วันศุกร์ที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2561

ทำไมเราต้องการพระคัมภีร์ในชีวิตประจำวันของเรา



ทำไมเราต้องการพระคัมภีร์ในชีวิตประจำวันของเรา
        คริสตชนควรจะได้อ่านพระคัมภีร์เป็นประจำทุกวัน อาจจะอ่านวันละตอนสั้นๆ หรือจะเป็นตอนยาว ๆ หรือทั้งบทก็ได้ แต่ไม่ควรจะอ่านบ้างหยุดบ้าง(นอกจากกรณีจำเป็น) เพื่อจะได้มีพระวาจาหล่อเลี้ยงชีวิตของเราทุกคน

       การอ่านพระคัมภีร์ก็เหมือนการได้คุยกับพระเพื่อจะทราบว่าพระเป็นเจ้ามีความประสงค์จะให้เราทำอะไร เพื่อจะได้ทราบว่าพระเป็นเจ้ามีความประสงค์จะให้เราทำอะไร เพื่อเราจะได้ทราบความบกพร่องชีวิตจิตของเรา และจะทำการปรับปรุงแก้ไขอย่างไร รวมทั้งเมื่อเรามีปัญหาบางอย่างในชีวิตของเรา เราจะนำพระวาจาจากพระคัมภีร์มาแก้ไขปัญหาชีวิตของเราอย่างไร

        ที่สำคัญยิ่งกว่านั้นก็คือ เราจะได้เข้าใจถึงความรักของพระเจ้าที่มีต่อเรามากขึ้น และทำให้เราได้มีชีวิตใกล้ชิดพระเจ้ามากขึ้น ทำให้เราไม่มีความรู้สึกว้าเหว่ และทำให้เรามีความสุขสันต์อย่างที่เราไม่เคยคาดคิดมาก่อน

 การนำพระคัมภีร์มาใช้กับชีวิตของเราอาจจะจำแนกออกเป็นข้อๆ ดังนี้
1. การนำพระวาจาของพระมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา
        คริสตชนทุกคนควรจะยึดพระวาจาของพระมาใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวันของเรา เพื่อเราจะได้ทำทุกอย่างเพื่อเป็นการให้เกียรติพระองค์ และเป็นไปตามน้ำพระทัยของพระองค์
 หากเราไม่อ่านพระคัมภีร์ เราก็คงไม่ทราบถึงรายละเอียดว่าพระจะให้เราทำอะไรบ้างในการดำเนินชีวิต เพราะชีวิตของคริสตชนมิได้ขึ้นกับการแก้บาป รับศีล และไปวัดทุกวันอาทิตย์ตามที่เราได้เรียนรู้ เมื่อตอนเรียนคำสอนเท่านั้น แต่ยังมีรายละเอียดอื่นๆ อีกมากมายที่พระสอนเราและให้เราปฏิบัติ ซึ่งอยู่นอกเหนือจากที่เราเรียนรู้ เมื่อคราวที่เราเรียนคำสอน

        การอ่านพระคัมภีร์จะทำให้เราได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำสอนของพระเป็นเจ้ามากขึ้นและทำให้เราสามารถปฏิบัติตนเป็นคริสตชนที่ดีได้มากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้ชีวิตจิตวิญญาณของเราได้เจริญเติบโตยิ่งๆ ขึ้น พร้อมๆ กับการเจริญเติบโตทางร่างกาย ไม่ใช่ร่างกายเจริญเติบโตอย่างเดียวแต่จิตวิญญาณไม่ยอมเจริญเติบโตด้วย ยิ่งปัญหาภาวะแวดล้อมของสังคมโลกปัจจุบันที่จะทำให้มนุษย์มีความชื่นชมยินดีกับชีวิตฝ่ายโลกจนลืมชีวิตฝ่ายจิตแล้วอ่านพระคัมภีร์ก็ยิ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากขึ้น เพราะเราจะได้มีพระวาจาเป็นเครื่องยึดเหนี่ยวชีวิตของเรา

       การอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำทุกวันจึงเป็นของจำเป็นยิ่งสำหรับคริสตชนในยุคปัจจุบันนี้
        การอ่านพระคัมภีร์จะอ่านจากพระคัมภีร์โดยตรง หรือจากพระวรสารทั้งสี่หรืออ่านจากไบเบิลไดอารีที่มีพิมพ์ออกจำหน่ายก็ได้ ใช้ได้เหมือนๆกัน หรือการดาวโหลดแอปมากมายให้เลือกอ่าน แล้วแต่ท่านจะสะดวก

 2. การนำพระคัมภีร์ไปใช้แก้ปัญหาชีวิตของตนเองและครอบครัว
      มนุษย์ทุกคนมีปัญหาชีวิตของตนเองไม่มากก็น้อย รวมทั้งปัญหาของครอบครัวหรือปัญหาของญาติพี่น้องของเราด้วย การอ่านพระคัมภีร์เป็นประจำวันจะทำให้เราสามารถนำพระวาจาจากพระคัมภีร์มาใช้ในการแก้ไขปัญหาของเรา และครอบครัวได้เป็นอย่างดี เพราะคำสอนของพระเยซูเจ้าได้บอกถึงวิธีการแก้ไขปัญหาต่างๆ ไว้เป็นอย่างดี ส่วนปัญหาใดที่เราไม่สามารถแก้ไขเองได้ พระองค์ก็ได้ทรงบอกให้เราขอพระเป็นเจ้าและมอบปัญหาของเราแก่พระเป็นเจ้า แล้วพระองค์จะช่วยเราเอง หากเราขอด้วยความเชื่ออย่างแท้จริง

      อย่างไรก็ตาม มีบางคนได้เอาพระวาจาของพระเยซูเจ้าไปใช้ในทางที่ไม่ถูกต้อง เช่น พระเยซูเจ้าบอกว่า “จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิด” แต่ให้ผู้ขอขอด้วยความเชื่อแล้วพระองค์จะจัดการให้เราเอง โดยผู้ขอ ขอแล้วก็ไม่ยอมทำอะไรเลย คงรอคอยให้พระเป็นเจ้าทำงานช่วยเราแต่เพียงฝ่ายเดียว แล้วเราก็ไม่ได้อย่างที่เราขอ แล้วก็โทษพระ หรือโกรธพระว่าพระองค์ไม่ทรงช่วยเรา

ประโยชน์ที่ได้รับจากการอ่านพระคัมภีร์ที่สำคัญก็คือ
(1) พระคัมภีร์ทำให้เราเกิดความสำนึกผิดเมื่อทำบาป
       พระคัมภีร์จะช่วยให้เราได้เห็นความผิดหรือ บาปที่เราได้กระทำอย่างชัดเจน  ทำให้เรามีความสำนึกที่ตัวในการทำบาปของเรา และมีความเป็นทุกข์ถึงบาปด้วยการขอกลับคืนดีกับพระเจ้า และด้วยการละทิ้งบาปนั้นที่จะไม่ทำต่อไปอีกในชีวิตของเรา ดังที่มีกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า...
“ข้าแต่พระองค์ได้สะสมพระดำรัสของพระองค์ไว้ในใจของข้าพระองค์ เพื่อข้าพระองค์จะไม่ทำบาปต่อไป”  (สดด.119:11)

"ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม  คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง" (2 ทธ.3:16-17)

(2) การศึกษาพระคัมภีร์จะทำให้เรามีความหวัง
         ความหวังเป็นของประทานอันอุดมสมบูรณ์มาจากพระเป็นเจ้า ซึ่งจะมีอยู่ท่ามกลางผู้มีความเชื่อเท่านั้น พระคัมภีร์ก็คือ พระวาจาหรือคำสอนของพระเจ้า ผู้ใดที่เชื่อและปฏิบัติตาม ผู้นั้นก็จะพบกับความหวัง ซึ่งเป็นพระวิญญาณของพระเป็นเจ้าที่ปรากฏอยู่ในพระวจนะของพระองค์ในพระคัมภีร์ที่มีกล่าวถึงว่า

