วันอังคารที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2561

เริ่มต้นชีวิตคู่อย่างไรให้ยืนยาว ด้วยคำสอนจากพระคัมภีร์ไบเบิล




เมื่อคนสองคนตัดสินใจมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน หรือตัดสินใจแต่งงานกัน จุดนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการมีชีวิตครอบครัว ซึ่งจุดหมายปลายทางของแต่ละครอบครัวจะเป็นแบบใดนั้น คงไม่สามารถคาดการณ์หรือบอกได้ว่า คุณสองคนจะเดินทางไปด้วยกันจนถึงจุดหมายปลายทางดังที่ผู้เฒ่าผู้แก่ได้อวยพรไว้ในวันสมรสว่า“ขอให้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร” ได้หรือไม่เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ในช่วงระยะข้าวใหม่ปลามันอะไรๆ เราก็พอจะยอมได้ แต่เมื่อชีวิตคู่เดินทางไปซักระยะหนึ่ง ความเป็นตัวตน นิสัยที่แท้จริงของแต่ละคนก็จะแสดงออกมา การจะให้เรามีนิสัยที่ถูกใจ ดีพร้อมสำหรับอีกคนคงเป็นเรื่องที่ยาก

ในการสมรสครั้งแรกเมื่อพระเจ้าทรงนำเอวามาให้อาดัม เอวาถูกสร้างขึ้นมาจาก “เนื้อและกระดูก” ของอาดัม (ปฐมกาล 2:31) และเขาทั้งสองก็กลายเป็น “เนื้อเดียวกัน” (ปฐมกาล 2:23-24) นี่เป็นแนวความคิดที่ได้สูญหายไปในสังคมสมัยใหม่ การเป็นเนื้อเดียวกันมีความหมายมากกว่าการผูกพันกันทางกาย แต่หมายถึงการหลอมรวมความคิด และจิตใจให้เข้าเป็นหนึ่งเดียวกัน ความสัมพันธ์นี้ลึกซึ้งเกินกว่าการผูกพันกันทางด้านเพศหรืออารมณ์ แต่เป็นการหลอมรวมคนสองคนให้เป็น “หนึ่งเดียวกัน” ในมิติฝ่ายวิญญาณ ซึ่งจะเกิดขึ้นได้ก็ต่อเมื่อทั้งสองฝ่ายจำนนต่อพระเจ้าและต่อซึ่งกันและกันเท่านั้น ความสัมพันธ์นี้ไม่ใช่เป็นความสัมพันธ์ที่มีเฉพาะคำว่า “ฉัน หรือ ของฉัน” เท่านั้น แต่เป็นความสัมพันธ์ที่มีแต่คำว่า “เรา และ ของเรา” เท่านั้น นี่คือหนึ่งในเคล็ดลับของการมีชีวิตสมรสที่ยืนยาว การทำให้ชีวิตสมรสยืนยาวจนกระทั่งความตายมากพรากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไปเป็นสิ่งที่คู่สมรสต้องให้ความสำคัญเป็นอันดับแรก การทำให้ความสัมพันธ์แนวดิ่งกับพระเจ้ามั่นคงมีผลในระยะยาวสำหรับความสัมพันธ์แนวนอนระหว่างสามีและภรรยา มันเป็นหลักประกันว่าชีวิตสมรสของเขาจะยืนยาวและเป็นที่ถวายเกียรติแก่องค์พระผู้เป็นพระเจ้า


  • ·       การยอมรับกันและกัน เป็นสิ่งสำคัญเบื้องต้นของการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน เพราะการที่คนสองคนต้องมาใช้ชีวิตร่วมกันตลอดชีวิต ต้อเห็นหน้ากันทุกวัน ต้องมีกิจกรรมทุกวันร่วมกัน ต้องปรึกษาหารือกันทุกวัน แก้ปัญหาร่วมกันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การยอมรับกันในทุกแง่มุมจะช่วยให้ทั้งคู่อยู่ด้วยกันโดยไม่ขัดแย้งทางความคิดและอารมณ์ ไม่รำคาญกัน ไม่เบื่อกัน ไม่ดูถูกกัน ไม่เกลียดกัน ลักษณะการยอมรับกันและกันได้ มีเครื่องบ่งบอกต่างๆ เช่น การมองอีกฝ่ายในแง่ดี พอใจในคู่ชีวิตทั้งรูปร่างหน้าตา สติปัญญา ความคิดเห็นและจิตใจ จะช่วยทำให้ทั้งคู่สื่อสารกันได้อย่างราบรื่น แม้ต่อการตอบสนองทางเพศสัมพันธ์ที่คู่สมรสมอบหมายให้ ยอมรับในตัวตนรวมไปถึงค่านิยมต่างๆ ของอีกฝ่ายหนึ่ง
คำสอนในพระคัมภีร์
เอเฟซัส 5:25-26 “ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและพระวจนะ”

โครินธ์ 11:3 “แต่ข้าพเจ้าใคร่ให้ท่านเข้าใจว่า พระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของชายทุกคน และชายเป็นศีรษะของหญิง และพระเจ้าทรงเป็นพระเศียรของพระคริสต์”

เอเฟซัส 5:23 “ เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร”

เอเฟซัส 4:32  แต่​ให้​กรุณา​ต่อ​กัน เห็น​อก​เห็น​ใจ​กัน ให้​อภัย​กัน​อย่าง​ใจ​กว้าง​เหมือน​ที่​พระเจ้า​ให้​อภัย​พวก​คุณ​อย่าง​ใจ​กว้าง​โดย​ทาง​พระ​คริสต์

1 โครินธ์ 7:28  แต่​ถ้า​คุณ​จะ​แต่งงาน คุณ​ก็​ไม่​ได้​ทำ​บาป​อะไร และ​ถ้า​คน​โสด​จะ​แต่งงาน เขา​ก็​ไม่​ได้​ทำ​บาป​อะไร แต่​ขอ​ให้​รู้​ว่า​คน​ที่​แต่งงาน​จะ​มี​ความ​ยุ่งยาก​ใน​ชีวิต และ​ผม​ไม่​อยาก​ให้​คุณ​เจอ​กับ​สิ่ง​นั้น

