อย่ากล่าวโทษเขา
ทำไมเราถึงมองเห็นผงในตาคนอื่น ทั้งที่มีไม้ทั้งท่อนที่อยู่ในตาตนกลับไม่รู้สึก
— แสดงให้เห็นถึงการกระทำที่ลำเอียง เอาดีเข้าตัวเอาชั่วให้คนอื่นเขา
การกระทำของตนไม่พิจารณาแก้ไข แต่กลับนั่งนับจับผิดคนที่ทำผิดน้อยกว่าตน
แต่ละคนมีความรับผิดชอบที่จะต้องมองดูการกระทำของตัวเองก่อน
คุณคงหงุดหงิดต่อคนที่ชอบสอนคนอื่นทั้งๆ ที่ตนไม่รู้อะไรเลย
พระเยซูทรงเรียกพวกฟาริสี สะดูสีและธรรมาจารย์ว่าเป็น(คนตาบอด)
เพราะเขาคิดว่าตนรู้พระบัญญัติมากกว่าคนอื่นๆ
เขามักจะเอาแอกที่หนักไปวางให้คนอื่นแบก ส่วนพวกเขาเองแม้เพียงปลายนิ้วก็ไม่ยอมยกขึ้น...
ความชั่วบังตา มองเห็นบาปคนอื่น แต่มองข้ามบาปตัวเอง — ดู
สดุดี 40:12
เมื่อมารทำให้เรากล่าวโทษคนอื่นเราก็เอาตัวเข้าไปสู่บาปอีกบาปหนึ่งที่หนักกว่า
มองเห็นความสำคัญที่จะต้องจัดการกับ (ผงในตาคนอื่น)
แต่ไม่แม้แต่จะหันมามอง(ท่อนไม้ในตาของตนเอง)
คำอธิษฐานของฟาริสีและคนเก็บภาษี — ลูกา 18:9-14
9สำหรับบางคนที่ไว้ใจในตัวเองว่าเป็นคนชอบธรรม และได้ดูหมิ่นคนอื่นนั้น พระองค์ตรัสคำอุปมานี้ว่า 10“มีสองคนขึ้นไปอธิษฐานในบริเวณพระวิหาร คนหนึ่งเป็นพวกฟาริสีและคนหนึ่งเป็นพวกเก็บภาษี 11คนฟาริสีนั้นยืนนึกในใจของตน อธิษฐานว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ข้าพระองค์โมทนาขอบพระคุณของพระองค์ ที่ข้าพระองค์ไม่เหมือนคนอื่น ซึ่งเป็นคนโลภ คนอธรรม และคนล่วงประเวณี และไม่เหมือนคนเก็บภาษีคนนี้ 12ในสัปดาห์หนึ่งข้าพระองค์ถืออดอาหารสองหน และของสารพัดซึ่งข้าพระองค์หาได้ข้าพระองค์ได้เอาสิบชักหนึ่งมาถวาย’ 13ฝ่ายคนเก็บภาษีนั้นยืนอยู่แต่ไกล ไม่แหงนดูฟ้า แต่ตีอกของตนว่า ‘ข้าแต่พระเจ้า ขอทรงโปรดพระเมตตาแก่ข้าพระองค์ผู้เป็นคนบาปเถิด’ 14เราบอกท่านทั้งหลายว่า คนนี้แหละเมื่อกลับลงไปยังบ้านของตนก็นับว่าชอบธรรม มิใช่อีกคนหนึ่งนั้น เพราะว่าทุกคนที่ยกตัวขึ้นจะต้องถูกเหยียดลง แต่ทุกคนที่ได้ถ่อมตัวลงจะต้องถูกยกขึ้น”
เราจำเป็นต้องเห็นอันตรายของการ ‘ตัดสินพี่น้อง’ —
พระคัมภีร์สอนให้เรา ‘ตักเตือนพี่น้อง’ แต่ไม่ใช่ให้(ตัดสิน) การนินทา, การใส่ร้าย, การบิดเบือนความจริง
ล้วนแต่เป็นบาปที่นำมาสู่การแตกแยก
เมื่อเราเอาความคิดเห็นของตัวเองเป็นใหญ่และไม่พึ่งพาพระวจนะของพระเจ้า
เราก็กำลังทำให้เกิดการแตกแยกขึ้นในครอบครัวของพระเจ้า
เมื่อพี่น้องทำผิดต่อเรา พระคัมภีร์ให้เรา
“จงวางเครื่องบูชาไว้ที่หน้าแท่นบูชา กลับไปคืนดีกับพี่น้องผู้นั้นเสียก่อน