“สิ่งที่เขียนไว้ก่อนนั้นก็เขียนไว้สำหรับสั่งสอนเรา เพื่อเราจะมีความหวังอาศัยความอดทนพากเพียรและการปลอบใจที่มาจากพระคัมภีร์”  (โรม 15 : 4)

(3)การศึกษาพระคัมภีร์ทำให้เกิดสันติสุข
        ผู้ที่รู้และเข้าใจในพระวจนะของพระเจ้า จะมีความรู้สึกปิติยินดีและมั่นคงที่จะได้เรียนรู้เกี่ยวกับความรักของพระเจ้าที่มีต่อเขามากขึ้น และจะทำให้เขาได้มีโอกาสพบกับสันติสุขกับพระเจ้าซึ่งเป็นสันติสุขที่มนุษย์ทุกคนทั่วโลกเสาะแสวงหาและสันติสุขดังกล่าวจะค้นหาได้จากที่เดียวคือ ในพระคัมภีร์

คริสตชนใดที่ขาดการศึกษาพระวจนะจากพระเจ้าในพระคัมภีร์ เขาผู้นั้นจะไม่มีโอกาสพบกับสันติสุขที่แท้จริงในชีวิตของเขาเลย ดังที่มีการกล่าวไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“บุคคลที่รักพระธรรมของพระองค์ จะมีสันติสุขอันยิ่งใหญ่”  (สดด.119:165)

(4) การศึกษาพระวจนะของพระเจ้าจะทำให้เราสามารถจัดการกับปัญหาต่างที่เกิดกับชีวิตของเราได้เป็นอย่างดี
        ผู้ที่ศึกษาพระคัมภีร์จะพบว่าปัญหาต่างๆที่เรามีในชีวิตของเรานั้น พระคัมภีร์ได้บอกถึงแนวทางแก้ไขปัญหาต่างๆเหล่านั้นไว้ให้เราแล้วทุกประการ หากเราได้ปฏิบัติตามพระวาจาของพระเจ้า และมีความเชื่อและไว้วางใจในพระองค์อย่างแท้จริงแล้วปัญหาต่างๆก็จะได้รับการช่วยเหลือจากพระเป็นเจ้า ดังที่ได้มีการเขียนไว้ในพระคัมภีร์ว่า

“ข้าพเจ้ารู้เพียงว่า พระจิตเจ้าทรงเตือนข้าพเจ้าในทุก ๆ เมืองว่า โซ่ตรวนและความยากลำบากกำลังรอข้าพเจ้าอยู่” (กจ.20:23)

"ทุกถ้อยคำในพระคัมภีร์ได้รับการดลใจจากพระเจ้า และมีประโยชน์ เพื่อสั่งสอน ว่ากล่าวตักเตือนให้ปรับปรุงแก้ไขและอบรมให้ดำเนินชีวิตอย่างชอบธรรม  คนของพระเจ้าจะได้เตรียมพร้อมและพร้อมสรรพเพื่อกิจการดีทุกอย่าง"  (2 ทธ.3:16-17)

          นอกจากนี้ยังมีเหตุผลอื่นๆอีกมมากมายที่ยืนยันว่าการอ่านพระคัมภีร์จะช่วยทำให้ชีวิตคริสตชนของท่านดีขึ้น และจะทำให้ท่านได้เจริญชีวิตจิตกับพระเป็นเจ้ามากขึ้น ซึ่งจะทำให้ท่านได้พบกับสันติสุขกับพระเจ้ามากขึ้น จึงควรที่คริสตชนจะได้ให้ความสนใจต่อการอ่านพระคัมภีร์ เพื่อจะได้ให้พระคัมภีร์เป็นแสงสว่างนำชีวิตของตนได้พบกับความรอด