โคโลสี 3:13  แต่​ถ้า​ใคร​มี​สาเหตุ​จะ​บ่น​คน​อื่น ก็​ขอ​ให้​ทน​กัน​และ​กัน และ​ให้​อภัย​กัน​อย่าง​ใจ​กว้าง​ต่อ​ไป พวก​คุณ​ต้อง​เต็ม​ใจ​ให้​อภัย​กัน​เหมือน​ที่​พระ​ยะโฮวา*เต็ม​ใจ​ให้​อภัย​คุณ


  • ·       อย่าคาดหวังว่า “คู่ครองของคุณ” จะสมบูรณ์แบบ เพราะไม่มีใครที่จะสมบูรณ์แบบไปทั้งหมด แม้แต่ตัวของเราเองยังมีทั้งจุดที่ดีและไม่ดี การมาใช้ชีวิตคู่ร่วมกันจำเป็นต้องเรียนรู้ ที่จะพึงพอใจกับข้อดีของกันและกัน ยอมรับข้อเสียของกันและกัน เราไม่สามารถคาดหวังว่าเราจะเข้ากันได้กับคู่ครองของเราทุกๆ เรื่อง หรือ จะไปคาดหวังให้เขาทำในสิ่งที่เราต้องการ แต่ต้องอาศัยวิธี “การปรับตัว” เข้าหากัน ด้วยการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของตัวเองและ/หรือปรับตัวให้ยอมรับสิ่งที่อีกฝ่ายเป็นบ้างเพื่อให้อยู่กับเขาอย่างไม่ต้องเป็นทุกข์ เพราะนิสัยบางอย่างไม่สามารถปรับกันได้ จึงอย่าคาดหวังให้มองส่วนที่ดีซึ่งกันและกัน
คำสอนในพระคัมภีร์
ความประพฤติที่นอบน้อมและถ่อมใจของภรรยาจะสามารถจะทลายกำแพงจิตวิญญาณที่ดื้อดึงของสามีได้ (1 เปโตร 3:1-2)

“ให้สามีทุกคนรักภรรยาเหมือนรักตัวเอง ส่วนภรรยาก็ควรนับถือสามีจากใจ”—อฟ. 5:33

การเชื่อฟังของสามีเป็นการชำระเธอ​ด้วย​น้ำ​แห่ง​พระวจนะ (เอเฟซัส 5:26)

โรม 14:19  ดัง​นั้น ให้​เรา​ตั้งใจ​ทำ​สิ่ง​ที่​สร้าง​สันติ​สุขและ​สิ่ง​ที่​ส่ง​เสริม​กัน​ให้​เข้มแข็ง​ขึ้น

สดุดี 37:4 บอกเราว่า “จงปีติยินดีในพระเจ้า และพระองค์จะประทานตามใจปรารถนาของท่าน” เราควรเชื่อว่าคนยำเกรงพระเจ้าจะไม่มีวันผิดหวังหรือ ไม่ใช่ ผู้เขียนสดุดีเห็นความอยุติธรรมรอบตัว แต่เขามองไปข้างหน้า “จงสงบอยู่ต่อพระเจ้า และเพียรรอคอยพระองค์อยู่” (สดุดี 37:7) เขาสรุปว่า “คนใจอ่อนสุภาพจะได้แผ่นดินตกไปเป็นมรดก” (สดุดี 37:11)

1 โครินธ์ 7:28  แต่ถ้าคุณจะแต่งงาน คุณก็ไม่ได้ทำบาปอะไร และถ้าคนโสดจะแต่งงาน เขาก็ไม่ได้ทำบาปอะไร แต่ขอให้รู้ว่าคนที่แต่งงานจะมีความยุ่งยากในชีวิต และผมไม่อยากให้คุณเจอกับสิ่งนั้น
โคโลสี 3:13  แต่ถ้าใครมีสาเหตุจะบ่นคนอื่น ก็ขอให้ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป พวกคุณต้องเต็มใจให้อภัยกันเหมือนที่พระยะโฮวา*เต็มใจให้อภัยคุณ


  • ·        รู้จักที่จะสื่อสารกัน ในทางจิตวิทยาถือว่าเป็นการสื่อสารเป็นเรื่องสำคัญอันหนึ่งของชีวิตคู่ เพราะการสื่อสารเป็นการใช้ภาษาเพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจความคิด ความรู้สึก และความต้องการของกันและกัน แต่ในความเป็นจริงที่พบในชีวิตคู่ ยิ่งอยู่กันนานคู่สามีภรรยาก็ยิ่งจะสื่อสารกันน้อยลงและคิดเอาเองว่าอยู่กันมาตั้งนานน่าจะรู้ว่าอีกฝ่ายคิดและต้องการอะไร ซึ่งถ้ามาองแล้วเข้าใจถูกก็ดีไปถ้าแปลความหมายผิดก็อาจทำให้ครอบครัวมีปัญหาได้ ทางที่ดีควรเรียนรู้ที่จะพูดและแสดงออกว่าคุณรู้สึกอย่างไร เพื่อให้อีกฝ่ายเข้าใจว่าคุณกำลังรู้สึกอย่างไร ต้องการอะไร
คำสอนในพระคัมภีร์
คำว่า “จำนน” ในหนังสือเอเฟซัส 5:21 เป็นคำ ๆ เดียวกับในข้อ 5:22 ผู้เชื่อทุกคนถูกเรียกให้จำนนต่อซึ่งกันและกันด้วยความยำเกรงพระคริสต์ ข้อ 19-21 เป็นผลมาจากการเต็มล้นด้วยพระวิญญาณบริสุทธิ์ (5:18) ผู้เชื่อที่เต็มล้นด้วยพระวิญญาณถูกเรียกให้เป็นนักนมัสการ (5:19), ให้ขอบคุณพระเจ้า (5:20), ให้ยอมฟังกันและกัน (5:21)


  • ·        การรู้จักขออภัยจากกัน หากคู้สมรสยอมรับซึ่งกันและกันเท่าทีสามารถยอมรับกันได้และพยายามปรับตัวให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ยังมีเรื่องที่คู่ของเราทำในสิ่งที่ก่อให้เกิดความเสียใจขึ้นในความสัมพันธ์ระหว่างกัน ทั้งคู่ควรรู้จักให้อภัย ไม่เก็บความโกรธแค้นขุ่นเคืองไว้ใจ สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งที่ดีมากในชีวิตสมรส
คำสอนในพระคัมภีร์
(คส. 3:13, 14) คู่สมรสสามารถแสดงความรักแบบนี้โดยการอดทน แสดงความเมตตาต่อกัน และ “ไม่จดจำเรื่องที่ทำให้เจ็บใจ”