แล้วจึงค่อยมาถวายเครื่องบูชาของท่าน” (มัทธิว 5:24)
พระเจ้าทรงพอพระทัยในเครื่องเผาบูชาและเครื่องสัตวบูชามากเท่ากับการที่จะเชื่อฟังพระสุรเสียงของพระองค์หรือ
ดูเถิด ที่จะเชื่อฟังก็ดีกว่าเครื่องสัตวบูชาและซึ่งจะสดับฟังก็ดีกว่าไขมันของบรรดาแกะผู้
(1 ซามูเอล 15:22)
เราก็เป็นคนบาปที่รับการอภัยจากพระเจ้า ดังนั้น
ให้เรามีใจที่อภัยให้กับผู้อื่น เพราะถ้าเราจะว่าเราไม่มีบาป เราก็ลวงตนเอง
และสัจจะก็ไม่ได้อยู่ในเรา(ดู 1 ยอห์น 1:8)
ปัญหาที่ทำให้คริสตจักรอ่อนแอก็คงจะไม่มีอะไรมากไปกว่าความเห็นแก่ตัว, ความเย่อหยิ่งของคริสเตียน
ต่างก็เอาดีเข้าตัว เอาชั่วให้เขา เมื่อไม่พอใจใครก็เก็บกด, นินทา, ถอนตัว, แยกอยู่สันโดด
ฯลฯ ไม่ถ่อมใจพอที่จะเข้าไปพึ่งพาพระเจ้า, ไม่ขอการช่วยเหลือ, ไม่มองดูความบกพร่องของตนเอง
และไม่ยอมรับการเปลี่ยนแปลงใหม่ตามพระทัยพระเจ้า เรามักจะทำตัว “ฉันก็คือฉัน”
ไม่มี ‘หิริโอตตัปปะ’ (ความละอายและเกรงกลัวต่อบาป)
ไม่ได้คิดเห็นแก่กางเขนของพระคริสต์
คนมักเหนื่อยเพราะ(มอง)บาปของคนอื่น
แต่ไม่เหนื่อยเมื่อแบกบาปของตัวเอง — อย่ากระหายที่จะเขี่ยผงออกจากตาเขา
โดยที่ในตาของเรามีไม้ทั้งท่อน พระคัมภีร์บอกให้เรา
“จงชักไม้ทั้งท่อนออกจากตาของท่านก่อน” บาปเป็นภาระให้แก่ทุกคนที่แบกมัน
บังตาทุกคนที่มีมัน
บาป(ไม้ทั้งท่อน)ในตัวเราทำให้เรามองบาป(ผงในตาของพี่น้อง)ไม่ชัด
แม้จะพยายามเขี่ยเท่าไรก็เขี่ยไม่ออก เพราะนั่นเป็นวิธีการที่ผิด
เป็นวิธีการของคุณ ไม่ใช่เป็นวิธีการของพระเจ้า
อย่าพยายามเอาชนะกันและกันด้วยการพูดว่า “ฉันดีกว่าเธอ” —
อย่าพยายามเอาชนะคนอื่นด้วยการ(ชี้นิ้วกล่าวโทษเขา) แต่จงทำตัวให้เป็นแบบอย่าง
การทำตัวเป็นแบบอย่างนั้นต้องใช้เวลาไม่น้อย อาจจะได้ผลกับบางคนแต่ไม่มีผลต่อบางคน
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ชีวิตที่เป็นแบบอย่างย่อมมีพลังมากกว่าการ(ชี้นิ้ว)แน่นอน
กาลาเทีย 6:4 กล่าวว่า “ทุกคนจงสำรวจการกระทำของตนเอง จึงจะมีอะไรๆ
ที่จะอวดได้ในตัว ไม่ใช่เปรียบกับผู้อื่น”
พระเจ้าไม่ได้เรียกให้เราไปสร้างบาดแผลในใจของพี่น้อง แต่ให้เราหนุนจิตชูใจกัน
และเสริมสร้างกันขึ้นสู่ความไพบูลย์ของพระคริสต์
จงสอนตนเองก่อนที่จะสอนคนอื่นเสมอๆ ฟาริสีถูกพระเยซูเรียกว่า เจ้า
“พวกฟาริสีตาบอด”
ก็เพราะพวกเขาเอาแต่จับผิดการกระทำของผู้อื่นแต่ไม่เคยคิดจะพิจารณาแก้ไขอุปนิสัยของตัวเอง
พระธรรมสุภาษิต 29:18-20 กล่าวว่า
18“ที่ใดๆ ที่ไม่มีการเผยธรรม ประชาชนก็ละทิ้งความยับยั้งชั่งใจเสีย