          คริสตชนจึงไม่ควรจะปล่อยเวลาให้ผ่านพ้นไปโดยมิได้อ่านพระคัมภีร์หรืปล่อยให้พระคัมภีร์วางไว้บนชั้นหนังสือหรือในตู้โดยปราศจากการเหลียวแล เช่น คนจำนวนมากกระทำกันอยู่

          จงลุกขึ้น...ไปหยิบพระคัมภีร์มาอ่านเสียในเวลานี้เถิด แล้วท่านจะได้พบว่าชีวิตของท่านช่างมีสันติและความสุขเสียนี่กระไร ทำไมหนอจึงไม่มีใครแนะนำให้เราอ่านพระคัมภีร์ก่อนหน้านี้มานานแล้ว และชีวิตของเราในทุกวันนี้ก็จะดียิ่งกว่านี้มากมายนัก
kamsondeedee.com


การอ่านพระคัมภีร์เป็นเรื่องดีๆจริงๆ และนำพาสิ่งดีเข้ามาในชีวิตจิตของข้าพเจ้าได้ดีเยี่ยม และจะเกิดคำถามกับตัวเองทุกครั้งที่ได้อ่านพระคัมภีร์ว่า ทำไม? เราถึงไม่ใส่ใจการอ่านพระคัมภีร์ให้เร็วกว่านี้ ทำไม?มาอ่านและใส่ใจตอนอายุมากแล้วล่ะ? (เฮ้อเสียดายชีวิตในวัยเยาว์ ที่มัวแต่ไปสาละวนวุ่นวายกับการมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ มากกว่าการใส่ใจการอ่านพระคัมภีร์) แต่พี่น้องเชื่อเถอะว่า ไม่ว่าเราจะมารู้ตัวตอนไหนของช่วงอายุก็ตาม จะไม่มีคำว่าสายสำหรับการเริ่มต้นอ่านพระคัมภีร์ หากท่านได้ลองอ่านตั้งแต่บทแรกๆ ท่านจะอยากติดตามบทต่อๆไป และเนื่อหาสาระนั้นล้วนสามารถนำมาหนุนใจเราในการแก้ไขปรับปรุงตัวเองได้เป็นอย่างดี และเมื่อเราต้องเจอกับปัญหายากๆในชีวิต เราก็จะได้กำลังใจดีๆจากพระคัมภีร์ ที่หนุนใจเราในเรื่องของความเชื่อเสมอ จงวางทุกสิ่งที่เราคิดว่ามันเกินความสามารถและสติปัญญาของเราที่จะแก้ไขได้ จงวางมันไว้ในหัตถ์ของพระเจ้า แล้วทำหน้าที่ในส่วนของเราให้ดีที่สุดเพื่อเป็นการสรรเสริญแด่พระองค์ ในที่นี้ไม่ได้บอกว่าฝากไว้กับพระแล้วเราแค่รอนะคะ เราเองต้องมีความเชื่อ ความศรัทธา หมั่นสวดภาวนา และทำกิจการดีๆอยู่เสมอ คิดดี ทำดี และรอวันที่จะได้ดีนะคะ บางครั้งสิ่งที่เรารออาจจะนานไปสำหรับเรา แต่โปรดรู้ไว้เถิดว่า พระองค์ทรงมีแผนการที่ดีเกินเราคาดหมายไว้ให้เราเสมอ พระองค์ดี และพระองค์ทรงมาทันเวลาเสมอ นี่คือประสบการณ์ตรงจากใจที่ข้าพเจ้าขอฝากไว้ให้กับพี่น้องทุกท่าน

ขอพระเจ้าอวยพรทุกท่านผู้ที่มีความเชื่อ ความรักและวางใจในพระเจ้า
Kc Love God

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ

  พระวจนะของพระเจ้าสำหรับวันนี้ การทรยศ อ่านมัทธิว 26:3 ถึง 27:66 ยูดาสตอบรับการเรียกของพระเยซูให้ติดตามเช่นเดียวกับสาวกคนอื่นๆ เขาออ...