 (1 คร. 13:4, 5) เมื่อมีเรื่องที่ไม่เข้าใจกัน พวกเขาต้องพยายามแก้ปัญหาให้เร็วที่สุดภายในวันนั้น

 (อฟ. 4:26, 27) การเป็นคนถ่อมตัวและกล้าที่จะพูดว่า “ฉันขอโทษที่ทำให้คุณเสียใจ” จะช่วยแก้ปัญหาและช่วยให้คู่สมรสใกล้ชิดกันมากขึ้น

เอเฟซัส 4:26  ถ้า​โกรธ ก็​อย่า​ทำ​บาป อย่า​โกรธ​จน​ถึง​ดวง​อาทิตย์​ตก

เอเฟซัส 4:32  แต่ให้กรุณาต่อกัน เห็นอกเห็นใจกัน ให้อภัยกันอย่างใจกว้างเหมือนที่พระเจ้าให้อภัยพวกคุณอย่างใจกว้างโดยทางพระคริสต์

โคโลสี 3:13  แต่ถ้าใครมีสาเหตุจะบ่นคนอื่น ก็ขอให้ทนกันและกัน และให้อภัยกันอย่างใจกว้างต่อไป พวกคุณต้องเต็มใจให้อภัยกันเหมือนที่พระยะโฮวา*เต็มใจให้อภัยคุณ


  • ·       การมีเวลาอยู่ร่วมกัน หลังแต่งานคู่สมรสควรมีเวลาให้กัน เพื่อใช้เวลาในการอยู่ร่วมกัน สิ่งนี้ถือเป็นสิ่งสำคัญสำหรับชีวิตคู่ เพราะการมีเวลาอยู่ร่วมกันยอมรับทำให้คุณสามารถสื่อสารกับคู่ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่ต่างคนต่างต้องทำงานนอกบ้าน เวลามีให้กันอาจจะไม่มากนัก แต่คุณทั้งสองสามารถทำให้เวลาที่มีอยู่ในแต่ละวันมีคุณภาพอย่างแท้จริง โดยการทำกิจกรรมที่พอใจและมีความสุขร่วมกัน ตลอดจนคุณควรให้ความสนใจต่อสิ่งที่คุณชอบด้วยเช่น อย่างไรก็ตามการมีช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างกันบ้างย่อมเป็นเรื่องธรรมดาและอาจเป็นสีสันในการใช้ชีวิตคู่
คำสอนในพระคัมภีร์
“เช่นนั้นแหละ สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร” (เอเฟซัส 5:28-29)

 “เพราะเหตุนี้ผู้ชายจึงจะละบิดามารดาของตน ไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้ออันเดียวกัน” (เอเฟซัส 5:31)

สุภาษิต 5:18  ขอ​ให้​บ่อ​น้ำพุ​ของ​ลูก​ได้​รับ​พรและ​ขอ​ให้​ลูก​มี​ความ​สุข​กับ​ภรรยา​ที่​อยู่​กัน​มา​ตั้ง​แต่​หนุ่ม​สาว



  • ·       เพศสัมพันธ์ในชีวิตคู่ การสร้างความสมดุลในเรื่องเพศสัมพันธ์ ย่อมนำมาซึ่งความพึงพอใจของคู่สมรส และถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งที่จะช่วยให้ชีวิตคู่ราบรื่นและเป็นสุข คู่สมรสจำเป็นต้องเรียนรู้ความต้องการของกันและกัน รู้ว่าคู่ของเราชอบหรือไม่ชอบอะไร แบบไหนกันที่ทำให้คู่ของเรามีความสุข เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงความสัมพันธ์ทางเพศให้พึงพอใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย
คำสอนในพระคัมภีร์
(อ่าน 1 โครินธ์ 7:3-5) ทั้งสามีและภรรยาต้องคิดถึงความรู้สึกและความต้องการของอีกฝ่ายหนึ่ง ถ้าสามีไม่แสดงความอ่อนโยน ภรรยาก็อาจรู้สึกไม่มีความสุขกับการมีเพศสัมพันธ์ สามีควรปฏิบัติกับภรรยา “ด้วยความเข้าใจ”

(1 ปต. 3:7) เพศสัมพันธ์ไม่ควรเกิดจากการบังคับหรือฝืนใจทำเพราะถูกเรียกร้อง แต่ควรเป็นไปตามธรรมชาติ ส่วนใหญ่แล้วผู้ชายจะเกิดความต้องการได้เร็วกว่าผู้หญิงเมื่อถูกกระตุ้นให้มีเพศสัมพันธ์ ถึงอย่างนั้น ทั้งคู่ควรรอให้ถึงเวลาที่ทั้งสองคนต้องการจริง ๆ

คัมภีร์ไบเบิลไม่ได้บอกเฉพาะเจาะจงว่าสามีและภรรยาควรทำอย่างไรเพื่อกระตุ้นให้อีกฝ่ายเกิดความต้องการทางเพศและมีเพศสัมพันธ์ แต่คัมภีร์ไบเบิลก็พูดถึงการแสดงความรักแบบนั้น (พซม. 1:2; 2:6) คู่สมรสควรปฏิบัติต่อกันด้วยความอ่อนโยน