แต่คนที่รักษาธรรมบัญญัติจะเป็นสุข 19สักแต่ใช้คำพูดเท่านั้นจะฝึกสอนคนใช้ไม่ได้
เพราะถึงแม้เขาจะเข้าใจ แต่เขาก็จะไม่ฟัง 20เจ้าเห็นคนที่ปากไวหรือ
ยังมีหวังในคนโง่มากกว่าเขา”
พระเจ้าทรงแก้ไขปัญหาความบาป(ของโลก)ด้วย ‘ความตายของพระเยซูคริสต์’ —
ความรัก, การเสียสละ, ความอดทน, การอภัย ฯลฯ
พระเยซูคริสต์ได้ทำเพื่อเราก่อนที่เราจะรู้จักพระองค์
ทรงให้เราก่อนที่เราจะเรียกพระองค์ว่า “องค์พระผู้เป็นเจ้าของข้าพระองค์
พระเจ้าของข้าพระองค์” ความเย่อหยิ่งทำให้เราไม่ยอมเรียนรู้ความถ่อมใจจากพระคริสต์
เราคิดว่าเรามีดีกว่าใคร
และไม่สนใจว่าวิธีการที่เราใช้ในการ(เขี่ยผง)ออกจากตาพี่น้องจะทำให้เขาเจ็บปวดหรือไม่
หัวใจที่ด้านชาก็ไร้ความเมตตาสงสาร การถือตัวว่าถูกต้อง
ไม่ได้ช่วยให้เราเป็นคนที่ถูกต้องในสายพระเนตรของพระเจ้า
แต่การถ่อมใจยอมให้เวลากับผู้ที่ยังอ่อนแอต่างหากที่พระเจ้าทรงยอมรับว่าทำเพื่อพระองค์
อย่าหลงตัวเองและอย่าหลอกตัวเองว่าพระเจ้าทรงพอพระทัยในการเป็น
‘ขงเบ้ง’(ผู้มีปัญญา)ของตน เพราะขงเบ้งใช้ปัญญาเพื่อประโยชน์ของส่วนรวม
แต่หลายครั้งที่คริสตจักรแตกแยก
พระกายพระคริสต์ต้องเจ็บปวดก็เพราะคนที่มักอวดตัวว่ามีปัญญาแต่มีหัวใจที่ไร้ความปราณี
(ขอขอบคุณ เจิม ซัม สำหรับข้อความหนุนใจดีๆนี้คะ)
พี่น้องที่รักจากพระวจนะทั้งหมดที่ได้กล่าวมานี้ จะเห็นพระคริสต์ทรงต้องการให้เราสำรวจตนเอง
ให้ถ้วนทั่วท่องแท้เสียก่อน หากพบส่วนที่บกพร่องและผิดดพลาด
ก็ให้แก้ไขปรับปรุงตนเสียให้ดีก่อน แล้วจึงบอกผู้อื่นถึงข้อบกพร่องและปัญหาของเขา
หรือการมองหาข้อตำหนิของตนเองก่อนที่ไปมองหาข้อบกพร่องของผู้อื่น
เราต้องแก้ไขตัวเองก่อน (มธ.7:3-5)
พระเยซูบอกว่าให้เอาไม้ทั้งอนที่อยู่ในตาของตนเองออกก่อน
เพื่อตัวเองจะได้เห็นชัดเจน เพราะว่าหลายครั้งเราไปว่าคนอื่น
ขณะที่ตัวเราเองยังทำผิดพลาดอยู่ ความผิดที่เราทำก็ไม่ใช่เล็กน้อยเสียด้วยสิ
เพราะคำว่า ไม้ทั้งท่อน มันคงต้องใหญ่กว่าผงที่อยู่ในตาคนอื่นอย่างแน่นอน
อย่าเป็นเหมือนดาวิดที่ทำผิดแล้วยังไม่รู้ตัวอีก (2ซมอ.12:5-6)
และแม้รู้ว่าทำผิดแล้วก็ยังขอให้พระเจ้าหันหน้าหนีไปจากความบาปที่ตนเองได้ทำ
(สดด.51:9-13) แต่ให้เราพิจารณาตัวเราเองอยู่เสมอ ขอพระเจ้ายกโทษความผิดที่เราได้กระทำ แก้ไข แต่ไม่แก้ตัว
ก่อนนอนทุกคืนเราควรสำรวจชีวิตของเราและสารภาพบาปต่อพระเจ้าทุกคืน
ขอพระเจ้าอวยพรพี่น้องที่รักทุกท่าน
Kc
Love God
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น