อย่ากลัวเลย จงยืนนิ่งอยู่ คอยดูความรอดจากพระยาห์เวห์ ซึ่งทรงทำเพื่อพวกท่านในวันนี้ เพราะคนอียิปต์ที่เห็นในวันนี้ พวกท่านจะไม่ได้เห็นอีกตลอดไป 14พระยาห์เวห์จะทรงรบแทนท่านทั้งหลาย พวกท่านจงสงบอยู่เถิด” แค่ประโยคเดียวนี้ก็น่าจะดีกับคุณแล้ว

พระเจ้าจะต่อสู้เพื่อคุณทั้งหมดที่คุณต้องทำก็คือการอยู่นิ่งๆ เห็นไหมว่า หลายครั้งที่เราเจอปัญหา เราจะกลัวมาก จนตัวแข็งเพราะความกลัว จนเราไม่อยากทำอะไรเลย ฉันอยากจะหนุนใจคุณว่า ไม่ว่าคุณจะเจอปัญหาใหญ่แค่ไหนก็ตาม ถ้าคุณจะทำอะไรบางอย่าง จงทำในสิ่งที่คุณรู้ว่ามันถูกต้อง หมั่นศึกษาพระวจนะ หมั่นช่วยเหลือผู้อื่น ไปโบสถ์เป็นประจำ รักษาคำสัญญาของคุณ อย่ามัวแต่เศร้าสงสารตัวเอง หรือนั่งที่ไหนสักที่แล้วมัวแต่คิดถึงแต่ปัญหาของตนเอง คิดๆๆๆ หรือโทรหาใครสักคนแล้วก็เอาแต่พูดๆๆๆ  คุณรู้ไหมว่า เวลาที่คุณมีปัญหา แล้วเอาแต่คิดถึงมัน พูดถึงมัน คุณก็จะยิ่งอารมณ์เสีย มากขึ้น เรามักทำให้ตัวเองอารมณ์เสียได้ง่ายๆ เพียงแค่นั่งคิดถึงปัญหาของตนเองซ้ำไปมา ยิ่งเราอารมณ์เสียเราก็ยิ่งพูดแต่เรื่องแย่ๆ และยิ่งทำแต่เรื่องผิดๆ

สรุปง่ายๆว่า การกระทำใดๆก็ตามที่เกิดจากอารมณ์มันไม่เคยช่วยแก้ปัญหาของเราได้เลย แล้วการรอคอยพระเจ้าหมายความว่าอย่างไร มันค่อนข้างเปิดตาของเราได้เยอะเลย หากเราได้ศึกษาเรื่องนี้อย่างละเอียด การรอคอยพระเจ้า ไม่ได้หมายถึงการนั่งเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลย แต่หมายถึงการ คาดหวัง มองหา และแสวงหาความโปรดปรานจากพระเจ้า คำตอบของพระองค์ และอำนาจของพระองค์ หรือ การมีความหวัง หมายความว่า คุณคาดหวังว่าพระเจ้า จะปรากฎได้ทุกขณะ และทำอะไรก็ตามที่ต้องทำในชีวิตคุณ การรอคอยพระเจ้าไม่ใช่การอยู่เฉยๆ อาจจะเป็นการอยู่เฉยๆทางร่างกายภายนอกแต่ในฝ่ายวิญญาณ คุณจะกระตือรือร้นมมาก คุณวางใจพระเจ้า คุณบอกว่า “ลูกรู้ว่าพระองค์จะดูแลลูก ลูกรู้ว่าพระองค์จะทำสิ่งที่ดี ลูกเชื่อว่าพระองค์จะปรากฎได้ทุกขณะและทำให้สถานการณ์อันนี้ถูกต้อง” มันเป็นการเคลื่อนไหวทางฝ่ายวิญญาณมากกว่าการเคลื่อนไหวฝ่ายเนื้อหนัง ใน สดุดี 25 ข้อ 5 กล่าวว่า ขอทรงนำข้าพระองค์ไปในความจริงของพระองค์ และขอทรงสอนข้าพระองค์ เพราะพระองค์ทรงเป็นพระเจ้าแห่งความรอดของข้าพระองค์ ข้าพระองค์รอคอยพระองค์อยู่วันยังค่ำ.