  • ·       เรียนรู้และทำความเข้าใจธรรมชาติความแตกต่าง ระหว่างเพศชายเพศหญิง เพราะความแตกต่างระหว่างเพศส่งผลต่อความคิดและพฤติกรรมต่างกัน ธรรมชาติผู้ชายจะชอบใช้เหตุผล ไม่สนใจเรื่องความรู้สึกมีความสุขุมนิ่งและแข็งแรงมากกว่า ต้องการความเป็นส่วนตัว กลัวการขาดอิสระ แต่ต้องการดูแลเอาใจใส่ ถืออำนาจ เกียรติและศักดิ์ศรี ต้องการเป็นผู้นำ ไม่ชอบพูดเรื่องไร้สาระ ไม่ชอบการถูกตำหนิ การบ่น ในขณะที่ผู้หญิงจะมีลักษณะตรงกันข้าม แต่หากมองว่านี่คือธรรมชาติที่แตกต่างกัน และพร้อมที่จะปรับตัวให้เข้ากันได้และรู้จักใช้ส่วนดีของแต่ละฝ่ายที่ธรรมชาติสร้างมา เมื่อนั้นชีวิตคู่จะมีความสุข
คำสอนในพระคัมภีร์
สามีควรเชื่อฟังพระเจ้าและรัก, ให้เกียรติ และปกป้องภรรยาของตน เหมือนรักกายของตนเอง (เอเฟซัส 5:25-31)
ในทำนองเดียวกันภรรยาก็ควรเชื่อฟังพระเจ้าและยอมฟังสามีของตน “เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า” (เอเฟซัส 5:22)


  • ·       รู้จักภาระหน้าที่ในครอบครัวและช่วยเหลือกัน สามี ภรรยาจะมีบทบาทและหน้าที่ของตนเอง โดยทั่วไปทั้งคู้จะมีบทบาทหน้าที่สำคัญในการเป็นสามีภรรยา การหาเลี้ยงชีพ ทำงานบ้าน และเลี้ยงลูก ดังนั้นจึงควรคุยกันว่าแต่ละฝ่ายมีบทบาทหน้าที่ดังกล่าวมากน้อยเพียงใดและอย่างไร
คำสอนในพระคัมภีร์
สุภาษิต 31:10-31”ใครจะพบภรรยาที่ดี เธอประเสริฐยิ่งกว่าทับทิมมากนัก จิตใจของสามีเธอก็วางใจในเธอ และสามีจะไม่ขาดกำไร เธอทำความดีให้เขา ไม่ทำความร้าย ตลอดชีวิตของเธอ

เอเฟซัส 5:22-24 “ฝ่ายภรรยา จงยอมฟังสามีของตน เหมือนยอมฟังองค์พระผู้เป็นเจ้า เพราะว่าสามีเป็นศีรษะของภรรยา เหมือนพระคริสต์ทรงเป็นศีรษะของคริสตจักร ซึ่งเป็นพระกายของพระองค์ และพระองค์ทรงเป็นพระผู้ช่วยให้รอดของคริสตจักร คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น”



  • ·       การจัดการกับความขัดแย้ง ความขัดแย้งถือเป็นเรื่องปกติของการใช้ชีวิตคู่ ดังนั้นเมื่อเกิดความขัดแย้ง การพูดคุยอย่างตรงไปตรงมาจะช่วยให้สถานการณ์ดีขึ้น เพราะจะนำไปสู่การหาแนวทางแก้ไขร่วมกัน จุดสำคัญในการพูดคุย ไม่ควรพูดคุยกันในขณะที่อารมณ์โกรธ เพราะจะนำไปสู่การโต้ถียงกันมากกว่า ควรรอให้ต่างฝ่ายต่างอารมณ์เย็นแล้วมาพูดคุยปรับความเข้าใจและร่วมกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
คำสอนในพระคัมภีร์
เอเฟซัส 5:28-29 “เช่นนั้นแหละ สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง เพราะว่าไม่มีผู้ใดเกลียดชังเนื้อหนังของตนเอง มีแต่เลี้ยงดูและทนุถนอม เหมือนพระคริสต์ทรงกระทำแก่คริสตจักร”


  • ·       เสริมความรักให้เติบโต เมื่อคู่สมรสต้องการใช้ชีวิตคู่ร่วมกัน ทั้งสองต่างก็ต้องการความรัก ความเข้าใจ การดูแลเอาใจใส่ซึ่งกันและกัน ดังนั้นการแสดงออกว่ารัก และเห็นคุณค่าของกันและกันอย่างสม่ำเสมอถือเป็นเรื่องสำคัญ เพราะจะเป็นสิ่งที่จะช่วยในการหล่อเลี้ยงจิตใจของทั้งสองฝ่าย
คำสอนในพระคัมภีร์
โคโลสี 3:18-19 “ฝ่ายภรรยาจงยอมฟังสามีของตน ซึ่งเป็นการสมควรในองค์พระผู้เป็นเจ้า ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน และอย่ามีใจขมขื่นต่อนาง”

1 เปโตร 3:7 “ท่านทั้งหลายที่เป็นสามีก็เช่นกัน จงอยู่กินกับภรรยาด้วยความเข้าใจในเธอ จงให้เกียรติแก่ภรรยา เพราะเป็นเพศที่อ่อนแอกว่า และเพราะท่านทั้งสองได้รับชีวิตอันเป็นพระคุณเป็นมรดก เพื่อว่าคำอธิษฐานของท่านจะไม่มีอุปสรรคขัดขวาง”

กาลาเทีย 5:22-23 “ฝ่ายผลของพระวิญญาณนั้น คือความรัก ความปลาบปลื้มใจ สันติสุข ความอดกลั้นใจ ความปรานี ความดี ความสัตย์ซื่อ ความสุภาพอ่อนน้อม การรู้จักบังคับตน เรื่องอย่างนี้ไม่มีธรรมบัญญัติห้ามไว้เลย”

โรม 14:19  ดัง​นั้น ให้​เรา​ตั้งใจ​ทำ​สิ่ง​ที่​สร้าง​สันติ​สุขและ​สิ่ง​ที่​ส่ง​เสริม​กัน​ให้​เข้มแข็ง​ขึ้น


  • ·       บริหารจัดการเรื่องการเงิน เพราะปัญหาเรื่องการเงินมักเป็นปัญหาใหญ่กับคู่สมรสใหม่เนื่องจากกำลังอยู่ในช่วงสร้างครอบครัว และมีภาระที่ต้องใช้จ่ายมากกว่าชีวิตโสด ดังนั้น คู่สมรสไม่ควรปิดบังกันในเรื่องการเงิน ต้องการวางแผนร่วมกันเกี่ยวกันการใช้จ่ายเพื่อครอบครัว โดยควรประหยัดและใช้เป็นเรื่องจำเป็น ส่วนหนึ่งต้องกันไว้เป็นเงินออมสำหรับสมาชิกในอนาคต ไม่ควรให้ปัญหาเศรษฐกิจเป็นสาเหตุของปัญหาอื่น ๆ ที่จะสร้างความขัดแย้งให้ชีวิตไม่มีความสุข
คำสอนในพระคัมภีร์
ปัญญาจารย์ 5:8-6:12 (ข้อ 5:10  กล่าวว่า “คนรักเงินย่อมไม่อิ่มเงิน และคนรักสมบัติไม่รู้จักอิ่มกำไร นี่ก็อนิจจังด้วย”)

สุภาษิต 6:1-5; 20:16; 22:7, 26-27 (คนมั่งคั่งปกครองเหนือคนยากจน และคนขอยืมก็เป็นทาสของคนให้ยืม… จงอย่าให้สัญญาค้ำประกัน, เป็นผู้ค้ำประกัน หากท่านไม่มีอะไรจ่าย, ทำไมท่านจึงจะยอมให้เขาเอาเตียงนอนของท่านไปเล่า?) เกี่ยวกับการติดสินบน จงดูหนังสือสุภาษิต 17:8; 18:16; 21:14; 28:21; 17:23 (คนชั่วร้ายรับสินบนจากอกเสื้อเพื่อผันแปรทางแห่งความยุติธรรม) เกี่ยวกับความมั่งคั่ง จงดูหนังสือสุภาษิต 10:15; 11:4; 18:11; 23:5; 28:20 “คนที่สัตย์ซื่อจะได้รับพรมากมาย แต่ผู้ที่รีบมั่งคั่งจะไม่มีโทษหามิได้”


  • ·       มีชีวิตที่เป็นของตนเองด้วย เพราะถึงแม้ว่าทั้งคู่จะแต่งงานกัน แต่ต่างฝ่ายต่างก็ยังมีความเป็นตัวของตัวเอง ดังนั้น จึงไม่ควรรักหรือใส่ใจคนรอบข้างจะละเลยตนเองไปให้ระลึกไว้เสมอว่า ไม่มีใครอยากรักหรือผูกผันกับคนที่ไม่รักแม้แต่ตนเอง ไม่ดูแลตนเองเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากท่านรู้จักดูแลตนเอง ท่านก็จะมีความพร้อมที่จะดูแลคนรักได้ดีเช่นกัน
คำสอนในพระคัมภีร์
1โครินธ์ 7:3-5 “สามีพึงประพฤติต่อภรรยาตามควร และภรรยาก็พึงประพฤติต่อสามีตามควรเช่นเดียวกัน ภรรยาไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่สามีมีอำนาจเหนือร่างกายของภรรยา ทำนองเดียวกันสามีไม่มีอำนาจเหนือร่างกายของตน แต่ภรรยามีอำนาจเหนือร่างกายของสามี อย่าปฏิเสธการอยู่ร่วมกันเว้นแต่ได้ตกลงกันเป็นการชั่วคราว เพื่ออุทิศตัวในการอธิษฐาน แล้วจึงค่อยมาอยู่ร่วมกันอีก เพื่อมิให้ซาตานชักจูงให้ทำผิดเพราะตัวอดไม่ได้”
พระคัมภีร์​ไบเบิล​บอก​ว่า​เป็น​เรื่อง​ที่​เหมาะ​และ​สำคัญ​ที่​จะ​รัก​ตัว​เอง​ใน​ระดับ​ที่​เหมาะ​สม ความ​รัก​แบบ​นี้​เกี่ยว​ข้อง​กับ​การ​ดู​แล​เอา​ใจ​ใส่​ตัว​เอง นับถือ​ตัว​เอง และ​เห็น​คุณค่า​ใน​ตัว​เอง (มัทธิว 10:31) คัมภีร์​ไบเบิล​ไม่​ได้​สนับสนุน​ให้​เรา​เป็น​คน​เห็น​แก่​ตัว แต่​บอก​ให้​เรา​รัก​ตัว​เอง​ใน​ระดับ​ที่​เหมาะ​สม

Credit : สำนักพัฒนาสุขภาพจิต






ดังนั้น สิ่งที่สำคัญที่จะช่วยให้คนสองคนที่มาจากต่างครอบครัว ต่างการเลี้ยงดูสามารถมีชีวิตคู่ที่มีความสุข หวานชื่นได้อย่างยืนยาวได้นั้น ต้องอาศัยความร่วมมือจากทั้งสองฝ่ายที่จะเรียนรู้และปรับตัวเข้าหากัน หลักสำคัญที่จะช่วยรักษาความสัมพันธ์ของชีวิตคู่ให้เข้มแข็งและมั่นคงยาวนาน คือ


ปัญหาครอบครัวเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นการหย่าร้าง การนอกใจคู่สมรส เด็กเกิดมาขาดความรักจากผู้เป็นพ่อแม่ เนื่องจากมีลูกเมื่อยังไม่พร้อม เพราะมีเพศสัมพันธ์ก่อนวัยอันควร หน่วยงานในสังคมพยายามแก้ไขปัญหา โดยรณรงค์ใช้อุปกรณ์ "คุมกำเนิด" ในความคิดผมคิดว่าเป็นการแก้ที่ปลายเหตุ แทนที่จะ "คุมกำเนิด" ผมว่าควรจะ "คุมกำหนัด" น่าจะดีว่าเพราะเป็นการแก้ไขที่กระบวนความคิด คิดถูก การกระทำที่ถูกก็ตามมา

โดยเริ่มจากการควบคุมสื่อลามกต่างๆเพื่อไม่ไให้มีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนที่บริโภคสื่อ บางครั้งผู้ที่เป็นศิลปินนักร้อง นักแสดง ที่มีอิทธิพลต่อเด็กและเยาวชนก็ไม่เป็นแบบอย่างที่ดี มีปัญหามีลูกนอกสมรส ไม่รับผิดชอบ ต้องทำการขอตรวจ DNA หาพ่อเด็ก สถาบันการศึกษาในสังคมควรที่จะสอนให้เห็นคุณค่าการสร้างชีวิตครอบครัวที่ถูกต้อง โดยเริ่มต้นจากความคิดที่ถูกต้อง จะส่งผลต่อการกระทำที่ถูกต้อง
ตามหลักการของพระคัมภีร์สอนเราในเรื่องเพศ ว่าต้องคิดให้ถูกต้อง คิดผิดก็เป็นความบาปทางความคิด ต้องจัดการควบคุมไม่ส่งผลทำผิดทางการกระทำ เรียกว่า "คุมกำหนัด"
มัทธิว 5:27-28
27 "ท่านทั้งหลายได้ยินคำซึ่งกล่าวไว้ว่า อย่าล่วงประเวณีผัวเมียเขา
28 ฝ่ายเราบอกท่านทั้งหลายว่า ผู้ใดมองผู้หญิงเพื่อให้เกิดใจกำหนัดในหญิงนั้น ผู้นั้นได้ล่วงประเวณีในใจกับหญิงนั้นแล้ว