ใน ยากอบ 4 ข้อ 2 กล่าวว่า ท่านก็ทะเลาะและทำสงครามกัน ท่านไม่มีเพราะไม่ได้ขอ. แทนที่เราจะบอกพระเจ้าว่า “ลูกไม่รู้จะทำอย่างไรดี” ให้คุณถามพระเจ้าว่า  คุณต้องทำอย่างไรกับเรื่องนี้ ดีกว่า

ใน สุภาษิต 3 ข้อ 5-7 กล่าวว่า จงวางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้าและอย่าพึ่งพาความรอบรู้ของตนเอง 6จงยอมรับรู้พระองค์ในทุกทางของเจ้าแล้วพระองค์เองจะทรงทำให้วิถีของเจ้าราบรื่น 7อย่าคิดว่าตนมีปัญญา.

ความช่วยเหลือจากพระเจ้า มีเพียงพอกับการรอคอยของเรา และความหวังที่มีในพระองค์ ในสดุดี 33 ข้อ 20-21 กล่าวว่า จิตใจของเราทั้งหลายรอคอยพระยาห์เวห์ พระองค์ทรงเป็นผู้อุปถัมภ์และเป็นโล่ของเรา21เพราะใจของเราทั้งหลายยินดีในพระองค์เพราะเราวางใจในพระนามบริสุทธิ์ของพระองค์.

ใน สดุดี 37 ข้อ 34 กล่าวว่า จงรอคอยพระยาห์เวห์ และรักษาพระมรรคาของพระองค์ไว้ แล้วพระองค์จะทรงยกย่องท่านให้ได้แผ่นดินเป็นมรดก ท่านจะมองเห็นคนอธรรมถูกทำลาย.  

พระเจ้าได้นำคนอิสราเองออกจากอียิปต์ผ่านถิ่นทุรกันดาร ใช้เวลานาน กว่าที่ควรจะเป็น เพราะว่า พวกเขาเอาแต่บ่นๆ และก็บ่น ระหว่างที่พวกเขาอยู่ในนั้น แต่หลายครั้งความล่าช้าก็มาจากสวรรค์ด้วย เพราะพวกเขายังไม่พร้อมจริงๆที่จะเข้าไปในดินแดนแห่งพระสัญญา

บางทีอาจจะมีบางคนหรือรวมถึงตัวเราเองด้วยเหมือนกัน ที่อาจจะกำลังขออะไรบางอย่าง จากพระเจ้าอยู่ แต่มันอาจจะต้องอาศัยเวลา พระองค์อยากจะมอบให้คุณ มันอยู่ในเวลาของพระองค์อยู่แล้ว ซึ่งพระองค์ได้จัดเตรียมบางอย่างให้คุณแล้วแต่ตอนนี้พระองค์ต้องการเตรียมคุณให้พร้อมสำหรับสิ่งนั้นก่อน

บางครั้งเรายังไม่เติบโตในฝ่ายวิญญาณมากพอที่จะรับมอกับสิ่งที่พระเจ้าตั้งใจจะมอบให้เรา ใน อิสยาห์ 26 ข้อ 3 กล่าวว่า พระองค์จะทรงพิทักษ์ผู้มีใจแน่วแน่ไว้ในสวัสดิภาพที่สมบูรณ์ เพราะเขาวางใจในพระองค์.

เลิกคิดถึงแต่ปัญหาของตนเองได้แล้ว  ให้เราใช้เวลากับพระเจ้า แล้วคุณจะได้ยินพระองค์ตรัสกับคุณว่า “เจ้าจะมีสามัคคีธรรมกับปัญหาของเจ้า หรือเจ้าจะมีสามัคคีธรรมกับเรา”  อย่าทำผิดอีกเลย จงใช้เวลากับพระเจ้า แล้วคุณจะมีกำลังมากขึ้น แล้วมันจะทำให้คุณได้ยินเสียงจากพระเจ้าชัดขึ้น

ขอบคุณคำเทศนาจาก

จอยซ์ ไมเออร์


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7

  ข้อพระคัมภีร์ประจำวันและการอุทิศตน – โคโลสี 2:7   จงหยั่งรากและก่อร่างสร้างขึ้นในพระองค์ จงมั่นคงในความเชื่อตามที่ได้รับการสอนมาแล้ว และ...