ก่อนที่จะเลือกใครสักคนมาแต่งงานและอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัว ต้องแสวงหาการทรงนำจากพระเจ้า และพัฒนาความสัมพันธ์ จากการเป็นเพื่อน เป็นคู่รัก คู่หมั้นและคู่สมรส

ดังนั้นควรจะเลือกใครคนที่ใช่ ไม่ใช่คนที่ชอบ เพราะบางทีคนถูกใจ บางทีอาจจะไม่ถูกต้อง เพราะเราต้องแสวงหาการทรงนำจากพระเจ้าเพื่อแต่งงาน กันมาอยู่ในครอบครัวเดียวกัน
ปฐมกาล 2:24 เพราะเหตุนั้นผู้ชายจึงจากบิดามารดาของตนไปผูกพันอยู่กับภรรยา และเขาทั้งสองจะเป็นเนื้อเดียวกัน
การแต่งงานถ้าเลือกคนที่ไม่ใช่ก็เหมือนถูกจำคุกติดในพันธนาการจองจำ เมื่อทำพันธสัญญาต่อกันไม่ได้ทำพันธนาการต่อกัน
เลือกผิดคน ต้องจนใจอยู่ตลอดชีวิต มีคนเคยบอกผมว่า "การแต่งงานของคริสเตียนเป็นการติดคุก แต่ติดคุกในสวรรค์ แม้ไปไหนไม่ได้ แต่ก้มีความสุข อยู่รอดปลอดภัย"
บ้านนี้ต้องมีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง

สดุดี 127:1 ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงสร้างบ้าน บรรดาผู้ที่สร้างก็เหนื่อยเปล่า ถ้าพระเจ้ามิได้ทรงเฝ้าอยู่เหนือนคร คนยามตื่นอยู่ก็เหนื่อยเปล่า

มีบทกวีบทหนึ่งของ Frank Crane กล่าวไว้ว่า …

ความงดงามของบ้าน คือ ความปรองดองกลมเกลียว
ความมั่นคงของบ้าน คือ ความภักดีที่มีต่อกัน
ความยินดีของบ้าน คือ ความรัก
ความหลากหลายของบ้าน คือ ลูก ๆ ที่อยู่ร่วมกันในบ้าน
กฎของบ้าน คือ การรับใช้ปรนนิบัติกันและกัน
และ ผู้ค้ำจุนบ้านนี้ ก็คือ “พระเจ้า”

เมื่อพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง บ้านนี้ถูกสร้างอย่างถูกทาง ด้วยแบบ Plan ของพระองค์
นอกจากนี้จะสร้างบ้านเป็น "ครอบครัวสุขสันต์ สัมผัสด้วยใจ สร้างได้ด้วยการกระทำ”
บ้านนี้จึงต้องใส่ใจ(Heart) เริ่มต้นสร้างจากสิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่า “รัก” จะอยู่กันชั่วฟ้าดินสลาย เมื่อพระเยซูกลับมารับเราผู้เชื่อ หรือเมื่อพระเจ้าแยกจากกันด้วยความตาย
1โครินธ์ ดังนั้นยังตั้งอยู่สามสิ่ง คือความเชื่อ ความหวังใจ และความรัก แต่ความรักใหญ่ที่สุด
ในบริบทพระคัมภีร์ตอนนี้ พูดถึงความเชื่อในพระโลหิตแห่การไถ่ ความหวังใจในการเสด็จกลับมาของพระเยซูคริสต์ และความรักที่ยิ่งใหญ่แบบพระเจ้าที่ไม่มีเงื่อนไขแบบ Agape ตามนิยามรักดังนี้
1โครินธ์ 13:4-7
4 ความรักนั้นก็อดทนนานและกระทำคุณให้ ความรักไม่อิจฉา ไม่อวดตัว
5 ไม่หยิ่งผยอง ไม่หยาบคาย ไม่คิดเห็นแก่ตนเองฝ่ายเดียว ไม่ฉุนเฉียว ไม่ช่างจดจำความผิด
6 ไม่ชื่นชมยินดีเมื่อมีการประพฤติผิด แต่ชื่นชมยินดีเมื่อประพฤติชอบ
7 ความรักทนได้ทุกอย่างแม้ความผิดของคนอื่น และเชื่อในส่วนดีของเขาอยู่เสมอ และมีความหวังอยู่เสมอ และทนต่อทุกอย่าง
ครอบครัวจึงต้องมีความรัก ความทำให้เกิดความเชื่อในส่วนดีเสมอ และความหวังใจอยู่เสมอแม้ต้องอดทน แต่ความรักจะทำให้สมบูรณ์
โคโลสี 3:14 แล้วจงสวมความรักทับสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เพราะความรักย่อมผูกพันทุกสิ่งไว้ให้ถึงซึ่งความสมบูรณ์

“ความรักก็เป็นเสมือนอากาศ ที่ขาดมันไม่ได้ แม้มองไม่เห็นแต่ก็สิ่งที่จำเป็น”
ความรักสามารถสัมผัสได้ด้วยใจ (Heart) และมองเห็นได้ด้วยการกระทำ (Hand)ที่แสดงออกมา
1ยอห์น 3:18 ลูกทั้งหลายเอ๋ย อย่าให้เรารักกันด้วยคำพูดและด้วยปากเท่านั้น แต่จงรักกันด้วยการกระทำและด้วยความจริง
เริ่มต้นจากแหล่งความรัก คือ มีพระเจ้าเป็นศูนย์กลาง
1ยอห์น 4:8 ผู้ที่ไม่รักก็ไม่รู้จักพระเจ้า เพราะว่าพระเจ้าทรงเป็นความรัก
1ยอห์น 4:16 ฉะนั้นเราทั้งหลายจึงรู้ และเชื่อในความรักที่พระเจ้าทรงมีต่อเรา พระเจ้าทรงเป็นความรัก และผู้ใดที่อยู่ในความรักก็อยู่ในพระเจ้า และพระเจ้าก็ทรงสถิตอยู่ในผู้นั้น

คำว่า "HOME" จึงสามารถสร้างได้โดยมีองค์ประกอบดังนี้
H-Honor : ครอบครัวที่ให้เกียรติต่อกัน เป็นที่นับถือต่อคนทั้งปวง
ให้ความหมายถึง สิ่งที่ควรค่าแก่การให้เกียรติ Related. ที่น่าเคารพนับถือ honorable (adj)ซึ่งมีเกียรติ คำที่คล้ายกัน(Syn.)คือ moral,scrupulous,upright ซึ่งมีคุณธรรม ,ซึ่งมีศีลธรรมจรรยา คำตรงข้าม (Ant.)คือ dishonest,unethical,unscrupulousdishonest ,unethical,unscrupulous

ฮีบรู 13:4 จงให้การสมรสเป็นที่นับถือแก่คนทั้งปวง และให้เตียงสมรสปราศจากความชั่วช้าเพราะคนมีชู้ และคนที่ล่วงประเวณีนั้น พระเจ้าจะทรงพิพากษาโทษเขา

Hebrews 13:4 (kjv) Marriage is honourable in all, and the bed undefiled: but whoremongers and adulterers God will judge.
พระคัมภีร์ให้ความสำคัญในชีวิตสมรสต้องเป็นที่นับถือ อยู่ในความบริสุทธิ์(Holy) ภาพงานสมรสในโลกนี้เป็นภาพสะท้อนความสัมพันธ์ในทางที่บริสุทธิ์ ของผู้เชื่อ (คริสตจักร)เป็นเจ้าสาว และพระเจ้าเป็นเจ้าบ่าว (คำว่า Holy คือการรักษาความบริสุทธิ์ ให้เป็นที่นับถือ แยกไว้สำหรับพระเจ้า)
เอเฟซัส 5:24-28
24 คริสตจักรยอมฟังพระคริสต์ฉันใด ภรรยาก็ควรยอมฟังสามีทุกประการฉันนั้น
25 ฝ่ายสามีก็จงรักภรรยาของตน เหมือนอย่างที่พระคริสต์ทรงรักคริสตจักร และทรงประทานพระองค์เองเพื่อคริสตจักร
26 เพื่อจะได้ทรงทำให้คริสตจักรบริสุทธิ์ โดยการทรงชำระด้วยน้ำและพระวจนะ
27 เพื่อพระองค์จะได้มีคริสตจักรที่มีสง่าราศี ไม่มีตำหนิริ้วรอย หรือมลทินใดๆเลย แต่บริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ
28 เช่นนั้นแหละ สามีจึงควรจะรักภรรยาของตนเหมือนกับรักกายของตนเอง ผู้ที่รักภรรยาของตนก็รักตนเอง

ดังนั้นอยู่ในบ้านเดียวกัน ต้องเอาใจใส่กันให้เกียรติต่อกัน มีคำเรียกใหม่ ว่า "ที่รัก" หรือ "ฮันนี่ (Honey)"เป็นต้น มาจากความรักที่ให้เกียรติผู้ที่เป็นสามีหรือภรรยา เพราะเรียกมาจากความรู้สึกข้างใน และต้องรักษาสิ่งนี้แม้เวลาเปลี่ยนไป หรือ สังขารจะเปลี่ยนแปลง อย่ามีคำพูดที่เรียกแทนชื่อว่า "ตาแก่ ยายแก่" จาก "ฮันนี่ ที่รัก" กลายเป็น "หันหนี" หันหนีหายไปจากบ้าน
และครอบครัวจะต้องรักษาความบริสุทธิ์ในทางชอบธรรม ไม่ผิดประเวณี นอกใจคู่สมรส เป็นแบบอย่างจนเป็นที่นับถือของคนทั้งปวง

O-Offering : ครอบครัวแห่งการให้ ให้ความรักต่อกัน และแบ่งปันความรักออกไปสู่ผู้อื่น
เราอาจจะให้ได้แม้ไม่ได้รัก แต่ถ้ารักแล้วเป็นไปไม่ได้ที่จะไม่ให้ ความรักในครอบครัวไม่ใช่ให้แค่กันและกันแต่เป็นการให้ความรักออกไป
มีคำกล่าวว่า "การแบ่งปันความสุขให้ผู้อื่น เพิ่มความสุขให้กับตนเองเป็นสองเท่า การแบ่งเบาความทุกข์ของผู้อื่น ลดความทุกข์ของตนเองลงครึ่งหนึ่ง"

กิจการของอัครทูต 20:35 ... ระลึกถึงพระวาทะของพระเยซูเจ้า ซึ่งพระองค์ตรัสว่า "การให้เป็นเหตุให้มีความสุขยิ่งกว่าการรับ"
การให้ทำให้เกิดสุขทั้งผู้รับและผู้ที่ให้ พระเจ้าจึงสอนคริสตชนให้รักเพื่อนบ้าน เหมือนรักตนเอง และแจกจ่ายความรักโดยให้ออกไป ดังที่พระเจ้าได้สำแดงความรักที่ยิ่งใหญ่แก่คนบาปแบบเราคือ ให้พระเยซูคริสต์มาตายเพื่อเรา
ยอห์น 3:16 เพราะว่าพระเจ้าทรงรักโลก จนได้ทรงประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ เพื่อทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
พระเจ้ามีแรงจูงใจที่ดีเลิศในการให้คือ "ทรงรักโลก" ของขวัญที่ดีเลิศ คือ "ประทานพระบุตรองค์เดียวของพระองค์ "
เงื่อนไขการให้ที่ดีเลิศคือ "ทุกคนที่วางใจ" ผลของการให้ที่ดีเลิศคือ "ทุกคนที่วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่พินาศ แต่มีชีวิตนิรันดร์
นั่นเป็นสิ่งที่เมื่อเรามาแต่งงานเป็นครอบครัวแล้ว ไม่ใช่มองที่คนสองคนเข้ามากันเท่านั้น แต่มองไปข้างหน้าด้วยกันไปถึงผู้อื่นและให้สิ่งที่ดีที่สุดออกไป คือ ข่าวประเสริฐ (Gopel) ไปถึงคนสุดปลายแผ่นดิน (กจ.1:8)
(GOSPEL คือ God Offers Sinful People Eternal Life. พระจ้าทรงประทานชีวิตนิรันดร์ให้กับคนบาป)

เพลงโซโลมอน 8:7 น้ำมากหลายไม่อาจดับความรักให้มอดเสียได้ หรืออุทกธารทั้งหลายไม่อาจท่วมความรักให้สำลักตายเสียได้ แม้ว่าคนใดจะเอาทรัพย์สมบัติในเหย้าเรือนของตนทั้งสิ้นมาแลกกับความรักนั้น คนนั้นคงได้รับความหมิ่นประมาทจากคนทั้งหลายเป็นอย่างยิ่ง

การให้ด้วยความรักเป็นพลังที่สร้างสรรค์ที่มีอานุภาพมากกว่าพลังที่ทำลายล้าง ความรักนั้นไม่มีอะไรที่ทำลายล้างได้ โลกนี้จะน่าอยู่หากเราหยิบยื่นความรักให้กัน

M-Meekness -ครอบครัวที่ถ่อมสุภาพ เรียนรู้จักกันและกัน
คำว่า Meekness ให้ความหมาย : ความนอบน้อม (Synonym : mildness, submission, timidity)

สดุดี 25:9 พระองค์ทรงนำคนใจถ่อมไปในสิ่งที่ถูก และทรงสอนมรรคาของพระองค์แก่คนใจถ่อม
Psalms 25:9 (kjv) The meek will he guide in judgment: and the meek will he teach his way.

โคโลสี 3:12 เหตุฉะนั้นในฐานะที่เป็นพวกซึ่งพระเจ้าทรงเลือกไว้ เป็นพวกที่บริสุทธิ์และเป็นพวกที่ทรงรัก จงสวมใจเมตตา ใจปรานี ใจถ่อม ใจอ่อนสุภาพ ใจอดทนไว้นาน สุภาพอ่อนโยนให้เกียรติต่อกันและกัน

Colosians 3:12 Put on therefore, as the elect of God, holy and beloved, bowels of mercies, kindness, humbleness of mind, meekness, longsuffering;

มัทธิว 5:5 "บุคคลผู้ใดมีใจอ่อนโยน ผู้นั้นเป็นสุข เพราะว่าเขาจะได้รับแผ่นดินโลกเป็นมรดก
Matthew 5:5 Blessed are the meek: for they shall inherit the earth.

ความถ่อมใจอ่อนสุภาพจะเป็นเหมือน "แม่เหล็ก" จะเป็นแรงดึงดูดเข้าหากัน แต่ความโกรธ ฉุนเฉียว เจ้าอารมณ์เป็นอาร์ทตัวพ่อ หรือ เอาแต่ใจตัวแม่ จะเป็น เหล็กไน ที่ทิ่มแทงและเกิดความอักเสบในชีวิตครอบครัว
สุภาษิต 15:1 คำตอบอ่อนหวานช่วยละลายความโกรธเกรี้ยวให้หายไป แต่คำกักขฬะเร้าโทสะ
ดังนั้นความถ่อมสุภาพจะเป็นการทำให้เกิดการเรียนรู้จักกันและกัน อดทนต่อกันและกัน ไม่ใช้อารณ์แต่ใช้เหตุผลในการพูดคุยกัน เและความถ่อมสุภาพจะช่วยผ่อนหนักผ่อนเบา ให้ชีวิตครอบครัวดำเนินไปได้ด้วยดี

E-Encouragement ครอบครัวแห่งการหนุนใจให้กำลังใจกัน
สุภาษิต 15:17 กินผักเป็นอาหารในที่ที่มีความรัก ก็ดีกว่ากินเนื้อวัวอ้วนพร้อมกับความเกลียดชังอยู่ด้วย
คนที่อยู่ในครอบครัวเดียวกัน ต้องพูดหนุนใจให้กำลังใจกัน ไม่จู้จี้ขี้บ่น หากมีภรรยาชอบบ่น สามีขอไปบนหลังคาเรือนดีกว่า

สุภาษิต 21:9 อยู่ที่มุมบนหลังคาเรือน ดีกว่าอยู่ในเรือนร่วมกับหญิงขี้ทะเลาะ
ครอบครัวควรจะเป็นเขตปลอดเสียง(บ่น) ให้เป็นครอบครัวที่มีเสียงนมัสการ อธิษฐานและหนุนใจกัน เพราะเมื่อมาอยู่ด้วยกัน ทำงานร่วมกัน ก็ดีกว่า ต่างคนต่างทำ สามีภรรยาจะเป็นคู่อุปถัมภ์ที่ดีต่อกัน
ปัญญาจารย์ 4:9-12
9 สองคนดีกว่าคนเดียว เพราะว่าเขาทั้งสองได้รับผลของงานดี
10 ด้วยว่าถ้าคนหนึ่งล้มลง อีกคนหนึ่งจะได้พะยุงเพื่อนของตนให้ลุกขึ้น แต่วิบัติแก่คนนั้นที่อยู่คนเดียวเมื่อเขาล้มลง และไม่มีผู้อื่นพะยุงยกเขาให้ลุกขึ้น
12 แม้คนหนึ่งสู้คนเดียวได้ สองคนคงสู้เขาได้แน่ เชือกสามเกลียวจะขาดง่ายก็หามิได้
ครอบครัวต้องสนับสนุนกันในทางที่ดีที่ถูกที่ควร ความรักที่แท้ต้องสนับสนุนให้ทำความดี ความรักแท้ต้องสนับสนุนให้มีกำลังใจ ความรักแท้ต้องสนับสนุนให้คนมีความหวังใจ ไม่ใช่สนับสนุนกันในทุกทาง แต่ต้องสนับสนุนกันให้ถูกทางของพระเจ้า
(pattamarot.blogspot.com)






ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...